ทรราชตัวน้อย ไม่อยากพบจุดจบแบบ BAD END - บทที่ 351: การโจมตีจากแสงจันทร์
บทที่ 351: การโจมตีจากแสงจันทร์
ปัจจุบันนอร่า เซไซต์อยู่ในห้องจัดเลี้ยงอันพลุกพล่าน โดยปลอมตัวเป็นหนึ่งในนักบวชสำหรับงานนี้ เธอสวมเสื้อคลุมสีขาว และปกปิดใบหน้าไว้หลังผ้าคลุมหน้าสีเดียวกัน นัยน์ตาสีไพลินของเธอกวาดสายตามองดูคู่รักจำนวนมากที่อยู่ตรงหน้าอย่างรวดเร็ว
ในฐานะผู้สืบทอดของโบสถ์แห่งเทพีผู้สร้าง นอร่าเคารพแสงออโรร่าอย่างสุดซึ้ง เนื่องจากมันเป็นตัวแทนของพรจากเทพีเซีย เพียงแค่ว่าความสำคัญของมันลดลงไปมาก เมื่อเปรียบเทียบกับบุคคลหนึ่งที่กำลังครอบงำจิตใจของเธอ
โรเอล แอสคาร์ด
นอร่าไม่มีพลังเหนือธรรมชาติในการทำนายตำแหน่งของบุคคลเหมือนชาร์ล็อต แต่เธอก็มีจุดแข็งเป็นของตนเองเช่นกัน นั่นก็คืออิทธิพลมหาศาลที่เธอมี
ขุนนางส่วนใหญ่ในทวีปเซียมีอำนาจมาก แต่อิทธิพลของพวกเขาถูกจำกัดให้อยู่ในแวดวงของตัวเอง ตัวอย่างเช่น ตระกูลแอสคาร์ดที่โด่งดังในจักรวรรดิเซนต์เมซิท แต่อิทธิพลของพวกเขาจะลดลงไปมากเมื่อยู่นอกขอบเขตของจักรวรรดิเซนต์เมซิท
มีตระกูลชนชั้นสูงเพียงแห่งเดียวในโลกที่มีอิทธิพลไปถึงทุกซอกทุกมุมของทวีปเซีย นั่นก็คือตระกูลเซไซต์ เช่นเดียวกับที่มีคนกล่าวกันบ่อย ๆ ว่าแสงแห่งเทพีเซียส่องมาที่ทุก ๆ คน โบสถ์แห่งเทพีผู้สร้างเองก็ปรากฏอยู่ในทุก ๆ ที่ที่มีมนุษย์อาศัยอยู่เช่นกัน
โบสถ์แห่งเทพีผู้สร้างเป็นศูนย์รวมความศรัทธาของมวลมนุษย์มาโดยตลอด ถือเป็นสถานที่พิเศษในหัวใจของผู้คน เฉพาะผู้ที่เบื่อหน่ายชีวิตเท่านั้นที่จะกล้าบ่อนทำลายโบสถ์แห่งเทพีผู้สร้าง
ด้วยอิทธิพลของโบสถ์ นอร่าจึงสามารถสร้างสายสัมพันธ์ได้อย่างรวดเร็ว และแอบเข้าไปในห้องจัดเลี้ยงได้ในฐานะนักบวชคนหนึ่ง แม้ว่านี่จะเป็นครั้งแรกที่เด็กสาวมาที่แดนเหนือก็ตาม
ความพยายามของนอร่านั้นดูเหมือนจะได้ผลดีเพราะมีบางอย่างที่ดึงดูดสายตาเธอเป็นอย่างยิ่ง
ขณะที่ดวงตาของนอร่ากำลังมองดูคู่บ่าวสาวในห้องจัดเลี้ยง ความรู้สึกไม่ลงรอยกันที่อธิบายไม่ได้ก็ผุดขึ้นในหัวใจ ความรู้สึกนั้นเกิดขึ้นโดยไม่ได้ตั้งใจ ราวกับว่าเป็นสัญชาตญาณ แต่เด็กสาวก็สามารถตามหาที่มาของความไม่ลงรอยนั้นได้ไม่ยาก
มันมาจากลานเต้นรำ
เราคิดว่า เราเห็นคนที่คุ้นหน้าแถว ๆ นี้นะ แต่ใครกัน ?
