ทรราชตัวน้อย ไม่อยากพบจุดจบแบบ BAD END - บทที่ 326: นี่มันเป็นไปได้อย่างไร?
บทที่ 326: นี่มันเป็นไปได้อย่างไร?
ภายใต้ท้องฟ้ายามค่ำคืนด้านนอกห้องเก็บไวน์ใต้ดินที่ตั้งอยู่บนภูเขา พอล แอคเคอร์มันน์กำลังเดินไปรอบ ๆ ห้อง ครุ่นคิดถึงคำถามที่สำคัญยิ่ง
การที่ชายหญิงอยู่กันตามลำพังในที่เปลี่ยวเป็นเวลาสองชั่วโมงกลางดึก พวกเขาจะทำอะไรได้บ้าง ?
นี่เป็นคำถามอันลึกซึ้งที่จะทำให้เกิดคำตอบมากมายในอดีตชาติของโรเอล มีมุมมองที่แตกต่างกันมากมายที่สามารถนำไปใช้กับคำถามนี้ได้ บางคนอาจบอกว่าพวกเขากำลังต่อสู้อย่างหนักเพื่อความต่อเนื่องของมนุษยชาติ ในขณะที่คนอื่นอาจคิดว่าพวกเขาแค่เล่นไพ่โป๊กเกอร์
ทว่าไม่มีไพ่โป๊กเกอร์ในทวีปเซีย และโดยทั่วไปแล้วชนชั้นขุนนางต้องการสภาพแวดล้อมที่ประณีตเพื่อมีส่วนร่วมในกิจกรรมบันเทิง ดังนั้นพอลจึงขจัดความเป็นไปได้ส่วนใหญ่ออกไป เหลือเพียงคำตอบเดียวที่เหลือดูเหมือนว่าจะเป็น…
เฮ้ มันจะเป็นไปได้ยังไงกัน ?
พอลส่ายหัวพลางหัวเราะกับข้อสรุปที่ตนเองคิดออกมา
ลูกพี่โรเอลอาจจะเป็นผู้ชายที่ไร้ที่ติ แต่อีกฝ่ายเป็นถึงองค์หญิงลิเลียนเลยนะ ! โฉมงามน้ำแข็งผู้เยือกเย็นและที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วจักรวรรดิออสทีน นอกจากนี้ภูมิหลังของพวกเขายังตรงกันข้ามกันสุดขั้ว ขุนนางชั้นสูงจากจักรวรรดิเซนต์เมซิทจะคบกันกับองค์หญิงแห่งจักรวรรดิออสทีนได้อย่างไรกัน ?
นั่นมันเป็นไปไม่ได้ !
แม้พอลจะพยายามละสายตาจากความคิดดังกล่าว เขาก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงความจริงที่ว่าทั้งสองคนอยู่ด้วยกันเพียงลำพังในห้องเก็บไวน์ใต้ดินมานานกว่าสองชั่วโมงแล้วได้ บรรยากาศเริ่มแปลกไปอย่างช้า ๆ และการพูดคุยซุบซิบก็เริ่มดังขึ้นเรื่อย ๆ
ที่เลวร้ายยิ่งไปกว่านั้น จนถึงตอนนี้ยังไม่มีเสียงกิจกรรมน่าสงสัยใด ๆ ดังมาห้องเก็บไวน์ใต้ดินเลย ไม่มีเสียงระเบิด ไม่มีเสียงดังกึกก้องของดาบ และไม่มีการไหลเวียนของพลังเวทย์ ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงขจัดความเป็นไปได้ที่ทั้งสองคนจะต่อสู้กันหรือพบกับอันตรายไปจนปลิดทิ้ง
ทีแรกก็มีความตึงเครียดหนักอยู่แล้วระหว่างฝ่ายกุหลาบม่วง และฝ่ายกุหลาบน้ำเงิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่พอลเลือกที่จะเข้าร่วมกลุ่มกุหลาบน้ำเงิน และเพิ่งจะมีสัญญาณปรองดองกันก็ตอนที่ร่วมมือช่วยกันโค่นล้มพวกลัทธิชั่วร้ายในครั้งนี้
แต่แน่นอนว่าเพียงแค่สัญญาณของการปรองดองไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะเข้ากันได้ดีในอนาคต ความแตกต่างระหว่างสองฝ่ายนั้นยิ่งใหญ่เกินไป
บางที… พวกเขาอาจจะกำลังคุยกันเพื่อหาแนวทางเพื่อที่จะร่วมมือกันต่อไปในอนาคตรึเปล่า ?
