ถนนสู่อาณาจักร – Oukoku e Tsuzuku Michi - ตอนที่ 3 หนี
3 หนี
“เอเกอร์! มาสเตอร์เรียกนายน่ะ! ไวๆเข้า!”
หลังจากการต่อสู้ได้จบลง, ผู้คุมมอบคำสั่งให้ผม, ที่ได้ล้างเลือดจากการต่อสู้ด้วยน้ำ
หลังจากการต่อสู้, พวกเขาปรกติจะใส่โซ่ตรวนเมื่อผมล้างเลือดแต่ดูเหมือนพวกเขาไม่มีเวลาสำหรับสิ่งนั้น
คำสั่งหมูนั้นเป็นสิ่งแน่นอนใน “ที่นี่” ไม่ว่าคุณทำอะไรอยู่คุณควรจะขยับโดยทันที
เขาน่าจะบอกให้ผมใช้เวลากับการต่อสู้, ผมสงสัย
ผมสู้การต่อสู้ของผมอย่างรวดเร็ว, พวกมันปรกติแล้วจะถูกตัดสินโดยการโจมตีครั้งเดียว, หรือการเหวี่ยง 2~3 ครั้งของดาบผม
ในฐานะของบางคนที่อยู่ในธุรกิจความบันเทิง, เขาน่าจะต้องการมันช้ากว่านี้เพื่อเพิ่มช่วงเวลาที่สำคัญ
มันไม่แปลกสำหรับเขาที่จะบ่นเกี่ยวกับอะไรแบบนั้น
“ผมพาเอเกอร์มาแล้วครับ!”
“เข้ามา”
ขึ้นไปที่บันไดที่ยาวที่มันไม่ได้พาไปที่ไหนนอกจากห้องของหมู, พวกเราหยุดตรงหน้าพระตูที่ตกแต่งอ่างพิสดาร
และผู้คุมได้เรียกออกไป
การตอบนั้นมาในทันที, มันดูเหมือนมาสเตอร์หมูได้อยู่ในความรีบ
มี 2 คนอยู่อีกฝั่งของประตู
มาสเตอร์หมูผู้ที่ผมเห็นจนชิน, และผู้หญิงที่แต่งตัวฉูดฉาดอายุ 30ปลาย
กลิ่นน้ำหอมที่ฉุนและกระโปรงที่สะบัดที่เธอใส่ไม่ได้เหมาะกับ “ที่นี่” อย่างแน่นอน
“เอเกอร์! นี่คือบารอนเนส เมดิเร! มาทักทายซิ!”
ผู้คุมก้าวกลับไปที่ประตู
ผู้หญิงน่าจะมีสถานะที่สูงพอ ที่เขาไม่สามารถพูดได้จนกว่าจะได้รับการอนุญาติที่ชัดเจน
เหตุผลที่มาสเตอร์หมูได้อยู่วันนี้น่าจะเพราะผู้หญิงวัยกลางคนคนนี้
“ชั้นเอเกอร์”
“อุฟุฟุ, ชั้นเห็นการต่อสูก่อนหน้า เธอแข็งแกร่ง{มาก}สำหรับเด็ก, ไม่ใช่เหรอ”
ด้วยสีหน้าที่ดูเหมือนจะสง่างาม, แต่ก็ยังเต็มไปด้วยตัณหา, มือของผู้หญิงได้ไต่หน้าอกและท้องของผม
ผมได้อยู่ในชุดปรกติของผม, พูดอีกอย่างคือ, ผมไม่ได้ใส่อะไรนอกจากผ้าเตี่ยว
“ฟุฟุ, เค้ามีกล้ามที่น่าทึ่งนะสำหรับเด็ก”
“ช่างมีเมตตาจริงๆ, ท่านหญิง”
เผชิญหน้ากับคนแบบนี้มันดีที่สุดที่จะพูดอย่างนั้น, นี่คือสิ่งที่ผมเรียนรู้นานมาแล้ว
“บุ่ฮิ๊ฮิ๊, ผมต้องขออภัย, ท่านหญิงเมดิเร, แต่ก่อนจะเล่นกับเขาเราควรมาตกลงเรื่องราคา…”