ด้วยความคิดเช่นนั้น เด็กสาวจึงเริ่มเข้าไปใกล้ลาน เมื่อสังเกตเห็นการเคลื่อนไหวของนอร่า ลิเลียน แอคเคอร์มันน์ก็เริ่มตื่นตระหนกทันที
พวกนั้นกำลังจะมาทางเรา
นอร่า เป็นเพื่อนสมัยเด็กของโรเอล ต่างจากชาร์ล็อต สองคนนั้นรู้จักกันตั้งแต่อายุเก้าขวบ หมายความว่าเธอเคยเห็นโรเอลตอนเด็กมาก่อน แม้ว่าจะผ่านมาหลายปีแล้ว แต่เธอก็มั่นใจว่านอร่าจะต้องจำโรเอลได้แน่ ๆ ถ้าเธอได้มองมาหาเขา !
เราจะให้เธอเห็นหน้าโรเอลไม่ได้ !
ดวงตาสีอเมทิสต์ของลิเลียนหรี่ลงอย่างรวดเร็ว เธอเอื้อมมือออกไปจับใบหน้าของโรเอลไว้ ขณะมองไปที่เขาด้วยสายตาอันอ่อนไหว
“ก่อนหน้านี้ เธอกำลังจะพูดอะไรนะ ?”
“เอ๋ ? อืม…”
โรเอลกำลังจะหันศีรษะไปมองพวกนักบวชที่เพิ่งมาถึง เพราะเป็นจุดสนใจ แต่แล้วการเคลื่อนไหวของเขาถูกลิเลียนหยุดเอาไว้ มันกะทันหันเสียจนทำให้เขาสับสนอยู่ครู่หนึ่ง
ขณะเดียวกัน ลิเลียนก็ได้คิดหาวิธีการรับมือสำหรับวิกฤตครั้งนี้แล้ว
เธอรวบรวมพลังเวทย์ภายในร่างกาย ปล่อยมันออกมาอย่างแผ่วเบาจนไม่ทำให้ใครรอบ ๆ ตัวเธอรู้สึกตัว ร่างร่างหนึ่งได้ปรากฏขึ้นจากเงามืด ก่อตัวเป็นเงาที่เหมือนกับโรเอลตอนอายุ 14 ปี
นักเต้นเงาแห่งแคนซัส
นี่เป็นหนึ่งในกองทหารอันแปลกประหลาด ภายใต้อำนาจของลิเลียน มีสมาชิกไม่กี่คนในกองทหารนี้ และพวกมันก็อ่อนแอมาก เมื่อเทียบกับอัศวินและจอมเวทที่เธอมี อย่างไรก็ตามพวกมันมีความสามารถพิเศษที่กระตุ้นให้จักรวรรดิออสทีนโบราณต้องพยายามอย่างมากเพื่อเกณฑ์ตัวเหล่าทหารมาเพิ่มใหม่
คุณสมบัติแก่นแท้ต้นกำเนิดการหลอกลวงของพวกมัน ทำให้จะปลอมตัวเป็นใครที่ไหนก็ได้ พวกมันจึงมีความสามารถที่ยอดเยี่ยมในด้านการจารกรรมและการก่อวินาศกรรม
ผ่านไปกว่าพันปี ในที่สุดพวกมันก็ได้ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง
นอร่าในชุดเสื้อคลุมสีขาวรีบเดินตรงไปที่ลานเต้นรำ โดยตั้งใจที่จะตรวจสอบ ‘บางอย่าง’ ที่ดึงดูดความสนใจของเธอ ทว่าก่อนที่เจ้าตัวจะทันได้เข้าไปใกล้ จู่ ๆ ก็เกิดความโกลาหลขึ้นที่ด้านข้าง
มีคนเห็นแขกคนหนึ่งกำลังพยายามจะวิ่งหนี ความวุ่นวายนี้เรียกความสนใจของทุกคนในห้องจัดเลี้ยงอันพลุกพล่านไปได้เสียหมด แม้กระทั่งสายตาของนอร่าก็มองไปที่เหตุการณ์ดังกล่าวด้วยเช่นกัน
เพียงแต่ว่านอร่าไม่คาดคิดว่าตัวเองจะได้เห็นใบหน้าอันคุ้นเคยที่นี่
“โรเอล ?”
