ทรราชตัวน้อย ไม่อยากพบจุดจบแบบ BAD END - บทที่ 350: การเต้นรำที่แปลกประหลาด
บทที่ 350: การเต้นรำที่แปลกประหลาด
วันรุ่งขึ้น เมื่อค่ำคืนมาถึงเขตการปกครองของดยุกเอิร์ลโบรวล์ ในที่สุดแดนเหนือก็เริ่มการเฉลิมฉลองประจำปีที่ยิ่งใหญ่ที่สุด
พลเรือนต่างสวมชุดใหม่ที่สดใสเดินขบวนไปทั่วเมืองภายใต้การนำของวงดนตรีโยธวาทิต ขบวนแห่ทุกประเภทเริ่มปรากฏตามท้องถนนท่ามกลางเสียงเชียร์ของฝูงชน จากถนนสายหลักสู่ตรอกอันห่างไกล มีฝูงชนพลุกพล่านอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
ตั้งแต่ช่วงเย็นก่อนที่ดวงอาทิตย์จะลับขอบฟ้า ดอกไม้ไฟพลังเวทย์ก็ถูกจุดอย่างต่อเนื่องไม่หยุด มันค่อย ๆ ผลักดันบรรยากาศงานรื่นเริงขึ้นสู่จุดสูงสุดใหม่
ขณะเดียวกันในงานเลี้ยงใหญ่ที่จัดขึ้นโดยดยุกเอิร์ลโบรวล์ คู่รักหลายพันคู่ที่สวมสูทและเสื้อคลุมอันวิจิตรก็เริ่มเดินเข้ามา
แม้ว่าแสงออโรร่าจะเป็นพรของเทพีเซียมาตั้งแต่สมัยโบราณ แต่ขอบเขตของพรก็แตกต่างกันไปตามสถานที่ เชื่อกันว่าผู้ที่ยืนอยู่ในตำแหน่งที่ใกล้กับท้องฟ้ามากที่สุดจะได้รับพรที่บริสุทธิ์กว่า สิ่งนี้ค่อนข้างคล้ายกับประเพณีของชนเผ่าภูเขาในอดีตชาติของโรเอล
ซึ่งพื้นที่ที่สูงที่สุดในเมืองหลวงออโรร่า โอลส์ ก็ไม่ใช่ที่ไหนนอกไปเสียจากจัตุรัสอวยพรของคฤหาสน์ดยุกเอิร์ลโบรวล์ แต่สถานที่นี้ไม่ได้เปิดให้บุคคลภายนอกทั่ว ๆ ไปเข้าชมได้ มีเฉพาะแขกผู้มีเกียรติเท่านั้นที่จะได้รับคำเชิญเข้ามา ขุนนางผู้มีอิทธิพลหรือผู้มีตำแหน่งสูงจะได้รับบัตรผ่านฟรีในจัตุรัสพร ส่วนที่เหลือจะแสดงความจริงใจหรือค่าตอบแทนบางอย่าง เพื่อที่จะได้รับบัตรเชิญ
เฉพาะแขกที่ได้รับ ‘เชิญ’ เข้าร่วมงานเลี้ยงของดยุกเอิร์ลโบรวล์เท่านั้นที่ได้รับอนุญาตให้เข้าถึงจัตุรัสแห่งพร แนวคิดนี้ให้ความรู้สึกมีเกียรติและมีระดับ และมันก็คงจะเป็นอย่างนั้น ถ้าไม่ใช่เพราะป้ายราคาที่เขียนชัดเจนอยู่บนจดหมายเชิญ
พูดตามตรงแล้วล่ะก็ ทุกคนมาที่นี่เพื่อจัตุรัสแห่งพร ใครจะไปอยู่ในอารมณ์สังสรรค์กันเมื่อมาเที่ยวกับคนรัก ? เห็นได้จากการที่คู่รักต่างยืนกับคู่ของตนเอง กระซิบคำหวาน ๆ ให้กันและกันในขณะที่หยิบอาหารมากินเป็นครั้งคราว จริง ๆ แล้ว พวกเขาแค่ยืนรอให้แสงออโรร่าปรากฏขึ้นเท่านั้น
ถ้าเป็นเช่นนั้นจุดประสงค์ของงานเลี้ยงนี้คืออะไร ?