พอลลูบกรามล่างพลางครุ่นคิด
น่าแปลกที่เขาเดาถูกต้องไปครึ่งหนึ่ง
การสนทนายังไม่ได้เกิดขึ้น แต่ในทางปฏิบัติแล้ว พวกเขากำลังหาแนวทางเพื่อร่วมมือกันต่อไปในอนาคตจริง ๆ เพียงแค่ว่าไม่ได้เป็นบริบทของกลุ่ม แต่เป็นในระดับบุคคล…
… เช่น การทำงานร่วมกันในยีนของพวกเขา!
ขณะที่พอลพยายามคิดถึงความเป็นไปได้อื่น เกอรัลกลับมีมุมมองที่แตกต่างกันออกไปโดยสิ้นเชิงในเรื่องนี้
เด็กหนุ่มผมหงอกมองไปที่ทางเข้าของห้องเก็บไวน์ใต้ดิน แม้ว่ามันจะมีกลิ่นเหม็นฉุน แต่เขาก็อดคิดไม่ได้ว่ามันน่าจะมีเรื่องอื้อฉาวบางอย่างเกิดขึ้น
เกอรัลไม่รู้ว่าลิเลียนเจออะไรในห้องเก็บไวน์ใต้ดิน แต่มันต้องไม่ใช่สิ่งที่ดีอย่างแน่นอน เธอคงสั่งห้ามไม่ให้พวกเขาเข้าไปรบกวนเธอ เพื่อที่เธอจะได้ใช้เวลาสงบสติอารมณ์ของตัวเอง
การที่โรเอลกล้าที่จะมุ่งหน้าลงไปในนั้นเพียงคนเดียว ในเวลาเช่นนี้ได้เปิดเผยให้เห็นถึงบางสิ่งบางอย่างแล้ว
ภายใต้สถานการณ์ปกติ หากบุคคลสองคนไม่ได้สนิทสนมกัน พวกเขาจะพยายามหลีกเลี่ยงกัน เมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายอยู่ในสภาวะอารมณ์ที่ไม่ดี ยกตัวอย่างเช่นพอล แม้ว่าเขาจะเป็นพี่น้องต่างมารดาของลิเลียน เขาก็ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเลือกที่จะอยู่เงียบ ๆ ไม่เข้าไปรบกวนเธอ
อย่างไรก็ตามโรเอลกลับมุ่งหน้าลงไปยังห้องเก็บไวน์ใต้ดินโดยไม่ลังเล
แม้ว่าเขาจะไปที่นั่นเพื่อหารือเกี่ยวกับธุระ แต่ธุระอะไรที่ทำให้เขาต้องเร่งด่วนถึงขนาดที่จะต้องพบลิเลียนในทันทีทันใด นอกจากนี้การรอให้เธอสงบสติอารมณ์ก่อนแล้วค่อยคุยเรื่องธุระน่าจะเหมาะสมและได้ผลดีมากกว่าไม่ใช่หรือ ?
เห็นได้ชัดว่ามันเป็นการกระทำที่ไร้เหตุผล
ความเป็นไปได้อีกอย่างก็คือ โรเอลมุ่งหน้าลงไปยังห้องเก็บไวน์ใต้ดินด้วยความตั้งใจที่จะปลอบโยนลิเลียน แต่มันก็ยังค่อนข้างแปลก เพราะทั้งสองคนดูเหมือนจะไม่ได้สนิทกันสักเท่าไหร่
พอลองคิด ๆ ดูแล้ว มีนักเรียนไม่มากนักในคาบเรียนของอาจารย์คริส เป็นไปได้ไหมว่าพวกเขาจะเป็นคู่รักประเภทที่ทำทีเป็นเย็นชาบนพื้นผิว แต่เข้ากันได้ดีลับหลังผู้คน ?
