ทรราชตัวน้อย ไม่อยากพบจุดจบแบบ BAD END - บทที่ 322: จูบของใคร(1)
บทที่ 322: จูบของใคร(1)
ควันพวยพุ่งออกมาจากสรวงสวรรค์ที่ถูกแผดเผา
ทั้งต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์และพื้นหญ้าลุกเป็นไฟ วิญญาณต่างหนีกระจัดกระจายกันออกไปอย่างจ้าละหวั่น คลื่นความร้อนรุนแรงได้เผาต้นไม้ของเหล่าทวยเทพโบราณ แม้แต่ร่างกายของพริสเลย์ก็ถูกเผาไหม้ด้วยความร้อน จนไม่เหลืออะไรนอกจากเสียงกรีดร้องอันแผ่วเบาท่ามกลางเปลวเพลิง
แสงสว่างของเปลวเพลิงสร้างความแตกต่างให้กับท้องฟ้ายามค่ำคืน ดึงดูดสายตาที่ตกตะลึงของเหล่าทหารและนักเรียนที่กำลังหลบหนี ขณะเดียวกันกองทัพสัตว์ประหลาดในเมืองต่างก็วิ่งหนีกระจัดกระจายกันไปอย่างรวดเร็วด้วยความเกรงกลัวต่อเพลิงศักดิ์สิทธิ์
โรเอลจ้องไปที่เปลวเพลิงโลกันต์แห่งปฐมภูมิเบื้องหน้าเขา พลางคิดว่าในที่สุดทุกอย่างก็ได้มาถึงจุดจบแล้ว
แม้แต่ตัวตนที่ทรงพลังระดับพริสเลย์ เมื่อเผชิญกับเปลวเพลิงโลกันต์แห่งปฐมภูมิของเทพเจ้า ก็ยังต้องพบกับจุดจบ คาถาฟื้นฟูโบราณอันทรงพลังของเขาไร้ประโยชน์ต่อหน้าไฟแห่งการชำระล้างที่ลุกโชติช่วง ไม่มีทางเลยที่เขาจะรอดจากเปลวไฟที่ไม่มีวันดับนี้ไปได้ หากจะต่อต้านก็รั้งแต่จะทำให้ความทุกข์ทรมานของเขานานขึ้นเท่านั้น
ทันทีที่จักรพรรดิแห่งมนุษยชาติล้มลง ยุคสมัยก็ถึงจุดสิ้นสุด
การดับสูญของพริสเลย์ กระตุ้นให้เกิดความคิดมากมายในหัวของโรเอล แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้เขาสนใจที่สุดก็คือ การที่พริสเลย์สามารถร่ายดาบแห่งนักบุญศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมาได้ภายใต้แรงกดดันมหาศาลที่มาจากอาร์เทเชีย ซึ่งเป็นอะไรที่เกินกว่าขอบเขตความสามารถในปัจจุบันของเขาไปมาก
ด้วยพรของเทพเจ้าโบราณบนแท่นบูชา พริสเลย์สามารถฟื้นคืนวัยของเขากลับไปสู่ช่วงที่ยังหนุ่มได้แม้ว่าจะเป็นเพียงแค่ชั่วคราวก็ตาม นี่หมายความว่าพลังสายเลือดของเขาสามารถทำอะไรได้มากกว่าแค่ปกป้องตัวเขาจากเวทมนตร์ มันสามารถควบคุมพลังแห่งการฟื้นฟูได้เช่นกัน
