ทรราชตัวน้อย ไม่อยากพบจุดจบแบบ BAD END - บทที่ 329: ประกันสองชั้น
บทที่ 329: ประกันสองชั้น
“อู้ว กลิ่นของพี่ใหญ่โรเอล”
ภายในห้องนอนอันมืดมิด อลิเซียกอดหมอนของโรเอลพร้อมสูดหายใจเข้าลึก ๆ จากนั้นเธอก็เริ่มกลิ้งไปมาบนเตียงของผู้เป็นพี่อย่างมีความสุข
นับตั้งแต่ที่โรเอลจากไป นี่เป็นวิธีบรรเทาความเครียดที่มีประสิทธิภาพที่สุด ไม่มีความหงุดหงิดใดที่ทำให้เด็กสาวไม่สามารถลืมได้ ด้วยการกลิ้งบนผ้าปูที่นอนผืนนี้ ถ้ามีก็หมายความว่าเธอยังไม่ได้ซุกไปที่มันมากพอ
นับตั้งแต่ที่อลิเซียพยายาม ‘เอาเปรียบ’ เด็กหนุ่มในช่วงเวลาที่ทั้งคู่อยู่ด้วยกันที่เมืองโรซ่า โรเอลก็ตัดสินใจได้ว่า เขาไม่สามารถปล่อยให้สิ่งต่าง ๆ เป็นแบบนั้นได้อีก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเด็กสาวเริ่มเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์ และไม่สามารถถูกมองว่าเป็นเด็กเล็กได้แล้ว ดังนั้นเด็กหนุ่มจึงตั้งใจแน่วแน่ และห้ามไม่ให้เธอขึ้นมาบนเตียงของเขาอีก
แน่นอนว่าอลิเซียไม่ใช่คนที่จะยอมแพ้ง่าย ๆ เธอไม่เกรงกลัวว่าถูกต่อว่า และเด็กสาวก็รู้ดีว่าเธอสามารถทำให้โรเอลหวั่นไหวได้ง่าย ๆ ด้วยน้ำตา
น่าเสียดายที่ในครั้งนี้แผนการของเด็กสาวล้มเหลว
ทันทีที่โรเอลตระหนักถึงจุดอ่อนของตัวเอง เจ้าตัวก็ได้เรียนรู้จากความล้มเหลวครั้งก่อนและใช้วิธีที่ต่างออกไป เมื่อใดก็ตามที่เด็กหนุ่มจับได้ว่าอลิเซียแอบขึ้นมาบนเตียงของตน เขาจะใช้เวลาทั้งสัปดาห์ต่อมาหมกตัวอยู่ในห้องทำงาน และเลือกที่จะไม่กลับไปยังคฤหาสน์ตระกูลแอสคาร์ด
สำหรับอลิเซีย ไม่มีอะไรเลวร้ายไปกว่าการไม่ได้ใช้เวลาร่วมกับพี่ชาย การที่โรเอลไม่กลับมายังคฤหาสน์ตลอดทั้งสัปดาห์จึงไม่ต่างอะไรไปจากหายนะ ! สิ่งนี้ทำให้เด็กสาวไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะต้องยับยั้งอารมณ์ความต้องการของตัวเอง
อลิเซียไม่สามารถแอบขึ้นไปบนเตียงของโรเอลได้อีกเพราะเหตุนั้น ทำได้เพียงแอบมองใบหน้าที่กำลังหลับใหลของเขาภายใต้แสงจันทร์ เป็นครั้งเป็นคราวเท่านั้น
ดังนั้นสิ่งแรกที่อลิเซียทำหลังจากที่ผู้เป็นพี่ได้จากไปก็คือ การครอบครองห้องนอนของเขา นั่นเป็นที่มาของงานอดิเรกในการกลิ้งบนผ้าปูที่นอนโรเอล
