ทรราชตัวน้อย ไม่อยากพบจุดจบแบบ BAD END - บทที่ 205: ผู้รักษาอลิเซีย
บทที่ 205: ผู้รักษาอลิเซีย
ณ ห้องประชุมเมืองโรซ่า การต่อสู้อันดุเดือดระหว่างชาร์ล็อต โซโรฟยาและนอร่า เซไซต์เริ่มสงบลงเล็กน้อย เนื่องจากการหยุดพักรบชั่วคราว ด้วยความรุนแรงที่ก่อตัวขึ้นก่อนหน้านี้ ทั้งสองฝั่งจึงไม่ได้รับประทานอาหารกลางวันร่วมกันตามกำหนดการแรกเริ่ม
อย่างไรก็ตาม งานเลี้ยงอาหารกลางวันระหว่างชาร์ล็อตและนอร่านั้นไม่สามารถยกเลิกได้ เนื่องจากนอร่านั้นถือเป็นแขกผู้มีเกียรติสำหรับเมืองโรซ่า
ไม่ว่าการทะเลาะวิวาทในห้องพิจารณาคดีจะเลวร้ายเพียงใด ชาร์ล็อตก็ยังต้องปฏิบัติตามมารยาทขั้นพื้นฐาน โดยเฉพาะเมื่อจุดยืนของนอร่านั้นเปรียบเสมือนตัวแทนของจักรวรรดิเซนต์เมซิท ทำให้ทางเมืองโรซ่าต้องทำหน้าที่ในฐานะเจ้าบ้านอย่างเหมาะสม
ด้วยเหตุนี้ชาร์ล็อตจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องทนก้มหน้าทานอาหารมื้ออร่อยนี้ร่วมกับนอร่า แม้ว่าในใจเธออยากจะสาปแช่งให้อีกฝ่ายหายไปจากโลกนี้ก็ตาม ซึ่งทางฝั่งนอร่าเองก็รู้สึกแบบเดียวกัน แต่ถึงกระนั้นพวกเธอก็ต้องรักษามารยาทและท่าทีอันสุภาพเอาไว้
ด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์บนใบหน้า ทั้งสองเริ่มรับประทานอาหารของตน ท่ามกลางมื้อเที่ยงอันสงบเงียบ ต่างฝ่ายต่างยับยั้งใจตนเองอย่างสุดความสามารถเพื่อไม่ให้บรรยากาศเสียไป แม้ว่าสุดท้ายแล้วพวกเธอจะหลีกเลี่ยงคำพูดส่อเสียดบางอย่างไม่ได้ก็ตามที
“ฝ่าบาทนอร่า ท่านคิดอย่างไรกับไวน์ที่เสิร์ฟมาพร้อมกันนี้?”
“ก็พอใช้ได้ ถึงแม้ว่ามันจะหวานไปหน่อย อาหารของโรซ่า รสชาติไม่เข้ากับปากของข้าเลยจริง ๆ ต่อให้จะไม่ใช่อาหารที่ทำที่นี่ก็ตาม”
“มันเรียกว่าไวน์พาเมล่า เป็นสินค้าขึ้นชื่อท้องถิ่นจากทางตอนใต้ของเขตการปกครองแอสคาร์ด”
“…”
คำอธิบายที่ชาร์ล็อตกล่าวมาด้วยใบหน้าอันยิ้มแย้มแจ่มใส ทำให้นอร่าตัวแข็งทื่อไปในทันที องค์หญิงเงียบไปครู่หนึ่งก่อนที่จะหยิบแก้วไวน์ขึ้นมาจิบอีกครั้ง
“ พอลิ้มลองอีกรอบ จริง ๆ แล้วมันก็ไม่ได้แย่เท่าไหร่ แม้ว่าเขตการปกครองแอสคาร์ด จะเป็นเพื่อนบ้านของเมืองโรซ่า แต่รสชาติก็ไม่ได้สุดโต่งแบบเดียวกัน หากเทียบแล้วมันก็ดีกว่ามาก”
“…”
เมื่อต้องเผชิญกับความสองมาตรฐานที่นอร่าแสดงออกมาอย่างเปิดเผย ด้วยทัศนคติที่เปลี่ยนไป 180° ชาร์ล็อตก็นิ่งงันพูดไม่ออกไปชั่วขณะ เธอหลับตาครู่หนึ่งเพื่อปรับสภาพจิตใจ ก่อนจะชี้ไปที่ถ้วยไวน์