เกอรัลเองก็เดาความเป็นจริงบางส่วนออกมาได้เช่นกัน เพียงแต่ว่าการคาดเดาของเขาหยุดลงแค่ตรงนั้น
ทั้งพอลและเกอรัลไม่ได้กังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้มากนัก เพราะพวกเขามีแนวคิดคร่าว ๆ แล้วว่าเกิดอะไรขึ้นในห้องเก็บไวน์ใต้ดิน ทว่าสมาชิกของฝ่ายกุหลาบม่วงนั้นเริ่มหมดความอดทนแล้ว
สองชั่วโมงไม่ใช่ช่วงเวลาที่ยาวนานเท่าไหร่ แต่มันถือว่ายาวนานมากสำหรับสมาชิกของหน่วยปฏิบัติการพิเศษที่ทำงานร่วมกับลิเลียนมาหลายปี เพราะไม่ว่าลิเลียนจะประสบกับความพ่ายแพ้แบบไหน เธอก็ไม่เคยต้องใช้เวลามากกว่าหนึ่งชั่วโมงในการตั้งสติ
ที่สำคัญก็คือตอนนี้ลิเลียนไม่ได้อยู่ในนั้นเพียงลำพัง มีโรเอลอยู่กับเธอด้วย !
สถานการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนนี้ ทำให้ผู้ช่วยของลิเลียนตกใจเป็นอย่างมาก แต่ก็ไม่มีใครกล้าขัดคำสั่งของลิเลียน หลังจากเดินไปมาอย่างกระวนกระวายใจอยู่พักหนึ่ง พวกเขาค่อย ๆ เริ่มหันมามองที่พอล
แม้พวกเขาจะไม่อยากยอมรับ แต่คนเดียวในหมู่พวกเขาที่มีคุณสมบัติมากพอจะเข้าไปในห้องเก็บไวน์ใต้ดินเพื่อตรวจดูสถานการณ์ได้ ….ก็คือพอล ! ไม่ว่าจะเป็นตัวตนของเขาในฐานะสมาชิกของราชวงศ์แอคเคอร์มันน์ หรือตำแหน่งของเขาในฐานะรองหัวหน้าชมรมสารพัดจ้าง
ที่สำคัญที่สุด คำสั่งของลิเลียนใช้ไม่ได้กับพอล
ด้วยเหตุผลเหล่านี้ พอล แอคเคอร์มันน์ จึงถูกส่งลงไปในห้องเก็บไวน์ใต้ดินโดยฝูงชนที่กำลังวิตกกังวล
…
ขณะเดียวกันในส่วนลึกของห้องเก็บไวน์ใต้ดิน หลังจากที่แสงจากการเคลื่อนย้ายจางหายไป ลิเลียนก็เริ่มได้สติกลับมา
สติสัมปชัญญะของลิเลียนยังคงพร่ามัวเล็กน้อย สิ่งแรกที่เธอสังเกตเห็นคือพื้นหินอันเย็นยะเยือก และกลิ่นเหม็นของเลือดรอบตัว เธอกะพริบตาสองครั้ง ก่อนจะเข้าใจสถานการณ์ได้ในที่สุด
เด็กสาวรีบพุ่งขึ้นจากพื้นอย่างรวดเร็ว ก่อนจะมองไปรอบ ๆ ตัว ทันทีที่ได้เห็นร่างอันคุ้นเคยนอนอยู่ไม่ไกล เธอก็ตบหน้าอกด้วยความโล่งใจ อารมณ์เริ่มหลั่งไหลเข้ามาในหัวใจของเด็กสาว ทำให้เธอรู้สึกราวกับว่ากำลังจะร้องไห้ด้วยน้ำตาแห่งความปิติยินดี
พวกเรากลับมาได้แล้ว พวกเรากลับมาพร้อมกันอย่างปลอดภัยได้จริง ๆ!