มันกลายเป็นกิจวัตรประจำวันของอลิเซียไปแล้ว ประมาณว่าเธอต้องการยาโรเอลหนึ่งเม็ดในตอนเช้า เพื่อให้มีแรงทำงานตลอดทั้งวัน และต้องกินยาโรเอลในตอนกลางคืน เพื่อให้แน่ใจว่าเด็กสาวจะสามารถฝันถึงพี่ชายสุดที่รักของเธอได้
ขณะที่อลิเซียกำลังกลิ้งตัวนอนบนเตียง แอนนาก็ปิดประตูห้องนอนของโรเอลอย่างระมัดระวัง ก่อนที่จะถอนหายใจเบา ๆ
นับตั้งแต่อลิเซียเข้ารับตำแหน่งแทนโรเอลในฐานะตัวแทนผู้ปกครองเขตฯ แอนนาก็มักจะเห็นเธอเรียกดูเอกสารที่โรเอลทิ้งไว้เบื้องหลังพร้อมขมวดคิ้วอย่างลึกล้ำ บางครั้งเด็กสาวก็มักจะอารมณ์เสีย เพราะไม่เข้าใจถึงเหตุผลเบื้องหลังการตัดสินใจที่สำคัญบางประเด็น
แอนนารู้สึกปวดใจ เมื่อต้องเห็นเด็กสาวตัวเล็กต้องมาแบกรับความรับผิดชอบอันหนักอึ้ง แต่สาวใช้ก็ช่วยเหลือเธอได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
ในฐานะสาวใช้ส่วนตัวของโรเอล แอนนาทำหน้าที่เป็นเสมือนเลขาของเด็กหนุ่มมาโดยตลอด เพียงแค่อยู่เคียงข้างเขาตลอดเวลา ก็ช่วยให้เธอสามารถเข้าใจสถานะปัจจุบันของเขตการปกครองแอสคาร์ดได้อย่างลึกซึ้งแล้ว แต่ถึงกระนั้นเธอก็มักจะสับสนกับการตัดสินใจของโรเอล ทว่าทุกอย่างก็มักจะคลี่คลายลง เมื่อเธอหวนนึกย้อนกลับไปถึงความตั้งใจของเด็กหนุ่มในตอนนั้น
“นายหญิง นี่ก็เหลือเชื่อมากแล้วที่ท่านสามารถเข้าใจอะไรได้มากมายขนาดนี้ภายในเวลาอันสั้น ไม่มีเหตุผลใดที่ท่านจะต้องรู้สึกท้อแท้ไปหรอกค่ะ”
แอนนากล่าวคำปลอบใจเช่นนี้กับอลิเซียหลายต่อหลายครั้ง แต่เด็กสาวก็ยังไม่สามารถขจัดความกังวลของเธอที่อาจทำให้โรเอลผิดหวังได้ ทำให้เธอมักจะดำดิ่งลงไปในผ้าปูที่นอนของผู้เป็นพี่ในเวลาที่ต้องการการปลอบใจและการสนับสนุน
แม้ว่าวันนี้เหตุผลที่อลิเซียซุกอยู่กับผ้าปูที่นอน น่าจะเป็นเพราะคิดถึงเด็กหนุ่มเสียมากกว่า
ในฐานะผู้นำกลุ่มแฟนคลับ โรเอล X อลิเซีย แอนนาได้ทำหน้าที่คอยดูแลเด็ก ๆ ทั้งสองคนมาโดยตลอด จึงสามารถบอกได้เลยว่า ความรักของอลิเซียที่มีต่อโรเอลนั้นเพิ่มพูนขึ้นทุกวัน อย่างไรก็ตามแม้แต่เธอก็ยังต้องยอมรับว่ากลไกในการเผชิญหน้ากับปัญหาของอลิเซียนั้น ค่อนข้างที่จะ… แปลกประหลาด
เราควรจะรับมือกับสถานการณ์นี้ยังไงดี ? การกลิ้งไปบนผ้าปูที่นอนของนายน้อยดูจะเป็นพฤติกรรมที่แปลกประหลาดมากเกินไปหน่อย… ยิ่งไปกว่านั้นผ้าปูที่นอนพวกนั้นเองก็ซักไปแล้วด้วย !
