ทรราชตัวน้อย ไม่อยากพบจุดจบแบบ BAD END - บทที่ 359: คนแรกชนะ
บทที่ 359: คนแรกชนะ
โรเอล แอสคาร์ด จ้องไปที่อลิเซียด้วยความสับสน โดยที่ไม่ได้รู้ตัวเลยว่าเขาเป็นที่แย่งชิงสำหรับสาว ๆ ตรงหน้า
นอร่าและชาร์ล็อตต่างเบิกตากว้างด้วยความรังเกียจ เมื่อได้ยินคำพูดของอลิเซีย
พฤติกรรมของมนุษย์โดยสัญชาตญาณ เมื่อเจอกับกฎเกณฑ์ที่ถูกสร้างขึ้นก็คือการยอมเชื่อฟัง แต่ก็มีบางคนที่ชอบค้นหาช่องโหว่ เพื่อเอารัดเอาเปรียบจากกฎเหล่านั้น ซึ่งอลิเซียก็เป็นหนึ่งในตัวอย่างที่ดีเยี่ยมของกรณีนี้
สรุปสั้น ๆ ก็คือ เด็กสาวคนนี้ไม่มีศีลธรรมเอาซะเลย !
พวกเรากำลังฉลองชัยชนะร่วมกันอยู่แท้ ๆ แล้วทำไมเธอถึงต้องคิดเกี่ยวกับการชิงตัวเขาไปเป็นของเธอเองก่อนสำเร็จการศึกษาด้วยล่ะ ?
แต่พอมาคิด ๆ ดูแล้ว… มันก็สมเหตุสมผลเหมือนกันนะ
ทั้งนอร่าและชาร์ล็อตสังเกตเห็นจุดบอดในแผนปัจจุบันของตนเองได้ในทันที
ไม่มีอะไรผิดปกติกับวิธีแก้ปัญหาที่โรเอลเสนอ ปัญหาเดียวก็คือเขาต้องการเวลาเพื่อพยายามควบคุมพลังสายเลือดของตัวเอง เปรียบเสมือนเขากำลังอยู่บนรถม้าที่แทบจะไม่เคลื่อนไหวไปไหน
ข่าวดีก็คือรถม้านั้นมีจุดหมายปลายทางที่ชัดเจน และระยะเวลาในการเดินทางโดยประมาณ ให้คำมั่นสัญญากับพวกเธอว่าทุกคนจะได้ไปถึงสรวงสวรรค์ ที่ซึ่งพวกเธอสามารถครอบครองโรเอลได้อย่างอิสระ ทุกอย่างดูจะเยี่ยมยอดสมบูรณ์แบบไปหมด
คำถามก็คือ แล้วทำไมพวกเธอถึงจะต้องแบ่งปันโรเอลกันด้วยล่ะ ?
รถม้านี้มีขนาดเล็กและอัดอั้นไปด้วยผู้คน แต่คูน้ำริมถนนนั้นกว้างเหลือเกิน ทำไมเราไม่ลองผลักคนบางส่วนลงจากรถเพื่อเพิ่มพื้นที่ว่างล่ะ ? หากพวกเธอสามารถผลักคนอื่น ๆ ออกไปได้ พวกเธอก็จะสามารถผูกขาดโรเอลได้เมื่อไปถึงจุดสิ้นสุดการเดินทาง !
ดวงตาของชาร์ล็อตและนอร่าเปล่งประกายด้วยจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ ทำให้บรรยากาศอันสว่างไสว สนุกสนานอย่างเป็นมิตรที่โรเอลสร้างขึ้นจากการกล่าวสุนทรพจน์อันยาวนานของเขาได้พังทลายลง
โรเอลสังเกตเห็นบรรยากาศที่ผิดปกตินี้ เด็กชายมองไปที่เด็กสาวทั้งสามคนที่กำลังยิ้มแย้มอยู่ข้าง ๆ และ ด้วยเหตุผลบางอย่างพวกเธอทำให้เขารู้สึกเสียววาบไปทั้งสันหลัง
ท…ทำไมพวกเธอมองมาที่ฉันแบบนั้นกัน ? ฉันพูดอะไรผิดไปรึเปล่า ?
