ทรราชตัวน้อย ไม่อยากพบจุดจบแบบ BAD END - บทที่ 18: เจ้าหนีจากข้าไม่ได้หรอก
บทที่ 18: เจ้าหนีจากข้าไม่ได้หรอก
ตลอดชีวิตที่ผ่านมาเก้าปีของนอร่า นี่เป็นครั้งแรกที่เธอรู้สึกปรารถนาอยากจะครอบครองบางสิ่งอย่างแรงกล้าถึงขนาดนี้
ภายในห้องรับรองเด็กสาวที่วางเท้าข้างหนึ่งระหว่างต้นขาของโรเอลพร้อมกับใช้สายตามองลงมาที่เขาด้วยอำนาจเหนือกว่าอย่างสง่างาม สายตานั้นบอกว่าทุกสรรพสิ่งบนโลกเป็นของเธอ สีแดงระเรื่อบนแก้มและกลิ่นหอมเย้ายวนที่โชยออกมาทำให้ยากที่จะปฏิเสธ
ความงามดุจดั่งทูตสวรรค์ได้ถูกปกคลุมไปด้วยชั้นแห่งความปรารถนาอันเสื่อมทราม ทำให้โรเอลรู้สึกราวกับว่าเขาได้เห็นนอร่าในสภาพที่โตแล้วมายืนอยู่ตรงหน้า แต่ในไม่ช้าเขาก็ผลักมือของนอร่าออก และได้รับอิสรภาพกลับคืนมา
“ธ …เธอกำลังพูดถึงอะไรน่ะ? บอกไปแล้วไม่ใช่เหรอว่าให้เธอออกไปห่าง ๆ ฉัน? ฉันไม่สนใจที่จะมีส่วนเกี่ยวข้องใด ๆ กับเธอทั้งนั้น!” เขาตกใจในการกระทำของเธอและตกใจในตัวเขาด้วยที่เผลอหลงไหลไปชั่วครู่
กลิ่นหอมหวานเล็กน้อยที่ล่องลอยอยู่ในอากาศ ทำให้โรเอลรู้สึกโล่งใจอย่างมาก เพราะมันทำให้เขานึกขึ้นได้ว่านอร่าในตอนนี้ยังเป็นเพียงเด็กสาวตัวเล็ก ๆ หากตรงหน้าเขาในตอนนี้เป็นนอร่าในอนาคตล่ะก็ เขาอาจจะพลาดพลั้งยอมจำนนต่อการล่อลวงของเธอเป็นแน่
พูดตามตรง การเป็น ‘สัตว์เลี้ยง’ ของนอร่าก็ไม่ได้เป็นเรื่องเลวร้ายซะทีเดียว มีไม่กี่คนในทวีปนี้ที่จะสามารถเทียบเคียงกับเธอในเรื่องของอำนาจและความงามได้
ยิ่งไปกว่านั้นแม้ว่านอร่าจะมีนิสัยซาดิสม์ แต่เธอก็ดูแลห่วงใยคนของตัวเองเป็นอย่างดี นอร่าจึงไม่ได้ต่างอะไรมากไปจากพี่สาวที่น่ากลัวและมักจะพูดประโยคแนว ๆ ‘มีเพียงฉันเท่านั้นที่สามารถกลั่นแกล้งนายได้’
แม้แต่ตัวเอกในเกมอาย ออฟ โครนิเคิล เองก็ดูเหมือนจะมีความสุขกับการเป็นสัตว์เลี้ยงของนอร่า
อย่างไรก็ตามการได้เป็นสัตว์เลี้ยงนั้นแตกต่างจาก การเป็นสัตว์เลี้ยงที่ตายแล้วมาก
นอกจากอลิเซียที่เป็นข้อยกเว้นแล้ว ตัวร้ายแบบเขาจะไปเดินเคียงข้างสาว ๆ เป้าหมายในการจีบของตัวเอกได้อย่างไร? หากเขายังทำตามเส้นเนื้อเรื่องแบบเดียวกับโรเอลคนก่อน ไม่ช้าก็เร็วเขาก็จะต้องตกเป็นเป้าหมายที่รุมประชาทัณฑ์ของเหล่าตัวเอกและสาว ๆ แน่!
