ทรราชตัวน้อย ไม่อยากพบจุดจบแบบ BAD END - บทที่ 263: เธอต้องเป็นคนที่อ่อนโยนมากแน่ ๆ
บทที่ 263: เธอต้องเป็นคนที่อ่อนโยนมากแน่ ๆ
ไม่ผิดที่จะบอกว่าผู้ถือแหวนนั้นสูงส่งจนแตะต้องไม่ได้ในสถาบันการศึกษาเซนต์เฟรย่า มันเป็นตำแหน่งอันทรงเกียรติที่นักเรียนได้รับมาจากความแข็งแกร่งของตนเอง และไม่สามารถขัดขืนได้ เรียกได้ว่าแม้แต่หัวหน้าแผนกต่าง ๆ ก็ยังถูกเปลี่ยนออกได้ง่ายกว่าผู้ถือแหวน
แม้ว่าในรัฐธรรมนูญของสถาบันการศึกษาเซนต์เฟรย่าจะสามารถเรียกร้องให้ไล่อาจารย์ใหญ่ที่ดำรงตำแหน่งอยู่ออกได้ แต่ความน่าจะเป็นที่จะเกิดขึ้นนั้นก็แทบจะเป็นโมฆะ
ต่อให้แอนโตนิโอในวัยชราจะแต่งตัวเป็นผู้หญิง เดินสวนสนามกลางเมืองเลนสเตอร์จนเสื่อมเสียชื่อเสียง ก็ยังต้องใช้เวลาอย่างน้อย ๆ หนึ่งปีหรือมากกว่านั้นกว่าขั้นตอนทั้งหมดจะเสร็จสมบูรณ์
โรเอลผู้สร้างสถิติใหม่ใน ‘ค่ำคืนแห่งปีศาจ’ เองก็ได้รับสิทธิพิเศษเช่นกัน ด้วยความเคารพที่มีต่อเจ้าของสถิติใหม่ เจ้าหน้าที่ถึงกับให้รายชื่ออาคารและสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายในการฝึกอบรมแก่เขาเป็นคนแรก เพื่อที่เขาจะได้หาสถานที่ที่ชอบ ทำให้เด็กหนุ่มเพลิดเพลินไปกับสิทธิพิเศษของการได้เลือกก่อน
ในบรรดาตัวเลือกมากมาย มีสามตัวเลือกที่อยู่ในสายตาของโรเอลอย่างรวดเร็ว หนึ่งคือหอคอยที่ตั้งอยู่ใกล้กับเขตส่วนกลาง สองคือที่คฤหาสน์ริมทะเลสาบ และที่สามคือคฤหาสน์ที่อยู่ไกลออกไปใกล้ ๆ กับภูเขา
เมื่อพิจารณาจากพื้นที่แล้ว หอคอยสูงมีสภาพแวดล้อมที่เป็นอิสระน้อยที่สุด เนื่องจากอยู่ใกล้กับย่านใจกลางเมือง ทำให้คฤหาสน์ริมภูเขามีพื้นที่กว้างกว่ามาก ด้วยที่มันตั้งอยู่ในพื้นที่ห่างไกล ส่วนคฤหาสน์ที่มีขนาดที่ใหญ่ที่สุดในทั้งหมด ก็คือคฤหาสน์ริมทะเลสาบ ที่ได้พื้นที่ทะเลสาบมาด้วยเป็นส่วนเสริม
อย่างไรก็ตามคุณภาพนั้นมีความสำคัญมากกว่าปริมาณ ในแง่ของมูลค่าที่ดิน หอคอยที่ตั้งอยู่ในเขตใจกลางของสถานศึกษามีถนนสำหรับนักชิมและย่านการค้ามากมายใกล้ ๆ และกิจกรรมส่วนใหญ่ในสถาบันการศึกษาเซนต์เฟรย่าเองก็มักจะจัดขึ้นที่แถว ๆ นั้นด้วยเช่นกัน
ถ้าโรเอลเลือกที่นั่นเป็นฐานปฏิบัติการของฝ่ายกุหลาบน้ำเงิน เขาก็จะสามารถสนุกกับชีวิตนักศึกษาได้อย่างเต็มที่
อาหารอันโอชะมากมายอยู่ห่างออกไปจากหอคอยเพียงไม่กี่ก้าว และโรเอลก็อยู่ในตำแหน่งที่ดีที่จะได้รับข่าวสารโดยตรงต่าง ๆ เกี่ยวกับส่วนลดและโปรโมชั่นทุกประเภท อีกทั้งยังสะดวกสบายสำหรับเขาในการเข้าร่วมกิจกรรมของสถาบันการศึกษา ไหนจะบรรยากาศอันมีชีวิตชีวาด้านล่างอีก แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดเลยก็คือ โรเอลสามารถนอนหลับได้จนถึงสิบนาทีก่อนเริ่มการเรียนการสอนแล้วยังไปทันคาบเรียนได้สบาย ๆ!
