ทรราชตัวน้อย ไม่อยากพบจุดจบแบบ BAD END - บทที่ 287: คุณต้องการรักษา
บทที่ 287: คุณต้องการรักษา
หลังจากสามวันของการตั้งค่าย อดทนรอที่จุดเดิม อย่างมั่นคงในจุดเดิม ในที่สุดโรเอลก็สามารถจับเหยื่อของเขาได้ ขณะเดียวกันในป่าใกล้ ๆ จุดหยุดพักฟูลเต้ เด็กสาวผมดำก็ลืมตาขึ้นเมื่อเห็นคำเตือนของพอล
หินคู่จำแลงเป็นแร่เวทมนตร์ที่หาได้ยากไม่เหมือนที่ไหนในทวีปเซีย มันมีอยู่เป็นคู่และเมื่อใดก็ตามที่หนึ่งในนั้นถูกเติมด้วยพลังเวท อีกหนึ่งก็จะเปล่งแสงสะท้อนออกมา
หินก้อนเล็ก ๆ ในมือของพอลเปลี่ยนเป็นสีแดงเข้มเรืองแสง ราวกับสะท้อนถึงจิตสังหารอันเดือดพล่าน ภายใต้ภาพลักษณ์อันสงบเสงี่ยมของลิเลียน เธอลุกขึ้นยืนจากนั้นสมาชิกทุกคนในทีมปฏิบัติการพิเศษก็ลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว แบ่งตัวเองออกเป็นสองกลุ่ม
“ไปกันเถอะ”
มันเป็นเพียงคำง่าย ๆ แต่หนักอึ้งกว่าปกติมาก ทั้งสองกลุ่มเริ่มมุ่งหน้าไปยังจุดหมายปลายทางอย่างรวดเร็วภายใต้ม่านแห่งยามราตรี
ขณะเดียวกัน เสียงนกกาก็เริ่มก้องกังวานภายในห้องเก็บไวน์ ทำให้นักฆ่ามือเปื้อนเลือดต่างเงยหน้าขึ้นหันไปมองหน้ากัน
“ภาวะฉุกเฉิน! อธิการส่งข่าวมาแล้ว!”
“ถอยก่อน หนีไปตามที่เราวางแผนกันเอาไว้!”
พวกลัทธิชั่วร้ายเริ่มลงมือทันที โดยที่ไม่รู้เลยว่ามันสายเกินไปแล้ว
…
เสียงร้องอย่างทนทุกข์ทรมานไม่ใช่สิ่งที่โรเอลชอบเท่าไหร่ เพราะมันเป็นสัญลักษณ์แห่งความเจ็บปวดและความทุกข์ทรมาน ซึ่งมักจะเป็นลางสังหรณ์ของสิ่งเลวร้าย แต่ไม่ใช่วันนี้
เมื่อได้ฟังเสียงคำรามของมาซีอุส โรเอลก็รู้สึกว่าในที่สุดความโกรธและความขุ่นเคืองที่เดือดพล่านอยู่ภายในตัวเขาตลอดสามวัน ก็ได้ถูกปลดปล่อยออกมา รอยยิ้มของเขาสว่างขึ้นเมื่อเสียงร้องของอีกฝ่ายดังขึ้น
เสียงกรีดร้องของคนบาปนั้นไม่น่าพอใจเท่าไหร่ แต่อย่างน้อยก็ทำให้สงบใจได้ โรเอลคิด
ในขณะเดียวกันมาซีอุสที่หน้าซีดก็ถอยกลับเข้าไปพิงกำแพงและตะโกนออกมา
“นักเรียนคนนั้น เธอกำลังทำอะไรน่ะ? มันผิดกฎของสถาบันการศึกษาที่จะโจมตีอาจารย์นะ!”
