ทรราชตัวน้อย ไม่อยากพบจุดจบแบบ BAD END - บทที่ 332: ข้อห้ามอันแสนหวาน
บทที่ 332: ข้อห้ามอันแสนหวาน
จูบกับเขาจะมีรสชาติยังไงนะ ?
แค่นึกถึงจูบที่พวกเขาเคยจูบกันก่อนหน้านี้ก็ทำให้จิตใจของลิเลียนท่องไปในดินแดนแสนอันตราย
จะหวานหรือจะขม ? จะเย็นหรือจะร้อน ? จะดับความร้อนรุ่มในใจ หรือจะระเบิดมันไปจนหมด ?
ลิเลียนไม่มีคำตอบสำหรับคำถามเหล่านั้น ร่างกายของเธอค่อย ๆ โน้มตัวเข้าหาโรเอลอย่างช้า ๆ จนใบหน้าของพวกเขาอยู่ห่างออกไปเพียงไม่กี่เซนติเมตร เธอคงจะเดินหน้าต่อไป หากไม่ใช่เพราะโรเอลปล่อยเสียงครางออกมากะทันหัน
“อืมม…”
“!”
เด็กสาวสะดุ้งทันทีด้วยความตกใจ ราวกับว่ามีถังน้ำเย็นเทราดลงบนจิตใจอันเร่าร้อนของเธอ ช่วยพาสติสัมปชัญญะกลับมา เด็กสาวได้แต่โล่งใจที่หลังจากนั้นเขาล้มตัวนอนลงทันที ดังนั้นเขาจึงไม่รู้ว่าเธอกำลังพยายามจะทำอะไร
“ฮ่า ฮ่า…”
ลิเลียนกังวลใจอยู่ครู่หนึ่งพลางหอบหายใจ ก่อนที่ความวิตกกังวลจะสงบลงในที่สุด เด็กสาวจ้องไปยังเด็กชายที่หลับอยู่บนเตียงเป็นเวลานาน ก่อนที่จะกุมหัวด้วยความหงุดหงิด
“ไม่ เมื่อกี้เรากำลังจะทำอะไรกันแน่เนี่ย…”
ลิเลียนหวนนึกถึงทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงสองชั่วโมงที่ผ่านมา นับตั้งแต่ที่โรเอลหดร่างลง ทำให้เธอไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะต้องยอมรับว่าความคิดของตนเปลี่ยนไปอย่างผิดปกติ
ก่อนหน้านี้เธอถูกดึงดูดเข้าหาโรเอลภายใต้อิทธิพลของการสั่นพ้องทางพลังสายเลือด แต่ด้วยการย้อนคืนสู่วัยเด็กของโรเอลในตอนนี้ ทำให้การสั่นพ้องทางพลังสายเลือดของเขาอ่อนแอลง จนไม่สามารถส่งผลกระทบต่อเด็กสาวได้อีกต่อไป
กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ สภาพในปัจจุบันของลิเลียนไม่ได้เกิดจากปัจจัยภายนอก แต่เกิดจากปัจจัยภายใน
ลิเลียนไม่สามารถบรรยายความรู้สึกอันท่วมท้นในตัว ที่คอยกระตุ้นให้เธอพยายามเข้าใกล้และปกป้องเขาได้ เด็กสาวรู้ดีว่าความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะใกล้ชิดกับโรเอลนั้นผิดปกติ แม้ว่าลิเลียนจะขาดประสบการณ์เกี่ยวกับความสัมพันธ์ฉันพี่น้อง แต่เธอก็รู้ว่าความรู้สึกที่ตนมีนั้นไม่ใช่ความรู้สึกที่พี่สาวมีต่อน้องชายแน่ ๆ
เด็กสาวรู้ดีว่ามันไม่ถูกต้อง แต่ความรู้สึกในใจก็ปฏิเสธที่จะรับฟังเหตุผล คอยกระตุ้นประสาทสัมผัสของเจ้าตัวให้จมลึกลงไป
“เรารู้ดีว่านี่ไม่ใช่สิ่งที่พี่สาวควรทำ และมันก็เป็นเรื่องที่ผิด แต่… แต่…”
ลิเลียนจ้องไปที่เด็กชายบนเตียง ขณะที่เริ่มหายใจถี่ขึ้นเรื่อย ๆ เธอวางมือที่สั่นเทาไว้บนเสื้อผ้าขนาดใหญ่ของเขา โดยรู้ว่าตนสามารถถอดมันออกได้ทั้งหมดด้วยการดึงเบา ๆ คำพูดไม่สามารถอธิบายได้ว่าความคิดนั้นดึงดูดใจเธอเพียงใด หากเธอยอมทำตามความปรารถนาของตัวเองละก็ เธอคงจะควบคุมมันเอาไว้ไม่ได้อีก