เขาไม่สามารถเข้าใจสถานการณ์นี้ได้เลย
ขณะเดียวกัน เด็กสาวทั้งสามก็กำลังยุ่งอยู่กับการวางแผน พวกเธอแต่ล่ะคนต่างก็รู้จักโรเอล แอสคาร์ดเป็นอย่างดี นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมพวกเธอถึงรู้เกี่ยวกับจุดอ่อนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเขา นั่นก็คือการขาดความตระหนักถึงตนเองในความสัมพันธ์
ไม่ใช่ว่าโรเอลมีความฉลาดทางอารารมณ์ต่ำแต่อย่างใด กลับกันแล้ว เขาค่อนข้างสามารถรับรู้ถึงอารมณ์ของคนรอบข้างได้ดีเลยทีเดียว อย่างไรก็ตามสิ่งที่เด็กชายขาดไปก็คือความสามารถในการแยกแยะความสัมพันธ์รักใคร่ของผู้คนรอบตัวที่มีให้ หรือก็คือเกณฑ์การพิจารณาว่าความสัมพันธ์ใด ๆ คือความสัมพันธ์แบบคู่รักของเขานั้นสูงกว่าคนอื่นมาก
นอร่าและชาร์ล็อตได้ฝ่าฟันวิกฤตต่าง ๆ ร่วมกับโรเอล ในขณะที่อลิเซียเติบโตขึ้นมาพร้อมกับเขา ไม่ต้องสงสัยเลยว่าพวกเธอทุกคนล้วนมีสายสัมพันธ์อันลึกซึ้งกับโรเอล แต่ถึงกระนั้นก็ยังไม่มีใครทำให้เด็กชายรู้สึกได้ว่ากำลังมีความสัมพันธ์ในแบบคนรักกับพวกเธอเลยสักคน
ตอนนี้ทุกอย่างจึงขึ้นอยู่กับคำถามที่ว่าใครจะเป็นคนแรกที่จะก้าวไปถึงสู่จุดสูงสุดนั้น ตราบใดที่พวกเธอคนใดคนหนึ่งสามารถไปถึงจุดสูงสุดได้ก่อนคนอื่น ๆ เธอคนนั้นก็จะเป็นผู้ชนะ และช่วยให้เธอมีความได้เปรียบมากพอที่จะขจัดคู่แข่งอื่น ๆ ทั้งหมดออกไป
อะไรนะ ? ทำไมพวกเราถึงแบ่งกันไม่ได้งั้นเหรอ ? ล้อเล่นรึเปล่า ?!
ความรักคือสมรภูมิสงคราม ! ผู้ชนะย่อมได้ครอบครองทั้งหมด !