แอนนานวดขมับของเธออย่างสับสน แม้แต่สาวใช้เองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่า ‘กลิ่นของพี่ชาย’ ที่อลิเซียพูดถึงบ่อย ๆ นั้นมาจากที่ไหน ท้ายที่สุดแล้วเธอจึงทำได้เพียงแค่สรุปว่า นี่เป็นวิธีการปลอบใจตัวเองที่ไม่เหมือนใครของอลิเซีย
ขณะเดียวกันภายในห้องนอนของโรเอล ในที่สุดอลิเซียก็กลิ้งไปกลิ้งมาจนพอใจแล้ว เธอยังคงถือหมอนของโรเอลเอาไว้ในอ้อมแขน ก่อนจะค่อย ๆ ถอดแว่นขอบเงินที่สวมอยู่ออก
ผ่านมาเป็นเวลาหนึ่งปีแล้ว นับตั้งแต่เหตุการณ์ในเมืองโรซ่า และเด็กสาวก็ได้เปลี่ยนไปเล็กน้อยจากวันนั้น การเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนที่สุดก็คือแว่นตาและผมทรงทวินเทล
ในฐานะผู้มีพลังเหนือธรรมชาติ ที่มีคุณสมบัติแก่นแท้ต้นกำเนิด ความสมบูรณ์แบบ มันไม่มีทางเลยที่อลิเซียจะประสบปัญหาด้านการมองเห็น แว่นตาขอบเงินนี้แท้จริงแล้วเป็นแว่นตาทั่ว ๆ ไปที่ไม่ได้มีค่าสายตา และไม่ต่างอะไรไปจากเครื่องประดับ แต่ที่เธอสวมมันนั้นเป็นเพราะคำชมที่ได้รับมาจากโรเอล
“จะว่ายังไงดีล่ะ อลิเซียดูฉลาดขึ้นทุกครั้งที่เธอสวมแว่น”
โรเอลนึกไม่ถึงว่าคำพูดเหล่านั้นจะสลักลึกลงไปในหัวใจของอลิเซีย ดังนั้นเด็กสาวจึงสวมแว่นตาทุกครั้งที่เข้าไปในห้องสมุดร่วมกับเขา
ส่วนทรงผมทวินเทลนั้นเป็นความชอบส่วนตัวของอลิเซีย
ยิ่งศัตรูทางความรักของเธอแข็งแกร่งมากเท่าไหร่ อลิเซียก็ยิ่งต้องเน้นย้ำความเป็นผู้หญิงของตัวเองให้มากขึ้นเท่านั้น เธอได้พยายามเก็บเกี่ยวกับสิ่งเหล่านี้มาตลอดช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา เด็กสาวสำรวจตรวจสอบอย่างละเอียด จนได้รู้ว่าโรเอลชอบทรงผมที่หาได้ยากนี้เป็นพิเศษ
อลิเซียจึงทำการปรับเปลี่ยนทรงผมอย่างรวดเร็ว แลในทันที ต้องขอบคุณทรงผมใหม่นี้ ที่ทำให้เธอประสบความสำเร็จในการได้งีบหลับยามบ่ายเคียงข้างพี่ชาย
ความพยายามของอลิเซียทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก้าวหน้าอย่างมาก แต่ดูเหมือนว่าทุกอย่างเริ่มหย่อนคล้อยลง เนื่องจากโรเอลได้เดินทางไปที่สถาบันการศึกษาเซนต์เฟรย่า ซึ่งไม่มีอะไรที่อลิเซียสามารถทำได้เกี่ยวกับเรื่องนี้ ดังนั้นเธอจึงเลือกที่จะทุ่มเทความพยายามของตนไปกับการบริหารเขตการปกครอง โดยหวังว่าโรเอลจะให้รางวัลแก่เธอเมื่อกลับมาในช่วงวันหยุด
