ทรราชตัวน้อย ไม่อยากพบจุดจบแบบ BAD END - บทที่ 201: ฉันจะไม่ทำผิดพลาดแบบเดียวกัน
บทที่ 201: ฉันจะไม่ทำผิดพลาดแบบเดียวกัน
นี่เป็นคืนที่โรเอล แอสคาร์ดฝันร้าย
โลกในความฝันของโรเอลนั้นมืดสนิท มีเพียงมหาสมุทรอันไร้ขอบเขต ที่ดวงอาทิตย์ไม่เคยโผล่ขึ้นมา เขาเดินไปบนมหาสมุทรอันไร้ขอบเขตนั้น ด้วยความรู้สึกหมดหนทาง สิ้นหวังและสับสนในใจ
ต่างจากครั้งแรกที่โรเอลได้พบกับกรันด้า และเปตรา ที่เด็กชายถูกนำไปยังจุดหมายปลายทางด้วยสภาพที่มึนงง เขามีสติภายในความฝันนี้ ไม่มีความรู้สึกเชื่องช้ามึนงงใด ๆ ทว่านั่นไม่ได้ทำให้ความฝันนี้น่ารื่นรมย์ ตรงกันข้ามมันกลับทำให้เขารู้สึกแย่กว่ามาก
คำแนะนำของเทพเจ้าโบราณที่ทำให้จิตสำนึกของโรเอลคลุมเครือไม่ชัดเจน แต่นั่นก็เพื่อปกป้องเด็กชายจากการเดินทางอันยาวนานไปสู่จุดหมาย เพื่อไม่ให้เขาถูกความเหนื่อยล้าทางจิตใจรุมเร้าเกินไป ไม่เช่นนั้นโรเอลจะรู้สึกเหน็ดเหนื่อยเมื่อถึงเวลาที่ได้มาปรากฏตัวต่อหน้าพวกเขา
ท่ามกลางความมืดมิด โรเอลเริ่มมองเห็นสิ่งต่าง ๆ รอบตัว เขาไม่แน่ใจเหมือนกันว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แต่เด็กชายนั้นสัมผัสได้ถึงพลังเวทอันคุ้นเคยกระจายอยู่ทั่วพื้นที่ มันมาจากใต้เท้าของเขา ภายในส่วนลึกของมหาสมุทร พลังเวทอันเย็นเฉียบของผู้สร้างธารน้ำแข็ง
ราวกับว่ามันมีชีวิตเป็นของตัวเอง โรเอลรู้สึกราวกับว่าพลังเวทนั้นกำลังโบกมือให้เขา กวักมือเรียกเขา เด็กชายตรวจดูสภาพแวดล้อมรอบ ๆ อย่างลังเล และเมื่อยืนยันได้แล้วว่าไม่มีสิ่งใดอยู่รอบ ๆ ตัว ในที่สุดเขาก็ดำดิ่งลงสู่มหาสมุทร
น่าแปลกที่โรเอลไม่ได้รู้สึกหายใจไม่ออกในน้ำอันดำมืดนี้
เด็กชายเห็นแสงสีจาง ๆ ส่องมาจากเบื้องล่าง มันเป็นแสงสีน้ำเงินเล็ก ๆ ท่ามกลางโลกสีดำอันซ้ำซากจำเจ อยู่ที่ส่วนลึกลงไปในมหาสมุทร มันมาจากก้อนน้ำแข็ง ก้อนน้ำแข็งที่ดูเหมือนจะมีชีวิตลอยขึ้นมาหาโรเอล เข้าไปในอ้อมกอดของเขา ราวกับถูกดึงดูดเข้ามาหาเขา
มันเป็นความรู้สึกเหมือนลูกนกที่ได้กลับมาสู่รัง ทั้งดีใจและโล่งใจ แม้จะขาดการสื่อสาร แต่โรเอลก็ยังสัมผัสได้ถึงอารมณ์ของมัน ก้อนน้ำแข็งได้ซึมซับลงไปในร่างกายของเด็กชาย จากนั้นน้ำรอบ ๆ ตัวของเขาก็ค่อย ๆ สว่างเป็นสีน้ำเงิน ตามสัญชาตญาณ โรเอลรู้ได้ทันทีว่ามันถึงเวลาแล้วที่เขาจะต้องไป
ทว่าท่ามกลางบรรยากาศอันกลมกลืนกันนี้ จู่ ๆ แรงกดดันมหาศาลก็กดลงทับร่างของเขา ทำให้รู้สึกราวกับว่าร่างกายถูกอะไรบางอย่างแทง เด็กชายรู้สึกขนลุกซู่ไปทั้งตัว
ร่างกายของโรเอลสั่นพ้อง ราวกับระฆังได้ถูกสั่นขึ้นในใจของเขา เด็กชายมองออกไปในระยะไกล ก่อนจะต้องหดตัวลงด้วยความสยดสยอง
ดวงตาคู่หนึ่งจ้องมองมาที่เขา แล้วจึงหายวับไปในพริบตา
…
“อ๊าก!”