ระยะเวลาหลายปีแห่งการต่อสู้ได้สอนทั้งสามสาวว่าสนามรบแห่งความรักนั้นโหดร้ายเพียงใด อันที่จริง พวกเธอเริ่มครุ่นคิดแล้วด้วยซ้ำว่าตนเองควรโจมตีเลยในตอนนี้รึเปล่า…
ตอนนี้โรเอลอยู่ในสภาพที่เปราะบางที่สุดเท่าที่เคยมีมา ทั้งทางร่างกายและจิตใจ ถ้าฉันสามารถชนะใจเขาได้ในตอนนี้ล่ะก็…
บรรยากาศค่อย ๆ เปลี่ยนไปทีละน้อย
คนแรกที่เคลื่อนไหวคืออลิเซีย เธอจับมือของโรเอลแล้วมองไปที่เขาด้วยดวงตาอันเต็มไปด้วยความรัก
“ท่านพี่โรเอล มันคงจะยากลำบากมากสินะคะ พี่มีความสามารถในทุก ๆ ด้านมาโดยตลอด แต่แล้วจู่ ๆ ก็ต้องมาตกอยู่ในสภาพนี้”
“อา ? ก็ใช่อยู่…”
โรเอลประหลาดใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับอลิเซีย แต่อีกฝ่ายก็ยังมองมาทางเขาอย่างแน่วแน่และตั้งใจที่จะขอคำตอบด้วย ทำให้เด็กชายได้แต่ถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะพยักหน้ารับ
ดวงตาของอลิเซียหลุบลงอย่างเห็นใจ เธอบีบมือของโรเอลเบา ๆ ราวกับพยายามส่งพลังของตนให้
สมกับเป็นน้องสาวของฉันจริง ๆ เธอคือคนที่ห่วงใยฉันมากที่สุด
โรเอลรู้สึกประทับใจกับการให้กำลังใจของอลิเซีย ซึ่งเด็กสาวผมเงินเองก็รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่เห็นแผนของตนได้ผล เธอมองโรเอลด้วยสีหน้าอันเศร้าสร้อยพร้อมพยายามเกลี้ยกล่อมเขาด้วยน้ำเสียงที่จริงใจที่สุด
“ท่านพี่โรเอล พวกเรากลับบ้านกันเถอะค่ะ หนูจะพยายามทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้เพื่อปกป้องพี่เอง”
“กลับบ้าน…”
เมื่อคำนี้ถูกกล่าวออกมาควบคู่ไปกับการแสดงออกอันเศร้าโศกของอลิเซีย โรเอลก็รู้สึกเหมือนถูกโจมตีเข้าที่จุดสำคัญ
บ้านนั้นเป็นดั่งท่าเรือของหัวใจ เป็นที่หลบภัยในยามทุกข์ยาก และด้วยสถานะในปัจจุบันของโรเอลแล้ว มันก็สมเหตุสมผลมากที่เขาจะกลับบ้านไปที่เขตการปกครองแอสคาร์ดของตัวเอง
โรเอลคิดว่าสิ่งที่อลิเซียพูดนั้นฟังดูมีเหตุผล แต่นอร่าและชาร์ล็อตต่างก็สัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าสิ่งต่าง ๆ กำลังดำเนินไปในทิศทางที่ทำให้พวกเธอเสียเปรียบ
“เดี๋ยวก่อนสิ !” นอร่าอุทานด้วยความโมโห
เธอเดินไปข้างหน้าเพื่อคว้ามืออีกข้างของโรเอลพร้อมจ้องไปที่อลิเซีย เธอมองทะลุกลอุบายของเด็กสาวเจ้าเล่ห์คนนี้ได้อย่างชัดเจน
ปกป้องเขารึ ? ไม่มีทาง หล่อนมันเป็นสุนัขจิ้งจอกในเล้าไก่ชัด ๆ !
นอร่ากังวลที่จะทิ้งโรเอลไว้ในคฤหาสน์ตระกูลแอสคาร์ด แม้ว่าเขาจะอยู่ในสภาพปกติก็ตาม นับประสาตอนนี้ที่เขาอยู่ในสภาพจิตใจเปราะบาง การปล่อยให้เขากลับไปพร้อมกับอลิเซียตอนนี้ ก็ไม่ต่างอะไรไปจากการส่งเขาเข้าไปในถ้ำสิงโต
นอกจากนี้ นี่คืออลิเซียนะ ! หล่อนคือคนที่เคยใช้กลอุบายทำให้โรเอลมีพลังชีวิตเกินขนาด คิดว่าแม่นี่จะไม่กล้าทำอะไรเลยเถิดไปกว่านั้นงั้นเหรอ ?
การันตีว่าโรเอลได้ถูกอลิเซียจัดการภายในสามวันแน่ ถ้าหากพวกเขากลับไปด้วยกัน !