แม้การที่นอร่าและชาร์ล็อตได้อยู่เคียงข้างกับโรเอลจะทำให้อลิเซียผิดหวัง แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้เธอกังวลแต่อย่างใด นั่นก็เพราะเด็กสาวรู้ดีว่าการเอานอร่าและชาร์ล็อตต์มาอยู่ด้วยกัน รังแต่จะทำให้ทั้งสองทะเลาะกันและพากันล่มจมกันไป
โดยปกติแล้ว นอร่าควรจะเป็นฝ่ายที่เหนือกว่า เนื่องจากเธอมีตำแหน่งอันทรงเกียรติในฐานะองค์หญิงแห่งจักรวรรดิเซนต์เมซิท ทว่าเมื่ออยู่ในสถาบันการศึกษาเซนต์เฟรย่า ตระกูลโซโรฟยานั้นถือเป็นผู้บริจาครายใหญ่ที่สุดของสถาบันการศึกษา ซึ่งหมายความว่าชาร์ล็อตจะเป็นฝ่ายได้เปรียบ ด้วยที่ถือว่านี่เป็นพื้นที่ของเธอ
เมื่อสัตว์ร้ายสองตัวต่อสู้กัน ผู้ชมก็มักจะเป็นฝ่ายที่ได้ประโยชน์ ซึ่งไม่ต้องสงสัยเลยว่าใครคือ ‘ผู้ชม’ ในที่นี้
ด้วยความคิดดังกล่าว อลิเซียจึงยืดอกออกมาพร้อมรอยยิ้มแสนมั่นใจ
เป็นเรื่องยากที่คนอื่น ๆ จะเข้าหาโรเอลได้ในสถาบันฯ เซนต์เฟรย่า เนื่องจากมีสายตามากมายคอยจับจ้อง ทว่าอลิเซียนั้นต่างออกไป เนื่องจากเธอมีความชอบธรรมในฐานะน้องสาว กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ เธอมีข้อได้เปรียบเหนือกว่าทุกคน !
พอเด็กสาวได้เข้าสถาบันฯ เซนต์เฟรย่าในปีหน้า เธอจะกำจัดผู้หญิงพวกนั้นและขึ้นไปสู่จุดสูงสุด ! นอร่า ? ชาร์ล็อต ? ใครจะไปสนกัน ตอนนี้ทุกอย่างอยู่ในกำมือของเธอแล้ว !
อลิเซียกอดหมอนแน่นพร้อมรอยยิ้มอันเปี่ยมหวัง แต่ไม่นานนักเธอก็นึกถึงข่าวบางอย่างที่ได้ยินมา
“อ่า ตอนนี้พวกเธอมีศัตรูเพิ่มขึ้นมาด้วยสินะ”
ตระกูลแอสคาร์ดได้ทำการสอบสวน เกี่ยวกับสถาบันการศึกษาเซนต์เฟรย่าก่อนการเข้าเรียนของโรเอล และดูเหมือนว่าองค์หญิงของจักรวรรดิออสทีนกำลังศึกษาอยู่ที่นั่นด้วย และนั่นเป็นข่าวดีสำหรับอลิเซีย
จักรวรรดิออสทีนเป็นศัตรูตัวฉกาจของจักรวรรดิเซนต์เมซิท และสมาคมพ่อค้าโรซ่า ดังนั้นไม่ต้องสงสัยเลยว่าเธอจะต้องเป็นอุปสรรคให้นอร่าและชาร์ล็อตแน่ ๆ ทำให้ทั้งสองคนไม่สามารถมุ่งความสนใจไปที่โรเอลได้เต็มที่ เนื่องจากจะต้องการจัดการกับศัตรูตัวฉกาจ
กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ แม้ว่าสถานการณ์รอบ ๆ ตัวโรเอลจะดูไม่ปลอดภัย แต่แท้จริงแล้วเธอมีประกันถึงสองชั้น !
