ทรราชตัวน้อย ไม่อยากพบจุดจบแบบ BAD END - บทที่ 272: หัวใจเปล่า ๆ
บทที่ 272: หัวใจเปล่า ๆ
หลังจากเข้าไปในห้องนอน โรเอลก็วางไม้เท้าของเขาไว้ข้าง ๆ ก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้เพื่อชมทิวทัศน์ยามค่ำคืนด้านนอก หลังจากนั้นก็ถอนหายใจออกมาเบา ๆ
แม้ก่อนหน้านี้โรเอลจะยอมรับคำขอของพอลอย่างยิ่งใหญ่ที่โต๊ะอาหาร แต่ทันทีที่เด็กหนุ่มนึกถึงลิเลียน ผู้ที่จะคอยช่วยสอนเขาต่อไปในอนาคต เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกผิดเล็กน้อย
“การขโมยน้องชายของพวกนิยมน้องชายไปจะเป็นการสร้างปัญหาให้ตัวเราเองรึเปล่านะ? เราจะชดใช้เรื่องนี้ให้กับเธอยังไงดี”
โรเอลเกาหัวอย่างช่วยไม่ได้
เด็กหนุ่มเดินไปที่ห้องน้ำเพื่อชำระล้างร่างกายก่อนจะแช่ตัวในอ่างน้ำอุ่น ลูบไล้แหวนกุหลาบน้ำเงินที่สวมอยู่บนนิ้วขณะครุ่นคิด
คำพูดที่โรเอลพูดกับพอลบนโต๊ะอาหารนั้นเป็นคำพูดที่มาจากใจจริงของเขา โรเอลไม่คิดที่จะเพลิดเพลินกับสิทธิพิเศษของผู้ถือแหวน โดยไม่แบกรับความรับผิดชอบที่มาพร้อมกับมัน อย่างน้อย ๆ เขาก็ไม่ต้องการจะหันหลังให้กับคนที่ต้องการความช่วยเหลือจากเขา
เพราะความรับผิดชอบทำให้ความมุ่งมั่นของเขาแข็งแกร่งขึ้น
โรเอลลุกขึ้นจากอ่างอาบน้ำ เช็ดตัวให้แห้งก่อนจะพันผ้าขนหนูรอบเอว เดินไปที่เตียงเพื่อถอดแหวนกุหลาบน้ำเงินออกเปลี่ยนเป็นแหวนกุหลาบดำ ก่อนจะนอนลงบนเตียง
…
เมื่อเด็กหนุ่มลืมตาขึ้นอีกครั้ง โรเอลก็ถูกปกคลุมไปด้วยความมืดมิด เขาส่งพลังเวทไปที่ตา แต่สิ่งที่เขาเห็นกลับไม่ใช่ท้องฟ้ามืดครึ้มเหมือนเมื่อวานนี้ แต่เป็นเพดานที่ดูแปลกประหลาด
โรเอลจึงรีบลุกขึ้นเพื่อสำรวจบริเวณโดยรอบ
พรมสีแดงเนื้อนุ่ม โต๊ะและเก้าอี้ที่ทำจากไม้วอร์มวูด แท่นกระถางไฟที่ไม่มีธูป และโคมไฟที่แขวนอยู่แต่ไม่มีไฟ นี่คือทั้งหมดที่เขามองเห็นได้ในบริเวณใกล้เคียง
ไม่ผิดแน่ ตอนนี้เขากำลังอยู่ในห้องเรียน
อย่างไรก็ตามการที่ไม่มีศัตรูอยู่ใกล้ ๆ ทำให้โรเอลถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก เขาเหลือบมองแหวนบนนิ้วของตน ยืนยันอย่างแน่ชัดว่าความฝันนี้เป็นปรากฏการณ์ที่เกิดจากแหวนกุหลาบดำ เพื่อที่จะกำจัดความเป็นไปได้อื่น ๆ ทั้งหมด เขาจึงทำให้แน่ใจว่าตนเองเข้านอนโดยที่ไม่มีอะไรติดตัว นอกจากแหวนกุหลาบดำ