เป้าหมายของโรเอลในตอนนี้คือการหักเดธแฟล็กทิ้ง อย่างอื่นนอกจากนั้นไม่มีความสำคัญ อะไรเล่าจะไปมีความสำคัญมากกว่าชีวิต?
“เจ้ารู้ทุกอย่างเกี่ยวกับข้า อีกทั้งยังให้คำปรึกษากับข้า แต่ตอนนี้เจ้ากลับพยายามที่จะผลักไสไล่ข้าออกไปเนี่ยนะ?”
นอร่ารู้สึกงุนงงเล็กน้อยกับท่าทีของโรเอล พลางครุ่นคิดสักครู่ก่อนที่จะพูดต่อ
“เจ้าไม่ชอบอะไรเกี่ยวกับข้างั้นเหรอ? ข้าพร้อมที่จะเปลี่ยนให้ได้นะ หรือว่าเจ้ามีอคติต่อตระกูลของข้างั้นเหรอ?”
“ไม่ใช่แบบนั้น มันก็แค่ฉันไม่ได้สนใจเธอก็เท่านั้นเอง อีกอย่างทำไมต้องเป็นฉันด้วยล่ะ”
โรเอลพูดปฏิเสธไปตรง ๆ ทำให้นอร่าเงียบไปครู่หนึ่งก่อนที่เธอจะตอบกลับอย่างใจเย็น
“ข้าก็แค่รู้สึกว่าความคิดของเจ้ามันดูจะอคติเกินไป ถึงเจ้าจะอาจไม่สนใจข้า แต่ก็ใช่ว่าคนอื่น ๆ จะคิดเหมือนกับเจ้า ใครก็ตามที่รู้เรื่องนี้อาจจะสามารถใช้มันเป็นอาวุธเพื่อทำร้ายข้าและตระกูลเซไซต์ได้”
เนื่องจากนอร่าเติบโตขึ้นมาท่ามกลางแวดวงขุนนางที่เปี่ยมไปด้วยการสมรู้ร่วมคิด เธอจึงระแวดระวังเกี่ยวกับข้อมูลที่อาจนำไปใช้ในทางเสีย ๆ หาย ๆ กับเธอได้เป็นพิเศษ
พระเจ้า เด็กสาวคนนี้อายุเก้าขวบจริง ๆ เหรอเนี่ย? พวกขุนนางผู้ดีสอนอะไรให้เด็กสาววัยเท่านี้กันแน่เนี่ย?
การหายใจของโรเอลหยุดลงชั่วขณะ ด้วยแรงกดดันของผู้พิชิตที่แผ่ออกมาจากนอร่า
ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมชะตาชีวิตของโรเอลคนก่อนถึงจบลงด้วยการตายอย่างอเนจอนาถในเกม เมื่อเทียบกับชนชั้นสูงเหล่านี้โรเอลคนเก่าแทบไม่ต่างอะไรไปจากมะเขือยาวหน้าโง่ที่สมองตายเลยสักนิด!