ทว่าเนื่องจากไม่มีอะไรสามารถคุกคามพริสเลย์ได้ในฐานะที่เขาเป็นผู้มีพลังเหนือธรรมชาติระดับแก่นแท้ 1 ทำให้ความเกรงกลัวต่อความตายครอบงำเขาให้หลีกเลี่ยงสถานการณ์เสี่ยง เมื่อปราศจากแรงกดดันที่จะผลักดันเขาไปข้างหน้า ราชาจอมเวทย์จึงไม่เคยสำรวจความเป็นไปได้ทั้งหมดของความสามารถทางสายเลือดของตนเอง
ช่างเป็นเรื่องน่าขันที่พริสเลย์ได้ทรยศต่อมนุษยชาติ เพื่อเป้าหมายบางอย่างที่เขาอาจจะมีอยู่ในครอบครองมาโดยตลอด
ถ้าราชาจอมเวทย์เลือกที่จะเสี่ยงชีวิตเพื่อปกป้องรักษามนุษยชาติสักครั้งล่ะก็ นี่อาจเป็นเรื่องราวของวีรบุรุษที่ได้รับรางวัลจากการเสียสละอันสูงส่งของเขา น่าเสียดายที่ชายชราผู้ครั้งหนึ่งเคยเป็นมหาปราชญ์ได้ทอดทิ้งสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับเขาไป
โรเอลมองไปยังไฟนรกที่โหมกระหน่ำ และถอนหายใจออกมา
กลับกันแล้วอาร์เทเชียขมวดคิ้วด้วยความไม่พอใจที่ทุกอย่างจบลงอย่างรวดเร็ว มันเป็นการคืนชีพที่ราชินีแม่มดผมขาวรอคอยมานาน ทว่าคู่ต่อสู้ของเธอกลับไม่สามารถทนอยู่ได้นานพอที่จะสร้างความสนุกสนานให้กับเธอ
“พวกเราคงจะได้เล่นกันนานกว่านี้อีกหน่อย ถ้าเขาไม่เร่งรีบ ช่างโง่เขลาเสียนี่กระไร”
อาร์เทเชียคร่ำครวญด้วยความเบื่อหน่าย
สำหรับโรเอลนี่เป็นศึกที่อันตรายและตัดสินด้วยชีวิต อย่างไรก็ตามสำหรับอาร์เทเชียแล้ว มันไม่ได้ต่างอะไรไปจากการละเล่น ผลของการต่อสู้นั้นถูกกำหนดเอาไว้แล้วตั้งแต่วินาทีที่เธอปรากฏตัวแล้ว
“ต้องขอยอมรับเลยว่า ร่างกายนี้ทำให้ข้ารู้สึกอัศจรรย์มาก นี่สินะคือร่างของผู้สืบสายเลือดตระกูลแอสคาร์ด ?”
อาร์เทเชียมองดูมือของเธอ ก่อนจะกำมันเอาไว้ช้า ๆ รู้สึกถึงความพิเศษอันเป็นเอกลักษณ์ของร่างกายที่เธอได้รับมา พร้อมดวงตาที่ขดลงอย่างมีความสุข
“ช่างเป็นประสบการณ์ที่หายากอะไรเช่นนี้ แม้ว่าร่างนี้จะแตกต่างจากผู้สืบทอดสายเลือดดั้งเดิมอย่างเจ้า ด้วยความแตกต่างทางคุณสมบัติแก่นแท้ต้นกำเนิด แต่มันก็ทำให้ข้ารู้สึกพึงพอใจมาก อา ข้าเริ่มรู้สึกเสียใจที่จะได้ครอบครองมันเพียงแค่คืนเดียวเสียแล้วสิ”
อาร์เทเชียวางมือบนแก้ม ซึ่งโรเอลก็หันกลับมามองเธอ ใช้เวลาครู่หนึ่งก่อนจะถามเธอในที่สุด
“เธอไม่โกรธฉันเหรอ ?”