นี่เป็นชีวิตวัยเรียนในอุดมคติสำหรับเขาชัด ๆ!
ถ้าโรเอลได้รับสิทธิพิเศษแบบนี้ในอดีตชาติ เขาจะรับมันมาโดยไม่ลังเลเลย ทว่าตอนนี้มีอีกปัจจัยหนึ่งที่เขาต้องคำนึงถึงก็คือ สนามฝึกซ้อม น่าเสียดายที่หอคอยนั้น ทำคะแนนได้ไม่ดีเท่าไหร่ เนื่องจากมันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะสร้างสนามฝึกขนาดพอเหมาะในเขตส่วนกลาง
สำหรับคฤหาสน์ริมทะเลสาบ มูลค่าทางที่ดินนั้นน้อยกว่าหอคอยมาก แต่ก็เป็นที่พักที่ดีที่สุด คฤหาสน์นี้ให้ทัศนียภาพอันงดงามของทะเลสาบ อีกทั้งยังมีกิจกรรมมากมายที่สามารถทำได้ในทะเลสาบ ทำให้ที่นี่เป็นจุดนัดพบอันยอดเยี่ยม ไม่ว่าจะเป็นการพายเรือ ปิกนิก หรือพักผ่อนรอบ ๆ อันที่จริง กิจกรรมทางน้ำส่วนใหญ่ของสถาบันการศึกษาเซนต์เฟรย่าเองก็จัดขึ้นที่ทะเลสาบแห่งนี้
มีที่ดินมากมายให้ใช้สอย ทะเลสาบสามารถรวมเข้ากับสนามฝึกเพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการฝึกฝนคาถาเวทที่เกี่ยวข้องกับน้ำได้
สถานที่นั้นอยู่ห่างจากย่านใจกลางเมืองโดยใช้เวลาเดินเพียงครึ่งชั่วโมง สั้นลงเหลือประมาณสิบนาทีหากใช้อุปกรณ์เวทของสถานศึกษา มันไม่ได้อยู่ใกล้หรือไกลจากเขตส่วนกลางมากนัก คล้ายกับที่หอพักของโรงเรียนในอดีตชาติของโรเอล
สุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุด คฤหาสน์ริมเขา มันตั้งอยู่ใกล้กับพรมแดนของสถานศึกษา ซึ่งต้องใช้เวลาหลายชั่วโมงกว่าจะไปถึงย่านใจกลางเมืองด้วยการเดินเท้า และอย่างน้อยหนึ่งชั่วโมงด้วยอุปกรณ์เวท มันจึงไม่สะดวกสุด ๆ ในแง่การเดินทาง
อย่างไรก็ตาม อาคารต่าง ๆ ถูกสร้างขึ้นอย่างโอ่อ่าอลังการ สง่างามหรูหรา ยิ่งไปกว่านั้นยังมาพร้อมกับสนามฝึกซ้อมขนาดใหญ่ที่สร้างเอาไว้แล้ว ว่ากันว่ามันถูกสร้างขึ้นโดยขุนนางชั้นสูงคนหนึ่งของจักรวรรดิออสทีนในช่วงที่รุ่งเรืองที่สุด
แต่ข้อได้เปรียบที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในการเลือกคฤหาสน์ริมเขาไม่ใช่สิ่งอำนวยความสะดวกที่มากับมัน แต่เป็นภูเขาที่ตั้งอยู่ใกล้ ๆ นั่นก็เพราะภูเขานั้นมีโบราณสถานตั้งอยู่
หุบเขาเซนติเนล
คล้าย ๆ กับ ‘ค่ำคืนแห่งปีศาจ’ มันเป็นโบราณสถานที่มีเพียงผู้ที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงเท่านั้นที่สามารถเข้าไปได้ อย่างไรก็ตามภายใต้ชื่อที่อ่อนโยน มันกลับมีอันตรายซ่อนอยู่มากมาย แต่โอกาสที่จะสะดุดเจอก็ไม่ได้สูงเท่าไหร่นัก