“ระหว่างการเดินทางกลับมาที่เมืองโรซ่า ที่รักกับดิฉัน ได้แวะไปที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งและชิมไวน์นี้ด้วยกัน ดิฉันรู้ทันทีว่ามันเข้ากันได้ดีกับรสชาติที่ชาวโรซ่าชอบ หอมหวานราวกับความรักที่โชคชะตาได้กำหนดไว้ และดิฉันก็ตัดสินใจที่จะนำเสนอผลิตภัณฑ์นี้ให้เป็นส่วนสำคัญในการเป็นหุ้นส่วนของเรา ดิฉันจะผลักดันการจำหน่ายมันพร้อมกับในรายการสินค้าฤดูร้อนที่จะมาถึงของพวกเรา”
“ขอโทษนะชาร์ล็อต เจ้ากำลังพูดถึงเรื่องอะไร? มันทำให้ข้ารู้สึกไม่สบอารมณ์ที่เห็นเจ้าลุ่มหลงไปกับภาพลวงตาเพ้อเจ้อ”
เมื่อรู้ว่าชาร์ล็อตกำลังพยายามอวดความรักของตน นอร่าก็หัวเราะออกมา
“เจ้าคงไม่ได้ไร้เดียงสาขนาดคิดไปเองใช่ไหม ว่าสิ่งที่เจ้าบังเอิญเจอจะต้องเป็นของ ๆ เจ้า? ข้าจะบอกให้เจ้าได้รู้ว่า หุ้นส่วนทางธุรกิจอันดับหนึ่งของตระกูลแอสคาร์ด คือพวกเรา ตระกูลเซไซต์ ข้อเท็จจริงนี้จะไม่มีวันเปลี่ยนแปลง ตลอดจนถึงปัจจุบัน พวกเราได้ลงนามในสัญญาความร่วมมือระหว่างกันมาแล้วนับไม่ถ้วน ไวน์พาเมล่าเป็นผลิตภัณฑ์ของเขตการปกครองแอสคาร์ด ถือเป็นผลิตภัณฑ์พิเศษของจักรวรรดิเซนต์เมซิท มันแสดงถึงผลลัพธ์จากความพยายามของพวกเราทั้งสองตระกูล”
“ข้าไม่คิดว่ามันจะมีเหตุผลจำเป็นอะไร ที่พวกเราจะต้องพึ่งพาสมาคมพ่อค้าโซโรฟยาให้มันยุ่งยากเกี่ยวกับการตลาด จักรวรรดิเซนต์เมซิทของเรามีเส้นสายความเชื่อมโยงมากพอที่จะผลักดันมันด้วยตัวเอง”
“ฝ่าบาทนอร่า ท่านอาจจะไม่คุ้นเคยกับกฎเกณฑ์เกี่ยวกับธุรกิจมากนัก แต่ท่านควรเข้าใจแนวคิดพื้นฐานของคำว่า ‘มาก่อนได้ก่อน’ ไม่ใช่เหรอ? อย่างน้อย ๆ ท่านก็ควรเคารพลำดับความสำคัญนี้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความร่วมมือทางธุรกิจหรือสัญญาหมั้น”
“ชาร์ล็อต ข้าเชื่อว่า ข้าอธิบายชัดเจนเพียงพอแล้ว ข้าเข้าใจถึงสัญญาหมั้นระหว่างตระกูลโซโรฟยาและตระกูลแอสคาร์ดดี แต่น่าเสียดายที่เจ้าไม่ผ่านเกณฑ์ การหมั้นหมายนี้ไม่ชอบด้วยกฎหมายตั้งแต่เริ่ม มันถึงเวลาแล้ว ที่เจ้าจะต้องหยุดอ้างตัวว่าเป็นคู่หมั้นของโรเอล”
เสียงดังกึกก้องของส้อมที่แทงทะลุเนื้อสเต็กจนกระแทกจานที่อยู่ด้านล่างดังขึ้นมา คำพูดของนอร่าแทงใจเจ็บของชาร์ล็อตทำให้เธอโกรธเคืองถึงขีดสุด อย่างไรก็ตามเด็กสาวรู้ดีว่าตนไม่สามารถปลดปล่อยความโกรธไปตามอารมณ์ที่นี่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเวลานี้ ไม่เช่นนั้นเธอก็จะติดกับแผนของอีกฝ่าย
“จะว่าไปแล้ว ฝ่าบาทนอร่า ท่านรู้รึเปล่าว่าที่รักของดิฉันมีนิสัยชอบนอนกอด?”