โรเอลได้วางแผนเอาไว้อย่างละเอียดถี่ถ้วน เขาบังคับให้พริสเลย์ทำลายเกราะพลังเวทย์ของมิติห้วงความฝันของแอสตริด เพื่อบิดเบือนขอบเขตระหว่างมิติห้วงความฝันกับความเป็นจริง ทำให้แอสตริดส่งเลือดของเธอออกมาได้ และใช้เลือดนั้นเป็นตัวแปร ทำให้ลิเลียนสามารถแปลงร่างเป็นผู้ท่องความฝันได้ชั่วคราว
เขาใช้ประโยชน์จากร่างกายที่มีเอกลักษณ์ของผู้ท่องความฝันที่จะสลายกลายเป็นตัวตนไร้รูปร่างในรุ่งสาง ทำให้สามารถบังคับอาร์เทเชียให้ทำตามสัญญาของเธอ ในขณะที่ทำให้เธอไม่มีโอกาสที่จะสถิตอยู่ในร่างของลิเลียนต่อ
ทุกอย่างเป็นไปด้วยดี แต่มีสิ่งหนึ่งที่โรเอลไม่ได้คำนวณเอาไว้ นั่นก็คือคำตอบของอาร์เทเชีย
โรเอลได้ทำการหลอกลวงราชินีแม่มดอ้อม ๆ และได้เริ่มเตรียมการวางแผนหลอกลวงเธอตั้งแต่การพบกันครั้งล่าสุดของพวกเขา
ในตอนที่โรเอลถูกนำเข้ามาในสถาบันการศึกษาในยุคนี้เป็นครั้งแรก เขาก็ได้สังเกตเห็นว่าทิวทัศน์ของมันมืดมิดกว่าปกติเล็กน้อย และนาฬิกาเองก็หยุดนิ่งภายในมิติห้วงความฝัน สิ่งเหล่านี้เป็นสัญญาณว่า ‘ความฝัน’ ที่เขาเคยมีผ่านการชี้นำของแหวนกุหลาบดำมีความเกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดกับมิติห้วงความฝัน
และเมื่อเขาได้พบกับแอสทริดด้วยตนเอง ในที่สุดเด็กหนุ่มก็สามารถยืนยันได้ว่าทั้งสองอย่างมาจากต้นกำเนิดเดียวกัน ด้วยการตระหนักรู้นี้ ในที่สุดโรเอลก็รวบรวมชิ้นส่วนปริศนาทั้งหมดที่เขาต้องการในการเอาชนะอุปสรรคในครั้งนี้ได้
การพบกันครั้งสุดท้ายของโรเอลกับอาร์เทเชียเป็นการแสดง เขาจำเป็นต้องเกลี้ยกล่อมให้เธอช่วยเขาโค่นพริสเลย์ ทว่าสิ่งที่เกินกว่าความคาดหมายของเด็กหนุ่มไป ก็คือการที่ราชินีแม่มดได้ให้คำสัญญากับเขาอย่างจริงจัง
โรเอลเฝ้ารอการระเบิดโทสะของราชินีแม่มดเงียบ ทว่าอีกฝ่ายกลับไม่ได้อารมณ์เสียอะไรจนน่าประหลาด เธอเพียงแต่กะพริบตาและมอบรอยยิ้มให้กับเขาแทน
“ข้าจะไม่ปฏิเสธว่าแผนการของข้านั้นล้มเหลว แต่ข้าก็ไม่ได้โกรธเคืองอะไร อย่างที่ข้าเคยบอกเจ้าไปก่อนหน้านี้ ข้าสนุกกับการเห็นความขัดแย้งภายในของเจ้า ในภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก และหวังอย่างจริงใจว่าเจ้าจะสามารถเอาชนะอุปสรรคเหล่านั้นที่เจ้าต้องเผชิญได้”
“ถึงกระนั้น เจ้าก็ทำได้เกินความคาดหมายของข้าไปมาก ข้าไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า เจ้าจะสามารถแก้ภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกที่ข้าสร้างเอาไว้ได้ มันทำให้ข้ารู้สึกตื่นเต้นมากอยู่ครู่หนึ่งจนแทบจะพ่นชาออกมา”