หมูเรียกเธอด้วยรอยยิ้มที่ผิดปรกติ, และหยาบคายเหมือนเคย
ผู้หญิงคิ้วขมวดเล็กน้อยแล้วตอบ
“ได้, เข้าใจแล้ว ชั้นจะจ่าย 2 ทอง”
“บุ่ฮิ๊! นั่นค่อนข้าง…ไม่เพียงพอ…เอเกอร์เป็นนักสู้ที่เป็นที่นิยมที่สุดของเรา, เราต้องให้เขาพักหลังจากการต่อสู้แต่เรานำเขาออกมาให้มาดามโดยเฉพาะเลย”
แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้ยินบางอย่างเกี่ยวกับพักหลังจากต่อสูนะ
ผมดูถูกในหัวของผม, สั้นๆคือ, ผู้หญิงคนนี้อยากนอนกับผม, เธอต้องมาเพื่อเติมเต็มความใคร่ของเธอ กับผู้ชายที่ยังเลอะเลือดในศึกถึงตาย
“ด้วย 2 ทองชั้นหาโสเภณีชายที่ดีที่สุดได้เลยนะ! จ่ายนั่นสำหรับเจ้าสกปรกนี่…”
“บุ่ฮิ๊ฮิ๊ฮิ๊, ที่คุณพูดมันจริงแน่นอน, ท่านหญิง, แต่ไม่มีโสเภณีคนไหนที่จะหยาบเท่ากับคนนี้ที่นี่”
ผมได้ยินคำว่า ‘เหรียญทอง’ และ ‘เหรียญเงิน’ หลายครั้ง, แต่ผมสงสัยว่ามันมีมูลค่าแค่ไหน
ผมไม่รู้อะไรนอกเหนือจาก “ที่นี่” ดังนั้นมันแน่นอนที่ผมไม่รู้ค่าของเหรีญทอง
ถ้าสองเหรียญทองได้ขนมปังชิ้นนึงงั้นมันแน่นอนว่าผมจะรู้สึกหงุดหงิด
ขณะที่ผมคิดถึงสิ่งแบบนั้นหมูได้เรียกผม, เหตุผลน่าจะเป็นเพราะเขาคิดว่าการเจรจาไม่ไปไหนใกล้การตัดสินเลย
“เอเกอร์! แก้ผ้าซะ! และนาย! นายลงไปแล้วเอาดาบที่เค้าเพิ่งใช้มา! เล่มที่ยังมีเลือดติดอยู่กับมัน!”
มันดูเหมือนผู้หญิงคนนี่ชอบผู้ชายป่าเถื่อน
ผมนำผ้าเตี่ยวออกโดยไม่บ่น, จริงๆแล้ว ผมไม่เคยคิดมาก่อนว่าการเปลือยเป็นบางอย่างที่ผมสมควรจะอาย
เมื่อผมถอดผ้าเตี่ยว ตาของผู้หญิงได้ร้อนรุ่ม
“บุ่ฮิ๊ฮิ๊ฮิ๊, เป็นยังไงเมดิเร-ซามะ? เค้ายังไม่โตแต่เค้ามีค่อนข้างหนา”
“เด็กชายที่ยังเล็กขนาดนี้, มีบางอย่างที่ใหญ่ขนาดนี้…”
บุ่ฮฮิ๊, ยังไงก็ตาม, เพิ่งได้ออกมาจากการต่อสู้ อารมณ์ของเขายังเดือดดาลอยู่, การยับยั้งของเค้าเลยหลวมนิดหน่อยเค้าอาจจะไร้อารยธรรมนิดหน่อย, ดังนั้นโปรดอภัยให้เค้าด้วย”
“หยาบ, ไร้อารยธรรม, หือห์…”
ผู้หญิงเข้าหาผม, และลูบไล้สมาชิกของผมอย่างออนโยน
ผู้หญิงคนนี้ไม่ได้อยู่ในความชอบของผมเลยซักนิด, แต่การถูกกระตุ้นระหว่างที่เลือดยังเดือดดาลอยู่, สัญชาติญานผมบานออก, และของของผมยืดชูชัน