สิ่งเดียวที่รั้งลิเลียนเอาไว้คือความกลัวว่าตนเองจะถูกโรเอลปฏิเสธ เด็กสาวรู้ว่าอีกฝ่ายมองเธอเป็นญาติทางสายเลือด และพี่สาว ความสัมพันธ์ที่ทั้งคู่เคยมีอาจพังทลายลงได้ หากเธอข้ามขอบเขตนั้น
ราวกับว่าประตูระบายน้ำได้ถูกเปิดออกในตอนที่ลิเลียนได้จูบอย่างเร่าร้อนกับโรเอล มันทำลายกำแพงในจิตใจ และกลไกป้องกันทั้งหมดของเธอลงด้วยความเร็วเกินกว่าที่เจ้าตัวจะสามารถเข้าใจได้ ลากเธอไปยังดินแดนใหม่ที่ไม่เคยรู้จักมาก่อน ซึ่งทั้งน่าตื่นเต้นและอันตราย
ดวงตาของลิเลียนกะพริบถี่ขณะที่กำลังต่อสู้กับปีศาจภายในใจ หลายนาทีผ่านไป และแล้วความรักที่มีต่อโรเอลก็มีชัยเหนือความปรารถนาของเธอได้ในที่สุด
ไม่ เราทำแบบนั้นไม่ได้ เขาจะเกลียดเราแน่ถ้าเราทำแบบนั้น
ลิเลียนก้มหน้าด้วยความผิดหวังพลางถอนหายใจ
ทันใดนั้นเองเด็กสาวก็ได้ยินเสียงผู้หญิงกระซิบที่ข้างหูของเธอ
“ช่างน่าประหลาดใจจริง ๆ ข้าไม่นึกเลยว่าเจ้าจะสามารถระงับความต้องการของตัวเองได้”
“!”
ลิเลียนหรี่ตาลงด้วยความประหลาดใจกับเสียงอันคุ้นเคยนี้ เธอรีบปลดปล่อยพลังเวทย์ออกจากปลายนิ้ว เปลี่ยนแปลงมันเป็นดาบหันกลับไปชี้ใส่ทางข้างหลัง ที่ซึ่งแม่มดผมขาวที่มีดวงตาสีแดงกำลังลอยอยู่
“ช่างเป็นเด็กที่ตื่นตูมเสียจริง เจ้าโกรธที่ข้าแอบดูเจ้างั้นเหรอ ? ลิเลียน แอคเคอร์มันน์ ”
“มาที่นี่ทำไม ราชินีแม่มด”
ลิเลียนชี้ดาบพลังเวทย์ไปที่ร่างที่ลอยอยู่ข้างหน้าอย่างระแวดระวัง พร้อมที่จะโจมตีทันทีที่อีกฝ่ายพยายามจะทำอะไร แต่ในขณะเดียวกันเธอก็สับสนกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน
พลังทางสายเลือดของโรเอลน่าจะถูกปิดผนึกโดยสมบูรณ์ไปแล้ว เนื่องจากการถดถอยทางอายุ ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถร่ายคาถาเวทย์ได้ แม้กระทั่งคาถาพื้นฐาน นับประสาอะไรกับการอัญเชิญตัวตนระดับสูงอย่างอาร์เทเชีย
คำถามของลิเลียนทำให้อาร์เทเชียยิ้มเจื่อน ๆ ผู้มาใหม่มองไปที่เด็กชายที่นอนอยู่บนเตียงก่อนจะหันไปหาเด็กสาว
“เจ้าจำคาถาเวทย์ที่หลอมรวมพลังของพวกเจ้าทั้งสองเข้าด้วยกันได้ไหม ?”
“อะไรนะ ?”
“คาถาเวทย์นั้นใช้เลือดของข้าเป็นสื่อกลาง”
“!”
ลิเลียนเบิกตากว้างเมื่อได้ยินการเปิดเผยนั้น ซึ่งอาร์เทเชียก็หัวเราะเบา ๆ แทนคำตอบ
“วีรบุรุษของข้ามีแผนอันน่าตื่นเต้นที่เกินความคาดหมายทั้งหมดของข้าไปมาก ข้าไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าเขาจะสามารถปกป้องเจ้าโดยใช้วิธีการดังกล่าวได้ ยังไงก็เถอะ เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกเสียจากต้องขอความช่วยเหลือจากข้าเพื่อเพิ่มระดับแก่นแท้ให้กับตัวเอง เจ้าคิดว่าข้าจะไม่ใช้กลอุบายใด ๆ เมื่อสบโอกาสงั้นเหรอ ?”