จู่ ๆ ชาร์ล็อตก็นึกถึงอะไรบางอย่างได้ และเปิดการโจมตีตอบโต้ในทันที ก่อนที่นอร่าจะนิ่งงัน เด็กสาวก็เริ่มกล่าวรายละเอียดพร้อมเผยรอยยิ้มอันสดใสที่ไม่หวั่นไหวต่อมีดอันแหลมคมใด ๆ
“อาจเป็นเพราะเขารู้สึกไม่ปลอดภัย มีหลาย ๆ อย่างให้คิด เขาบอกว่าตัวเองรู้สึกอบอุ่นสบายใจที่ได้โอบกอดดิฉัน ถึงกับผล็อยหลับไปในอ้อมแขนของดิฉันในบางครั้งเลยด้วยซ้ำ อา ขออภัยด้วย หวังว่าเรื่องราวของดิฉันจะไม่ทำให้ท่านเบื่อ ดิฉันไม่ควรยกหัวข้อที่ท่านไม่มีความเกี่ยวข้องขึ้นมาเลยจริง ๆ”
“ชาร์ล็อต!”
เมื่อต้องมาทนรับฟังการโอ้อวดของชาร์ล็อต นอร่าก็กัดฟันกรอดด้วยความโกรธ เธอใช้เวลาหายใจผ่อนคลายพักใหญ่ ๆ เพื่อสงบสติอารมณ์ และทำรอยยิ้มกลับคืนมา
“ในเมื่อเจ้าพูดถึงหัวข้อนี้ ข้าจำได้ว่า ข้าได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้พิทักษ์อย่างเป็นทางการของโรเอล ภายใต้สักขีพยานกว่าพันคน และได้รับคำอวยพรจากผู้อาวุโสของทั้งสองตระกูล”
“สำหรับขุนนางอย่างพวกเรา คำอวยพรของผู้อาวุโสของตระกูล ถือเป็นปัจจัยสำคัญในการแต่งงานอย่างมีความสุข ในแง่นั้น ชาร์ล็อต ความสัมพันธ์ของเจ้ากับครอบครัวของโรเอล ดูเหมือนจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่ไม่ใช่เหรอ? ช่างน่าสงสารเสียจริง”
“!”
สีหน้าของชาร์ล็อตซีดลงทันที ตอนนี้ทั้งสองต่างผลัดกันแทงอีกฝ่ายด้วยคำพูดที่เชือดเฉือนไม่หยุด ทำให้งานเลี้ยงอาหารกลางวันก็กลายเป็นสงครามที่มีสายตาอันคมกริบจ้องเขม็งปะทะกัน ส่งผลให้ท้ายที่สุดทั้งสองฝ่ายไม่มีอารมณ์ที่จะพูดหรือรับประทานอาหารอีกต่อไป
ทันใดนั้นเองสงครามเย็นนี้ก็ถูกขัดจังหวะ สาวใช้คนหนึ่งเดินมาที่ด้านข้างของชาร์ล็อต โน้มตัวลงและกระซิบถ้อยคำบางคำเข้าหูของเธอ ซึ่งเป็นข้อความมาจากแอนดรูว์
หลังจากที่ได้ให้คำแนะนำแก่อลิเซียและโรเอลเกี่ยวกับวิธีการดำเนินการ ชายชราก็ได้กระจายข่าวสารเกี่ยวกับการรักษาโรเอลให้กับชาร์ล็อตอย่างรวดเร็ว เนื่องที่เป็นปัจจัยสำคัญสำหรับเธอในการเจรจากับตระกูลแอสคาร์ด
หืม? อลิเซียเป็นผู้ครอบครองสายเลือดแห่งพลังชีวิตงั้นเหรอ?