ขณะที่ของผมได้แข็งด้วยมือเธอ, ผู้หญิง {เมดิเร} นี้จ้อง, เพ้อจากความเร้าอารมณ์ของเธอ
เธอน่าจะจินตนาการ {นี่} ไปกระตุ้นข้างในของเธอ
“แต่ 10 เหรียญยังน่าจะมากไป, ใช่”
มันดูเหมือนมาสเตอร์ได้ยกราคาผมขึ้นเป็น 10 เหรียญทอง
เธอบ่น, แต่มือของเธอไม่หยุดลูบคลำสมาชิกของผม
ถ้าเธอไม่หยุดโดยเร็วน้ำว่าวจะเล็ดออกมา
ทันทีนั้นได้มีเสียงเคาะประตูและผู้คุมคนหนึ่งได้เข้ามา
เขาได้ถือดาบที่ผมใช่ในการสู้ก่อนหน้านี้อยู่ในมือของเขา, มันยังเลอะไปด้วยเลือดและเครื่องในของสองคน
“ผมนำดาบที่สั่งมาแล้วครับ”
“บุฮิ๊, โอเค, เอเกอร์, หยิบดาบไปแล้วโพสท่า โชว์ตัวให้ท่านหญิงดูซิ”
เห็นสภาวะของผู้หญิง, เขาออกคำสั่งกับผมเพื่อกระตุ้นความกิเลสที่ผิดปรกติของเธอ, น่าจะพยายามดันเธออีกหน่อย
แต่ผู้คุมลังเลที่จะมอบดาบให้ผม
เหตุผลคือมันไม่มีโซ่ตรวนมือ หรือโซ่ตรวนเท้าบนผมตอนนี้
นี่มันจะ {สนุก}
“บุ่เฮี้ยว, 《มึงทำอะไรอยู่วะ! ไอ้สมองทึบ! ตัดสินใจไม่ได้หรอไง! มึงอยากจะให้เมดิเร-ซามะรอเหรอ!?》”
มาสเตอร์ขึ้นเสียงในความโมโห
มันอันตรายแต่ผู้คุมสองคนใส่เกราะหนังและถือหอก
เอเกอร์ที่เปลือยเปล่าจริงๆน่าจะไม่สามารถต่อต้านพวกเขาได้, มากกว่านั้น, ถ้าพวกเขาทำให้มาสเตอร์โมโหมากกว่านี้ เขาจะลดเงินเดือนของพวกเขา
ถ้ามันเกิดขึ้นมันจะยากที่จะระเริงกับเวลาว่างลับๆของพวกเขาที่เป็นการข่มขืนเด็กสาว
“ครับ, เราขออภัยอย่างสูงครับ! เอเกอร์, เอานี่ไป”
หนึ่งในผู้คุมยื่นดาบให้เอเกอร์แต่ในทันที่ที่เขาจะถอยหลังไป…
เลือดได้พุ่งอยู่ในอากาศ
ด้วยสีหน้าที่ยังงง, หัวของเขาหล่นลงที่พื้น
*เฟี้ยว*
ถ้าผมต้องอธิบายเสียวมันน่าจะเป็นบางอย่างแบบนั้น
เสียงที่เบาอย่างคาดไม่ถึงสำหรับเสียงที่คร่าชีวิตมนุษย์คนหนึ่ง
“เอ๋?” “บุ่ฮิ๊” “อุกยู๊”
ทั้งสามคนส่งเสียงในเวลาเดียวกัน
น่าจะไม่ได้ตั้งใจ, คนเดียวที่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นมีแค่ผมคนเดียว
สถานการณ์เปลี่ยนอีกครั้งก่อนพวกเขาจะเข้าใจว่าอะไรเกิดขึ้น
หลังจากที่ผมฆ่าผู้คุมด้วยการฟันไปใต้คาง, ผมฟันผู้คุมอีกคนด้วยการเหวี่ยงด้านหลังในแนวทแยงจากไหล่ของเขา
เกราะหนังที่เขาใส่จะไม่สำคัญแม้แต่เล็กน้อย
“บุ่โฮ๊ะ! แก! บุ่ฮิ๊ฮิ๊”
“ไม่….《ไมมมมม่》!!”