สถานการณ์เสี่ยงตายทั้งหมดที่พวกเขาเผชิญ ทำให้แม้แต่ความปรารถนาง่าย ๆ ที่จะกลับมาอย่างปลอดภัยพร้อมกันในโลกแห่งความจริงนั้นดูห่างไกลความเป็นไปได้ เธอจำไม่ได้ว่าตนเองสวดอ้อนวอนเพื่อสิ่งนั้นกี่ครั้ง มันยากที่จะไม่รู้สึกหนักใจหลังจากที่ได้เผชิญกับทุกอย่างที่เกิดขึ้น
ลิเลียนพยายามลุกขึ้นยืน และพุ่งตรงไปยังเด็กหนุ่มผมดำที่นอนอยู่ข้าง ๆ เธอ ขณะเวลาเดียวกันโรเอลก็สัมผัสได้ถึงการเคลื่อนไหวรอบ ๆ ตัวและค่อย ๆ ลืมตาตื่นขึ้นเช่นกัน
“รุ่นพี่ พวกเรา…”
“ใช่ พวกเรากลับมาได้แล้ว”
“จริง ๆ เหรอเนี่ย ? เยี่ยมไปเลย”
โรเอลผู้เหนื่อยล้ากล่าวด้วยรอยยิ้มจาง ๆ
ลิเลียนเอนตัวไปข้างหน้าและกอดเขาแน่นจนรู้สึกราวกับว่าเธอกำลังนวดเขาเข้าไปในร่างกาย ต้องใช้เวลาสักครู่หนึ่งก่อนที่เด็กสาวจะเริ่มสงบลง
โรเอลได้สติคืนกลับมาในช่วงเวลานี้ และเริ่มสำรวจสภาพแวดล้อมโดยรอบ
พวกเรายังอยู่ในห้องเก็บไวน์ที่เปื้อนเลือดอยู่อีกเหรอ ? เฮ้อ อย่างน้อย ๆ รุ่นพี่ลิเลียนก็หายจากอาการบาดเจ็บทางจิตใจแล้วสินะ
โรเอลดีใจที่ลิเลียนไม่ได้ถูกศพของรุ่นพี่ตามหลอกหลอนอีกต่อไป มันทำให้หัวใจของเขาผ่อนคลายลงเล็กน้อย และหันความสนใจไปที่การวิเคราะห์สถานการณ์ในปัจจุบันของพวกเขาแทน
หากพิจารณาจากประสบการณ์ของเขาที่มีกับสถานะผู้เฝ้ามองก่อนหน้านี้ทั้งสองครั้ง มันไม่น่าเป็นไปได้ที่พวกเขาจะหายไปนาน อย่างไรก็ตามผู้คนที่รออยู่ข้างนอก… พวกเขาก็น่าจะหมดความอดทนแล้ว !
พวกเราต้องรีบกลับออกไป
แค่นึกถึงพันธมิตรที่รออยู่ข้างนอกก็ทำให้โรเอลสบายใจขึ้นแล้ว หลังจากที่ได้เผชิญกับการจลาจลอันวุ่นวายเมื่อสี่ร้อยปีที่แล้ว สถาบันการศึกษาเซนต์เฟรยาในปัจจุบันก็รู้สึกเหมือนเป็นบ้านหลังที่สองของเขาขึ้นมาทันที
หากเรียกมันว่าสรวงสวรรค์ก็อาจจะดูไกลตัวไปหน่อย แต่อย่างน้อย ๆ มันก็เป็นสถานที่ที่เขาสามารถพักผ่อนได้อย่างสบายใจโดยไม่ต้องกังวลถึงความเป็นความตาย
ด้วยการพยุงจากลิเลียน โรเอลก็สามารถลุกขึ้นยืนได้อีกครั้ง ผมสีดำยาวของเขาตกลงบนเสื้อคลุม ทำให้เกิดเสียงหวีดหวิวเล็กน้อย เรื่องนี้ทำให้โรเอลนึกถึงสภาพร่างกายของตน ก่อนที่ใบหน้าซึ่งขมวดคิ้วด้วยความกังวลจะก่อตัวขึ้นจนเห็นเด่นชัด
โรเอลยังคงจำช่วงเวลาที่เขาไม่สามารถเคลื่อนไหวร่างกายได้เลยเนื่องจากผลข้างเคียงของสัมผัสธารน้ำแข็งในตอนที่กลับมาจากสถานะผู้เฝ้ามองครั้งที่สองได้เป็นอย่างดี แม้เขาจะยังไม่ได้รับผลข้างเคียงจากผู้กลืนกินกาลเวลามาก่อน แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะปลอดภัย
ยิ่งไปกว่านั้น คำอธิบายของระบบ เกี่ยวกับคาถาเวทย์นี้ก็ทำให้เขารู้สึกตกใจเป็นอย่างมากเช่นกัน
【ผู้กลืนกินเวลา
ผู้เรียกพายุจากยุคโบราณได้ดูดกลืนเวลาด้วยลมหายใจของมัน
ผลกระทบ: ขโมยเวลาและเร่งความชรา อัตราการแก่ชราขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายของแต่ละบุคคล ความแรงและความเข้มข้นของลม และปัจจัยอื่น ๆ
ผลข้างเคียง: -】
ไม่มีอะไรเขียนระบุไว้เกี่ยวกับผลข้างเคียงของคาถาเวทย์ผู้กลืนกินกาลเวลา แต่ในฐานะที่ใช้ระบบนี้มานานหลายปี โรเอลก็พอจะสามารถเดาได้ว่า ส่วนที่ว่างเปล่านั้นหมายถึงอะไร
ระบบ: แน่นอนว่ามันมีผลข้างเคียงแน่ เพียงแค่เรายังหามันไม่เจอ
โรเอลมั่นใจ 99% ว่านั่นคือสิ่งที่ระบบหมายถึง แม้ว่ามันจะเป็นเรื่องแปลกที่ระบบผู้รอบรู้ของเขาจะล้มเหลวในการหาข้อมูล แต่เด็กหนุ่มก็เดาว่าระบบก็แค่ยังไม่ได้พัฒนาขอบเขตของมัน มากพอที่จะถอดรหัสความลึกลับของคาถาเวทย์นี้
ชิ นอกจากเรียกเก็บอัตราดอกเบี้ยสูงสุดกู่แล้ว ตอนนี้ยังจะทำงานได้ครึ่ง ๆ กลาง ๆ อีกงั้นเหรอ ?