ถ้าจำไม่ผิดเธอชื่อ ลิเลียน แอคเคอร์มันน์สินะ ? ขอบคุณมาก !
ภายใต้แสงจันทร์ อลิเซียเริ่มหัวเราะคิกคักกับตัวเอง ขณะที่ขอบคุณลิเลียนจากใจจริง
แล้วความเป็นไปได้ที่องค์หญิงแห่งจักรวรรดิออสทีนจะกลายเป็นคู่ต่อสู้ด้านความรักของเด็กสาวนั้น นั่นมันเป็นไปไม่ได้เลย
จากข้อมูลที่อลิเซียได้รับมา ลิเลียน แอคเคอร์มันน์เป็นคนเย็นชา จนถูกสงสัยว่าไม่สนใจเพศตรงข้าม อันที่จริงมีข่าวลือมากมายว่าเธอสนใจเพศเดียวกันด้วยซ้ำ !
โดยส่วนตัวแล้วอลิเซียไม่เข้าใจรสนิยมของลิเลียน แต่เธอก็พร้อมจะญาติดีกับอีกฝ่าย
แม้ว่าโรเอลจะมีดวงแปลก ๆ ที่ดูเหมือนจะดึงดูดผู้หญิงแปลก ๆ เข้ามา และด้วยเหตุผลบางประการ ผู้ชายในตระกูลแอสคาร์ด ดูเหมือนจะเป็นที่ชื่นชอบจากผู้หญิงที่มีอำนาจเหนือกว่าด้วยเช่นกัน แต่ไม่ว่าจะเป็นในแง่ของภูมิหลังทางการเมืองหรือจุดยืนส่วนตัว มันก็แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะเข้ากับลิเลียนได้
ข้อสรุปนี้ทำให้อลิเซียนั่งลงบนเตียงและเตะขาของเธออย่างตื่นเต้นกับอนาคต มือหยิบลูกแก้วชีวิตของโรเอลออกมา ซึ่งเป็นของที่เธอมักจะนำติดตัวไปด้วยเสมอไม่ว่าจะไปที่ไหน
ตามชื่อของมัน ลูกแก้วชีวิตเป็นอุปกรณ์เวทย์ทั่ว ๆ ไป ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถตรวจสอบสภาพร่างกายของผู้อื่นได้ ตอนแรกมันถูกใช้ในปฏิบัติการทางทหาร เพื่อตรวจสอบว่าสายลับยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ แต่ภายหลังมันได้ถูกนำไปใช้โดยนักผจญภัย พ่อค้า และอาชีพที่จำเป็นต้องเดินทางบ่อย ๆ ซึ่งเผชิญกับความเสี่ยงสูงที่จะเกิดอันตราย
แน่นอนว่าโรเอลนั้นได้มุ่งหน้าไปยังสถาบันการศึกษา ทำให้โอกาสที่เขาจะได้พบกับเหตุร้ายนั้นมีน้อยมาก ดังนั้นตามหลักแล้วเขาไม่จำเป็นต้องเตรียมลูกแก้วชีวิต แต่อลิเซียก็ยังยืนยันให้เขาทำมันเอาไว้อยู่ดี… เพราะมันเป็นสิ่งที่สามีมักจะทิ้งไว้ให้ภรรยา ก่อนจะจากไปเป็นเวลานาน
เมื่อนึกถึงความสำคัญทางวัฒนธรรมของลูกแก้วชีวิต ใบหน้าของอลิเซียมีรอยยิ้มอันแสนหวาน เธอเริ่มใส่พลังเวทย์ลงไปในลูกแก้วชีวิตเพื่อเปิดใช้งาน ทว่าที่ทำให้เธอต้องประหลาดใจก็คือ ลูกแก้วชีวิตของโรเอลนั้นไม่สว่างขึ้นเสียอย่างนั้น
หืม ? มันเสียงั้นเหรอ ?