เหตุผลแรกก็เพื่อที่พวกเขาจะได้เงินจากการขายบัตรเชิญ ส่วนอีกเหตุผลหนึ่งก็คือเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกโบสถ์แห่งเทพีผู้สร้างครหา
คำสอนของโบสถ์แห่งเทพีผู้สร้างกล่าวไว้ว่าทุกคนมีสิทธิ์ได้รับพรจากเทพีเซียเท่าเทียมกัน ไม่ว่าจะเป็นขุนนางหรือสามัญชนทุกคนต่างเสมอเท่าเทียมกันต่อหน้าเทพีเซีย หากเขตการปกครองของดยุกเอิร์ลโบรวล์ขายคำเชิญไปยังจัตุรัสแห่งพรตรง ๆ มันก็จะเทียบเท่ากับการผูกขาดพรของเทพีเซียให้เป็นผลิตภัณฑ์เชิงพาณิชย์ เห็นได้ชัดว่านั่นจะเป็นการละเมิดคำสอนของโบสถ์แห่งเทพีผู้สร้าง เป็นการหมิ่นประมาทต่อเทพีเซีย …ที่แม้แต่ดยุกเอิร์ลโบรวล์ ก็ไม่สามารถรับผลที่ตามมาจากอาชญากรรมดังกล่าวได้
แต่ในขณะเดียวกัน หลังจากที่เขาใช้เงินจำนวนมหาศาลในการสร้างจัตุรัสพร เขาจะเปิดเผยให้แก่สาธารณชนทั่ว ๆ ไปได้อย่างไร
ดยุกเอิร์ลโบรวล์เมื่อสองศตวรรษก่อนจึงมีแนวคิดสำหรับหลีกเลี่ยงกฎนั้น
มันเป็นเรื่องปกติที่ข้าจะจำกัด คนที่จะเข้ามาในบ้านของตัวเองไม่ใช่เหรอ ? ทั้งหมดที่ข้าก็แค่อยู่บ้านของตัวเอง และชมแสงออโรร่ากับเพื่อน ๆ เท่านี้ก็ไม่ได้ละเมิดคำสอนของโบสถ์แห่งเทพีผู้สร้างแล้วใช่ไหมล่ะ ?
ข้าจะมองว่าใครเป็นเพื่อนมันก็เรื่องของข้า ข้าไม่คิดว่าโบสถ์แห่งเทพีผู้สร้างมีสิทธิ์ที่จะบอกว่าใครเป็นเพื่อนของข้าและใครไม่ใช่
อะไรนะ ? จะบอกว่าบางคนก็มาที่นี่เป็นครั้งแรกงั้นเหรอ ? ไม่รู้หรือว่ามันเป็นความกรุณาขั้นพื้นฐานในฐานะเจ้าบ้านที่จะเชิญใครซักคนมาที่บ้านของพวกเขาเมื่อพวกเขามาด้วยความจริงใจ ? แม้แต่เพื่อนใหม่ก็ยังถือว่าเป็นเพื่อนกันไม่ใช่รึไง !
เนื่องจากการแนวคิดแก้ตัวนี้ ดยุกเอิร์ลโบรวล์จึงกลายเป็นที่อุปมาอุปไมยในแดนเหนือ ว่าเป็นบุคคลที่ผูกมิตรกับผู้อื่นจากความมั่งคั่งและฐานะ
การคบหาเช่นนี้ถือว่าเป็นการดูหมิ่นเกียรติของดยุกเป็นอย่างยิ่ง แต่บรรดาขุนนางในแดนเหนือกลับมีความคิดที่แตกต่างออกไป เนื่องจากสภาพแวดล้อมอันเลวร้ายที่พวกเขาอาศัยอยู่ สำหรับพวกเขาชื่อเสียงนั้นไม่ได้สำคัญเท่ากับเงินที่สามารถนำไปใช้ซื้อสิ่งจำเป็นเพื่อความอยู่รอดในฤดูหนาวได้
นอกจากนี้งานเลี้ยงเองก็ไม่ใช่การหลอกลวงคนรวยเช่นกัน
ตั้งแต่อาหาร ของหวาน ไปจนถึงท่วงทำนองไพเราะที่บรรเลงโดยวงจากจักรวรรดิออสทีนที่มีชื่อเสียง ทำให้แม้แต่โรเอลก็ยังต้องพยักหน้าเห็นด้วย เขาต้องยอมรับว่าเงินของตนเองไม่ได้ถูกนำไปใช้โดยเปล่าประโยชน์
เมื่อรับรู้ถึงการเคลื่อนไหวของโรเอล ลิเลียนก็เอนตัวเข้าไปใกล้ ๆ เขาแล้วถาม
“เธอหิวรึเปล่า ?”
“ไม่ครับ ไม่เป็นไร”
“อยากจะเต้นรำไหม ?”
