ทรราชตัวน้อย ไม่อยากพบจุดจบแบบ BAD END - บทที่ 325: เลือดบริสุทธิ์ (2)
บทที่ 325: เลือดบริสุทธิ์ (2)
“แค่ก แค่ก”
“!”
การไอของแอสตริดทำให้ลิเลียนสะดุ้งหลุดออกมาจากห้วงความคิด
เพียงแค่ดูปฏิกิริยาของลิเลียน แอสตริดก็รู้ว่าไม่จำเป็นที่เธอจะต้องอธิบายเพิ่มเติมอะไรอีก
“พวกเราคุยกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว”
ระหว่างที่ลิเลียนถูกเปิดโปงจนหมดเปลือก ภายใต้ใบหน้าอันยิ้มแย้มของแอสตริด ในที่สุดโรเอลและแอนโตนิโอก็พูดคุยกันเรียบร้อย
โรเอลกังวลมากกับการนับถอยหลัง จนไม่ได้สังเกตเห็นความผิดปกติของลิเลียน ทว่าเด็กสาวกลับตระหนักถึงเขามากเกินไปจนอดไม่ได้ที่จะสั่นอย่างรุนแรงเมื่อได้เห็นรูปลักษณ์ใหม่ของโรเอลอย่างชัดเจน
การดูดซับศิลาแห่งมงกุฎทำให้ผมของโรเอลยาวขึ้นมาก และบรรยากาศของเขาก็แตกต่างไปจากเดิมเล็กน้อยเช่นกัน
คล้ายกับที่การใช้สัมผัสแห่งธารน้ำแข็งทำให้โรเอลสุขุมขึ้น บรรยากาศตอนนี้ของเขาดูเงียบสงบชวนให้นึกถึงต้นไม้เก่าแก่ที่กลมกลืนไปกับกาลเวลา ความเป็นชายของเขาลดลงด้วยความเจือจางอันเงียบสงบนี้ ทำให้เขาดูละเอียดอ่อนกว่าเดิม
ภาพลักษณ์นี้ทำให้หัวใจของลิเลียนเต้นเร็วขึ้น
เธอไม่รู้ว่าคนอื่นจะคิดยังไงกับภาพลักษณ์ที่ละเอียดอ่อนของโรเอลในตอนนี้ แต่สำหรับลิเลียนแล้วมันจี้ตรงใจเธอเป็นอย่างมาก เด็กสาวรู้สึกได้ถึงแรงกระตุ้นที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าเมื่อก่อน ทำให้เธออยากที่จะเข้าไปดูแลเอาใจเขา… แม้ว่าเธอไม่กล้าพูดคำเหล่านั้นออกมาดัง ๆ ก็ตาม
ขณะเดียวกันแอสตริดก็อดไม่ได้ที่จะสังเกตเห็นปัญหาอีกอย่างหนึ่ง เธอประเมินโรเอลด้วยนัยน์ตาสีรุ้ง ก่อนจะขมวดคิ้วขึ้น …และหลังจากครุ่นคิดอยู่นาน ในที่สุดเธอก็ตัดสินใจถามเขาออกไป !
“เจ้าเคยถูกนางมองลงมารึเปล่า ?”
คำพูดของแอสตริดทำให้ลิเลียนและแอนโตนิโอสับสน อย่างไรก็ตามโรเอลเข้าใจถึงคำถามของเธอได้อย่างรวดเร็วและเบิกตากว้าง
“คุณหมายถึงมารดาแห่งเทพธิดารึเปล่า ?”
“ถูกต้อง ข้าได้กลิ่นของนาง แม้ว่ามันจะไม่ได้แข็งแกร่งเป็นพิเศษ แต่มันก็แสดงให้เห็นว่าเจ้าเคยติดต่อกับนาง”
“ใช่ ฉันเคยเจอเธอ นี่คุณรู้บางอย่างเกี่ยวกับมารดาแห่งเทพธิดางั้นเหรอ ?”
“เกรงว่าไม่ ข้าไม่ค่อยรู้เรื่องเกี่ยวกับมารดาแห่งเทพธิดามากนัก เนื่องจากข้ารับหน้าที่ปกป้องความฝันแห่งความโกลาหล แต่ข้าจำกลิ่นของนางได้ เพราะข้าเคยเห็นคนแบบเจ้ามาก่อน”
แอสตริดพูดด้วยสีหน้าหวนคิดถึงอดีต
โรเอลตกใจเมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้น
“บางคนที่เป็นแบบฉัน ?”
