ทรราชตัวน้อย ไม่อยากพบจุดจบแบบ BAD END - บทที่ 333: ความรักหรือทรราช
บทที่ 333: ความรักหรือทรราช
“เธอกำลังพูดถึงเรื่องอะไร ?”
ลิเลียนถามด้วยใบหน้าที่ขมวดคิ้ว
อาร์เทเชียนั่งอยู่บนขอบเตียงจ้องมาที่ลิเลียนอย่างตั้งใจ แต่เธอก็ไม่ได้ตอบคำถามนั้นในทันที ราชินีแม่มดใช้เวลาไตร่ตรองครู่หนึ่งก่อนจะทิ้งคำถามที่ดูเหมือนจะไม่เกี่ยวข้องกันไว้
“เจ้ารู้ใช่ไหมว่าวีรบุรุษของข้าเป็นพวกปิดตัวปิดใจขนานหนัก ? เขาไม่เปิดใจรับใครง่าย ๆ”
“อะไรนะ ?”
“เข้าใจที่ข้ากำลังจะสื่อใช่ไหม ? พลังทางสายเลือด ช่างเป็นเครื่องมือที่สะดวกสบายเหลือเกิน ใครอีกเล่าจะเชื่อใจคนอื่นได้สุดใจ หากไม่มีเรื่องแบบนั้น ? เจ้ายังไม่ได้รู้จักเขาดีด้วยซ้ำ แต่ก็ยังสามารถเดินลึกเข้าไปในหัวใจของเขาได้”
อาร์เทเชียบ่นพลางม้วนผมของเธอด้วยความไม่พอใจ
แม้แต่เสียงของเธอก็ยังเย็นชาลงเล็กน้อย
“พวกเจ้าสองคนมีสายเลือดเดียวกัน แต่ภูมิหลังนั้นกลับแตกต่างกันมาก นั่นเป็นเหตุผลที่เจ้าไม่เข้าใจว่า เขาต้องลำบากแค่ไหนกว่าจะปลุกพลังสายเลือดของตระกูลขึ้นมาได้ วีรบุรุษของข้าต้องเอาชนะอุปสรรคมากมายเพื่อเอาชีวิตรอดมาจนถึงทุกวันนี้”
“ความอาฆาตพยาบาทที่เขาต้องเผชิญอยู่ไกลเกินจินตนาการของเจ้าไปมาก จากเศษเสี้ยวความทรงจำที่ข้าเห็น ไม่มีใครหรือบันทึกใด ๆ ที่จะช่วยแนะนำเขาได้ เขาฝ่าฝันอุปสรรคทั้งหมดนั้นด้วยตัวเอง จนได้มายืนต่อหน้าข้า มันเทียบกับปาฏิหาริย์เลยก็ว่าได้”
“แต่เป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเขาถึงปิดกั้นตัวเอง ทว่าเจ้ากลับสามารถทำลายกำแพงของเขาผ่านพลังทางสายเลือดที่มีร่วมกัน และความเต็มใจที่จะเสียสละชีวิตของเจ้าในการต่อสู้ครั้งนั้น แต่นั่นมันก็ยังไม่เพียงพอ”
ริมฝีปากของอาร์เทเชียยกขึ้น
“เจ้าต้องทำให้เขาตกหลุมรัก ความสัมพันธ์เฉกเช่นพี่น้องกันนั้นมันยังไม่เพียงพอ มันจะต้องมีความรักโรแมนติกระหว่างพวกเจ้าทั้งสองคน มิฉะนั้น พวกเจ้าจะค่อย ๆ มุ่งหน้าไปสู่ความหายนะ”
“หายนะ ?”
คำทำนายของอาร์เทเชียทำให้ลิเลียนต้องสงสัย เธอเพียงแต่ส่ายหน้าเบา ๆ ตอบกลับไปโดยไม่สะทกสะท้านกับข้อสงสัยของอีกฝ่าย
“เจ้าก็น่าจะรู้ดีว่าแค่สายสัมพันธ์ทางสายเลือดที่พวกเจ้ามีร่วมกันนั้น ไม่เพียงพอที่จะช่วยให้เจ้าอยู่เคียงข้างเขาได้ตลอดไป การพลัดพรากกันเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตที่ทุกคนต้องเรียนรู้ที่จะรับมือ แต่เจ้าไม่สามารถรับเรื่องนั้นได้แน่ ถ้าคนคนนั้นต้องเป็นเขา”
“เธอกำลังพูดเรื่องอะไร ?”
“งั้นเหรอ ? เจ้ายังไม่เข้าใจอีกเหรอลิเลียน ? พวกเราเป็นคนประเภทเดียวกัน”
อาร์เทเชียลุกขึ้นยืนและเริ่มเดินไปหาลิเลียนอย่างช้า ๆ เธอมองเข้าไปในดวงตาสีอเมทิสต์ด้วยดวงตาสีแดงก่อนจะพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่สบาย ๆ
“เจ้ามีคุณสมบัติพิเศษของแม่มด เจ้ามีความมุ่งมั่นที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ เจ้าน่าจะสังเกตเห็นความผิดปกตินั้นได้แล้วนะ”
“ม… ไม่ ฉันไม่เข้าใจสิ่งที่เธอพูด !”