ทุกครั้งที่หุบเขาเซนติเนลเปิด ทีมสำรวจจะต้องร่ายคาถาเวทความสัมพันธ์แห่งโชคชะตา หากทั้งทีมไม่ได้ถูกกำจัดจนหมด คาถาเวทนี้จะทำให้ทุกคนที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสกลายเป็นหิน และสามารถรอการช่วยเหลือจากสหายได้ในภายหลัง ด้วยวิธีนี้อย่างน้อย ๆ ผู้ที่บาดเจ็บสาหัสก็จะมีโอกาสรอดชีวิตกลับมา หากพรรคพวกของเขาสามารถเอาชนะสัตว์อสูรได้สำเร็จ และลากเขาออกจากโบราณสถาน เพื่อถอนผลของคาถาเวทและกำจัดสภาพที่กลายเป็นหิน
อย่างไรก็ตามหากทั้งกลุ่มถูกกำจัดหรืออยู่ในโบราณสถานนานกว่าสามวัน การกลายเป็นหินจะถูกยกเลิกโดยอัตโนมัติ เมื่อสิ่งนั้นเกิดขึ้น ใครก็ตามที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสก็คงจะไม่รอด
สรุปแล้ว โบราณสถานแห่งนี้ไม่ได้อันตรายมากเท่าไหร่
ทั้งหมดที่ต้องทำก็คือเตรียมคนไว้ที่ทางเข้า ให้สามารถหลบหนีออกไปขอความช่วยเหลือได้ทุกเมื่อตามที่ต้องการ อย่างไรก็ตามวิธีแก้ปัญหานี้ไม่สามารถป้องกันได้อย่างสมบูรณ์เสมอไป เนื่องจากบางครั้งอาจมีนักเรียนที่เดินเตร่ไปยังมุมอันห่างไกลของโบราณสถาน และบางครั้งร่างที่กลายเป็นหินก็อาจจะถูกฝังไว้ใต้ดินเนื่องจากการต่อสู้ที่มีผลถล่มภูมิประเทศ ในกรณีเช่นนี้มันก็ยากที่จะเข้าถึงร่างของผู้บาดเจ็บได้ทันเวลา
ในแง่ของความเสี่ยง สถาบันการศึกษาเซนต์เฟรย่าได้ยกเลิกการเข้าสู่หุบเขาเซนติเนลออกไปจากหลักสูตรแล้ว การค้นหาสมาชิกที่หายไปเพียงไม่กี่คนนั้นไม่ใช่เรื่องยากด้วยความช่วยเหลือของอุปกรณ์เวท แต่หากมีผู้บาดเจ็บมากไปเกินกว่านั้น อาจจะเป็นฝันร้ายของหน่วยกู้ภัยได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีระยะเวลาเพียงแค่สามวันในการทำงาน
การใช้โบราณสถานนี้กับคนหมู่มากไม่ใช่ความคิดที่ดีเท่าไหร่ แต่มันก็ยังเหมาะสำหรับการฝึกฝนของทีมผู้มีพรสวรรค์ชั้นยอดขนาดเล็ก
วิธีเดียวที่จะสะสมประสบการณ์การต่อสู้จริง ภายในสถาบันการศึกษาเซนต์เฟรย่า ก็คือการทำภารกิจหรือการท้าทายโบราณสถาน ซึ่งทั้งสองอย่างนี้ล้วนมีความเสี่ยงสูง แต่อย่างน้อย ๆ หุบเขาเซนติเนลก็ยังถือว่าปลอดภัยกว่าที่อื่น ๆ เนื่องจากมีโอกาสในการเอาชีวิตรอด และความช่วยเหลือเองก็เข้าถึงได้ง่าย ต่างจากการเกิดข้อผิดพลาดในภารกิจนอกสถานศึกษาที่แทบจะไม่มีหลักประกันที่เชื่อถือได้ให้ถอยกลับไป