มาซีอุสพยายามซื้อเวลาให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพื่อให้ฟื้นตัว
การปรากฏตัวของโรเอลที่นี่นั้นมากเกินพอแล้วที่จะทำให้มาซีอุสรู้ความจริงว่าผู้ถือแหวนกุหลาบน้ำเงินที่เขาดูถูกมาตลอด นั้นเห็นจดหมายของเมลตี้และทำการสืบสวนอย่างลับ ๆ อีกทั้งยังเตรียมการเบี่ยงเบนอันซับซ้อนเพื่อหลอกล่อเขา ทำให้เขาลดความระมัดระวังลงและติดกับ
เราถูกเปิดโปงแล้ว เราต้องรีบถอย!
มาซีอุส ตื่นตระหนกอย่างเต็มที่ เขาพยายามรักษารูปลักษณ์อันไร้เดียงสาบนใบหน้า ขณะแอบส่งพลังเวทอย่างลับ ๆ ไปเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการสวนกลับ สิ่งที่จำเป็นในตอนนี้คือให้โรเอลลดความระมัดระวังลง
เขาได้เห็นภาพฉายภาพการต่อสู้ของโรเอลใน ‘ค่ำคืนแห่งปีศาจ’ ดังนั้นเขาจึงรู้ว่าอย่างน้อย ๆ เขาก็ต้องทำให้โรเอลไร้ความสามารถก่อน ถึงจะมีโอกาสหลบหนีไปได้ นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงไม่รีบเร่งหนีออกจากห้องพักในทันที
ด้านนอกหอพักแห่งนี้มีป่าไม้ที่ไร้ซึ่งสิ่งกีดขวางทางธรรมชาติอย่างภูเขาหรือแม่น้ำ ทันทีที่เขาไปถึงที่โล่ง โรเอลก็จะสามารถปลดปล่อยพลังอันยิ่งใหญ่ของโครงกระดูกยักษ์ได้โดยไม่ต้องกังวลใด ๆ
มาซีอุสไม่คิดจะวิ่งหนีโครงกระดูกยักษ์บนพื้นที่ราบแน่ เพราะนั่นเป็นหนทางสู่ความตายอย่างไม่ต้องสงสัย
“ฉันกำลังลาดตระเวนอยู่รอบ ๆ บริเวณนี้ก่อนจะสัมผัสได้ถึงการไหลเวียนที่ผิดปกติของพลังเวท ดังนั้นฉันจึงเข้ามาดู พอมาคิด ๆ ดูแล้ว คงเป็นเพราะเธอซ่อนตัวอยู่ที่นี่ มาทำอะไรที่นี่กัน!?”
มาซีอุสผู้มีไหวพริบเฉียบแหลมพบคำอธิบายอย่างรวดเร็วและเริ่มตั้งคำถามกับเด็กหนุ่มอย่างชอบธรรม การแสดงที่สมจริงของเขาทำให้เกิดความสงสัยในใจของโรเอลได้สำเร็จ อีกฝ่ายดูประหลาดใจอยู่ชั่วครู่ขณะที่เขาพยายามประมวลผลว่าเกิดอะไรขึ้น
“แกอ้างว่าตัวเองเป็นอาจารย์สินะ ไหนล่ะหลักฐาน?”
“ฉันมีบัตรประจำตัวอยู่ในกระเป๋า ฉันเป็นหัวหน้าสำนักข้อมูลนักเรียน มาซีอุส คอลลาร์ด! เธอคือโรเอล แอสคาร์ดใช่ไหม? ฉันรู้จักอาจารย์ของเธอ คริส ไวลด์ ฉันจะไม่ปล่อยให้เรื่องนี้จบง่าย ๆ แน่!”
“เดี๋ยวก่อนนะ คุณไม่ใช่พวกลัทธิชั่วร้ายที่มาที่นี่เพื่อปลิดชีพเมลตี้หรอกเหรอ? น..นี่เป็นความเข้าใจผิดงั้นเหรอเนี่ย!”