“หนึ่งในบรรพบุรุษของเจ้า คาร์ดอร์ อาร์เด้ เขาเป็นอัจฉริยะที่มีความสามารถในการดูดซับศิลาแห่งมงกุฎเช่นเดียวกับเจ้า เขามีนามแฝงว่า ‘นักสะสม’ ในสมัชชานักปราชญ์พลบค่ำ ข้าเคยพบเขาในช่วงเสื่อมโทรมของยุคที่สอง ย้อนกลับไปตอนนั้น เขาเป็นสมาชิกหลักของกลุ่มที่รับหน้าที่จัดการกับหกภัยพิบัติ”
“น่าเสียดายที่พวกเราสองคนแยกต้องทางกันเนื่องจากภารกิจที่แตกต่างกันออกไป ข้าไม่เคยได้พบเขาอีกเลยนับตั้งแต่การอพยพมายังเซียตะวันตก ย้อนกลับไปตอนนั้น เขาพูดถึงมารดาแห่งเทพธิดา โดยบอกว่าเขาต้องการจะรวบรวมศิลาแห่งมงกุฎ เพื่อที่จะดึงบางสิ่งที่ยิ่งใหญ่ออกมา หลังจากนั้นข้าก็ไม่เคยได้ยินเรื่องเกี่ยวกับเขาเลย เป็นไปได้ว่าเขาอาจจะ…”
แอสตริดถอนหายใจเบา ๆ ทำให้โรเอลรู้สึกว่าหัวใจของเขาเริ่มหนักขึ้นเล็กน้อย เขาต้องการจะกล่าวคำปลอบใจ แต่ก็คิดอะไรไม่ออก
“ช่างมันไปเถอะ เราไม่ควรมาพูดถึงเรื่องที่น่าสลดใจในตอนนี้ สิ่งที่ข้าต้องการจะสื่อก็คือ แม้ว่าศิลาแห่งมงกุฎจะเป็นแหล่งพลังที่ทรงพลัง แต่เจ้าก็อาจจะต้องเผชิญกับอันตรายร้ายแรงจากการใช้พวกมัน”
โรเอลพยักหน้ารับทราบคำเตือนของแอสตริด เขาประทับใจกับความกังวลของบรรพบุรุษที่มีต่อเขา แต่ตอนนี้เขากังวลเรื่องของแอสตริดมากกว่า
เขาจำได้ว่ามิติห้วงความฝันของแหวนกุหลาบดำยังคงอยู่ในยุคของเขา และเมื่อพิจารณาว่าคนตายไม่สามารถฝันได้ นั่นก็อาจหมายความว่าแอสตริดยังไม่ตายในยุคของเขา
มิติห้วงความฝันในแหวนกุหลาบดำ น่าจะเป็นการจำลองคืนที่พริสเลย์โจมตีทำลายล้างสถาบันการศึกษาเซนต์เฟรย่าในโลกแห่งความเป็นจริง แอสตริดเลยถูกบังคับให้สละโอกาสเดียวในการออกจากมิติห้วงความฝันเพื่อปะทะกับราชาจอมเวทย์พริสเลย์ และมีแนวโน้มว่าเธอน่าจะเป็นฝ่ายที่ชนะการต่อสู้
นี่น่าจะเป็นข้อเท็จจริงเนื่องจากแอนโตนิโอนั้นยังมีชีวิตอยู่ในยุคปัจจุบัน หากแอสตริดล้มเหลวในการเอาชนะพริสเลย์ อีกฝ่ายก็น่าจะสังหารแอนโตนิโอและคนอื่น ๆ เพื่อปกปิดความจริงที่ว่าเขาเป็นคนทรยศไปแล้ว
อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่าแอสตริดจะต้องจ่ายค่าตอบแทนมหาศาลในการต่อสู้ครั้งนั้น ส่งผลให้เธอไม่สามารถแสดงตัวออกมาได้อีกนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
เธอติดอยู่ในมิติห้วงความฝันงั้นเหรอ ? หรือว่ามีเหตุผลอื่น ?
โรเอลไม่มีคำตอบสำหรับคำถามเหล่านั้น แต่เขารู้ดีว่านี่เป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดสำหรับเขาในการรวบรวมข้อมูลเพิ่มเติม ท้ายที่สุดแล้วก็ไม่มีใครในโลกนี้ที่จะรู้เรื่องมิติห้วงความฝันไปมากกว่าแอสตริด
【การประเมินอย่างละเอียด :สมบูรณ์แบบ (105 %)】
【เวลานับถอยหลังสู่จุดสิ้นสุดของสถานะผู้เฝ้ามอง : 180, 179…】
โรเอลมองดูเวลาที่เหลืออยู่เพียงเล็กน้อยและถามคำถามของเขาอย่างรวดเร็ว
“ท่านบรรพบุรุษ ถ้าหากคุณพบกับภัยอันตราย มีมาตรการฉุกเฉินใดบ้างที่คุณเตรียมไว้สำหรับช่วยชีวิตคุณได้”
“มาตรการฉุกเฉินงั้นเหรอ ? อืม… ข้าก็พอจะมีอยู่บ้าง ข้ามีหน้าที่ปกป้องห้วงความฝันแห่งความวุ่นวาย ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องธรรมดาที่ข้าจะต้องมีวิธีการเอาตัวรอดหลาย ๆ ทาง”
วิธีการเอาตัวรอดหลาย ๆ ทาง ? หรือว่า…
“แล้วในสถานการณ์นี้ล่ะ ? สมมติว่าถ้าคุณต้องต่อสู้กับพริสเลย์ด้วยตัวเองและลงเอยด้วยการเสียสละหลาย ๆ อย่างเพื่อเอาชนะเขา คุณจะใช้มาตรการฉุกเฉินแบบไหน ?”