โรเอลลังเลใจชั่งน้ำหนักข้อดีและข้อเสียในตัวเลือกทั้งสาม เด็กหนุ่มรู้ดีว่าตนไม่มีทางที่จะเลือกสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับทุกปัจจัยได้ ดังนั้นหลังจากไตร่ตรองอย่างรอบคอบเขาจึงตัดสินใจไปที่คฤหาสน์ริมภูเขาที่มีโบราณสถานอยู่
มีเหตุผลอยู่สามประการเบื้องหลังการตัดสินใจของเขา
ประการแรก สมาชิกที่จะเข้าร่วมฝ่ายของเขา ภายใต้สถานการณ์ปกติ โรเอลควรจะเป็นรองหัวหน้ากลุ่มขุนนางของจักรวรรดิเซนต์เมซิท และเป็นมือขวาของนอร่า อย่างไรก็ตามด้วยที่ตอนนี้เขากลายเป็นผู้ถือแหวนที่กำลังจะก่อตั้งกลุ่มของตนเอง เขาจึงไม่สามารถทำงานภายใต้การชี้นำของนอร่าได้อีก
โรเอลไม่มีความคิดที่จะชิงผู้ติดตามจากกลุ่มของนอร่าและชาร์ล็อต แม้ว่ามันจะทำให้ขอบเขตการเฟ้นหาสมาชิกของเขาแคบลงมาก แต่หลังจากพิจารณาอย่างถี่ถ้วนแล้ว เด็กหนุ่มก็ตัดสินใจที่จะเลือกสมาชิกจากคนในท้องถิ่นที่อาศัยอยู่ในอาณาจักรแห่งการศึกษาโบรเนล ลูกหลานของตระกูลพ่อค้าและขุนนางระดับล่าง
คนเหล่านั้นมักจะเป็นพวกที่ขยันขันแข็งที่สุดในสถาบันการศึกษาเซนต์เฟรย่า เนื่องจากพวกเขาไม่มีมรดกอะไรให้สานต่อหลังจากสำเร็จการศึกษา ดังนั้นพวกเขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะต้องพึ่งพาตนเอง เป้าหมายหลักของพวกเขาในสถาบันการศึกษาเซนต์เฟรย่าจึงเป็นการ พัฒนาตัวเอง และขยายโอกาสในอนาคตของพวกเขา ซึ่งโรเอลก็เต็มใจที่จะช่วยเหลือให้พวกเขาได้รับสิ่งนั้น
แน่นอนว่าโรเอลไม่ได้ทำเพราะความเมตตาเพียงอย่างเดียว และนี่คือเหตุผลที่สอง เขาต้องการรับสมัครผู้มีความสามารถสำหรับการรับใช้เขตการปกครองแอสคาร์ดในอนาคต นักเรียนเหล่านี้ที่ไม่มีมรดกจากตระกูลรองรับ จำเป็นต้องหางานทำด้วยตัวเองหลังจากสำเร็จการศึกษา และโรเอลซึ่งเป็นผู้ปกครองเขตการปกครองก็มีอำนาจมากพอที่จะช่วยเหลือตรงจุดนั้นได้
สุดท้ายแต่ไม่ท้ายที่สุด โรเอลมีวิธีที่จะลดความเสี่ยงจากโบราณสถาน หุบเขาเซนติเนล
ปัญหาหลักเกี่ยวกับขั้นตอนด้านความปลอดภัยที่ทางสถาบันเซนต์เฟรย่ากังวล คือความยากลำบากในการค้นหานักเรียนที่หายไป แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาสำหรับโรเอลเลย เพราะเขามีเปตราอยู่เคียงข้าง
มันเป็นไปไม่ได้เลยที่เทพธิดาแห่งผืนปฐพีจะหาสิ่งที่อยู่ใต้พื้นดินไม่พบ!