นอร่าเบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจ เมื่อเห็นใบหน้าของเด็กหนุ่มที่กำลังหลบหนี เธอรีบตรงเข้าไปหาแบบไม่มีลังเล
นักบวชหลายคนรีบออกมาจากกลุ่มเพื่อช่วยเหลือเธอ ทำให้เกิดความวุ่นวายอย่างมากในงานเลี้ยง
“จับเขาไว้ !”
“หยุดนะ พวกเราอยู่ฝ่ายเดียวกัน !”
โรเอลตัวปลอมกระโดดออกจากห้องจัดเลี้ยงผ่านหน้าต่างบานหนึ่งไป จากนั้นนอร่ากับกลุ่มผู้ติดตามของเธอก็ตามลงไป ตอนนั้นเองที่ในที่สุดลิเลียนก็ปล่อยมือจากใบหน้าของโรเอล
โรเอลหันศีรษะตามไปในทันที แต่สิ่งที่เขาเห็นมีเพียงกลุ่มคนชุดขาวที่พุ่งลงไปทางหน้าต่าง
ความสงสัยของเขาถูกกระตุ้น ไม่ว่าจะเป็นความปั่นป่วนที่เกิดจากนักบวช หรือการจับศีรษะอย่างกะทันหันของลิเลียน สิ่งเหล่านี้ล้วนผิดปกติจนเกินไป แต่เขาก็ยังไม่เข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ดังนั้นเขาจึงจ้องไปที่ลิเลียนและถาม
“พวกเขาเป็นใครกันครับ ?”
“ฉันไม่แน่ใจเท่าไหร่ น่าจะเป็นการทะเลาะวิวาทของคู่รักละมั้งนะ ?”
ลิเลียนตอบ
เธอกะพริบตาอย่างไร้เดียงสา แต่นั่นก็ยังไม่น่าจะเพียงพอที่จะหลอกโรเอลได้ ดังนั้นเธอจึงก้มลงเล็กน้อยแล้วจูบที่หน้าผากของเขา
“รุ่นพี่ ?”
ตามที่คาดไว้ การกระทำของลิเลียนทำให้โรเอลสับสนได้ในทันที เธอทำให้เขาเสียสมาธิไปชั่วขณะจากปัญหาที่เกิดขึ้น นี่ทำให้หัวใจของเธอเต้นระรัวจากการผ่านวิกฤตมาได้แบบเส้นยาแดงผ่าแปด ด้วยอะดรีนาลีนที่พลุ่งพล่าน
มันน่ากลัวแต่ก็ทำให้รู้สึกดีอกดีใจอย่างน่าประหลาด
…
การเต้นรำระหว่างโรเอลและลิเลียนจบลงภายใต้บทเพลงอันผ่อนคลาย
อย่างไรก็ตามการหยุดชะงักก่อนหน้านี้และการจุมพิตอย่างฉับพลันของลิเลียน ทำให้บรรยากาศที่เธอสร้างขึ้นมาอย่างอุตสาหะดูจะเสียเปล่าอยู่รอมร่อ ด้วยเหตุนี้เธอจึงไม่ได้ยินคำสารภาพที่เธอรอคอยจากโรเอล
แม้จะเสียโอกาสนี้ไปอย่างเปล่าประโยชน์ แต่ลิเลียนก็ตัดสินใจที่จะเร่งรัด คงเป็นการดีกว่าถ้าจะค่อย ๆ ล่อลวงโรเอลออกจากเปลือกของเขา แทนที่จะลากเขาออกจากเปลือกนั่น
ยังไงซะเขาก็หนีไปไหนไม่ได้เพราะสภาพในตอนนี้อยู่ดี
ทั้งสองรู้สึกหิวขึ้นมาเล็กน้อยหลังจากที่เต้นรำ พวกเขาจึงมุ่งหน้าไปที่โต๊ะบุฟเฟ่ต์ เพื่อรับประทานอาหารที่โต๊ะ อันเต็มไปด้วยเนื้อแมวน้ำสีรุ้ง
โดยปกติแล้วโรเอลไม่ชอบกินเนื้อดิบ แต่เขาตัดสินใจลองชิมอาหารแปลกใหม่จานนี้ ซึ่งมันก็มีรสชาติดีจนน่าประหลาดใจ
แมวน้ำสีรุ้งเป็นสัตว์สายพันธุ์หายากที่สามารถปล่อยแสงที่ทำให้ศัตรูตาพร่าได้เมื่อตกอยู่ในอันตราย พวกมันชอบเปล่งแสงออกมาขณะอาบแดดบนชายฝั่ง เพื่อป้องกันไม่ให้สัตว์ชนิดอื่น ๆ เข้าใกล้