โรเอลรู้สึกไม่สบายใจอย่างยิ่งเมื่อได้ยินเรื่องราวของมาซีอุส เขาตื่นตระหนกครู่หนึ่งก่อนจะรีบส่งพลังเวทไปยังไม้เท้าในมือ
“ผมมาสังเกตการณ์ที่นี่เพราะได้ยินมาว่านักเรียนคนนี้ตกเป็นเป้าหมายของพวกลัทธิชั่วร้าย ไม่คิดเลยว่าจะจบลงด้วยการทำร้ายอาจารย์แทนซะได้ นี่เป็นความเข้าใจผิด ได้โปรดให้ผมรักษาบาดแผลของคุณเถอะ!”
โรเอลยกไม้เท้าขึ้นในขณะกล่าวขอโทษด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความรู้สึกผิด มาซีอุสประเมินปฏิกิริยาของเด็กหนุ่มอย่างรอบคอบพร้อมกับไม้เท้าในมือ และเขาก็อดไม่ได้ที่จะเบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจ
ช่างเป็นพลังชีวิตที่ทรงพลังอะไรเช่นนี้!
มีคาถาเวทรักษามากมายในทวีปเซีย แต่ส่วนใหญ่มักจะมีข้อบกพร่อง ยกตัวอย่างเช่นนักบวชของโบสถ์ศักดิ์สิทธิ์ คาถาเวทรักษาของพวกเขามาพร้อมกับผลแห่งการชำระล้าง ซึ่งเสี่ยงต่อการบ่อนทำลายความสมบูรณ์ทางกายภาพของร่างกายมนุษย์ ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดปัญหาได้ทุกประเภท วิธีเดียวที่จะรักษาคนโดยไม่เกิดผลข้างเคียงก็คือการเติมพลังชีวิต
วิธีการรักษาขั้นสูงดังกล่าวมีประสิทธิภาพเป็นอย่างยิ่ง
มาซีอุสยังคงเจ็บปวดทรมานหลังจากที่สูญเสียแขนไป ดังนั้นข้อเสนอที่จะรักษาให้เขาจึงเป็นโอกาสที่ดี ดวงตาของเขาเป็นประกายด้วยความตื่นเต้นทันที ขณะที่ในใจนึกเยาะเย้ยด้วยความรังเกียจ
หึ สุดท้ายแล้ว เขาก็ไม่ได้เป็นอะไรมากไปกว่าเด็กเหลือขอนี่นา เขาอาจจะแข็งแกร่ง แต่ไม่มีประสบการณ์อะไรเลย ที่ต้องทำก็แค่ทำให้เขาตื่นตระหนก
“เอาล่ะ ดูเหมือนว่ามันจะเป็นแค่ความเข้าใจผิดจริง ๆ เร็วเข้ารีบรักษาฉันสิ!”
มาซีอุสยังคงจ้องไปที่โรเอลอีกครู่หนึ่งก่อนที่จะยอมจำนนในที่สุดระหว่างรอการรักษา เขาก็ได้แอบส่งพลังเวทไว้ในมือ พร้อมที่จะโจมตีใส่โรเอลทันทีที่การรักษาเสร็จสิ้น
กลับกันแล้วโรเอลดูโล่งใจอย่างเห็นได้ชัดเมื่อได้รับอนุญาต เขาชี้ไม้เท้าไปทางมาซีอุส ฉายแสงสีเหลืองซีดมาที่เขา
เมื่อจ้องมองไปยังแสงสีเหลืองซีด มาซีอุสก็ไม่สามารถควบคุมสีหน้าของเขาได้อีกต่อไป ริมฝีปากของเขาก็ขดขึ้นเล็กน้อย ขณะเดียวกันโรเอลก็ยิ้มออกมาเช่นกัน
วินาทีต่อมาจู่ ๆ รอยยิ้มของมาซีอุส ก็หยุดนิ่ง
ใบหน้าของเขากลายเป็นหิน
“อ้ากกกกกกก!”