มาสเตอร์หมูที่ในที่สุดก็เข้าใจว่าอะไรเกิดขึ้นได้พูดติดอ่างบางอย่าง
ผู้หญิงเริ่มกรีดร้องแต่ผมแทงดาบเข้าไปผ่านอกของเธอ
จากนั้นเธอหยุดกรีดร้อง
ตัวของผู้หญิงถูกโยนไปที่ลิ้นชักด้วยกำลัง, ขณะที่ผมดึงดาบออกเธออ้วกเป็นเลือดแล้วหล่นไปข้างหน้า
มันไม่มีภัยอะไรอีกแล้ว
มันแน่นอน, ระหว่างผู้คุมที่ไม่ทำอะไรนอกจากทรมานเด็กสาวและผมผู้ที่ผ่านสถานการณ์อยู่หรือตายทุกวัน, เมื่อทั้งสองได้มีอาวุธที่เท่าเทียมกัน งั้นมันไม่มีทางที่ผมจะแพ้
“แก…บุ่ฮิ๊…ทำไม…《ทำไม》…บุ่เฮี้ยว…เป็นไปไม่ได้!!”
ผมได้หยิบดาบผมอย่างช้าๆแล้วมุ่งหน้าไปหามาสเตอร์หมู
“ทำไม! ทำไมนายทำอย่างนี้? นายทีอะไรกับชั้นเหรอ?”
ป้องกันตัวผมจากน้ำลายที่ออกมาจากปากของหมู, ผมเริ่มพูด
“ม่ายอ่ะ, ชั้นไม่มีอะไรกับแก”
“งั้นทำไม? 《ทำไม》!?”
“ชั้นแค่อยากลองมัน”
ชั่วเวลาได้หยุด
“นาย….พูด…อะไร…นะ?”
“ชั้นได้สงสัย, ตอนนี้ชั้นได้ดาบแล้วไม่มีโซ่ตรวนมือหรือเท้า, ว่าชั้นฆ่าทุกคนที่นี่ได้มั้ย”
ผมได้ตอบคำถามของมาสเตอร์หมูต่อ
“มันได้ผุดมาในหัวเมื่อกี้นี้: ‘ชั้นสงสัยว่าชั้นฆ่าคนพวกนี้แล้วไปของนอก’”
“แกเป็นไอโง่เหรอ? มีคนติดอาวุธมากมายอยู่ข้างนอก! แน่นอนว่าพวกเค้าจะฆ่าแกถ้าพวกเค้าเจอแก!”
ขณะที่ผมฟังหมู ใจผมได้เย็นขึ้น
“นั่นอาจจะจริง แต่ก็, อาจจะไม่”
ผมได้ยิ้มอย่างไม่ตั้งใจ
ผมไม่รู้ว่าผมจะออกไปข้างนอกแล้วมีความสุขหรือเปล่า, หรือผมจะดื่มด่ำกับการต่อสู้ถึงตายอีกครั้งที่นี่
“มันก็เหมือนปรกติ ชั้นสู้แล้วถ้าชั้นชนะ ชั้นก็แค่ทำใหม่อีกครั้ง”
ตาผมสบกับมาสเตอร์หมู
“ฮฮฮิ๊!!”