ก็ถือว่าเป็นปัญหาที่น่ารำคาญมาก ๆ สำหรับสิ่งมีชีวิตใต้น้ำส่วนใหญ่ ลองคิดดูสิใครจะไปทนได้ ถ้ามีคนฉายแสงคบเพลิงเข้าใส่ดวงตาตลอดเวลา
เผ่าใต้น้ำต่าง ๆ คงบ่นว่า ‘ในที่สุดมันก็ตายซะที’ ทุกครั้งที่มีมนุษย์สวมแว่นกันแสงแทงฉมวกผ่านแมวน้ำสีรุ้ง
การระลึกถึงเรื่องราวเบื้องหลังของแมวน้ำสีรุ้ง ทำให้โรเอลดื่มด่ำกับรสชาติเนื้อสีเหลืองนวลนี้มากขึ้น อย่างไรก็ตาม เนื้อเจ้าแมวน้ำพวกนั้นติดจะมันเยิ้มเกินไปเล็กน้อย ลิเลียนจึงเสนอแชมเปญหนึ่งแก้วให้เด็กชาย เพื่อล้างรสที่ค้างอยู่ในคอออกไป
แค่ได้ดูโรเอลเติมเต็มแก้มตัวเองด้วยเนื้อแมวน้ำสีรุ้ง ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้ใบหน้าของลิเลียนยิ้มได้ เธอรู้ว่าตนเองต้องทำอะไรสักอย่างหากต้องการให้วันนี้ผ่านไปด้วยดี เด็กสาวจึงรีบระดมสมองเพื่อตัดสินใจในการดำเนินแผนการต่อไป
ตอนนี้จัตุรัสแห่งพรไม่ใช่สถานที่ที่ดีอย่างแน่นอน
แม้ว่าลิเลียนจะสามารถเบี่ยงเบนความสนใจของนอร่าและผู้ติดตามของเด็กสาวคนนั้นได้ชั่วคราว จากความช่วยเหลือของนักเต้นเงาแห่งแคนซัส แต่ปรมาจารย์นักปลอมตัวก็คงไม่อาจสามารถถ่วงเวลาได้นานนัก นอกจากนี้จัตุรัสแห่งพรเองก็ได้รับการคุ้มกันอย่างแน่นหนาอีกด้วย
ถึงเวลาที่เธอต้องเปลี่ยนแผนแล้ว
ลิเลียนมองไปรอบ ๆ อย่างครุ่นคิด และในไม่ช้าเธอก็พบที่หอนาฬิกาอันสูงตระหง่านนอกหน้าต่าง
“โรเอล ฉันรู้จักที่ที่จะช่วยให้เราสามารถมองเห็นแสงออโรร่าได้ชัด ๆ แล้วล่ะ พวกเราแอบเดินออกจากห้องจัดเลี้ยงกันดีกว่า”
“ฟังดูน่าสนใจดีนะครับ”
การตอบตกลงกลาย ๆ ของเด็กชายผู้ใสซื่อ นำรอยยิ้มมาสู่ริมฝีปากของลิเลียน
ทั้งคู่ใช้เวลาชั่วโมงสุดท้ายในการเดินไปรอบ ๆ งานเลี้ยงดูการแสดงสดสองสามรายการ
จากนั้นเมื่อใกล้ถึงเวลาเที่ยงคืน คู่รักในงานเลี้ยงก็เริ่มมุ่งหน้าไปยังจัตุรัสแห่งพร เพื่อจะได้จับจองที่นั่งดี ๆ ซึ่งทั้งสองก็อาศัยความโกลาหลนี้ แอบเดินออกจากงานเลี้ยงเข้าไปในคฤหาสน์ของขุนนาง ที่ไม่เปิดให้แขกเข้ามาได้
สิบนาทีต่อมา ทั้งสองคนก็มาถึงยอดหอนาฬิกาในที่สุด โดยที่โรเอลอยู่ในอ้อมแขนของลิเลียน เธอมองดูฝูงชนในจัตุรัสพรที่อยู่ข้างใต้พร้อมเผยรอยยิ้มแห่งชัยชนะ
พวกเขาอยู่ใกล้กับจัตุรัสแห่งพรมากพอที่จะหลีกเลี่ยงการถูกสะกดรอยจากคาถาเวทย์ทำนายของชาร์ล็อต แต่ไกลพอที่จะไม่อยู่ในสายตาของทหารรักษาการณ์
นี่เป็นกลอุบายที่มอบโอกาสอันสมบูรณ์แบบสำหรับลิเลียนในแผนการของเจ้าตัว
“โรเอล… ท่านบรรพบุรุษแอสตริดได้บอกอะไรบางอย่างกับฉัน ก่อนที่พวกเราจะออกจากสถานะผู้เฝ้ามอง”
“หืม ? เธอบอกอะไรรุ่นพี่งั้นเหรอครับ ?”