คงจะน่าอึดอัดใจมากถ้าโรเอลต้องเดินไปรอบ ๆ ความฝันนี้โดยไม่มีเสื้อผ้า โชคดีที่เขาพบว่าตัวเองสวมชุดปกติในความฝัน มันคงจะทำให้เด็กหนุ่มรู้สึกแปลก ๆ หากต้องเดินเตร็ดเตร่อยู่ในบริเวณสถาบันการศึกษาแม้ว่าจะไม่มีใครเห็นก็ตาม
โรเอลลุกขึ้นแล้วร่าย ‘คาถาย่องเบา’ ให้กับตัวเอง เขาใช้เวลาสักครู่ เพื่อปรับการหายใจให้มั่นคงก่อนจะมุ่งหน้าไปที่ประตูห้องเรียน
ประตูห้องเรียนของสถาบันการศึกษาเซนต์เฟรย่านั้นค่อนข้างหนัก แต่พวกมันถูกสร้างขึ้นด้วยช่างฝีมือและเทคนิคอันยอดเยี่ยม ทำให้พวกมันแทบจะไม่ส่งเสียงใด ๆ เมื่อทำการเปิดหรือปิด
โรเอลใช้เวลาฟังอย่างตั้งใจ ตรวจสอบดูว่ามีใครอยู่ที่ริมทางเดินรึเปล่า ก่อนที่จะเปิดประตูออกอย่างแผ่วเบา เขาตรวจสอบทางเดินอันมืดมิดทั้งสองด้านแล้วจึงตรวจสอบตำแหน่งของตนเองด้วยการอ่านป้ายด้านบนห้องเรียน
อาคาร 2 ชั้น 2
เด็กหนุ่มหยุดไตร่ตรองว่าตนเองควรจะกระโดดออกทางหน้าต่างหรือไม่ เพื่อหลีกเลี่ยงการสำรวจพื้นที่ภายในอาคารอันน่าขนลุก แต่เขาก็ระงับความกลัวลงได้ และตัดสินใจที่จะต่อต้านมัน
ดังนั้นโรเอลจึงเดินลงไปที่ชั้นหนึ่งอย่างระมัดระวัง ก่อนจะหยุดลงที่บันไดเมื่อสังเกตเห็นทางเข้าหลักที่เปิดอยู่ของอาคาร ลมกลางคืนพัดเข้ามาในตัวอาคาร และเขย่าไฟที่แขวนอยู่อย่างหรูหราบนเพดานส่งเสียงกระทบกันของวัตถุเป็นจังหวะเล็กน้อย
โรเอลหันไปมองที่ทางสำนักงานหน่วยรักษาความปลอดภัยที่อยู่ด้านข้าง จากนั้นดวงตาของเขาก็หรี่ลงในทันที
มีคนอยู่ที่นี่!
แม้จะเป็นมุมมืดที่แสงไปไม่ถึงจนพร่ามัว แต่โรเอลก็มั่นใจว่าเขาเห็นอะไรบางอย่างกำลังเคลื่อนไหวท่ามกลางความมืด
มันเป็นทหารเกราะดำคล้ายกับที่เขาเคยเห็นเมื่อคืนก่อน
โรเอลรีบถอยห่างออกไปเล็กน้อย ไปซ่อนตัวหลบอยู่หลังบันได พยายามควบคุมลมหายใจของตน สถานการณ์ในปัจจุบันทำให้จิตใจของเด็กหนุ่มเริ่มปั่นป่วน
เมื่อวานนี้โรเอลสามารถตรึงร่างในชุดดำตัวหนึ่งได้ด้วยสัมผัสแห่งธารน้ำแข็ง และทหารชุดเกราะดำพวกนี้ก็ดูเหมือนจะเป็นเพียงผู้ใต้บังคับบัญชาของพวกมัน นี่หมายความว่าทหารชุดเกราะดำเหล่านี้น่าจะรับมือได้ง่ายกว่า
หลังจากจัดระเบียบความคิดแล้ว โรเอลก็สามารถบรรเทาความกังวลในใจลงได้ เขานับถอยหลังจากสาม ก่อนจะวิ่งออกจากบันได ยกมือขึ้นปล่อยพลังเวทอันเยือกเย็นไปยังมุมมืด
“สัมผัสแห่งธารน้ำแข็ง!”