มาซีอุสร้องด้วยความเจ็บปวดเป็นครั้งที่สองตั้งแต่เข้ามาในห้องนี้ ภายใต้ ‘การรักษา’ อันอบอุ่นหัวใจของโรเอล ผิวของเขาเริ่มเปลี่ยนเป็นสีเทาในอัตราที่น่ากลัว พอรู้ตัวว่าตนตกอยู่ในอันตรายเขาก็รีบปลดปล่อยพลังเวทที่เขารวบรวมมาจนถึงตอนนี้และทำลายผิวที่กลายเป็นหินบนใบหน้า ก่อนจะพุ่งไปที่หน้าต่างแล้วกระโดดออกไป
เขาอยากจะหนีให้เร็วที่สุด แม้ว่ามันจะหมายถึงการทำให้ตัวเองอยู่ในตำแหน่งที่แย่กว่าการเผชิญหน้ากับแสงสีเหลืองซีดก็ตามที!
นัยน์ตาแห่งศิลาของเปตราไม่ได้เป็นเพียงคำสาปผิวเผินเพียงแค่สร้างชั้นหินเหนือผิวหนังเท่านั้น ผิวที่กลายเป็นหินหลุดออกจากเนื้อของมาซีอุส ทำให้ใบหน้าของเขาแสบเมื่อถูกลมพัดมา กว่าเขาจะหนีออกจากหอพักได้ใบหน้าของเขาก็เปื้อนเลือดไปหมดแล้ว
“คุณโรเอล …”
“ฉันจะไล่ตามเขาไปเอง สมาชิกของชมรมสารพัดจ้างกำลังเดินทางมาที่นี่ ดังนั้นอย่าได้เคลื่อนไหวโดยประมาท”
หลังจากออกคำสั่งไปยังเมลตี้ที่กังวลใจ โรเอลก็รีบวิ่งออกไปนอกหน้าต่างตามมาซีอุสอย่างรวดเร็ว พลังเวทสีแดงเริ่มบรรจบกันทั่วร่างกายของเขา ปรากฏเป็นโครงกระดูกขนาดมหึมาจากพลังทางสายเลือด เขารีบตามรอยเลือดของศัตรูไปอย่างรวดเร็ว ตามหามาซีอุสโดยไม่ลังเล
ทันทีที่มาซีอุสเห็นแสงสีแดงเข้ม เขาก็รู้ว่าการคาดการณ์ก่อนหน้านี้ของเขาเป็นจริง เขาวิ่งให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่เสียงกระแทกจากข้างหลังเขากลับใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ จนในที่สุดเงาขนาดมหึมาก็เริ่มปกคลุมเขา บดบังแสงจันทร์ ในไม่ช้าเขาก็สัมผัสได้ถึงพลังเวทอันเดธที่มาจากกรันด้า
ว่าแล้ว! เราไม่มีทางที่จะเอาชนะเขาได้ในที่โล่ง แบบนี้เราหนีไม่รอดแน่ ให้ตายสิ ถ้าทุ่มสุดตัวตอนนี้ล่ะก็ อาจจะยังมีโอกาสรอดอยู่ก็ได้!