อาร์เทเชียตอบด้วยน้ำเสียงร่าเริง
จู่ ๆ ราชินีแม่มดก็ก้าวออกไปข้างหน้า เข้าใกล้โรเอลมากจนร่างกายของพวกเขาเกือบจะชนกัน บังคับให้โรเอลรีบถอยกลับไปหนึ่งก้าว ดวงตาของเธอเปล่งประกายระยิบระยับอย่างมีเสน่ห์ ขณะที่เธอกระซิบข้างหูของเขา
“เจ้าทำให้ข้าเป็นฝ่ายตกลงสู่ภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกเสียเอง แม้ว่าข้าจะรู้ว่ามันเป็นการหลอกลวง แต่ข้าก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกเสียจากต้องตอบรับการอัญเชิญของเจ้า เนื่องจากสัญญาที่ข้าได้ให้ไว้ เจ้าช่างเป็นชายที่แย่มาก อีกทั้งยังสร้างความเจ็บปวดทางจิตใจให้กับข้า อืม… แต่ข้าขอยอมรับว่าข้าสนุกกับมัน ฉะนั้นข้าจะถือว่านี่เป็นรางวัลของข้าสำหรับการแสดงของเจ้า”
ราชินีแม่มดใช้นิ้วแตะหน้าอกของโรเอลเบา ๆ ทำให้เด็กหนุ่มเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบด้วยรอยยิ้ม
“ขอบคุณสำหรับความเมตตาเอื้ออาทร ตอนนี้มันถึงตาของฉันแล้ว ที่จะทำตามคำสัญญาที่ให้ไว้กับเธอ”
โรเอลถอยหลังไปอีกก้าวก่อนที่จะยื่นมือให้อาร์เทเชียอย่างเคร่งขรึม การกระทำของเขาทำให้ราชินีแม่มดต้องตกตะลึงเมื่อรู้ว่าเขากำลังพูดถึงเรื่องอะไร
“พันธสัญญางั้นเหรอ ?”
“ใช่ แม้ว่าโลกใบนั้นจะสวยงาม แต่มันก็น่าจะซ้ำซากจำเจเกินไปสำหรับคนอย่างเธอนะ”
“เห็นด้วยอย่างยิ่ง หลังจากที่เจ้าปฏิบัติกับข้าอย่างหยาบคาย มันคงยากสำหรับข้าที่จะลาจากเจ้าไปง่าย ๆ ”
“…”
โรเอลพูดไม่ออกเพราะคำพูดล้อเลียนของอาร์เทเชีย แต่แล้วอีกฝ่ายก็จับมือเขาอย่างอ่อนโยนและทำพันธสัญญาระหว่างพวกเขาทั้งสองคน
ทันใดนั้นเอง แสงสว่างที่แตกต่างจากไฟนรกบนท้องฟ้าก็เริ่มปรากฏขึ้นที่ขอบฟ้าด้านตะวันออก
“โอ้ เวลาช่างผ่านไปเร็วเหลือเกิน ใกล้จะรุ่งสางแล้วสินะ”
“ใช่”
“ดูเหมือนว่าเวลาของข้าใกล้จะหมดลงแล้วสิ”
เมื่อพระอาทิตย์ลอยขึ้นมาในยามเช้า ร่างกายของลิเลียนจะกลายเป็นตัวตนไร้รูปร่าง และขับไล่อำนาจการครอบครองของอาร์เทเชียออกไป ราชินีแม่มดตระหนักได้ถึงข้อเท็จจริงนี้เป็นอย่างดี แต่ในไม่ช้าเธอก็นึกถึงบางสิ่งที่ทำให้รอยยิ้มเจ้าเล่ห์กลับมาที่ริมฝีปากของเธอ
“ถือว่านี่เป็นการแก้แค้นครั้งสุดท้าย ก่อนที่ข้าจะจากไป วีรบุรุษของข้า พวกเรามาเล่นเกมกันดีกว่า”
“เกม ?”
“ด้วยความคิดอันเฉียบแหลมของเจ้า ทำไมเจ้าไม่ลองเดาดูล่ะว่าข้าเป็นใคร”
เธอพูดด้วยแววตาที่เปล่งประกาย
หลังจากนั้นเด็กสาวก็เอนตัวเข้ามาและจูบริมฝีปากของโรเอล