มันน่าโมโหที่ระบบของเขาดูเหมือนจะถดถอยลง ทั้ง ๆ ที่มันมักจะบอกโรเอลว่าเขาควรพยายามและทำงานหนักเพื่อปรับปรุงตัวเอง
นอกจากนี้โรเอลก็เริ่มสังหรณ์ใจว่าผลข้างเคียงของคาถาเวทย์ ผู้กลืนกินกาลเวลาใกล้จะแสดงผลในเร็ว ๆ นี้แล้ว !
“รุ่นพี่ ผมอยากจะให้คุณช่วยปกป้องผม ถ้าผลข้างเคียงจากคาถาเวทย์เริ่มส่งผลกับร่างกายของผม”
“ไว้ใจฉันได้เลย”
ลิเลียนตอบพร้อมรอยยิ้ม
เธอสูดหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะเดินออกจากห้องเก็บไวน์ไป
แม้ว่ามันจะค่อนข้างยุ่งยาก แต่ลิเลียนก็รู้ดีว่ามันสำคัญมากสำหรับพวกเขาที่จะไม่อยู่ใกล้กันจนเกินไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่พวกเขาได้ใช้เวลาเพียงลำพังร่วมกันหลายชั่วโมง
เราจะต้องจัดการกับปัญหานี้ให้เรียบร้อยโดยเร็วที่สุด
ลิเลียนที่กำลังครุ่นคิดเริ่มเดินออกจากห้องเก็บไวน์ไป โดยมีโรเอลเดินตามหลังมาอย่างรวดเร็ว แต่แล้วจู่ ๆ เด็กหนุ่มก็รู้สึกได้ถึงความรู้สึกแปลก ๆ บางอย่างพุ่งเข้ามาใส่ร่างของเขา
เกิดอะไรขึ้น ? ทำไมจู่ ๆ ร่างกายของเราก็เบาขึ้น !?
โรเอลตระหนักได้ในทันทีว่าผลข้างเคียงของคาถาเวทย์ผู้กลืนกินกาลเวลาเริ่มส่งผลกับเขาแล้ว เด็กหนุ่มพยายามเรียกหาลิเลียนด้วยความตื่นตระหนก ทว่าก่อนที่เขาจะได้พูดอะไรออกไป
ปัง !
เสียงที่ดังมาจากด้านหลังทำให้ลิเลียนหลุดจากห้วงความคิด เธอหันกลับมาอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเห็นสภาพของโรเอลที่ล้มลงไปกับพื้น ด้วยความตกใจเธอจึงรีบวิ่งเข้าไปหาเขา
“โรเอล !”
ลิเลียนคุกเข่าลงอย่างรวดเร็วและพยายามดึงโรเอลเข้าไปในอ้อมแขนเพื่อตรวจสอบสภาพของเขา ทว่าทันทีที่เธอสัมผัสกับร่างกายของเขา เด็กสาวก็ตระหนักได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติไป
เดี๋ยวก่อนนะ ทำไมเสื้อผ้าของเขาถึงหลวม ๆ ล่ะ ?
ลิเลียนต้องใช้เวลาประมวลผลอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่เธอจะสามารถจับไหล่ของโรเอลได้ เมื่อเธอดึงร่างของเขาเข้ามา เธอก็เข้าใจได้ในทันทีว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขา
เด็กสาวจ้องไปที่ร่างในอ้อมแขนของเธอด้วยความตกตะลึง
ท่ามกลางกองเสื้อผ้าที่เธอถืออยู่นั้น มีร่างของเด็กชายที่กำลังหลับใหล เขามีลักษณะรูปร่างที่ละเอียดอ่อนราวกับเอลฟ์
“!”