แต่พอได้ครุ่นคิดสักพักโรเอลก็นึกขึ้นได้ว่าคนในโลกนี้ มักจะแต่งงานกันตั้งแต่ตอนอายุ 14 ปี ดังนั้นมันจึงไม่แปลกเท่าไหร่ที่พวกเขาจะโตเร็ว สภาพแวดล้อมเหล่านี้ทำให้เด็ก ๆ ต้องแบกรับความคาดหวังไว้มาก จนทำให้พวกเขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องเติบโตเป็นผู้ใหญ่ไวขึ้น
“เธอไม่มีลูกน้องคนอื่นรึไง? ฉันหมายถึงพวกลูกขุนนางที่ภักดีต่อเธอน่ะ” เขาพยายามหาตัวเลือกใหม่ให้กับเธอ
“ไม่ได้หรอก การปล่อยให้จุดอ่อนของผู้บังคับบัญชาตกไปอยู่ในกำมือของลูกน้องเป็นเรื่องต้องห้ามอย่างยิ่งสำหรับระเบียบการปกครอง นอกจากนี้มันก็ยังเสี่ยงว่าความลับอาจจะรั่วไหลออกไปด้วย” เธอบอกกับเขาไปแบบนั้น
“เดี๋ยวนะ ที่เธอพูดมันไม่สมเหตุสมผลเอาซะเลย ในเมื่อเธอยังไว้ใจพวกเขาไม่ได้ แล้วอะไรที่ทำให้เธอคิดว่าจะไว้ใจฉันได้ล่ะ?”
โรเอลถามด้วยสีหน้าประหลาดใจ
นอร่าวางมือบนแก้ม ไตร่ตรองอย่างลึกซึ้งก่อนที่จะตอบกลับในที่สุด
“ด้วยเหตุผลบางอย่าง ข้าไม่คิดว่าเจ้าจะหักหลังข้า หากตัดเอาความรู้สึกส่วนตัวของข้าออกไป ในฐานะหนึ่งใน 5 ตระกูลขุนนางหลัก เจ้าก็ดูจะไม่ได้ผลประโยชน์อะไรเท่าไหร่จากการเผยแพร่ข่าวลือที่เป็นอันตรายเกี่ยวกับตัวข้า นอกจากนี้ยังมีท่านลุงคาร์เตอร์อยู่อีกด้วย…”
ยิ่งโรเอลตั้งคำถามกับการตัดสินใจของเธอมากเท่าไหร่ นอร่าก็ยิ่งมีความมั่นใจมากขึ้นเท่านั้น นี่ทำให้เด็กชายรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจที่จะดึงเธอออกจากห้วงรถไฟแห่งความคิดที่อันตรายนี้
“เรื่องนั้นเอาไว้ทีหลังเถอะ ก่อนอื่นช่วยเอาเท้าลงก่อนได้รึเปล่า? อีกเดี๋ยวอลิเซียก็คงจะตามมาแล้ว” โรเอลเอ่ยขึ้นอย่างร้อนรน
“โอ้โห! เจ้ากังวลว่า ข้าอาจจะเผลอทำให้ความลับของตนเองรั่วไหลด้วยงั้นเหรอเนี่ย?” เธอเเสร้งทำเป็นประทับใจ
“กังวลอะไรเล่า!”
โรเอลรู้สึกปวดหัวอย่างมากภายใต้แรงกดดันอันไม่หยุดหย่อนของนอร่า เขาจับขาของเธอวางกลับลงบนพื้นห้องนั่งเล่นอย่างมั่นคง
“ข้าสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้มาสักพักหนึ่งแล้ว พอมาลองคิดดูดี ๆ เจ้ารู้ได้อย่างไรเกี่ยวกับนิสัยลับ ๆ ของข้า? เจ้าสามารถอ่านใจคนได้งั้นเหรอ?” นอร่าถามเขาด้วยสีหน้าจริงจัง
“ …”
อ่านใจได้ก็แย่แล้ว! ฉันเพิ่งจะถูกเธอหลอกด้วยซ้ำไป ด้วยไอ้เครื่องจับเท็จบ้า ๆ นั่น ถ้าฉันอ่านใจได้จะไปตกหลุมพรางแบบนั้นได้ยังไงกันเล่า? ฉันเพิ่งรู้ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไรสำหรับเธอ
แม้การตอบโต้ในจิตใจจะรุนแรง แต่โรเอลก็ยังคงสงบนิ่งสุขุมได้อย่างสมบูรณ์แบบ ราวกับว่าสิ่งที่นอร่าพูดถึงเป็นเพียงประเด็นเล็กน้อย
“มันเป็นความลับ…” เขาบอกกับเธออย่างไว้เชิง
“หืม ขนาดนั้นเลยงั้นเหรอ?”