“อืม… ข้าขอยอมรับว่าวีรบุรุษของข้าอาจจะรู้เคล็ดลับเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ข้าร่ายไว้ แต่เขาก็น่าจะไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะต้องยอมรับมัน”
อาร์เทเชียเหลือบมองเด็กชายที่นอนหลับอยู่บนเตียงโดยไม่สนใจดาบของลิเลียน เธอลอยไปที่เตียงและนั่งลงบนขอบของมัน
ลิเลียนลังเลเล็กน้อยก่อนจะสลายดาบพลังเวทย์อย่างไม่เต็มใจ
เธอรู้ว่าการกระทำของตนนั้นไร้ความหมาย เพราะอาร์เทเชียได้ทำพันธะสัญญากับโรเอลเอาไว้แล้ว อย่างไรก็ตาม มีสิ่งหนึ่งที่เธอต้องชี้แจงกับแม่มดผมขาว
“อาร์เทเชีย ตอนนี้เธออยู่ในร่างของใครกัน ?”
“แน่นอนว่าก็ต้องในร่าง วีรบุรุษของข้าน่ะสิ พวกเราลงผนึกสัญญาผูกพันกันแล้ว หลังจากเรื่องมากมายทั้งหมดนั่น สิ่งที่เจ้าเห็นในตอนนี้เป็นเพียงร่างจำแลงจากพลังเวทย์ที่เหลืออยู่ ไม่ต้องกังวลไป ข้าไม่สามารถครอบครองร่างกายของเจ้าได้ หากไม่ได้รับอนุญาตจากวีรบุรุษของข้า”
อาร์เทเชียตอบ
พลังเวทย์ที่เหลือ ? นั่นคือเหตุผลที่ว่าทำไมการปรากฏตัวของเธอถึงรู้สึกเลือนลางสินะ เราแทบจะไม่รู้สึกถึงพลังเวทย์ใด ๆ จากเธอเลย
หัวใจของลิเลียนรู้สึกสบายใจขึ้น เมื่อได้ยินคำตอบของอาร์เทเชีย แต่เธอก็ไม่คิดที่จะละเลยการเฝ้าระวังลง ด้วยที่อีกฝ่ายเป็นแม่มด การสันนิษฐานว่าอาร์เทเชียอยู่ข้างพวกเขาโดยไม่มีเงื่อนไข ถือเป็นการตัดสินใจที่อันตราย
“… เธอมีเจตนาอะไรกันแน่ถึงได้มาปรากฏตัวต่อหน้าฉัน ? เธอตั้งใจจะช่วยให้โรเอลฟื้นจากสภาพที่เป็นอยู่นี้งั้นหรือ ?”
“ข้าก็อยากจะทำแบบนั้นนะ แต่เกรงว่ามันจะเป็นไปได้ยาก แม้แต่ข้าก็ไม่มีวิธีดี ๆ ที่จะจัดการกับผลข้างเคียงของศิลาแห่งมงกุฏ ส่วนเหตุผลที่ข้ามาปรากฏตัวต่อหน้าเจ้า… ง่ายมาก ข้ามาที่นี่เพื่อช่วยเจ้าวางกลยุทธ์”
อาร์เทเชียตอบ
เธอลูบริมฝีปากของเธอเบา ๆ ขณะที่พูด ทำให้คิ้วของลิเลียนขมวดขึ้น
“ฉันไม่เข้าใจว่าเธอกำลังหมายถึงอะไร”
“มันเหมือนกับที่ข้าพูดนั่นแหละ ข้าถูกปลุกให้ตื่นขึ้นโดยภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกภายในของเจ้า”
“ภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก… ในใจฉัน ?”
ลิเลียนเบิกตากว้าง ความตื่นตระหนกกระจายไปทั่วรูม่านตาสีอเมทิสต์ ริมฝีปากของอาร์เทเชียขบขันด้วยรอยยิ้มที่เปี่ยมสุข ยามเห็นปฏิกิริยาของเด็กสาว ราวกับกำลังเพลิดเพลินในความขัดแย้งภายในใจของอีกฝ่าย
“มันเป็นภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกที่น่าอัศจรรย์ การปะทะกันระหว่างความปรารถนาอันแรงกล้าของเจ้ากับความเชื่อที่เจ้ายึดมั่นมาโดยตลอด ความสัมพันธ์ต้องห้ามที่เต็มไปด้วยความขัดแย้ง ความรักที่หอมหวานแต่ขมขื่น เป็นเวลานานแล้วที่ข้าไม่ได้เพลิดเพลินอะไรที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้ แต่นั่นก็เป็นเหตุผลที่ข้าตัดสินใจจะมาที่นี่ เพื่อเสนอคำแนะนำบางอย่างให้กับเจ้า”
สีหน้าเคลิบเคลิ้มบนใบหน้าของอาร์เทเชียค่อย ๆ จางหายไป เธอมองไปยังเด็กสาวที่ยืนอยู่ข้างหน้า พร้อมพูดสิ่งที่คิดออกมาอย่างใจเย็น
“ลิเลียน แอคเคอร์มันน์ นี่เป็นโอกาสสุดท้ายแล้วที่เจ้าจะได้ครอบครองเขา”