“ที่รัก?”
ภายในห้องนอนของสวนร้อยปักษา โรเอลที่กำลังหลับไหลพุ่งตัวตื่นขึ้นมาด้วยเสียงร้องโหยหวน หอบหายใจอย่างร้อนรน หลังของเขาเปียกโชกไปหมด สภาพของเด็กชายทำให้ชาร์ล็อตที่นอนอยู่ข้าง ๆ เขาตกใจ
ชาร์ล็อตลุกขึ้นจากเตียงอย่างรวดเร็ว สำรวจร่างกายของเด็กชายที่ยังคงจ้องมองไปข้างหน้าอย่างว่างเปล่า ดวงตาที่เบิกกว้างไปด้วยความตกใจ หลังจากยืนยันว่าสภาพร่างกายของเขาเป็นปกติ เธอก็ถอนหายใจออกมา เด็กสาวโน้มตัวลงไปข้างหน้าเล็กน้อย เอามือคล้องคอของโรเอลดึงเขาเข้ามากอดเพื่อปลอบโยน
“ที่รัก เจ้าฝันร้ายงั้นเหรอ?”
“ฮ่าฮ่าฮ่า น่าจะเป็นแบบนั้น…ล่ะมั้ง…”
“ทุกอย่างเรียบร้อยดี ไม่มีอะไรต้องกลัว ตอนนี้มันจบลงแล้ว”
“… อืม”
เมื่อรู้สึกถึงความอบอุ่นที่มาจากชาร์ล็อต ดวงตาของโรเอลก็กวาดมองไปรอบ ๆ ห้องอย่างประหม่า ลมหายใจของเขาจะค่อย ๆ สงบลง สภาพที่สั่นคลอนของเขา ได้กระตุ้นความปรารถนาของชาร์ล็อตที่อยากจะปกป้องคนสำคัญ เธอกระชับแขนรอบ ๆ ตัวโรเอล แล้วจึงเริ่มพูดเพื่อหันเหความสนใจของเขาออกมาจากฝันร้าย
“น่าประหลาดใจจริง ๆ ข้าไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะได้เห็นสีหน้านี้ของเจ้า”
“… หมายถึงสีหน้าแบบไหนกัน?”
“สีหน้าหวาดกลัว เจ้าไม่เคยแสดงมันออกมาเลย แม้ว่าพวกเราจะผ่านความเป็นความตายมามากมายที่กองเรือทองคำ แต่ข้าก็ไม่เคยคิดว่าจะเห็นด้านนี้ของเจ้า”
“… มันเป็นเรื่องปกติไม่ใช่รึไง ที่คนเราจะกลัวฝันร้ายน่ะ?”