การเคลื่อนไหวของโรเอลนั้นรวดเร็วและราบรื่น ทำให้ไม่มีเวลาให้ศัตรูได้ตอบสนอง ทหารชุดเกราะดำถูกแช่แข็งในทันทีก่อนที่มันจะสามารถชักดาบออกมาได้ ผลลัพธ์นี้ทำให้จิตใจของโรเอลผ่อนคลาย ในขณะที่เขารีบเดินเข้าไปหาศัตรูที่ถูกแช่แข็งอย่างรวดเร็ว
โรเอลคว้าดาบของทหารเกราะดำมา ก่อนจะสร้างรอยร้าวเล็ก ๆ ในน้ำแข็ง เพื่อให้สามารถแทงดาบเข้าไปในร่างของอีกฝ่ายได้ เด็กหนุ่มไม่แน่ใจว่าการโจมตีทางกายภาพนี้จะเพียงพอรึเปล่า แต่เขาก็ทำให้
แน่ใจโดยการส่งพลังเวทอันเย็นยะเยือกของตน ผ่านดาบเข้าไปในร่างของศัตรู หลังจากเสร็จสิ้นแล้ว โรเอลก็ตรวจดูจนยืนยันได้ถึงสองครั้งว่าศัตรูนั้นตายไปแล้วจริง ๆ ก่อนจะลากศพไปซ่อนในห้องเรียนที่อยู่ใกล้เคียง
เด็กหนุ่มไม่แน่ใจเท่าไหร่ เกี่ยวกับตัวตนของสัตว์ประหลาดเหล่านี้ แต่หลังจากที่ได้เห็นรูปร่างหน้าตาของร่างชุดดำเมื่อวันก่อน โรเอลก็ตัดสินใจที่จะตรวจสอบร่างของทหารเกราะดำอย่างรอบคอบ เพื่ออย่างน้อย ๆ ก็จะได้รู้ถึงตัวตนของศัตรู
“เดี๋ยวนะ เจ้านี่มีหัวใจสองดวง? ไม่สิ ไม่ใช่! นี่คือ…”
ภายใต้ชุดเกราะสีดำ เป็นร่างคล้ายมนุษย์ที่มีผิวสีฟ้า โรเอลผ่าตรงซี่โครงของมันออก เผยให้เห็นก้อนเนื้อที่เชื่อมต่อกันอยู่สองก้อนที่ถูกย้อมด้วยเลือดสีดำ มันดูน่าสยดสยองมากจนเขารู้สึกอยากย้อนเวลากลับไป
อย่างไรก็ตามมันเป็นการตัดสินใจที่ฉลาดสำหรับโรเอลที่จะระมัดระวังตัวให้มากขึ้น เมื่ออยู่ท่ามกลางศัตรูปริศนา เด็กหนุ่มใช้เวลามากกว่าหนึ่งชั่วโมงในการชันสูตรศพ แต่มันก็ทำให้เขาได้ค้นพบข้อมูลที่สำคัญหลายอย่าง
หนึ่งในนั้นคือความจริงที่ว่าสัตว์ประหลาดพวกนี้มีหัวใจสองดวง ดวงหนึ่งใหญ่ส่วนอีกดวงหนึ่งเล็ก
หากโรเอลไม่รู้ถึงเรื่องนี้ เขาอาจจะลดความระมัดระวังลงหลังจากแทงหัวใจของศัตรู สร้างโอกาสให้ศัตรูกลับมาตอบโต้ ซึ่งถือว่าอันตรายมาก
โชคดีจริง ๆ ที่เราได้รู้เรื่องนี้ล่วงหน้า คิดไว้แล้วว่าพวกนี้ต้องไม่ใช่มนุษย์!
“หืม? มีอะไรแปลก ๆ? หัวใจดวงที่เล็กกว่านี้ดูเหมือนจะโตขึ้นนะ?”
ภายใต้แสงจันทร์ โรเอลตรวจดูหัวใจทั้งสองดวงอย่างรอบคอบ และเขาก็อดไม่ได้ที่จะสังเกตเห็นว่าดวงที่เล็กกว่านั้นดูเหมือนจะเป็นส่วนที่ถูกหั่นออกมาจากดวงที่ใหญ่กว่า และกำลังเติบโตด้วยตัวของมันเอง
พวกมันมีความสามารถในการฟื้นฟูที่แข็งแกร่งงั้นเหรอ?
โรเอลครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะวางหัวใจทั้งสองที่เชื่อมโยงกันลงด้วยใบหน้าที่เคร่งขรึม
หากปราศจากความสามารถในการทำลายล้างจากกรันด้าและเปตรา วิธีโจมตีเดียวที่น่าเชื่อถือของเขาในการรับมือกับความสามารถในการฟื้นฟูที่แข็งแกร่งระดับนี้คือ สัมผัสแห่งธารน้ำแข็ง ภายใต้สถานการณ์แบบนี้ เขาจะต้องลำบากมากแน่ ๆ ถ้าถูกศัตรูล้อม
โรเอลลงมือตรวจดูอวัยวะสำคัญอื่น ๆ ของซากศพนั้นต่อไป ก่อนจะตระหนักได้ว่าสภาพร่างกายของพวกมันแตกต่างจากร่างกายของมนุษย์อย่างมาก เด็กหนุ่มระงับความรังเกียจไว้จนในที่สุดก็ถึงขีดจำกัดและรีบไปที่มุมของกำแพง เขาหยิบกระดาษสีขาวที่วางอยู่รอบ ๆ ขึ้นมาแบบสุ่ม เพื่อเช็ดคราบเลือดที่มือออก
“แหวะ…”
ต้องขอบคุณการแช่แข็งอย่างทั่วถึงของโรเอล กลิ่นจึงไม่ได้หึ่งจนเกินไป อย่างไรก็ตาม การผ่าซากศพก็ยังคงเป็นเรื่องท้าทายสำหรับคนที่ไม่เคยมีประสบการณ์ด้านนี้มาก่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อสิ่งต่าง ๆ ข้างในแตกต่างจากที่คาดไว้
แค่คิดถึงไตรูปหัวใจของมันก็เพียงพอที่จะส่งคลื่นความเกลียดชังขึ้นในลำคออีกครั้ง โรเอลต้องหายใจเข้าลึก ๆ ยาว ๆ หลายครั้งก่อนจะสามารถกลับไปที่ซากศพได้อีกครั้ง
คราวนี้โรเอลละสายตาจากเลือดที่เปื้อนเลอะเทอะ เน้นไปที่ร่างกายโดยรวมของมัน ในไม่ช้าความสนใจของเขาก็หยุดลงที่แขนของพวกมัน
แขนขวาของมันหนากว่าแขนซ้าย? อืม ก็ปกติดีสำหรับผู้ชาย
“ไม่ นี่มันไม่ถูกต้อง นี่มันใหญ่เกินไปแล้ว!”
เปลือกตาของโรเอลพุ่งขึ้น เขายกแขนขวาที่ปูดเกินไปของซากศพขึ้นมา และพบว่ามีเนื้องอกบางชนิดกำลังเติบโตอยู่ภายใน ส่งผลให้มันมีขนาดใหญ่กว่าแขนซ้ายสองเท่า
ต่อให้เป็นนักดาบที่อุทิศชีวิตให้กับดาบ ก็คงไม่มีความแตกต่างในขนาดของแขนถึงขนาดนี้ โรเอลไม่สามารถหาเหตุผลเบื้องหลังความผิดปกตินี้ได้ ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงทิ้งมันเอาไว้ชั่วคราว
“มันยากที่จะสรุปด้วยตัวอย่างเพียงตัวอย่างเดียวสินะ”
โรเอลพึมพำขณะวางแขนขวาของสัตว์ประหลาดลง
เด็กหนุ่มหยิบดาบสีดำของทหารและตรวจสอบมัน เห็นได้ชัดว่ามันเป็นอุปกรณ์มาตรฐานของกองทัพ ไม่มีอะไรเกี่ยวกับการออกแบบที่โดดเด่นเป็นพิเศษ ดังนั้นจึงไม่มีอะไรที่จะสามารถอนุมานได้
เท่านี้โรเอลก็ได้ตรวจสอบเบาะแสที่เป็นไปได้ทั้งหมดที่สามารถหาได้จากทหารเกราะดำ แต่มันกลับเพิ่มความสงสัยในใจของเขายิ่งขึ้นไปอีก โชคดีที่เขามีความคิดที่ชัดเจนว่าจะต้องทำอะไรต่อ
เราต้องฆ่าทหารชุดเกราะดำเหล่านี้อีก เพื่อรวบรวมตัวอย่างเพิ่มเติม เพื่อที่เราจะได้แยกแยะว่าอะไรเป็นเรื่องธรรมดาและพิเศษสำหรับพวกมัน