“แต่ครั้งนี้ดูเหมือนว่าชั้นไปข้างนอกได้ถ้าชั้นชนะ”
มาสเตอร์กรีดร้องออกมา
ผมน่าจะยิ้มอย่างโคตรดีตอนนี้
มันเป็นความเพลิดเพลินที่เรียบง่าย
ถ้าผมทำได้ดีผมอาจจะสามารถไปข้างนอกได้
ผมอาจจะเจอสิ่งที่น่าสนใจมากกว่านี้ข้างนอก
ผมอาจจะตายถ้าผมพลาด, แต่นั่นมันก็เหมือนปรกติ
ผมหันหลังกลับจากมาสเตอร์หมูและแกะเกราะของผู้คุมที่ผมฟันคอออก
ผมแกะชุดเกราะ, และใส่เสื้อที่พวกเขาใส่ข้างใน
ผมอาจจะเพิ่มโอกาสที่ผมจะรอดชีวิตได้เช่นกัน
เกราะไม่พอดีกับผมเพราะความสูงต่างกัน, แต่ผมตัดส่วนกางเกงออกนิดหน่อยและให้มันพอดีกับผม
มันเป็นครั้งแรกที่ผมใส่เกราะหนัง, มันมีปัญหาแต่ผมก็ใส่มันอยู่ดี
ข้าขยับไม่ได้
เขายืนอยู่ระหว่างข้าและประตู, ถ้าข้าเรียกบางคนเขาจะฆ่าข้า
เขาได้แสดงหลังที่ไร้การป้องกันให้ข้า, แต่อ้วนขนาดนี้, ข้าคิดว่ามันไม่มีทางที่ข้าจะโจมตีเขาและชนะได้ ไม่ว่ายังไง
แม้เมื่อข้ากระทำชำเราเด็กสาวที่นี่ข้าให้พวกมันถูกมัด, ข้าสงบใจไม่ได้นอกจากข้าจะทำ
จากนั้นข้าได้สังเกตุสิ่งที่มีความหวัง
เขาไม่ฆ่าข้า, ที่ควรจะเป็นคนที่เขาโกรธเคืองมากที่สุด
แม้เมื่อเขาฆ่าเลดี้เมดิเร
“เออ! ชั้นใส่ได้แล้ว! แต่มันน่าปวดหัวจริง, ขนาดมันก็ผิดด้วย”
เขาอยู่ที่นี่ตั้งแต่เขายังเป็นเด็กอ่อน, ดังนั้นเขาควรจะไม่มีความรู้โลกภาคนอกใดๆเลย
ถ้าข้าทำให้เขาใจเย็นต่อไปได้ข้าอาจจะได้เก็บชึวิตของข้า
เมื่อเขาใส่ชุดเกราะเสร็จ, จับดาบด้วยมือขวาของเขา และหอกของผู้คุมในมือซ้าย, เขาส่งสายตามาที่ข้า
“ยังไงซะ, นายรู้มั้ย, ชั้นเข้าใจถ้านายอยากเห็นโลกภายนอก นายควรจะแค้นชั้นแต่นายไม่ฆ่าชั้น ชั้นเลยคิดว่านายยังมีความเห็นอกเห็นใจต่อมาสเตอร์ของนายอยู่, ชั้นว่าชั้นตอบแทนสิ่งนั้นได้”
ข้าได้ใส่รอยยิ้มคนรับใช้ทางธุรกิจที่ชั้นฝึกมาเพื่อใช้กับขุนนาง
“ถ้านายปล่อยชั้นไว้ที่ที่นี้, ชั้นจะเงียบซักพัก, มันจะง่ายกว่าที่นายจะหนีไปแบบนั้น, ใช่มั้ย?”