โรเอลโต้เถียงอย่างขุ่นเคืองภายในอ้อมแขนของชาร์ล็อต ทำให้รอยยิ้มบนใบหน้าของเด็กสาวยิ่งมีความสุขมากขึ้น เธอเอื้อมมือไปลูบผมสีดำของเขาพร้อมบ่นเบา ๆ
“อา จำได้แล้ว ข้าคิดว่ามีอยู่ครั้งหนึ่งที่ข้าได้เห็นความกลัวในดวงตาของเจ้า ตอนนั้นที่สัตว์ประหลาดสีขาวเกือบจะฆ่าข้าข้างในเรือ ตอนนั้นเจ้ากลัวมากใช่ไหม?”
“… ใช่”
โรเอลลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้า
“… ฉันเกือบไปไม่ทัน ตอนนั้นฉันกลัวมากจริง ๆ”
“เห ข้ามีความหมายกับเจ้ามากขนาดนั้นเลยงั้นเหรอเนี่ย?”
“…”
เมื่อต้องเผชิญกับคำล้อเลียนของชาร์ล็อต โรเอลก็เบือนหน้าที่แดงก่ำของตนไปทางอื่นเงียบ ๆ ทำให้เด็กสาวขบขันกับท่าทีของเขามากขึ้น
ช่างน่าเอ็นดูจริง ๆ!
“ฉ…ฉันสัญญากับพี่สาวอิซาเบลลาไว้ว่าจะปกป้องเธอ นอกจากนี้หากมีอะไรเกิดขึ้นกับเธอในตอนนั้นล่ะก็ ตระกูลแอสคาร์ดของฉันคงลำบากแย่”
“โฮ่? แล้วทำไมเจ้าถึงตามล่าเจ้าสัตว์ประหลาดนั่นหลังจากที่ไล่มันไปแล้วกันล่ะ? ไม่ใช่เพราะว่าเจ้าโกรธที่มันเกือบฆ่าข้างั้นเหรอ?”
“… ฉันก็แค่ทำให้แน่ใจเฉย ๆ ”
“หวา ๆๆๆ! ได้เลยที่รัก ข้าจะเชื่อเจ้า”
“ชิ”
ชาร์ล็อตโน้มตัวเข้ามาใกล้ ๆ ลูบแก้มของโรเอลด้วยแก้มของเธออย่างสนิทสนม ทำให้เด็กชายเดาะลิ้นด้วยความเขินอาย ทั้งสองกอดกันอยู่นานก่อนที่ชาร์ล็อตจะพูดขึ้นมา
“ขอบคุณมาก”
“… ไม่เป็นไร มันเป็นสิ่งที่ฉันควรจะทำอยู่แล้ว”
เมื่อรู้ว่าแนวป้องกันรอบ ๆ หัวใจของตนกำลังพังทลายลง โรเอลก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ มันอาจจะไม่นานนักนับตั้งแต่ที่เขาได้รู้จักกับชาร์ล็อต แต่ยิ่งพวกเขาใช้เวลาร่วมกันมากขึ้นเท่าไหร่ โรเอลก็เริ่มจำนนต่อเสน่ห์ของเธอมากขึ้นเท่านั้น
“ที่รัก ตอนนี้เจ้ารู้สึกดีขึ้นรึยัง?”
“อืม? อ่า ใช่ ตอนนี้ฉันรู้สึกดีขึ้นมากแล้ว แต่ว่า… ฉันรู้สึกแปลก ๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้”
“ยังไงเหรอ?”