โรเอลกำลังมองดูท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว แต่เมื่อเขาได้ยินคำพูดของลิเลียน เขาก็หันกลับไปมองเธอด้วยความสงสัย แต่ จู่ ๆ ลิเลียนก็เงียบไป
เมฆดำด้านบนแยกจากกัน ทำให้แสงจันทร์ส่องลงมาบนหอนาฬิกา แสงอันอ่อนโยนของมันเผยให้เห็นแก้มอันแดงก่ำของลิเลียน เธอต้องใช้เวลาสักพักกว่าจะรวบรวมความกล้าที่จำเป็น เพื่อจะพูดประโยคต่อไป
“เธอบอกว่า… ถ้าเราแต่งงานกัน ลูกของเราน่าจะเป็นสายเลือดบริสุทธิ์ที่มีความสามารถทางสายเลือดที่แข็งแกร่งกว่าพวกเรา”
“!”
ดวงตาของโรเอลเบิกกว้างด้วยความตกใจเมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้น เด็กชายตกอยู่ในสภาวะตื่นตระหนกอย่างรวดเร็ว
“เลือดบริสุทธิ์ ? ลูก ? ด…เดี๋ยวสิ… มันอาจจะจริง เพราะเป็นบรรพบุรุษของเราที่พูดอย่างนั้น ต..แต่ถึงอย่างนั้น พวกเราก็เป็น…”
“ไม่เป็นไร”
“ครับ ?”
“ถึงความคิดที่จะต้องมีลูกจะทำให้ฉันกลัว แต่ถ้าอยู่กับเธอละก็…”
ร่างกายของลิเลียนสั่นสะท้านเมื่อเธอพูดคำนั้น เธอมองที่โรเอลด้วยดวงตาอันสั่นเทาด้วยความคาดหวัง ก่อนจะค่อย ๆ โน้มตัวลงมาเพื่อให้เข้ากับส่วนสูงของคนตรงหน้า
ลมหายใจอุ่นที่ใกล้เข้ามาของลิเลียนทำให้จิตใจของโรเอลร้อนรน เขาเข้าใจถึงความสำคัญของจูบที่ส่งเข้ามาได้โดยสัญชาตญาณ
โรเอลรู้ว่าความสัมพันธ์ของเขากับลิเลียนกำลังจะเปลี่ยนไปในทางที่ดี ถ้าเขายอมให้จูบนี้เกิดขึ้น เขาไม่ได้รู้สึกรังเกียจเลยสักนิด ตรงกันข้ามเขารู้สึกอบอุ่นอยู่ภายใน
เด็กชายค่อย ๆ เงยศีรษะขึ้น ทว่าก่อนที่ริมฝีปากของทั้งสองจะบรรจบกัน ร่างเพรียวบางร่างหนึ่งก็ปรากฏขึ้นมาจากแสงจันทร์
“ท่านพี่ !”
ตูม !
ด้วยเสียงตะโกนและการระเบิด ในที่สุดอลิเซีย แอสคาร์ดก็ได้มาถึงที่เกิดเหตุแล้ว