“อลิเซีย เจ้าคิดว่าข้าโง่เหรอ ? อย่าคิดว่าข้าไม่รู้ว่าเจ้ากำลังวางแผนอะไรอยู่นะ”
“ท่านกำลังพูดถึงเรื่องอะไรงั้นหรือฝ่าบาท ? ดิฉันไม่เข้าใจสิ่งที่ท่านกำลังจะสื่อเลยสักนิด จะเป็นพระคุณมากหากฝ่าบาทช่วยละเว้นตัวเอง จากการขัดจังหวะการสนทนาภายในครอบครัวของพวกเราที่นี่”
“เจ้าลืมไปแล้วรึเปล่าว่า ข้าเป็นผู้พิทักษ์ของโรเอล ? มันเป็นหน้าที่ของข้าที่จะต้องทำให้แน่ใจว่าเขาจะปลอดภัย”
นอร่าถ่มน้ำลายใส่อลิเซียด้วยความโกรธก่อนจะหันไปหาโรเอลพร้อมรอยยิ้ม ความสามารถในการเปลี่ยนใบหน้าของเธอไม่ใช่เรื่องตลกเลยจริง ๆ เด็กสาวปล่อยพลังเวทย์ศักดิ์สิทธิ์ที่ทำให้ผู้คนรู้สึกว่าเธอนั้นอบอุ่นและเป็นมิตรออกมา
“โรเอล ข้าเข้าใจดีว่าเจ้าอยากกลับบ้าน แต่คฤหาสน์ตระกูลแอสคาร์ดไม่ใช่สถานที่ที่ปลอดภัยสำหรับเจ้า โบสถ์แห่งเทพีผู้สร้างต่างหากที่สามารถปกป้องเจ้าให้ปลอดภัยได้”
“โบสถ์แห่งเทพีผู้สร้าง ?”
โรเอลพึมพำอย่างครุ่นคิดภายใต้เสียงกระซิบอันชั่วร้ายของทูตสวรรค์ เมื่อเห็นว่าความสนใจของเขาเอนเอียงมาทางตน นอร่าจึงเพิ่มความพยายามในการโน้มน้าวใจเขาให้เป็นสองเท่า
“ตอนนี้เจ้ากำลังอยู่ในสภาวะที่อ่อนแอ และท่านลุงคาร์เตอร์ก็ไม่ได้อยู่ที่คฤหาสน์ตระกูลแอสคาร์ด ระดับการรักษาความปลอดภัยที่คฤหาสน์ตระกูลแอสคาร์ดจึงไม่เพียงพอที่จะทำให้เจ้าปลอดภัย โบสถ์แห่งเทพีผู้สร้างของเรามีกองทัพอัครสาวกเตรียมพร้อมอยู่เสมอ พวกเขาพร้อมที่จะระดมพลออกมาเมื่อเจ้าต้องเผชิญกับอันตราย ข้าจะพาเจ้าไปที่เมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์เป็นการส่วนตัวเพื่อความปลอดภัยของเจ้า ยังจำห้องที่เจ้าพักอาศัยในคฤหาสน์เขาวงกตได้ใช่ไหม ? เจ้าคิดอย่างไรล่ะเกี่ยวกับการไปพักที่นั่นอีกครั้ง”
นอร่าเพิกเฉยต่อความขัดแย้งที่มีกับอลิเซีย ก่อนจะยื่นข้อเสนอโต้กลับด้วยใบหน้าที่ระลึกถึงความหลัง เรื่องนี้ทำให้โรเอลนึกถึงห้องที่เธอเคยป้อนขนมให้เขาเมื่อสองสามปีก่อน ทำให้เขาอยู่ในสภาพที่สับสนวุ่นวาย เริ่มดิ้นรนระหว่างสองทางเลือก
เขตการปกครองแอสคาร์ด เป็นที่รู้จักด้านความแข็งแกร่งทางการทหาร ภายใต้สถานการณ์ปกติ คงจะไม่มีลัทธิชั่วร้ายใด ๆ กล้าที่จะเข้ามาในเขตการปกครองของเขา อย่างไรก็ตาม หากพวกคลั่งไคล้ลัทธิชั่วร้ายตั้งใจจะกำจัดเขาให้สิ้นซากในขณะที่เขาอ่อนแอ มันก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
ถ้าเป็นเช่นนั้น มันคงจะปลอดภัยกว่ามาก ถ้าโรเอลจะลี้ภัยไปพึ่งพาโบสถ์แห่งเทพีผู้สร้าง
“ท่านพี่โรเอล อย่าไปฟังเธอนะคะ ! ผู้หญิงคนนั้นไม่ได้มีเจตนาดีแน่ ๆ ท่านพี่อย่าลืมรสนิยมแปลกประหลาดของเธอสิคะ !”