มาซีอุสกัดกรามด้วยความโกรธ เขาโกรธมากที่โรเอลหลอกล่อเขา แต่ความโกรธนี้ไม่ได้ทำให้จิตใจของเขาขุ่นมัว เขารู้ว่าโครงกระดูกยักษ์ไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่รับมือง่าย ๆ มันเปล่งพลังเวทของเทพเจ้าโบราณออกมา ปลูกฝังความกลัวลึกลงไปในหัวใจของเขา เพื่อจัดการกับการตัวตนระดับนั้น เขาเองก็ต้องหันไปใช้ไพ่ตายสุดท้ายของตัวเอง
อัสทาร์ เทพเจ้าแห่งความชั่วร้ายที่บูชาโดยลัทธิสังเวยโลหิต มันถูกพรรณนาว่าเป็นตัวตนที่สร้างขึ้นจากเนื้อและเลือด และมักจะแอบมองโลกมนุษย์จากในเงามืด
เขาจะต้องยืมพลังของอัสทาร์ เพื่อพลิกสถานการณ์นี้
มาซีอุสรู้ว่าการวิ่งต่อไปนั้นไร้ประโยชน์ เขาจึงชักมีดออกมาและผ่าท้องของตัวเอง น่าตกใจที่บาดแผลที่เขาทำด้วยตัวเขาเองไม่มีเลือดไหลออกมา เลือดทั้งหมดที่กำลังจะไหลออกจากร่างกายของเขากลับหายไปราวกับว่ามันถูกกลืนกินโดยสิ่งมีชีวิตที่มองไม่เห็น พร้อมกับการกลืนกินอันน่าขนลุกในอากาศ
โรเอลรู้ทันทีว่าบางสิ่งที่อันตรายกำลังจะเกิดขึ้น เป็นที่ทราบกันดีในทวีปเซีย ว่าคาถาเวทที่แข็งแกร่งต้องการค่าใช้จ่ายมหาศาล เพื่อแลกกับพลังอันทรงพลัง เมื่อเห็นว่ามาซีอุสยอมสละถึงขั้นจ่ายค่าใช้จ่ายให้กับเทพเจ้าชั่วร้ายที่เขาบูชา โรเอลก็สั่งให้กรันด้าถอยออกไปทันที
วินาทีต่อมาเส้นเลือดฝอยหลายร้อยเส้นก็พุ่งออกมาจากร่างของมาซีอุส ตอนแรกที่มันโผล่ออกมาจากร่างกายของเขา พวกมันไม่ได้ใหญ่มากไปกว่าเส้นไหม แต่แล้วมันก็ขยายตัวอย่างรวดเร็วบนท้องฟ้าและกลายเป็นปลิงเลือดอันน่าสะพรึงกลัวยาวกว่าห้าสิบเมตรและมีฟันแหลมคมอยู่ที่ปลาย
การล่าถอยของกรันด้าทำให้การโจมตีครั้งแรกของปลิงกระหายเลือดล้มเหลว พวกมันถอยห่างออกไปทันทีหลังจากนั้น ปลิงเลือดนับร้อยเหล่านี้เริ่มทอเข้าด้วยกันเพื่อสร้างร่างยักษ์เนื้อ
ยักษ์เนื้อตัวนี้ดูเหมือนกับสิ่งที่ทำมาจากแผ่นเนื้อยาวที่ผสานเข้าด้วยกัน มันไม่มีตาหรือจมูก มีแต่ปากขนาดมหึมาที่ส่งเสียงกระซิบอย่างชั่วร้าย การกำเนิดของมันทำให้เกิดแสงสีแดงเลือดวาบ ส่งกลิ่นเหม็นของซากศพอบอวลไปรอบ ๆ อย่างรวดเร็ว มีเงาพร่ามัวอยู่ด้านหลัง ชวนให้นึกถึงการฉายภาพบางอย่าง
มันเป็นการฉายภาพจำลองของอัสทาร์
โรเอลรู้สึกว่าคุณสมบัติแก่นแท้ต้นกำเนิดของเขาสั่นไม่หยุดต่อหน้าสิ่งมีชีวิตที่น่ากลัวนี้ ทำให้ใบหน้าของเขาขมวดคิ้วแน่น
เสียงร้องของสัตว์ประหลาดทำลายความเงียบสงบในยามค่ำคืน กระตุ้นให้นักเรียนในหอพักใกล้เคียงเปิดหน้าต่างออกมาดู ทันทีที่พวกเขาเห็นยักษ์เนื้อสูงตระหง่านอยู่กลางป่า จิตใจของพวกเขาก็สั่นสะท้านราวกับว่าจิตใจของพวกเขาถูกค้อนทุบ บางคนแค่สะบัดหัวเพื่อให้หลุดออกจากอาการปวดหัวกะทันหัน ในขณะที่บางคนถึงกับเป็นลมในทันที
“เทพปีศาจงั้นเหรอ? มันแข็งแกร่งมากไหม? เราจะจัดการกับมันได้รึเปล่า?”