เมื่อถึงจุดนี้ ลิเลียนก็รู้แล้วว่าอาร์เทเชียต้องการจะสื่ออะไร เด็กสาวนึกถึงอารมณ์อันครอบงำและแรงกระตุ้นทั้งหมดที่กลืนกินเธอในช่วงสองชั่วโมงที่ผ่านมา แต่เด็กสาวก็ยังไม่สามารถทำใจยอมรับมันได้ เธอปฏิเสธที่จะยอมรับมัน
อาร์เทเชียไม่ได้ให้ความสนใจกับการปฏิเสธนั้น เธอวางมือบนไหล่ของลิเลียนและเอนตัวเข้าไปกระซิบที่หูของเด็กสาว
“ลิเลียน มีเหตุผลง่าย ๆ ว่าทำไมเจ้าถึงไม่สามารถแยกจากเขาได้ เป็นเพราะเจ้ามีความปรารถนาน้อยเกินไป และบางทีเขาอาจเป็นความปรารถนาที่แท้จริงเพียงอย่างเดียวของเจ้า คนอื่นสามารถควบคุมความหมกมุ่นของตนได้ โดยการเบี่ยงเบนความสนใจของตัวเองผ่านการแสวงหาสิ่งอื่น ๆ แต่ไม่ใช่กับเจ้า ความหมกมุ่นของเจ้าจะเติบโตขึ้นตามกาลเวลา มันเป็นเพียงเรื่องของเวลา ก่อนที่ความรู้สึกนั้นจะกลืนกินเจ้าไปทั้งหมด
“ให้ข้าเดาละก็… สิบปี ? หรืออาจจะยี่สิบ ? เจ้ากำลังจะกลายเป็นผู้ปกครองของอาณาจักรอันยิ่งใหญ่ น่าเสียดายที่ความทุกข์ทรมานจากการพลัดพราก จะทรมานและสั่นคลอนความมั่นคงทางจิตใจของเจ้า เปลี่ยนเจ้าให้กลายเป็นเผด็จการ เจ้าจะปกครองอย่างโหดร้ายและทำให้เขาต้องเจ็บปวด”
“จุดยืนที่แตกต่างกันจะทำให้พวกเจ้าสองคนอยู่ฝั่งตรงข้ามกัน เขาจะพยายามหยุดเจ้า แต่ก็ไม่สำเร็จเพราะเขาจะถูกทำลายด้วยความอ่อนโยนของตัวเอง เขาไม่สามารถทำใจสังหารเจ้าลงได้ และเจ้าก็จะใช้ประโยชน์จากจุดอ่อนที่ว่านั่นเพื่อเอาชนะเขา”
“เมื่อถึงตอนนั้น ความรักอันบิดเบี้ยวของเจ้า จะทำให้เจ้าสังหารผู้หญิงทั้งหมดที่อยู่เคียงข้างเขา มาดูกันเถอะ… ว่าเจ้าจะทำอะไรบ้าง เมื่อความหลงใหลในตัวเขาของเจ้าคุ้มคลั่ง ข้าคิดว่าการกักขังเขาคงจะเป็นเพียงแค่อาหารเรียกน้ำย่อย… อา ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาจะเกลียดเจ้ามากสำหรับทุกสิ่งทุกอย่างที่เจ้าทำ แต่ในขณะเดียวกันเขาก็เหลือเพียงเจ้าคนเดียว พวกเจ้าสองคนจะต้องทนทุกข์ท่ามกลางความเศร้าโศกของความรักและความเกลียดชัง ในขณะที่พยายามโหยหาความอบอุ่นซึ่งกันและกันอย่างกระแทกกระทั้นกัน”
“ความรักที่บาดใจเจ็บแต่ผูก พวกเจ้าสองคนเอาไว้ด้วยกัน ช่างน่าหลงใหลเสียนี่กระไร”
อาร์เทเชียทำนายอย่างสนุกสนาน
ดวงตาของลิเลียนค่อย ๆ เบิกกว้าง แต่ก่อนที่เธอจะรู้ตัว ร่างกายของเธอก็สั่นสะท้านอย่างควบคุมไม่ได้
“ไม่ หุบปาก ! ไม่มีทางที่ฉันจะทำแบบนั้น…”
“ใจเย็น ๆ สิ ลิเลียน”
อาร์เทเชียวางนิ้วลงบนริมฝีปากของลิเลียน เพื่อปิดปากของหญิงสาวผู้กระวนกระวายใจก่อนจะยิ้มต่อไป
“ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้นซะหน่อย ทุกสิ่งที่ข้าพูดไปนั้นเป็นเพียงแค่คำทำนายเท่านั้นเอง อย่างไรก็ตาม เจ้าคิดว่ามันก็เป็นไปได้ที่คำทำนายของข้าจะกลายเป็นความจริงใช่ไหมล่ะ ?”
“!”