“เจ้ากำลังพูดถึงเรื่องอะไรอลิเซีย ? ข้าจะลงมือกับโรเอลได้อย่างไร ในเมื่อเขาอยู่ในสภาพที่อ่อนแอเช่นนี้ ? ระวังคำพูดของเจ้าด้วย !”
นอร่าและอลิเซียจ้องตากัน ไม่มีใครคิดที่จะยอมถอย
ขณะเดียวกัน ชาร์ล็อตก็มองดูความขัดแย้งนี้เงียบ ๆ ด้วยดวงตาที่หรี่ลง ประสบการณ์หลายปีในการเจรจาธุรกิจได้สอนให้เธอรู้ถึงความสำคัญของการประเมินสถานการณ์ก่อนตัดสินใจ
เธอรู้ว่าตระกูลโซโรฟยาไม่มีทั้งความแข็งแกร่งของโบสถ์แห่งเทพีผู้สร้างหรือความอบอุ่นของคฤหาสน์ตระกูลแอสคาร์ด แต่นั่นก็ไม่ได้สำคัญเลย เธอไม่ต้องแข่งขันในข้อได้เปรียบของทั้งสอง กุญแจสำคัญที่นี่คือการส่งข้อเสนอที่โรเอลไม่สามารถต้านทานได้ และเธอก็รู้ดีว่ามีสิ่งหนึ่งที่จะจับใจเขาได้อย่างแน่นอน
“10,000 เหรียญทองต่อวัน”
“!”
คำพูดอันสงบเยือกเย็นได้จุดประกายการตอบสนองจากโรเอลในทันที เขาค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมองชาร์ล็อตด้วยความประหลาดใจ ทำให้นอร่าและอลิเซียหยุดการโต้เถียงและหันหัวกลับในทันที
“ชาร์ล็อต ? น..นั่น… ไร้ยางอายสิ้นดี !”
“คิดว่าเงินจะสามารถซื้อทุกสิ่งที่เธอต้องการได้รึไง ? ท่านพี่โรเอลไม่มีวันยอมรับข้อเสนออันอัปยศอดสูเช่นนั้นแน่ !”
“…”
ฉันดีใจที่เธอคิดแบบนั้นนะอลิเซีย แต่… ตอนนี้ฉันถังแตกแล้วจริง ๆ
โรเอลมองดูหนี้ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในระบบของตัวเองด้วยความรู้สึกขมขื่นอันไม่รู้จบในหัวใจ
ขณะเดียวกัน ชาร์ล็อตเองก็ไม่ได้รู้สึกละอายใจกับคำวิพากษ์วิจารณ์ของเด็กสาวอีกสองคนเลย เธอเพียงแต่เดินขึ้นไปหาโรเอล และมองเขาด้วยดวงตาสีมรกตของเธอ
“ที่รัก เจ้าจำไวน์หวานที่พวกเราร่วมงานกันได้ใช่ไหม ? ข้าอยากจะเชิญเจ้าให้มาเป็นซอมเมลิเย่ร์ (นักชิม) ของพวกเรา”
“ซอมเมลิเย่ร์ ?”