ดังนั้นช่องโหว่ที่ใหญ่ที่สุดในมาตรการรักษาความปลอดภัยรอบหุบเขาเซนติเนล จึงไม่เป็นปัญหาสำหรับโรเอล ซึ่งหมายความว่าเขาสามารถใช้ประโยชน์ของมันได้ในระดับสูงสุด ยิ่งไปกว่านั้นเด็กหนุ่มยังค่อนข้างสงสัยเกี่ยวกับการมีอยู่ของโบราณสถานแห่งนี้อีกด้วย
ดังนั้นหลังจากโรเอลเลือกสถานที่ตั้งของตนเองแล้ว ทางสถาบันการศึกษาเซนต์เฟรย่าก็เริ่มส่งคนงานไปที่คฤหาสน์ริมภูเขาเพื่อซ่อมแซมพื้นที่ในทันที ตามหลักแล้วอาจจะต้องใช้เวลาประมาณครึ่งเดือนในการเตรียมสถานที่ให้พร้อม โชคดีที่โรเอลไม่ได้เป็นคนที่จะต้องไปจัดการเรื่องเหล่านั้น เนื่องจากตอนนี้เขากำลังหมกมุ่นอยู่กับเรื่องอื่น
เมื่อวานนี้ที่ร้านเหล้าดาบหัก โรเอลดื่มเหล้ากับคริสพลางประเมินบุคลิกภาพของอีกฝ่ายอีกครั้ง โดยข้อสรุปสุดท้ายที่เด็กหนุ่มได้รับก็คือที่ปรึกษาทางด้านวิชาการของเขาเป็นคนตรงไปตรงมาจริง ๆ
คริสเป็นคนประเภทที่สวมหัวใจไว้บนแขนเสื้อ เธอไม่สนใจที่จะปิดบังความชื่นชอบหรือการดูถูกดูหมิ่นของตน แม้เธอจะมีนิสัยแย่ ๆ บางอย่าง หลังจากที่อกหักมาเป็นเวลานาน เช่นการสูบบุหรี่เมื่อใดก็ตามที่เธอรู้สึกกังวล โดยรวมแล้วจุดแข็งของคริสนั้นมีมากกว่าข้อบกพร่อง แต่สิ่งหนึ่งที่โดดเด่นเป็นพิเศษก็คือความพิถีพิถันของเธอ
เพื่อให้แน่ใจว่าโรเอลสามารถตามทันบทเรียนที่เธอสอนได้โดยเร็วที่สุด คริสได้มอบหมายให้รุ่นพี่คนหนึ่งเป็นพี่เลี้ยงของเขา
ในสถาบันการศึกษาเซนต์เฟรย่า นักเรียนจะต้องเข้าเรียนในชั้นเรียนของอาจารย์ที่ปรึกษาทางวิชาการที่เลือกไว้ และชั้นเรียนเหล่านี้มักจะรวมกับนักเรียนที่มีชั้นปีต่างกัน ทำให้วิชาเรียนแตกต่างกันไป โดยขึ้นอยู่กับดุลพินิจของอาจารย์ที่ปรึกษา ซึ่งชั้นเรียนของ “คริส” เป็นที่รู้จักกันดีในเรื่องความยากของบทเรียน
โรเอลคิดว่าเขาต้องใช้เวลาอย่างน้อยครึ่งปี ถึงจะสามารถตามทันบทเรียนของคริสได้ แม้ว่าเขาจะมีรากฐานที่แข็งแกร่งมากก็ตามที ดังนั้นการมีนักเรียนรุ่นพี่เป็นพี่เลี้ยงจึงเป็นประโยชน์มาก
หลังจากหาข้อมูลแล้ว โรเอลจึงได้รู้ว่าระบบพี่เลี้ยงคือสิทธิพิเศษของนักเรียนในชั้นปีที่อ่อนแอกว่า ทำให้เป็นที่รู้จักอย่างเป็นทางการในชื่อโครงการจับคู่เพื่อการสนับสนุนทางวิชาการ
ตัวอย่างที่ดีคือความสัมพันธ์ในสมัยก่อนระหว่างคาร์เตอร์กับคริส โดยฝ่ายพี่เลี้ยงเองก็จะได้รับประโยชน์เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นหน่วยกิตเพิ่มเติม เงินอุดหนุนค่าเล่าเรียน แต่พี่เลี้ยงส่วนตัวของโรเอล ไม่ได้สนใจเรื่องพวกนั้น
พูดง่าย ๆ ก็คือ คริสใช้ความสัมพันธ์ของเธอเพื่อประโยชน์ของโรเอล ทำให้เด็กหนุ่มรู้สึกขอบคุณเธออย่างสุดซึ้งสำหรับเรื่องนี้ และแน่นอนว่าเขารู้สึกขอบคุณรุ่นพี่คนนั้นที่ยอมลำบากมาเป็นพี่เลี้ยงให้ด้วยเช่นกัน
เธอต้องเป็นคนที่เอาใจใส่ และอ่อนโยนมากแน่ ๆ
…
“ตึก 1 ห้องเรียนที่ 14 สินะ”
โรเอลบ่นพึมพำพลางเดินหาป้ายกระดานที่แขวนอยู่ตรงทางเข้าห้องเรียน
ขณะเดียวกันที่จุดหมายปลายทางของเขา หญิงสาวผมดำก็กำลังรับคำแนะนำบางอย่างจากอาจารย์ที่ปรึกษาของเธอ
“คุณต้องการให้ฉันช่วยสอนนักเรียนปีหนึ่งสินะคะ? ไม่เป็นไร ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของฉันเถอะ ”
ลิเลียนตอบอย่างใจเย็น