“ยินดีเป็นอย่างยิ่ง แต่ผมไม่คิดว่า ผมจะสามารถทำได้ด้วยสถานะปัจจุบันนี้”
โรเอลตอบพลางเขย่าแขนสั้น ๆ ของตน
ลิเลียนหัวเราะเบา ๆ กับคำตอบของโรเอลแล้วก้มลงจูบที่หน้าผากของเขา
“ถึงอย่างนั้น เธอก็เป็นคนเดียวที่ฉันจะเต้นด้วย”
“…”
การจูบอย่างกะทันหันและการสารภาพอันละเอียดอ่อนทำให้หัวใจของโรเอลเต้นระรัว เขาเงยหน้าขึ้นมองเด็กสาวที่ยืนอยู่ข้างหน้าด้วยความตกตะลึง
ไม่มีทางที่ลิเลียนจะสวมชุดสาวใช้มางานเลี้ยง แต่เธอก็ไม่ได้แต่งกายในชุดยาวตามประเพณีของจักรวรรดิออสทีนเช่นกัน เธอสวมชุดที่สอดคล้องกับอัตลักษณ์ของพวกเขาในฐานะขุนนางจากอาณาจักรแห่งการศึกษาโบรเนล
มันเป็นชุดที่วิเศษมาก มันเผยให้เห็นไหล่เรียบ ๆ ของลิเลียนและมีรอยผ่าใต้เข่า เผยให้เห็นขาที่เรียวงามของเธอทุกครั้งที่เคลื่อนไหว มีสัมผัสของเชือกผูกที่ชายชุด ทำให้เด็กสาวดูเย็นชาขัดกับความน่ารัก ริบบิ้นผ้าซาตินผูกรอบคอที่สง่างามของลิเลียน ดึงดูดให้คนอื่นอยากแกะเธอเหมือนของขวัญ
โรเอลละสายตาจากเธออย่างรวดเร็ว ไม่กล้าที่จะมองต่อ เขามองไปที่ลานเต้นรำอันพลุกพล่านกลางห้องเพียงเพื่อจะส่ายหัวในตอนท้าย
“ผมคิดว่าพวกเราควรหลีกเลี่ยงสถานที่ที่มีผู้คนพลุกพล่านจนกว่าอาการของผมจะได้รับการแก้ไขนะ”
“ฉันคิดว่าคงไม่มีใครที่นี่สนใจที่จะมองคนอื่นหรอก มันไม่น่าเป็นไปได้ที่จะมีอะไรจะเกิดขึ้น ตราบใดที่เราหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับร่างกายกับผู้อื่น เชื่อฉันเถอะ ฉันจะไม่ยอมให้ใครได้แตะต้องเธอแน่”
“ถ้าอย่างนั้น…ก็ได้ครับ”
ในที่สุดโรเอลผู้ลังเลใจก็ยอมจำนนต่อการชักชวนของลิเลียน ทั้งสองจับมือกันเดินเข้าไปที่ลานเต้นรำ เมื่อพิจารณาถึงธรรมชาติของงานเลี้ยงแล้ว วงดนตรีก็เลือกใช้ท่วงทำนองอันแสนหวานให้เหมาะสำหรับคู่รักที่จะเต้นรำช้า ๆ ไปพร้อม ๆ กับแลกเปลี่ยนคำหวาน
ด้วยสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยคู่รักมากมาย บรรยากาศแห่งความรักที่นี่จึงเหนือกว่าที่อื่นมาก โรเอลเพิ่งสังเกตได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ ทันทีที่เขาเข้ามาใกล้ลานเต้นรำ แต่ก่อนที่เขาจะได้ทำอะไรลิเลียนก็ประสานนิ้วของพวกเขาเอาไว้
“รุ่นพี่ ผมว่าบรรยากาศมันแปลก ๆ ไป พวกเขาทุกคน…”
“หืม ? มีอะไรผิดปกติงั้นเหรอ ?”
โรเอลเงยหน้าขึ้นด้วยความตื่นตระหนก จนสบเข้ากับรอยยิ้มอันอ่อนโยนของลิเลียน ดวงตาสีทองของเขาค่อย ๆ ขยายออกก่อนที่จะหันออกไปอย่างเชื่องช้า
“ไม่มีอะไรครับ”
“อย่างนั้นหรือ ? งั้นมาเริ่มเต้นรำกันเลยไหม ?”