ข่าวนี้ทำให้ชาร์ล็อตตกใจมาก ในที่สุดเธอก็เข้าใจแล้วว่า ทำไมโรเอลถึงได้รู้สึกผ่อนคลายลงหลังจากที่ได้ยินคำพูดของแอนดรูว์ในวันนั้น
“เข้าใจแล้ว เป็นอลิเซียจริง ๆ ใช่ไหม… พวกเขาตั้งใจจะทำการรักษาอย่างไรล่ะ?”
“ท่านแอนดรูว์บอกว่าพวกเขาจะทำมันผ่านการถ่ายโอนของเหลวในร่างกายค่ะ”
“เข้าใจแล้ว การถ่ายโอนของเหลว… หือ?”
ทันทีที่ตระหนักได้ถึงความหมายของคำนี้ ชาร์ล็อตก็ถอยหลังออกจากโต๊ะด้วยความตกใจ
…
ในขณะเดียวกัน ที่สวนร้อยปักษา เหล่านกต่างส่งเสียงร้องอย่างสนุกสนานภายใต้แสงแดดอันอบอุ่น เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวยต่อนกเหล่านี้ ที่นี่จึงเต็มไปด้วยต้นไม้นานาพันธุ์ ไม่ว่าจะเป็นทั้งในร่มหรือกลางแจ้ง แม้แต่ห้องที่โรเอลอาศัยอยู่ก็ยังมีกระถางต้นไม้นานาชนิดวางอยู่รอบ ๆ
โอ้ว!
โรเอลพยายามดิ้นรนตามสัญชาตญาณของตน ก่อนจะสังเกตว่าอลิเซียนั้นกำลังส่งแอลกอฮอล์รสหวานให้กับเขาทางปาก เด็กชายตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงกลืนไวน์นั้นลงไป
หลายวินาทีต่อมา ในที่สุดพวกเขาก็แยกกัน อลิเซียหน้าแดงระเรื่อ หายใจติดขัดเล็กน้อย นัยน์ตาสีทับทิมของเธอถูกเคลือบด้วยหมอกบาง ๆ ส่องประกายระยิบระยับดูเย้ายวน ส่วนโรเอลนั้นยังคงรู้สึกทึ่งกับสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้น
นี่มันเกิดอะไรขึ้น? อลิเซียทำอะไรของเธอ? แค่หยดน้ำตาก็เพียงพอแล้วไม่ใช่เหรอ…
เมื่อสัมผัสได้ถึงรสหวานบนลิ้นของตน ใบหน้าของโรเอลก็เริ่มแดงขึ้นเช่นกัน
“อลิเซีย เธอ…”
“เป็นอะไรไปเหรอพี่ใหญ่? น้ำลายใช้ได้เหมือนกันไม่ใช่เหรอ?”
อลิเซียยังคงหายใจติดขัดเล็กน้อย แต่เมื่อเผชิญหน้ากับโรเอลที่กำลังกระวนกระวายใจ เธอก็ยังสามารถพูดออกมาได้ด้วยน้ำเสียงที่จริงจังสงบเสงี่ยม เมื่อได้ยินดังนั้นแล้ว โรเอลก็เริ่มสำรวจร่างกายของตนอย่างรวดเร็ว
“มันได้ผล… แต่ระดับของประสิทธิภาพมันจำกัดไป ดูเหมือนว่าปริมาณพลังชีวิตที่ได้จากวิธีนี้จะยังไม่เพียงพอ เพราะอย่างนั้นแล้วเธอถึงไม่ควรใช้วิธีแบบนี้ไง…”
“หนูเข้าใจแล้ว มาทำต่อกันเถอะ”
“หา? ไม่ เดี๋ยวก่อนสิ… อือ!”