นอร่าจ้องไปที่โรเอล ดวงตาของเธอหรี่ลงด้วยความสนใจ ดวงตาสีไพลินของเด็กสาวดูมีชีวิตชีวามากกว่าตอนที่เธอเดินเข้ามายังห้องรับรองนี้มาก
สมกับเป็นตระกูลของจอมเวท ช่างน่าสนใจเสียจริง
รอยยิ้มอันหาได้ยาก ไร้ซึ่งขีดจำกัดปรากฏขึ้นบนริมฝีปากของเด็กสาว ขณะที่กำลังพยักหน้าอย่างครุ่นคิด เธอเดินกลับไปยังที่นั่งอย่างสง่างาม ประจวบเหมาะกับการมาถึงของอลิเซียพอดี
“ขออภัยด้วยฝ่าบาท ที่ทำให้ท่านต้องรอนาน” อลิเซียเอ่ยกับนอร่าอย่างสุภาพ
“ไม่ต้องกังวลไป นั่งเถอะ ชาของเจ้าเริ่มเย็นแล้ว” เธอตอบรับท่าทีของเด็กสาวอย่างสุภาพเช่นกัน
“เพคะ ขอบพระคุณฝ่าบาท หม่อมฉันพอจะถามเกี่ยวกับบทสนทนาระหว่างฝ่าบาทกับท่านพี่ได้รึเปล่าเพคะ?”
อลิเซียต้องการที่จะตามทันบทสนทนาระหว่างทั้งสอง เธอจึงถามออกมาในทันทีที่นั่งลงบนที่นั่ง คำพูดเหล่านั้นทำให้นอร่าหัวเราะเล็กน้อย
“ก็แค่เรื่องความสนใจของพวกเราน่ะ” นอร่าพูดกับเด็กสาวด้วยรอยยิ้มพร้อมกับปรายตามองไปที่โรเอล
(แต้มความสนใจ +200!)
—————————————
“ตาแก่หน้าโง่ปากแข็ง ทำไมเจ้าไม่เคยเห็นด้วยกับคำแนะนำของข้าเลย!”
“ข้าขอโทษเคน แต่สำหรับเรื่องนี้ ข้าอยากจะขอพิจารณาให้ดีก่อน”
“เฮ้อ! เอาเถอะ มันก็ยังพอมีเวลาเหลืออยู่พอสมควร ข้าจะรออีกสักหน่อยก็ได้”
ชายผมทองร่างสูงกลับไปยังที่นั่งของเขา สีหน้าของเขาแสดงให้เห็นถึงความไม่เต็มใจที่จะปล่อยให้สิ่งต่าง ๆ สงบลงแบบนี้ แต่ทางคาร์เตอร์ผู้นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามเองก็ดูเหมือนจะมีหลายสิ่งหลายอย่างในใจเช่นกัน
เสียงเคาะดังขึ้นจากอีกด้านหนึ่งของประตูห้อง
“ท่านมาร์ควิส องค์หญิง นายน้อย และคนอื่น ๆ กำลังรอท่านอยู่ในห้องโถงเจ้าค่ะ”
“เข้าใจแล้ว”
คาร์เตอร์ดูโล่งใจอย่างเห็นได้ชัดหลังจากที่ได้ยินรายงานของสาวใช้ เขามองไปที่เคนก่อนจะถามอีกทีให้แน่ใจ
“ถ้าอย่างนั้นพวกเราสรุปการอภิปรายไว้เพียงเท่านี้ก่อนดีไหม?”