ความคิดดังกล่าวแวบเข้ามาในหัวของอลิเซียชั่วครู่ ก่อนที่เธอจะรู้สึกถึงสังหรณ์ใจไม่ดี ดวงตาของเธอค่อย ๆ เบิกกว้าง เมื่อความเป็นไปได้ที่น่ากลัวและยอมรับไม่ได้เกิดขึ้นในหัวของเธอ
“ไม่ มันเป็นไปไม่ได้ ! มันจะเป็นไปได้ยังไงกัน ! พี่ใหญ่โรเอลเนี่ยนะ… เดี๋ยวสิ !”
อารมณ์ที่ปั่นป่วนทำให้จิตใจของอลิเซียตกอยู่ในความร้อนรุ่มวุ่นวาย อย่างไรก็ตามเมฆดำทะมึนที่ปกคลุมดวงจันทร์ในขณะนั้น ได้นำแสงแห่งความหวังมาสู่เธอ เจ้าตัวตระหนักได้ว่าลูกแก้วชีวิตของโรเอลไม่ได้ดับสนิท มันเพียงแค่ส่องแสงออกมาไม่ชัดเจน เนื่องจากการสะท้อนของดวงจันทร์ก่อนหน้านี้ แต่แสงของมันก็สลัวมาก
หมายความว่าเขายังมีชีวิตอยู่ !
อลิเซียถอนหายใจโล่งอก เธอรู้สึกราวกับว่าเพิ่งเสียอายุขัยไปหลายปีเพราะความกลัวก่อนหน้านี้ แต่ไม่ช้าก็ตระหนักได้ถึงปัญหาอื่น
ความเข้มข้นของแสงสอดคล้องกับสภาพร่างกายของแต่ละคน ความจริงที่ว่าก่อนหน้านี้เธอไม่สามารถสังเกตเห็นแสงของมันได้ แสดงว่า… พี่ใหญ่อยู่ในสภาพที่อ่อนแอมาก
พี่ใหญ่โรเอล… กำลังจะตายงั้นเหรอ ?
ดวงตาสีแดงเข้มของอลิเซียหรี่ลงด้วยความสยดสยอง เธอลุกขึ้นยืนและรีบรุดเดินออกจากห้อง
“แอนนา !”
“คะ คุณหนู ? มีอะไรเหรอคะ ?”
สาวใช้ที่คอยดูแลห้องประหลาดใจกับการเรียกหาอย่างกะทันหัน แต่อลิเซียไม่ได้อยู่ในสถานะที่จะอธิบายสิ่งต่าง ๆ ให้อีกฝ่ายฟังได้อย่างถูกต้อง ดังนั้นเธอจึงยกลูกแก้วชีวิตของโรเอลขึ้น แล้วยื่นไปที่สาวใช้ แอนนานั้นมาจากตระกูลทหาร รวมทั้งเชี่ยวชาญด้านอุปกรณ์เวทย์ทางด้านนี้ ดังนั้นเธอจึงสามารถเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นได้ทันที
“นายน้อย ! นี่มันเป็นไปได้อย่างไรกัน ?”
แอนนาอุทานด้วยความตกตะลึง
ขณะเดียวกันอลิเซียก็ได้สติกลับมา ร่างกายของเด็กสาวสั่นสะท้าน เมื่อพลังเวทย์อันเยือกเย็นที่ควบคุมจิตสังหารไว้หลั่งไหลออกมา
“แอนนา ท่านพี่กำลังมีปัญหา แจ้งท่านพ่อเร็ว เราจะรวบรวมทหารทุกคนที่มี ระดมพลออกเดินทางตามหาตัวเขาโดยเร็วที่สุด !”