ร่างกายของลิเลียนสั่นสะท้านกับคำถามของอาร์เทเชีย ขณะที่ดวงตาสีอเมทิสต์หรี่ลงอย่างรวดเร็ว
เธอไม่ได้สั่นคลอนเพราะคำทำนายอันน่ากลัว แต่สั่นคลอนเพราะรู้ว่าจริง ๆ แล้วเธอรู้สึกถึงความเป็นไปได้สำหรับเรื่องนี้ แม้ว่าความรู้สึกนั้นจะยังไม่รุนแรง แต่ก็พิสูจน์ให้เห็นว่าเธอยังมีความคิดอันมืดมนนั้นอยู่ในใจ
ลิเลียนรู้ว่าเธอไม่สามารถหลอกลวงใครได้ ไม่ว่าจะเป็นอาร์เทเชียหรือตัวเธอเอง ดังนั้นเธอจึงนิ่งเงียบ เมื่อเห็นสิ่งนี้อาร์เทเชียก็ยอมถอยกลับไปสองก้าวและปลอบโยนเธอ
“มันเป็นเรื่องปกติน่า มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่เต็มไปด้วยความขัดแย้ง มีทั้งความเมตตาและความมุ่งร้ายในตัว หากเจ้าไม่ต้องการจะเป็นเผด็จการ เจ้าก็แค่ต้องทำให้เขาเป็นของเจ้า และตอนนี้เจ้าก็มีโอกาสอันแสนสมบูรณ์แบบอยู่ตรงหน้าแล้ว”
“โอกาส ?”
“ใช่ ข้าหมายถึงสถานะในปัจจุบันของวีรบุรุษของข้า”
อาร์เทเชียเอื้อมมือไปแตะแก้มของเด็กชายที่หลับอยู่บนเตียง สัมผัสอันนุ่มนวลบนผิวของเขาทำให้เธอหลับตาพริ้มอย่างมีความสุข
“หัวใจของเขามักจะถูกล้อมรอบด้วยกำแพงเหล็ก แต่ตอนนี้สิ่งต่าง ๆ ต่างไปจากเดิมแล้ว ตอนนี้เขาคงรู้สึกไม่สบายใจจากการต้องสูญเสียพลังความสามารถทั้งหมดไป และนี่คือโอกาสที่เจ้าต้องการเพื่อผลักดันตัวเอง”
“แม้ว่าเขาน่าดึงดูดใจสำหรับเจ้า แต่ข้าขอเตือนไว้ก่อนว่าสิ่งต่าง ๆ อาจพลิกกลับได้ หากเจ้ายอมจำนนต่อสิ่งล่อใจ และลงมือก่อนที่จะเอาชนะใจเขาได้สำเร็จ”
อาร์เทเชียกล่าว
“อย่างน้อยฉันก็รู้เรื่องนั้นน่า ”
ลิเลียนตอบอย่างเย็นชา
“อย่างนั้นหรือ ? ในเมื่อเจ้าเข้าใจสิ่งที่ข้าจะสื่อแล้ว ข้าก็ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรอีก”
อาร์เทเชีย ยิ้มให้กับ ลิเลียน ขณะที่ร่างของเธอค่อย ๆ หายไปพร้อมกับแสงอันนุ่มนวล ลิเลียนเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยความสงสัยในใจออกมา
“ทำไมเธอถึงมาบอกเรื่องนี้กับฉันล่ะ ?”
“ข้าเองก็สงสัยเหมือนกัน คิดซะว่ามันเป็นความตั้งใจของแม่มดก็ได้”
อาร์เทเชีย ตอบคำถามสุดท้ายของลิเลียนก่อนที่จะสลายไปโดยสิ้นเชิง
ลิเลียนจ้องไปที่ข้างเตียงอันว่างเปล่าเป็นเวลานานก่อนจะค่อย ๆ เดินไปที่เตียง เมื่อได้มองดูเด็กชายที่นอนหลับอยู่อย่างสงบ เด็กสาวก็นวดหัวใจของตัวเอง โดยหวังว่าจะสามารถบรรเทาความรู้สึกอึดอัดที่เธอรู้สึกได้
“ฉันยอมปล่อยนายไปไม่ได้จริง ๆ…”
แค่คิดถึงการแยกทางกับโรเอลก็มากเกินพอแล้วที่จะทำให้ลิเลียนเจ็บปวดเหลือทน เธอคงจะเสียสติอย่างแน่นอน หากต้องทนทุกข์ทรมานกับความเจ็บปวดนั้นเป็นเวลาสิบปีติดต่อกัน
แม้ว่าลิเลียนจะยังไม่ได้เข้าใจความรู้สึกของตัวเองดี แต่หัวใจที่เต้นแรงอย่างลนลานนั้นไม่อาจโกหกตัวเองได้
ฉันต้องการให้เธออยู่เคียงข้าง ไม่ว่าจะต้องทำยังไงก็ตาม โปรดยกโทษให้ฉันด้วย
“ฉัน… นี่มัน ช่างเป็นผู้หญิงที่น่ารังเกียจจริง ๆ”
เด็กสาวสูดหายใจเข้าลึก ๆ สองครั้งก่อนจะยกมืออันสั่นเทาขึ้น
พรึ่บ