“เอาแบบนั้นก็ได้ ดูเหมือนว่าพวกเราจะไม่มีทางเลือกอื่น ข้าเองก็ต้องรีบกลับไปที่เมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์ภายในวันพรุ่งนี้ซะด้วยสิ”
เคนส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้พร้อมบ่นเกี่ยวกับการเดินทางอันยาวนานของตน ทั้งสองคนเดินออกมาจากห้องรับรองแขกไปพร้อม ๆ กัน มุ่งหน้าไปยังบันไดกลาง ก่อนที่จะได้เห็นเด็ก ๆ ทั้งสามคุยกันอย่างมีความสุขในห้องโถง
“หืม?”
เมื่อมองเห็นรอยยิ้มอันสดใสบนใบหน้าของนอร่า เคนก็หยุดฝีเท้าของเขาโดยไม่รู้ตัวอย่างสับสน ทำให้คาร์เตอร์ต้องหยุดชะงักลงเช่นกัน
“เป็นอะไรไปรึ เคน?” คาร์เตอร์แปลกใจกับท่าทีของเขา
“ม …ไม่ ไม่มีอะไรหรอก”
เป็นเวลานานมากแล้วที่เคนไม่ได้เห็นรอยยิ้มอันสดใสแบบนี้บนใบหน้าลูกสาวของตน ทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะตกตะลึงไปชั่วขณะ อย่างไรก็ตามเขาก็ได้ปัดมันออกไปจากห้วงความคิดอย่างรวดเร็ว แล้วเดินลงบันไดต่อไป
ทางด้านคาร์เตอร์เองก็สังเกตเห็นได้ว่าเด็ก ๆ นั้นใกล้ชิดกันมากแค่ไหน เขาได้แต่รู้สึกสงสัยเล็กน้อยว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่
ก่อนหน้านี้โรเอลนั้นมีชื่อเสียงในฐานะ ทรราชตัวน้อยในแวดวงขุนนางโดยใช้ประโยชน์จากสถานะอันสูงส่งของบิดา ทำตามใจตัวเอง เป็นผลให้เขาแทบไม่มีเพื่อนเลย
โรเอลจัดการเปลี่ยนแปลงกระทั่งด้านนั้นของตัวเองด้วยงั้นเหรอเนี่ย?
“ข้าทำให้พวกเจ้ารอนานเลยล่ะสิ สุภาพสตรีและสุภาพบุรุษตัวน้อย ดูเหมือนว่าพวกเจ้าจะมีช่วงเวลาอันน่าพอใจร่วมกันใช่รึเปล่า?”
เมื่อคุณพ่อทั้งสองเข้ามาใกล้ ๆ เด็ก ๆ เคนก็ริเริ่มที่จะพูดกับเด็กน้อยทั้งสาม
โรเอลที่รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะหัวล้านจากความเครียดที่ถูกนอร่าจ้องมองในฐานะเหยื่อ เขาหันไปหาเคนทันทีและตอบกลับ
“ขอรับ ฝ่าบาท องค์ชายเคน เป็นเกียรติอย่างยิ่งของพวกเราที่องค์หญิงนอร่าได้เดินทางมาที่นี่ พวกเราได้ใช้เวลาร่วมกันอย่างมีความสุขขอรับ”
คำตอบอย่างเป็นทางการนี้ทำให้เคนประหลาดใจนิดหน่อย คิ้วของนอร่าเองก็ขมวดขึ้นมาเล็กน้อย เมื่อเธอเข้าใจได้อย่างรวดเร็วว่าโรเอลกำลังคิดอะไรอยู่
เจ้าคิดว่าจะใช้มารยาทอันสูงส่งกดดันข้า เพื่อที่จะให้ข้ากลับไปโดยเร็วงั้นเหรอ? เจ้าแน่ใจจริง ๆ เหรอว่ากลอุบายเล็ก ๆ น้อย ๆ นั่นจะได้ผล
เมื่อคิดได้ดังนั้นนอร่าก็เดินออกไปข้างหน้า พร้อมคว้าแขนของโรเอลเอาไว้
“ท่านพ่อ แม้ว่าพวกเราจะเพิ่งเจอกันได้ไม่นาน แต่ข้าก็สนิทสนมกับโรเอลแล้วล่ะค่ะ จากนี้ไปขอให้ข้าได้แวะมาเที่ยวเล่นที่คฤหาสน์ตระกูลแอสคาร์ดเป็นครั้งคราวเพื่อพบปะมิตรสหายได้รึเปล่าคะ?”