“อืม มันก็ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ล่ะนะ”
แอสตริดกะพริบตาด้วยความสับสน ไม่เข้าใจว่าทำไมโรเอลถึงถามคำถามเหล่านี้ อย่างไรก็ตามโรเอลเริ่มวิตกกังวลมากขึ้นทุก ๆ วินาทีที่ผ่านไป เขามองไปที่การนับถอยหลังอย่างรวดเร็วก่อนที่จะถามอีกครั้ง
“ขอดูรายการมาตรการฉุกเฉินต่าง ๆ ของคุณหน่อยได้ไหม ?”
“อืม… ไม่มีปัญหา แต่เจ้าน่าจะต้องถามมาร์กาเร็ตเกี่ยวกับเรื่องนั้น เธอน่าจะมีบันทึกเอาไว้อยู่”
“มาร์กาเร็ต ?”
ชื่ออันคุ้นเคยที่ปรากฏขึ้นอย่างกะทันหันนี้ทำให้โรเอลประหลาดใจ แอสตริดเข้าใจผิดว่าคำอุทานของเขาเป็นสัญญาณของความสับสน ดังนั้นเธอจึงเริ่มอธิบายด้วยรอยยิ้ม
“ใช่ มาร์กาเร็ตเป็นหนึ่งในวิญญาณแห่งความฝันที่หาได้ยาก เธอมีความตระหนักรู้ในตนเอง ข้าเป็นคนสั่งให้ปลอมตัวเป็นวิญญาณเทียมในสถาบัน พูดตามตรงแล้ว เธอเป็นคนคิดมาตรการฉุกเฉินหลาย ๆ ของข้า อีกทั้งยังเป็นคนที่บันทึกข้อมูลทุกอย่างเอาไว้ด้วย เธอจะให้ทางเลือกแก่ข้าเมื่อถึงสถานการณ์ที่จำเป็นจริง ๆ นั่นก็เพราะข้าแก่มากแล้ว และความทรงจำของข้าก็ไม่ได้ดีเท่าแต่ก่อน”
โรเอลประหลาดใจเกี่ยวกับความจริงเบื้องหลังมาร์กาเร็ต
ใครจะไปคิดว่าวิญญาณจะแกล้งทำตัวเป็นวิญญาณเทียม ? ทีนี้ ถ้าสิ่งเดียวกันเกิดขึ้นกับไวฟุของพวกโอตาคุล่ะก็…
【เวลานับถอยหลังสู่จุดสิ้นสุดของสถานะผู้เฝ้ามอง : 34, 33…】
เมื่อได้รับเบาะแสที่สำคัญมาแล้ว มันก็ถึงเวลาที่โรเอลต้องกล่าวคำอำลา เขาจับมือลิเลียนพยักหน้าให้กับเธอ ทำให้อีกฝ่ายเข้าใจได้ในทันที
พวกเขาประสานมือเข้าหากันหันไปหาแอสตริดและโค้งคำนับอย่างพร้อมเพรียง
“ท่านบรรพบุรุษ ขอบคุณมากที่ช่วยดูแลพวกเรา พวกเราดีใจมากที่ได้พบคุณ”
“อา ? พวกเจ้าสองคนกำลังพูดถึงเรื่องอะไรกัน… อ่า”
เมื่อมองไปที่ท่าทางของพวกเขาทั้งสอง แอสตริดก็นึกออกถึงบางสิ่งบางอย่าง ดวงตาของเธอก็เบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ แต่แล้วในที่สุดเธอก็ส่งรอยยิ้มอันเงียบสงบออกมา
“… เข้าใจแล้ว นี่คือเหตุผลที่ว่าทำไมข้าถึงไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับพวกเจ้าสินะ มันสมเหตุสมผลแล้ว ดูเหมือนว่าข้าจะได้ทำในสิ่งที่ตัวเองควรทำไปแล้วสินะ”
“ข้าต้องบอกว่าทั้งหมดนี้ให้ความรู้สึกที่เกินกว่าจินตนาการมาก ข้าไม่เคยคิดเลยว่าจะได้เจอทายาทในอนาคตอีกหลายปีต่อมา แต่มันก็ไม่ได้รู้สึกแย่เลย…”
แอสตริดพึมพำ
เธอมองดูเด็ก ๆ สองคนที่อยู่เบื้องหน้า ก่อนจะก้าวออกไปข้างหน้าเพื่อกอดพวกเขา
“ก่อนที่พวกเจ้าจะจากไป ข้ามีคำขอสุดท้ายสำหรับพวกเจ้าทั้งสองคน จงมีความสุข”
“ท่านบรรพบุรุษ…”
โรเอล รู้สึกประทับใจกับคำพูดสุดท้ายของเธอ ดวงตาของลิเลียนเองก็เปียกชื้นเช่นกัน แต่เวลานั้นไม่เคยหยุดเดิน
【การนับถอยหลังได้สิ้นสุดลงแล้ว กำลังดำเนินการส่งตัวกลับ】
หลังจากการแจ้งเตือนของระบบ สติของโรเอลและลิเลียนก็เริ่มมืดลง