“ก็เฉย ๆ”
กรันด้า ประเมินยักษ์เนื้อที่ดิ้นอย่างน่ากลัวด้วยดวงตาที่เปล่งประกายเป็นไฟด้วยเสียงที่สงบแต่น่าสยดสยอง คิ้วของโรเอลกระตุกเล็กน้อย จากนั้นเขาก็รีบถามคำถามอื่น
“จะเกิดอะไรขึ้นถ้าฉันเปลี่ยนพลังชีวิตของฉัน เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งของเป็นระดับแก่นแท้ 3 ?”
“ขยะ”
“ก็ได้ ฉันเข้าใจแล้ว”
โรเอลพยักหน้าด้วยรอยยิ้มเมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้น
แสงสีเหลืองซีดปกคลุมร่างกายของเขา จากนั้นพลังเวทของเขาก็พุ่งพล่านขึ้นอย่างรวดเร็ว
แม้แต่สิงโตก็ยังใช้พลังเต็มที่ในการออกล่ากระต่าย ไม่มีทางที่โรเอลจะยอมให้กรันด้าอับอายต่อหน้าเทพเจ้าชั่วร้ายที่ไม่ทราบที่มา เพียงเพราะความอ่อนแอของเขาแน่
ทันทีที่กรันด้าได้รับพรจากโรเอล ร่างกายของเขาได้ปลดปล่อยพลังเวทสีแดงเข้มสาดส่องไปทั่วท้องฟ้ายามค่ำคืน เปลี่ยนมันให้เป็นสีแดง พายุที่รุนแรงได้พัดผ่านอากาศ ระงับกลิ่นเหม็นอันน่าสะพรึงกลัวของเทพเจ้าแห่งความชั่วร้าย แม้แต่ภาพจำลองของอัสทาร์ ก็เริ่มสั่นไหวราวกับแสงเทียนที่ใกล้จะดับ
ยักษ์ทั้งสองยืนเผชิญหน้ากันโดยเว้นระยะห่างหนึ่งพันเมตรระหว่างพวกเขา ยักษ์เนื้อร้องอย่างบ้าคลั่งขณะที่กรันด้ายืนอย่างสงบเหมือนปกติ จากนั้นทั้งสองก็พุ่งออกไปพร้อมกัน
ยักษ์เนื้อดิ้นไปมา ทิ้งร่องรอยของเนื้อและเลือดที่เน่าเปื่อยไว้เบื้องหลัง แขนของมันแปรเปลี่ยนเป็นหนวดจำนวนนับไม่ถ้วนที่เตรียมจะฝังฟันอันแหลมคมของพวกมันลงไปในเหยื่อ
ในทางกลับกัน ร่างของกรันด้า ถูกปกคลุมไปด้วยสายฟ้าและเปลวเพลิง ความเร็วในการพุ่งชนของเขาทำให้เกิดเสียงระเบิดดังสนั่น เสียงแตกจากหมัดของเขาบ่งบอกถึงพลังทำลายล้าง ทันทีที่เขาชกหมัด สายฟ้าและเปลวไฟก็ไหลมารวมกันทำให้เกิดแสงสีขาวที่ทำให้ตาพร่า ส่องสว่างไปทั่วป่าอันมืดมิด
หนวดถูกฉีกขาดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยภายใต้คลื่นกระแทกอันแรงกล้าของการโจมตี และเลือดที่มีฤทธิ์กัดกร่อนก็ระเหยกลายเป็นไอต่อหน้าเปลวเพลิง กำปั้นของกรันด้าจมลงไปในเทพเจ้าชั่วร้ายราวกับดาวหางที่ตกลงมา
เมื่อเผชิญหน้ากับพลังดังกล่าว ร่างที่หนาและเป็นก้อนของยักษ์เนื้อก็ถูกบดขยี้อย่างง่ายดายราวกับมะเขือเทศที่เน่าเสีย เลือดและเนื้อกระเซ็นไปทั่วทุกทิศทุกทาง
แผละ!