“ฉันรู้สึกว่ามันไม่ได้เป็นแค่ฝันร้าย”
ทันทีที่โรเอลนึกย้อนกลับไปถึงฝันร้าย มือของเขาก็ขยับเข้าใกล้ร่างกายอันสั่นเทิ้มมากขึ้น เขายังจดจำมันได้เป็นอย่างดี แรงกดดันมหาศาลจากสายตาคู่นั้นที่จ้องมองมายังเขา และความกลัวที่พวยพุ่งขึ้นมา โรเอลเคยได้ยินทฤษฎีต่าง ๆ มาในอดีตชาติ ว่าความฝันนั้นมักจะมีรากฐานมาจากการเผชิญหน้าในชีวิตจริง แต่ฝันร้ายที่เขาเผชิญนั้น อธิบายได้ยาก มันไม่เหมือนกับสิ่งที่เขาเคยเจอมาก่อนเลยสักนิด
นอกจากนี้ เนื้อหาในความฝันของโรเอลยัง…
“เจ้าสามารถควบคุมผู้สร้างธารน้ำแข็งได้ แต่แล้วก็ถูกดวงตาประหลาดคู่หนึ่งจ้องมองมางั้นเหรอ?”
“ใช่ ประมาณนั้นแหละ”
“เดี๋ยวก่อนนะ หรือว่านั่น… อาจจะเป็น… มารดาแห่งเทพธิดา?”
“…”
โรเอลเงียบทันทีที่ได้ยินคำถามของชาร์ล็อต ทำให้ดวงตาของเด็กสาวเบิกกว้างขึ้น ใบหน้าของเธอค่อย ๆ ซีดลง เมื่อตระหนักได้ถึงความหมายของเรื่องนี้
มันไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ ที่จะต้องตกอยู่ภายใต้การจับตามองของเทพเจ้า มันมักจะถือเป็นลางร้ายมา ตั้งแต่สมัยโบราณ ความกลัวที่ยิ่งใหญ่ที่สุดอย่างหนึ่งของเหล่าผู้มีพลังเหนือธรรมชาติก็คือการดึงดูดความสนใจของเทพเจ้า และจบลงที่ต้องกลายเป็นหุ่นเชิดของพวกเขาในท้ายที่สุด นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมพวกเขาถึงต้องเลือกใช้ชีวิตอย่างระมัดระวัง ไม่ไปรุกรานขอบเขตของเทพเจ้า … ทว่าโรเอลนั้นได้ซึมซับพลังของหนึ่งในทูตของเทพเจ้าเข้าไปแล้ว!
ชาร์ล็อตรู้สึกอึดอัดใจอย่างมาก เมื่อได้รู้เรื่องนี้ โรเอลจึงรีบคว้ามือของเธอมาเพื่อปลอบโยน
“มันก็เป็นแค่การคาดเดาน่า เธอไม่จำเป็นจะต้องกังวลจนเกินไปเกี่ยวกับเรื่องนี้ มันอาจจะเป็นแค่ฝันร้ายธรรมดา ๆ ก็ได้”
“แต่…”
“อย่ากังวลไปเลย ต่อให้มันเป็นมากกว่าฝันร้าย สถานการณ์มันก็ยังไม่ได้เลวร้ายถึงขนาดนั้น”
โรเอลตกลงไปในห้วงความคิด นี่ก็ผ่านมาเป็นเวลากว่าหนึ่งเดือนแล้วที่เขาได้ซึมซับพลังของผู้สร้างธารน้ำแข็งเข้ามา นี่เป็นครั้งแรกที่มีเหตุร้ายเล็กน้อยเกิดขึ้น ดังนั้นมันจึงไม่ฉลาดเท่าไหร่ที่จะสรุปในทันที นอกจากนี้พวกเขายังมีข้อมูลไม่เพียงพอที่จะสรุปว่าดวงตาอันทรงพลังนั้นเป็นของมารดาแห่งเทพธิดา
แม้ว่านั่นจะเป็นมารดาแห่งเทพธิดาจริง ๆ แต่มันก็ไม่ใช่สาเหตุใหญ่ที่น่าเป็นห่วง ตามตำนานกล่าวไว้ว่าผ่านมานานแล้วนับตั้งแต่ที่เธอสูญสลายไป แม้ว่าตอนนี้จะดูเหมือนเธอเพียงแค่หลับไปชั่วนิรันดร์ แต่ไม่ว่าจะเป็นกรณีใด ตราบใดที่เธอไม่สามารถเข้ามายุ่งเกี่ยวกับความเป็นจริงในปัจจุบันได้ ภัยคุกคามที่มารดาแห่งเทพธิดามีก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่
นี่อาจจะเป็นเพียงการมองโลกในแง่ดี แต่ดังที่มีคนเคยกล่าวไว้ว่า ‘จงหวังถึงสิ่งดีที่สุด แต่จงเตรียมพร้อมสำหรับสิ่งที่เลวร้ายที่สุด’ แน่นอนว่าโรเอลต้องเตรียมการเกี่ยวกับเรื่องนี้ในกรณีที่เลวร้ายที่สุดเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ตอนนี้มันไม่มีประโยชน์อะไรที่เขาจะมากังวลถึงเรื่องนี้
เดี๋ยวนะ หรือนี่อาจเป็นเหตุผลที่กรันด้าบอกไม่ให้เราซึมซับผู้สร้างธารน้ำแข็งเข้ามา?