“ใช่ ข้าหวังว่าที่รักจะเป็นคนลองชิมผลิตภัณฑ์ของเรา ก่อนที่มันจะออกสู่ตลาดอย่างเป็นทางการ นี่คงจะดีกว่ามาก ถ้ามีเจ้าคอยดูแลคุณภาพของไวน์เป็นการส่วนตัว ด้วยตำแหน่งในฐานะผู้ปกครองเขตการปกครองแล้ว และความจริงที่ว่าเจ้าได้ทำงานในสมาคมพ่อค้าโรซ่า ข้าคิดว่ามันถูกต้องแล้ว ที่ข้าจะต้องเสนอค่าจ้างให้ 10,000 เหรียญทองต่อวัน”
ชาร์ล็อตอธิบายด้วยรอยยิ้มอย่างใจเย็น
ข้ออ้างนี้มีความสำคัญเนื่องจากจะบ่อนทำลายการอ้างสิทธิ์ใด ๆ ที่จะกล่าวหาว่าโรเอลนั้นขายตัวเองเพื่อเงิน ความเย่อหยิ่งและศักดิ์ศรีนั้นไม่ใช่สิ่งที่จะละทิ้งได้ง่าย ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับขุนนาง… ถึงแม้ว่าความจริงจะปรากฏแก่ผู้ที่อยู่ที่นี่ก็ตามที…
ข้อเสนอนี้ล่อตาล่อใจโรเอลเป็นอย่างมาก เด็กชายมีหนี้ที่กำลังถาโถมใส่อย่างต่อเนื่อง และแน่นอนว่าเขาไม่ต้องการอะไรมากไปกว่าการกำจัดมันออกไปให้เร็วที่สุด
ฉ…ฉันอยากจะปฏิเสธข้อเสนอนี้จริง ๆ นะ แต่ที่เธอเสนอมันมากเกินไป !
เห็นได้ชัดว่าโรเอลกำลังลังเล สิ่งนี้จึงได้เพิ่มเปลวไฟแห่งความขัดแย้งระหว่างเด็กสาวทั้งสามขึ้นไปอีก
“พวกเธอทั้งสองคนพูดมากเกินไปแล้ว ! ดูสภาพที่ท่านพี่เป็นอยู่สิ เขาควรจะได้กลับไปพักฟื้นที่บ้าน ! พี่ใหญ่โรเอล อย่าไปฟังพวกเธอนะคะ !”
“ข้าต้องพูดอีกกี่ครั้งมันถึงจะเข้าไปในหัวของเจ้า ? ข้าเป็นผู้พิทักษ์ของเขา ! มันเป็นหน้าที่ของข้าที่จะต้องทำให้มั่นใจว่าเขาจะปลอดภัย ! นี่เป็นคำเตือนครั้งสุดท้ายของข้านะอลิเซีย อย่าบังคับให้ข้าต้องลงมือ !”
“ไร้ค่าเสียจริง พวกเธอไม่เข้าใจว่าการให้และรับคืออะไร ? ที่รัก เจ้าควรเข้าใจนะว่าตอนนี้ใครคือคนที่ห่วงใยเจ้าอย่างแท้จริง อา ข้าไม่ได้บอกด้วยซ้ำว่าค่าจ้างของพวกเราเป็นรายวันรึเปล่า ?”
“ชาร์ล็อต !”
ทั้งสามเริ่มกระวนกระวายมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่ก่อนที่ข้อโต้แย้งจะไปถึงบทสรุป เสียงที่ไม่ลงรอยกันก็ดังแว่วเข้ามาในหูของพวกเธอ
“ไม่ เขาเป็นของฉันต่างหาก !”
“!”
เด็กสาวผมดำคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นด้านหลังโรเอล พร้อมกับโอบแขนของเธอไว้รอบ ๆ เด็กชายราวกับว่ากำลังอ้างสิทธิ์ในครอบครองเขา