โรเอลรีบยกแขนขึ้นเพื่อหยุดวิธีการรักษาที่ไม่มีประสิทธิภาพของอลิเซีย แต่เขานั้นยังอ่อนแอเกินไปในตอนนี้ ทำให้แรงผลักเพียงเล็กน้อยก็พังทลายการป้องกันของโรเอลลง
ดวงตาของอลิเซียเปล่งประกายด้วยความตื่นเต้น เธอจิบไวน์ลงไปอีกอึกแล้วจูบอีกครั้ง ทว่าเมื่อริมฝีปากของทั้งสองแยกออกจากกัน เด็กสาวกลับตัดสินใจที่จะไม่ลุกขึ้นอีก เธอยังคงกอดโรเอลแน่นพร้อมลูบผมของเขา
“เดี๋ยวสิ อลิเซีย ว…วันนี้เธอเป็นอะไรไปเนี่ย? รู้ตัวไหมว่ากำลังทำอะไรอยู่?”
โรเอลหัวหมุนมึนงงอย่างหนักหลังจากที่โดนจูบโดยน้องสาวของตนถึงสองครั้ง เขาหยุดไม่ให้อลิเซียดื่มไวน์อีก พร้อมถามเธอด้วยความสงสัย
ก่อนหน้านี้อลิเซียเคยจูบโรเอลมาก่อน แต่ส่วนมากเป็นเพียงการจูบที่แก้มระหว่างงานฉลองวันเกิด และแม้ว่าโรเอลจะต้องการพบกับอลิเซียทุก ๆ วัน แต่เขาก็รักษาเส้นแบ่งอันชัดเจนระหว่างตนเองและเด็กสาว เพราะเขาคิดกับเธอแค่พี่น้อง
โรเอลรู้ดีว่าอลิเซียชื่นชอบเขามากในตอนนี้ แต่ในที่สุดเธอก็ต้องเติบโต เขาจึงรู้สึกว่าตนเองจำเป็นจะต้องเว้นระยะห่างบ้าง เพื่อหลีกเลี่ยงการผูกพันกันที่มากเกินไป มิฉะนั้น ในอนาคตโรเอลคงไม่ยอมให้เธอได้แต่งงานกับใคร และมาอยู่เคียงข้างเขาแทนแน่
นอกจากนี้ โรเอลเองก็ยังไม่แน่ใจเกี่ยวกับความรู้สึกของตัวเองที่มีต่ออลิเซีย และมันก็ไม่เหมาะที่พี่ชายจะขัดขวางความสุขของน้องสาว ดังนั้นเขาจึงไม่เคยพูดความคิดที่แท้จริงออกมาดัง ๆ ต่อหน้าคนอื่น
ทำไมเราถึงรู้สึกแบบนี้กัน?
โรเอลมักจะไตร่ตรองคำถามนี้เมื่ออยู่กับอลิเซีย แต่เด็กชายก็ไม่เคยพบคำตอบ บางทีสำหรับเขาคำถามนี้อาจจะเป็นอะไรที่ผิดตั้งแต่แรกแล้ว สิ่งที่เขาควรจะถามตัวเองก็คือ ‘เรากลายเป็นแบบนี้ได้อย่างไร?’
โรเอลไม่เคยคิดที่จะหาเหตุผลเกี่ยวกับความรู้สึกที่มีต่ออลิเซียมาก่อน ในมุมมองของเขา เธอเป็นเพียงน้องสาวที่ต้องคอยเอาใจใส่และดูแล ดังนั้นเด็กชายจึงไม่เคยพยายามคิดไปให้ไกลกว่านั้นเกี่ยวกับการกระทำของเธอ แต่วันนี้อลิเซียกลับให้บรรยากาศที่แตกต่างออกไปจากเดิมมาก
“วันนี้หนูเป็นอะไรไปงั้นเหรอ? หนูเองก็สงสัยเหมือนกันคะ”
เมื่อต้องเผชิญกับคำถามของโรเอล อลิเซียก็หวนคิดถึงบทสนทนาที่ตนมีกับชาร์ล็อต และเริ่มบ่นกับตัวเอง เด็กสาวค่อย ๆ ลุกขึ้นพร้อมสบตาของโรเอลด้วยดวงตาสีทับทิม พร้อมถามอย่างแผ่วเบา
“พี่ใหญ่ อยากให้หนูอยู่เคียงข้างพี่ตลอดไปรึเปล่า?”