แต่เขาได้ทรยศความคาดหวังข้าทันที
“แค้น? นายคิดบางอย่างผิดไปแล้วนี่”
ใช่, ข้าดูเเหมือนจะเข้าใจพื้นฐานผิดและมันถึงชีวิต
“ชั้นไม่มีความแค้นกับนายรู้มั้ย์ ชั้นไม่ได้คิดว่านายเป็นมาสเตอร์ของชั้นด้วย”
“บุ่ฮิ๊! งั้นทำไมนายไว้ชีวิตแค่ชั้นล่ะ…”
เด็กชายได้ยิ้มอ่อนๆ
ทันทีที่ข้าเห็นตาเขา, ข้าได้มั่นใจกับความตายของข้า
“นั่นเป็นเพราะนายอ่อนแอที่สุด ชั้นเลยคิดว่ามันสบายที่ชั้นจะปล่อยนายไว้หลังสุด”
นั่นคือทั้งหมด
เพราะข้าเป็นคู่ต่อสู้ที่อ่อนแอที่สุด ข้าเป็นคนสุดท้ายที่เขาจำเป็นต้องจัดการ
*เฟี้ยว*
ข้าได้ยินเสียงแล้วภาพได้หมุนไปรอบๆ
สติของข้าได้เป็นสีดำก่อนข้าจะตกถึงพื้น
ถืออาวุธทั้งสองมือ, ผมเตะประตูเปิดแล้ววิ่งลงบันได
คนแรกที่ผมเห็นขณะที่ผมเตะประตู ผมฟันด้วยดาบ
เขาร้องแล้วหล่นลง และผมเตะเขาลงบันได
ผมวิ่งลงบันได้, และแทงออกไประหว่างชายที่มองขึ้นมาโดยความสงสัยว่าอะไรเกิดขึ้น
ผมได้ดึงหอกออกมาด้วยกำลังจากชายที่กระตุกและหล่นลงไป, แล้ววิ่งไปที่ทางเดินยาว
ผมรู้ว่าทางออกอยู่ไหน, ทุกครั้งที่พวกเขาพาเด็กใหม่ลงมา, แสงจะส่องออกมาจากประตูที่พวกเขาพาเข้ามา
“เฮ้ย! นายทำอะ…《นายทำเหี้ยอะไรวะ》!?”
ดูเหมือนชายได้ดูผมผิดว่าเป็นผู้คุมชั่วครู่เพราะเกราะหนัง, แต่ผมแทงหอกไปที่ท้องของชายที่ชี้หอกออกมาในความตกใจ, เขาได้ถูกโยนอย่างรุนแรงไปที่กำแพงพร้อมกันกับหอก
ผมหยิบดาบของผู้ชายแล้ววิ่งอีกครั้ง
“นาย!! ได้โปรด! ปล่อยเราไป!”
เด็กในห้องขังที่หันหน้าหาทางเดินที่ผมวิ่งได้เรียกออกมาพร้อมกัน
มันมีแค่ไม่กี่คนที่อยู่ที่นี่โตขึ้นแล้วรู้ตัวเหมือนผม
พวกเขาส่วนใหญ่เป็นพวกนั้นที่รู้จากโลกภายนอก, ขอร้องอย่างลนลานเพื่ออิสระภาพของเขา
ผมไม่รู้สึกว่าจะต้องเสียความพยายามไปเพื่อช่วยพวกเขา
ถ้าพวกเขาอยากจะมีชีวิต, ถ้าพวกเขาต้องการบางอย่างพวกเขาควรจะสู้แล้วได้มันมาด้วยตัวเอง
แต่มันอาจจะโอเคถ้าผมแค่ช่วยพวกเขาระหว่างที่ผมวิ่ง
ผมเหวี่ยงดาบและลูกกรงได้ถูกทำลายไปพร้อมกับแม่กุญแจ
ลูกกรงของทั้งสองข้างของทางเดินหล่นลงเหมือนกระดาษ
เด็กได้กระโดดออกมาทันทีแล้ววิ่งไปที่ทางออก
จากกรงที่ไม่อยู่ในทางของผมผมได้ยินเสียงกรีดร้องของความไม่พอใจและการร้องขอ
เหมือนผมจะสน
เริ่มขึ้นแล้ว, ผู้คุมกระโดดออกมาโดยไม่มีแม้แต่เศษเสี้ยวว่าจะซ่อนตัวและเริ่มต่อสู้เวลานั้นและที่นั่น
มีเสียงร้องมาจากเด็ก, จากคนที่ถูกตีด้วยด้ามหอกและหล่นลงไป, และคนที่ต่อต้านและถูกแทง
คุกใต้ดินได้กลายเป็นนรกในความหมายอื่นจากเดิม
เหมือนดอกไม้ที่บานอยู่ในนรก, มีดาบที่ผมได้เหวี่ยง
“ดอรย่าาาา!!”