ด้วยการระเบิดอันทรงพลัง ครึ่งบนของยักษ์เนื้อถูกระเบิดเป็นปลิงที่ดิ้นไปมานับไม่ถ้วนที่ตกลงมาทั่วป่า แต่สิ่งต่าง ๆ นั้นยังไม่จบ ปลิงที่กระจัดกระจายเหล่านี้กำลังแสดงสัญญาณของการรวมตัวกลับเข้าไปในยักษ์เนื้อ
อย่างไรก็ตามกรันด้าไม่ได้ตกใจเลย
หลังจากทุบร่างของเทพเจ้าชั่วร้ายแล้ว แขนของกรันด้าก็เหยียดออกและจับภาพจำลอง อัสทาร์ที่เบลออยู่ด้านหลังยักษ์เนื้อ ในขณะนั้นเองโรเอลรู้สึกถึงอารมณ์อื่นจากสัตว์ประหลาดตัวนี้อย่างชัดเจนนอกเหนือจากความบ้าคลั่ง
ความกลัว
แม้จะเหลือเพียงครึ่งล่างของร่างกาย ยักษ์เนื้อก็ยังคงต่อสู้กับกรันด้าอย่างสิ้นหวัง แต่มันก็ไร้ประโยชน์ หนวดใด ๆ ที่กล้าเข้าใกล้กรันด้าล้วนระเหยเป็นไอจากความร้อนของสายฟ้าและเปลวเพลิง
กรันด้าชูภาพจำลองของเทพเจ้าชั่วร้ายขึ้นสูงราวกับจับที่คอของมัน มือของเขาเรืองแสงด้วยแสงที่ดูอันตรายขณะที่เขาขับเคลื่อนคุณสมบัติแก่นแท้ต้นกำเนิดแห่งความแข็งแกร่งให้เต็มกำลัง ด้วยเสียงคำรามอันโกรธเกรี้ยว เขาบดขยี้ภาพที่กำลังดิ้นรนอย่างสุดกำลัง ทำให้มันกลายเป็นฝุ่น
ตูม!
ทันทีที่ภาพจำลองพังทลาย ร่างกายส่วนล่างของยักษ์เนื้อก็ล้มลงทันที เงียบไปครู่หนึ่งก่อนที่มันจะขยายออกอย่างกะทันหันและระเบิดเป็นหมอกสีเลือด ปลิงที่กระจัดกระจายไปทุกหนทุกแห่งก็ค่อย ๆ หมดแรงและหยุดดิ้น
มันจบแล้ว
กรันด้ากระจายหมอกเปื้อนเลือดด้วยคลื่นจากการสะบัดแขนของเขา หลุดออกมาจากร่างกายส่วนล่างที่ถูกบี้ของยักษ์เนื้อ ชายวัยกลางคนทรุดตัวลงกับพื้น ร่างกายของเขาเหี่ยวเฉา และดูเหมือนว่ากำลังอยู่ในลมหายใจสุดท้าย
เมื่อมองไปที่มาซีอุสผู้อ่อนแออย่างหมดแรง ในที่สุดโรเอลก็รู้สึกว่าความโกรธที่แผดเผาในหัวใจของเขาก็เริ่มสงบลงแล้วเล็กน้อย
“ยังมีชีวิตอยู่อีกเหรอ? แบบนี้แกก็พร้อมเดินทางครั้งสุดท้ายไปยังประตูนรกที่ชานชาลาของเพชฌฆาตได้แล้วนะสิ”
โรเอลเดินไปที่ด้านข้างของมาซีอุส และถ่มน้ำลายใส่อย่างเย็นชา
“แกถูกจับแล้ว”