ความเป็นไปได้มากมายผุดขึ้นในใจของโรเอล เด็กชายรู้สึกว่ามีความจำเป็นจริง ๆ ที่เขาจะต้องไปพบกับสหายของเขา และพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องนี้
“ข้าขอโทษนะ โรเอล ถ้าไม่ใช่เพราะข้าล่ะก็ เจ้าก็คงไม่ต้องตกอยู่ในสภาพแบบนี้…”
เสียงอันเศร้าสร้อยดังขึ้นในหูของโรเอล ทำให้เขาหลุดจากห้วงความคิด เด็กชายรีบหันศีรษะไปด้วยความประหลาดใจ น้ำตาเอ่อล้นออกมาจากดวงตาของชาร์ล็อต ด้วยเหตุผลบางอย่างมันทำให้โรเอลรู้สึกเจ็บปวดในใจ เขาจึงรีบเข้าไปปลอบเธอ
“พูดอะไรไร้สาระน่า? มันไม่เกี่ยวกับเธอซะหน่อย มันเป็นเพราะฉันดูดซับพลังของผู้สร้างธารน้ำแข็งเข้าไปเพื่อยกระดับสายเลือดของฉันด้วยตัวเองต่างหาก”
“แต่… ถ้าไม่ใช่เพราะข้าล่ะก็ เจ้าก็คงจะไม่ต้องเจอสัตว์ประหลาดนั่นตั้งแต่แรก”
“ฉันเจอสัตว์ประหลาดตัวนั้นเพราะความสามารถทางสายเลือดของฉัน เธอลืมไปเหรอว่า พี่สาวอิซาเบลลาหมั้นกับวินสเตอร์บรรพบุรุษของฉัน ต่อให้เธอไม่ได้ขอให้ฉันค้นหามรดกของกองเรือทองคำด้วยกัน ฉันก็ต้องสอบสวนเรื่องนี้ต่อไปด้วยตัวเอง ตามรอยเท้าของวินสเตอร์ไปอยู่ดี ชะตากรรมของฉันถูกผูกเอาไว้กับหกภัยพิบัติ มันไม่ใช่ความผิดของเธอ ฟังฉันนะ หยุดคิดมากได้แล้ว”
โรเอลเช็ดน้ำตาออกจากดวงตาของชาร์ล็อตพลางพูดไปด้วย จากนั้นเด็กสาวผมสีน้ำตาลแดงก็พยักหน้าเบา ๆ แล้วกอดเขาแน่นยิ่งขึ้นไปอีก ทั้งคู่เงียบอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่ชาร์ล็อตจะเริ่มถามคำถามที่ลังเลจะถามมาตลอด
“โรเอล สุดท้ายแล้ว พี่สาวอิซาเบลลาก็…”
“…”
แทนที่จะตอบคำถามของชาร์ล็อต โรเอลกลับกอดเธอแน่นขึ้นเล็กน้อย ชาร์ล็อตอึ้งไปครู่หนึ่งก่อนที่จะกลั้นน้ำตาไว้ไม่ไหวอีกต่อไป เด็กสาววางศีรษะลงบนไหล่ของโรเอล ร้องไห้ออกมาอย่างเต็มที่
โรเอลตบหลังของชาร์ล็อตเบา ๆ คอยปลอบโยนเธอ