อาคารหลังนี้น่าจะกำลังได้รับการปกป้อง แม้ว่าโรเอลจะยังไม่เจอกับใครเลยระหว่างการเดินทางอย่างอิสระในความฝันเมื่อวาน แต่มันก็เป็นไปได้ที่ศัตรูเลือกจะวางกำลังทหารรักษาการณ์รอบ ๆ ที่นี่หลังจากค้นพบการดำรงอยู่ของเขา ซึ่งหมายความว่าทางเข้าของอาคารอื่น ๆ เองก็น่าจะได้รับการป้องกันด้วยเช่นกัน
ด้วยเหตุนี้ จุดหมายต่อไปของโรเอลจึงชัดเจนขึ้นไปอีก
การเดินออกไปอย่างเปิดเผยผ่านทางเข้าหลักเป็นเรื่องโง่เขลา โรเอลจึงหยิบดาบของทหารชุดเกราะดำแล้วกระโดดออกไปทางหน้าต่าง ร่อนลงอย่างเงียบ ๆ เข้าไปในพุ่มไม้ จากนั้นก็เริ่มย่องไปทางอาคารที่อยู่ติดกัน
มันเป็นสำนักงานหน่วยรักษาความปลอดภัยเหมือน ๆ กัน มีโคมไฟแขวนแบบเดียวกัน และทหารชุดเกราะดำเหมือนกับคนก่อนที่ซ่อนตัวอยู่เงียบ ๆ ในมุมมืด ความรู้สึกแปลก ๆ อันซ้ำซากนี้ ทำให้โรเอลหรี่ตาลงในขณะที่เขาเหลือบมองไปยังแสงไฟที่แขวนอยู่
นี่หมายความว่าศัตรูกลัวความสว่างงั้นเหรอ? ไม่สิ นั่นไม่ถูกต้อง ร่างชายชุดดำสองคนที่เราเห็นเมื่อวานนี้ถือไม้เท้าที่มีตะเกียงห้อยอยู่ตรงปลาย แต่ก็ไม่มีทหารชุดเกราะดำคนไหนมีอาการรังเกียจหรือกลัวมัน
พวกมันแค่ซ่อนตัวอยู่ในเงามืดเพื่อซุ่มโจมตีผู้บุกรุกงั้นเหรอ?
ขณะไตร่ตรองถึงความเป็นไปได้ทั้งสองอย่าง โรเอลก็พุ่งเข้าหาศัตรูด้วยดาบ คราวนี้เขามีความมั่นใจมากขึ้น เพราะได้รู้แล้วว่าศัตรูของเขาไม่มีแรงต้านทานต่อสัมผัสแห่งธารน้ำแข็ง ดังนั้นเขาจึงต้องการทดสอบความแข็งแกร่งของพวกมัน
“&*#! ”
ทหารชุดเกราะดำปล่อยเสียงกรีดร้องที่เข้าใจได้ยากออกมา ขณะที่มันพุ่งไปข้างหน้าเพื่อป้องกันสถานที่จากผู้บุกรุก หลังจากแลกการโจมตีกันอย่างรวดเร็ว โรเอลก็สามารถสรุปข้อมูลคร่าว ๆ ได้
ความแข็งแกร่งของมันเทียบเท่ากับผู้มีพลังเหนือธรรมชาติระดับแก่นแท้ 5 แต่เห็นได้ชัดว่าร่างกายของมันขาดความเร็วและทักษะที่ดี และดูเหมือนว่ามันจะไม่ฉลาดเท่าไหร่นัก อีกทั้งยังไม่สามารถร่ายคาถาเวทได้ โดยรวมแล้วมันอ่อนแอกว่ามนุษย์ที่มีระดับแก่นแท้ 5 เล็กน้อย
อย่างไรก็ตาม พวกมันก็ยังถือว่าแข็งแกร่งหากเทียบกับทหารทั่วไป
หลังจากได้ทำการประเมินแล้ว โรเอลก็ยุติสิ่งต่าง ๆ ลง และลงมือกำจัดทหารชุดเกราะดำ แต่แล้วทหารชุดเกราะดำก็เริ่มสวดกระซิบแบบเดียวกับที่ร่างในชุดดำทำเมื่อคืนนี้ โจมตีจิตใจของโรเอลด้วยความเจ็บปวดราวกับจะแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ
ในจังหวะนั้นเอง ด้วยโอกาสนี้ ทหารชุดเกราะดำก็กระโดดไปข้างหน้าโดยไม่ลังเล
โรเอลตื่นตระหนกกับสถานการณ์ที่พลิกผัน แต่เขาก็ยังไม่ได้ปล่อยสัมผัสธารน้ำแข็งออกไปในทันที เขามีความคิดบางอย่างผุดขึ้นในใจ เด็กหนุ่มจึงรีบถอยไปที่โคมไฟที่แขวนอยู่อย่างรวดเร็ว ก่อนจะมองดูท่าทีของทหารชุดเกราะสีดำอย่างตั้งใจ
ทันใดนั้น จู่ ๆ ศัตรูที่พุ่งเข้าชนเข้ามาก็หยุดลง ก่อนที่จะถึงจุดตัดระหว่างแสงและเงา