คนได้กระจายไปกับเสียงตะโกนของผม, พวกเขาได้กระจายเป็นชิ้นๆจริงๆ
ดาบคือมีดทำครัวที่ผ่าคนเป็นชิ้น, หอกของผมและคนที่ถูกแทงอยู่ได้เป็นค้อนมนุษย์
ขณะที่ผู้คุมคนที่สิบได้ถูกฆ่าในพายุแห่งความตายที่ผมร่ายมนตร์, ผมไปที่ประตูไม้ใหญ่ที่หนักที่แสงได้ส่องเข้ามา
ประตูที่ติดกับลูกกรงได้ถูกขยี้ภายในวินาที, เด็กกระโดดออกไปที่แสงกับผมที่เป็นผู้นำ
“นี่คือข้างนอก, หือห์…”
ผมหยุดชั่วครู่
แม้ใต้ดิน, ผมสามารถรู้สึกถึงแสงที่ส่องมาทางหน้าต่าง
แต่สายลมที่อ่อนโยนและแสงอาทิตย์ส่องมาทั้งใบหน้าของผม, และที่กว้างที่ผมสามารถวิ่งด้วยกำลังทั้งหมดและไม่ไปถึงจุดจบ, สิ่งพวกนี้ผมไม่เคยรู้สึกมาก่อนในชีวิต
เด็กวิ่งไปตามใจชอบ, คนที่อยู่ต่อจากพวกเขาไม่มีโอกาสจะกังวลว่าพวกเขาจะวิ่งไปที่ไหน
มันไม่มีสัญญาว่าจะมีใครตามมาจากข้างหลัง, พวกเขาทั้งหมดน่าจะถูกฆ่าแล้ว
“อะไร!? หือห์” “ฆ, ฆาตกร!”
ผู้คนที่รายล้อมทางออกได้อยู่ในความโกลาหลกับกลุ่มคนมีเลือดที่ได้ออกมา
คาดไม่ถึง, ที่นี่เป็นสถานที่ที่มันสร้างอยู่ในที่ที่เต็มไปด้วยผู้คน น่าจะเพราะมันสร้างเพื่อการแสดง
“ยาม!! เรียกยามมา!!”
เด็กที่ได้ยินนั่นเริ่มวิ่งด้วยกำลังมั้งหมด, ผมที่ไม่เข้าใจอะไรเลย, แต่ก็เริ่มวิ่งด้วย ไปจนถึงที่ที่ไม่มีคน
ผมใช้พลังนั้นหมดในการหนี
แต่มันไม่เหมือนว่ามันมีอะไรที่ผมอยากทำข้างนอก
มันไม่มีอะไรนอกจากเพียงความสงสัยที่นำผมให้ออกมาสู่ภายนอก
ผมควรจะหาอะไรบางอย่างไม่เร็วก็ช้า
ผมรู้ดีถึงความไม่รู้เรื่องของผม
งั้นผมจะมอบร่างของผม
ถ้าผมวิ่งไปต่อไปทางนี้ ผมต้องเจอบางอย่างที่น่าสนใจแน่
สนับสนุนผลงาน โดเนทได้ที่
067-3-63958-5
กสิกรไทย
แปลโดย: wayuwayu
ติดตามได้ที่ดิสคอทส่งข้อความมาขอได้ที่ facebook: “wayuwayu แปล”
pdfไว้อ่านตอนกลางคืน สปอนเซอร์ตอน จองตอน ได้ทั้ง facebook และ discord