นอร่ามองไปยังโรเอลด้วยสายตาอันจริงใจอย่างสุดซึ้ง ทำทีเหมือนกับว่าพวกเขาเป็นเพื่อนสนิทกันจริง ๆ ทำให้ใบหน้าของโรเอลกระตุกเล็กน้อย ขณะเดียวกันอลิเซียก็ดูอึดอัดนิดหน่อยเมื่อเห็นว่าทั้งสองคนดูสนิทสนมกันดี
“โอ้? พวกเจ้าสองคนสนิทกันแล้วงั้นเหรอ? ดูเหมือนลูก ๆ ของพวกเราจะเข้ากันได้ดีกว่าพวกเรามากเลยนะคาร์เตอร์”
เคนกล่าวด้วยรอยยิ้มอันขมขื่นเล็กน้อย ส่วนคาร์เตอร์ก็ดูทำอะไรไม่ถูกเช่นกัน จากนั้นคาร์เตอร์ก็เดินไปข้างหน้ามองไปยังโรเอลด้วยสายตาอันลึกซึ้ง ก่อนจะตอบคำถามของนอร่า
“ตราบเท่าที่ฝ่าบาทต้องการประตูคฤหาสน์ตระกูลแอสคาร์ดของเราก็พร้อมจะเปิดให้ท่านเสมอ”
“วิเศษไปเลยค่ะ ขอบคุณมากค่ะ ท่านลุงคาร์เตอร์”
ราวกับมีน้ำผึ้งอยู่ในน้ำเสียงของนอร่า คำพูดนั้นได้ปัดเป่าบรรยากาศอันหนักอึ้งเล็กน้อยระหว่างผู้ใหญ่ทั้งสองคนให้มลายหายไป ทำให้คาร์เตอร์อดไม่ได้ที่จะหัวเราะเบา ๆ เช่นกัน
ส่วนเคนเองก็เหลือบไปมองแขนที่ควงกันของเด็กน้อยทั้งสอง รอยยิ้มอันอบอุ่นของเขาเองก็ได้ปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าเช่นกัน
จะมีก็แต่โรเอลเพียงคนเดียวที่คัดค้านเรื่องนี้สุดหัวใจ ใบหน้าของเขาเกือบจะเป็นตะคริวจากการกระตุกทั้งหมด หัวใจของเขาเต้นแรงพร้อมกับเสียง ‘ม่ายยยย’ ที่ดังก้องอยู่ในจิตใจ
บ้าเอ้ย ดันโดนแก้เกมซะได้ ท่านลุงคาร์เตอร์อะไรกันเล่า! เราถูกหักหลังชัด ๆ
“มาเถอะนอร่า พวกเราต้องเดินทางกันแล้ว”
ขณะที่โรเอลยังคงหมกมุ่นอยู่กับการพูดคนเดียว เคนก็มองไปที่นาฬิกาของตนก่อนจะเรียกให้ลูกสาวของเขาออกไปด้วยกัน นอร่าจึงได้ปล่อยแขนของโรเอลอย่างไม่เต็มใจพร้อมกล่าวอำลา
“พวกเราจะต้องได้พบกันอีกแน่นอนโรเอล…”
หญิงสาวผมสีทองผู้มีชีวิตชีวากล่าวด้วยรอยยิ้มอันสดใส เธอมองดูเด็กชายผมสีดำตาสีทองด้วยดวงตาอันเปี่ยมล้นไปด้วยความสนใจ ก่อนจะพึมพำครึ่งหลังของประโยคนั้นออกมาเบา ๆ
เจ้าหนีจากข้าไม่ได้หรอก
(แต้มความสนใจ +200!)