ท้ายที่สุดแล้ว โลกภายในสถานะผู้เฝ้ามองนั้นเป็นเพียงแค่ความจริงคู่ขนาน ประวัติศาสตร์ที่แท้จริง ที่ปราศจากการแทรกแซงของโรเอลนั้นไม่มีเทพธิดาแห่งผืนปฐพีโผล่ออกมาจัดการกับบิดาแห่งความมืด ซึ่งหมายความว่าการล่มสลายของกองเรือทองคำเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ทำให้อิซาเบลลาไม่ได้พบกับวินสเตอร์อีก และจดหมายฉบับนั้นก็กลายเป็นเพียงการติดต่อกันครั้งสุดท้ายระหว่างพวกเขา
หลังจากที่ได้รู้เกี่ยวกับความรู้สึกระหว่างอิซาเบลลาและวินสเตอร์ ในที่สุดโรเอลก็เข้าใจการกระทำของบรรพบุรุษขึ้นมาบ้าง ทั้งสาเหตุที่เขาเมินเฉยต่อหญิงสาวมากมายที่มาพัวพัน และสาเหตุที่ว่าทำไมเขาถึงออกเดินทางไปทั้งชีวิต โดยไม่คิดที่จะหยุดพักผ่อนเลย
เพื่อการแก้แค้น วินสเตอร์ต้องการล้างแค้นให้กับคู่หมั้นของเขา
เป็นไปได้ว่าในท้ายที่สุด สัตว์ประหลาดอันน่าสะพรึงกลัวที่รู้จักกันในชื่อบิดาแห่งความมืด ได้ถูกกำจัดลงโดยวินสเตอร์ ซึ่งจะอธิบายได้ว่าทำไมมนุษยชาติถึงไม่เคยถูกคุกคามจากมัน บางทีศัตรูที่เขาอุทิศทั้งชีวิตเพื่อปราบลงอาจจะไม่ใช่เพียงแค่บิดาแห่งความมืดเท่านั้น แต่ยังรวมถึงเหล่าภาคีแห่งนักบุญ และหกภัยพิบัติที่เหลือด้วย เขาคงตั้งใจที่จะกำจัดศัตรูทั้งหมดลง เพื่อเป็นเกียรติแก่ความรักที่แท้จริงของตน
ศัตรูของวินสเตอร์อาจจะต้องสั่นเทิ้มไปด้วยความกลัว ต่อหน้าโทสะของเขา จนกระทั่งเขาได้หายตัวไปอย่างลึกลับ
หลายศตวรรษต่อมา ทายาทสายเลือดของวินสเตอร์และอิซาเบลลาได้มาพบกันอีกครั้ง และได้สืบทอดพลังสายเลือดของตระกูลมาอย่างครบถ้วนเช่นกัน โชคชะตาต้องการจะชี้นำพวกเขาไปทางไหนกันแน่?
โรเอลไม่มีทางรู้ได้เลยว่าอนาคตข้างหน้าจะเป็นเช่นไร แต่สิ่งหนึ่งที่เขาแน่ใจก็คือ เขาจะไม่มีวันทำผิดพลาดอย่างที่วินสเตอร์ทำแน่
เมื่อสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นบนไหล่ ความมุ่งมั่นของโรเอลก็แน่วแน่ยิ่งขึ้น เด็กชายรู้ว่ามันถึงเวลาแล้วที่เขาควรจะหยุดซ่อนตัว และลงมือเคลื่อนไหวด้วยตนเอง
พรุ่งนี้เราจะไปหาอลิเซีย