ทันทีที่ท่วงทำนองจบลง คู่รักบางส่วนก็ออกจากลานเต้นรำ จากนั้นโรเอลและลิเลียนก็เดินเข้ามาและครอบครองมุมสลัวของลาน และเมื่อท่วงทำนองใหม่เริ่มบรรเลง ทั้งคู่ก็เริ่มเคลื่อนไหว
ความสูงและก้าวที่ต่างกันทำให้เป็นไปไม่ได้ที่ทั้งสองคนจะเต้นรำอย่างอิสระเหมือนที่พวกเขาทำในสถานะผู้เฝ้ามอง แต่ความไม่สะดวกที่เกิดจากความแตกต่างทางร่างกายก็ทำให้การเต้นรำของพวกเขามีเสน่ห์ที่แตกต่างออกไปอีกแบบ
ร่างกายของพวกเขาอยู่ห่างจากกันเพียงไม่กี่เซนติเมตร แต่ความสูงที่ต่างกันทำให้คนหนึ่งต้องมองขึ้นไปข้างบนและอีกคนต้องมองต่ำลงมา รูปลักษณ์ของลิเลียนอาจดูไม่ได้งดงามมากเท่าไหร่นักสำหรับคนอื่นเนื่องจากผลกระทบของน้ำตาเทพ แต่เธอก็ยังดูงดงามเหมือนเคยในสายตาของโรเอล
มันเป็นประสบการณ์การเต้นที่แตกต่างจากปกติมากสำหรับโรเอล และลิเลียน
ลิเลียนขาดประสบการณ์ในการเต้นคู่ และความยากลำบากก็เพิ่มขึ้นไปอีกจากการที่คู่หูของเธอมีรูปร่างที่ไม่ธรรมดา มันจึงน่าจะเป็นเรื่องยากสำหรับพวกเขาที่จะประสานการเคลื่อนไหวกันได้ ทว่าเมื่อมือของเธอประสานเข้ากับโรเอล เด็กสาวก็รู้สึกเหมือนมีบางอย่างอันลึกล้ำอยู่ในแนวทางการเคลื่อนไหวของเธอ ทำให้จังหวะของลิเลียนกลมกลืนเข้ากับจังหวะของโรเอลอย่างสมบูรณ์แบบ
การเต้นรำเป็นหนทางหนึ่งสำหรับขุนนางในการเข้าสังคม สำหรับคู่รักที่จะเพิ่มความรู้สึกระหว่างกันให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น ซึ่งอย่างหลังนั้นเป็นความจริงสำหรับพวกเขาทั้งสอง
พวกเขาพบว่าสภาพแวดล้อมรอบตัวค่อย ๆ หายไป เหลือเพียงเสียงเพลง ไม่นานนักพวกเขาก็ก้าวเข้ามาหากัน และสามารถสนทนากันได้อย่างสบาย ๆ ในที่สุด
“เป็นยังไงบ้าง ? ฉันบอกเธอแล้วมันไม่มีปัญหาหรอก หรือว่าเธอรู้สึกไม่สบาย ?”
“… อืม รุ่นพี่เป็นนักเต้นที่ดีนะครับ”
“ไม่หรอก ฉันแค่ทำตามคำแนะนำจากการสั่นพ้องทางพลังสายเลือดของเรา เธอเองก็สัมผัสได้ไม่ใช่เหรอ ?”
ลิเลียนมองไปที่โรเอลด้วยดวงตาที่มึนเมา ซึ่งเด็กหนุ่มก็พยักหน้าด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ
การสั่นพ้องของสายเลือดระหว่างพวกเขา น่าจะจางลงไปมากแล้วจากการที่พลังของโรเอลถูกผนึก แต่พวกเขาก็ยังสามารถรู้สึกเชื่อมโยงถึงกันและกันได้อย่างชัดเจน
“ก็พวกเราเป็นญาติทางสายเลือดกันนี่นา”
“ใช่ แต่มันจะแค่นั้นจริง ๆ เหรอ ?”
“เอ๋ ?”
คำถามจากลิเลียนทำให้โรเอลไม่ทันระวัง เขาจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของลิเลียน และรู้สึกได้ถึงความหวาดหวั่นและความคาดหวังของเธอ ริมฝีปากของเด็กสาวสั่นเล็กน้อยราวกับกำลังรอคำตอบอย่างประหม่า
ท่วงทำนองที่ผ่อนคลายยังคงบรรเลงต่อไป พร้อมกับเสียงกระซิบอันรักใคร่ของคู่รักที่ก้องอยู่บนลานเต้นรำ ภายใต้บรรยากาศนี้ ความรู้สึกที่โรเอลเก็บกดเอาไว้ก็ถูกปลดปล่อยออกมาในที่สุด
“ไม่ พวกเราไม่ใช่แค่ญาติทางสายเลือด”
โรเอลส่ายหัว เขาจ้องไปที่ผู้หญิงที่อยู่ข้างหน้าด้วยดวงตาอันเต็มไปด้วยความรู้สึกที่เร่าร้อน
“รุ่นพี่ ผม…”
ปัง !
ก่อนที่โรเอลจะพูดจบ ประตูห้องจัดเลี้ยงก็ถูกเปิดออกในทันใด จากนั้นนักบวชที่รับผิดชอบในการอวยพรก็มาถึงแล้ว ทำให้เกิดเสียงโห่ร้องจากฝูงชน ดึงความสนใจของทุกคนไปทางนั้นทันที
สถานการณ์นี้ทำให้โรเอลสะดุ้งด้วยความประหลาดใจ
ขณะเดียวกันท่ามกลางเหล่านักบวช เด็กสาวผมทองคนหนึ่งก็ทอดนัยน์ตาสีไพลินมองไปทั่วห้องจัดเลี้ยง