ทรราชตัวน้อย ไม่อยากพบจุดจบแบบ BAD END - บทที่ 361: มันคือหน้ากาก !
บทที่ 361: มันคือหน้ากาก !
ภายใต้บรรยากาศอันหนักอึ้งจนเลือดแทบจะแข็งตัว ร่างหลายร่างได้ก้าวออกมาจากเงามืด พวกเขาล้วนสวมชุดเสื้อคลุมสีขาวที่ดูบริสุทธิ์ราวกับแสงจันทร์ แสดงความเย่อหยิ่งผ่านท่าทางอย่างเต็มที่
ใครจะไปคิดว่าในช่วงเวลาวิกฤตินี้ พวกเขาจะปรากฏตัวขึ้นมา
ภาคีแห่งนักบุญ !
โรเอลรู้สึกงุนงงกับการปรากฏตัวที่กะทันหันของพวกลัทธิชั่วร้าย ส่วนเหล่าเด็กสาวทั้งสี่ที่กำลังจะห้ำหั่นกันเองก็หยุดลงและหันไปมองที่ศัตรูใหม่
เบื้องหน้าของทุก ๆ คน ฟรานซิสได้ก้าวออกจากกลุ่มสาวกชุดขาว เขาเงยหน้าขึ้นยืดอกมองดูฝูงชนก่อนจะพยักหน้าให้กับความเป็นจริง ไม่ได้คิดที่จะปกปิดความดูหมิ่นดูแคลนในแววตาเลยแม้แต่น้อย ราวกับว่ากำลังมองดูกลุ่มคนผู้โง่เขลาอย่างเวทนา
ลูกแกะหลงทางที่มองไม่เห็นความยิ่งใหญ่ของพระแม่คงคาคงจะสับสน
ฟรานซิสคิดว่าการจู่โจมอย่างกะทันหันของพวกตนนั้นสวยสง่างาม ชวนให้นึกถึงงานศิลปะอันวิจิตรบรรจง โดยเขาได้เลือกที่จะโจมตีในวันเทศกาลพรของเทพีเซียในตอนที่ศัตรูไม่ทันระวังตัว ซึ่งก็ดูเหมือนว่าจะทำสำเร็จ
เขาเลือกที่จะประเมินสถานการณ์อย่างรอบคอบ ก่อนเข้าร่วมการต่อสู้
ด้วยเหตุผลบางอย่างเมืองหลวงออโรร่า โอลส์ในวันนี้นั้นวุ่นวายจนผิดปกติ มีการต่อสู้หลายครั้งเกิดขึ้น และเมื่อพิจารณาจากการไหลเวียนของพลังเวทย์แล้ว ดูเหมือนว่าจะเป็นการปะทะกันระหว่างโบสถ์แห่งเทพีผู้สร้างกับพวกนอกรีต อย่างไรก็ตาม ยังมีร่องรอยของเวทมนตร์อัญมณีของตระกูลโซโรฟยา และทหารจักรวรรดิออสทีน ปะปนอยู่อีกด้วย
ฟราซิสไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แต่เขารู้ดีว่านี่เป็นโอกาสในอุดมคติทีเดียว
การปะทะกันระหว่างโบสถ์แห่งเทพีผู้สร้างและทหารของอาณาจักรอื่น มันคือความขัดแย้งที่ไม่สามารถประนีประนอมได้ เมื่อการต่อสู้เริ่มต้นขึ้น มันจะไม่มีทางหยุดจนกว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะถูกกำจัดจนหมดสิ้น ไม่มีข่าวที่ดีไปกว่านี้อีกแล้วสำหรับเขา
โอกาสมักจะมาในจังหวะที่คาดไม่ถึงที่สุด
แต่ฟรานซิสก็ต้องยอมรับว่าผู้ดูหมิ่นนั้นเป็นคนเจ้าเล่ห์มากจริง ๆ เพราะอีกฝ่ายมีวิธีการบางอย่างที่สามารถปิดกั้นคาถาเวทย์ทำนายของพวกเขาได้ ทำให้ยากต่อการติดตามตัว อย่างไรก็ตามการกระทำของเขาเองก็น่าจะทำให้พันธมิตรหาตัวเขาเจอได้ยากพอ ๆ กัน ส่งผลให้เขาน่าจะอยู่ในสภาพอ่อนแอกว่าที่เคย
มีขุมกำลังมากมายในทวีปเซียที่พร้อมจะปกป้องผู้ครอบครองพลังสายเลือดตระกูลแอสคาร์ด แต่ความตั้งใจของพวกเขานั้นก็ไม่สำคัญอีกต่อไปหากพวกเขาไม่พบตัวเป้าหมายที่จะปกป้อง และมีเพียงทูตศักดิ์สิทธิ์ของภาคีแห่งนักบุญเท่านั้นที่จะมีวิธีการตามล่าคนบาปผู้ดูหมิ่น !
สถานการณ์ปัจจุบันพิสูจน์ได้เป็นอย่างดีว่าเขาคิดถูก
ผู้มีพลังเหนือธรรมชาติระดับแก่นแท้สามและระดับแก่นแท้สี่อยู่สามคน ถือเป็นขุมกำลังที่น่าสมเพชมาก สำหรับเป้าหมายหลักที่ภาคีแห่งนักบุญพยายามอย่างแน่วแน่ที่จะกำจัด
ดูเหมือนมันกำลังสั่นกลัวพวกเราอยู่สินะ
เมื่อมองไปยังเด็กชายผมดำที่กำลังสั่นเทาเบื้องหน้า ฟรานซิสก็รู้สึกยินดีราวกับว่าชัยชนะได้ตกลงมาอยู่ในกำมือของตนแล้ว รอยยิ้มแห่งความสุขปรากฏขึ้นบนหน้าของผู้บริหาร โดยไม่ได้รู้เลยว่าโรเอลนั้นตัวสั่นเพราะโล่งใจที่พวกเขาปรากฏตัวออกมาต่างหาก
ช่างมาได้ถูกจังหวะจริง ๆ!
ไม่ใช่ว่าโรเอลชื่นชอบผู้นับถือลัทธิชั่วร้ายเหล่านี้ เพียงแต่ว่าการเผชิญหน้ากับกองทัพลัทธิชั่วร้ายนั้นดีกว่าการที่ นอร่าและคนอื่น ๆ จะมาต่อสู้กันเองมาก เป็นผลให้การแทรกแซงจากลัทธิชั่วร้ายเป็นสิ่งที่เขาต้องการมาก ๆ ในเวลานี้
โรเอลเหลือบมองนอร่าและคนอื่น ๆ เห็นได้ชัดว่าพวกเธอได้เตรียมตัวกันรับมือศัตรูกันเรียบร้อยแล้ว
“คนพวกนี้คือ…”
“เสื้อผ้าแบบนี้… ไม่ผิดแน่ พวกเขาคือพวกลัทธิชั่วร้ายจาก ภาคีแห่งนักบุญ !”
“พวกมันมาที่นี่เพื่อฆ่าโรเอล !”
ชาร์ล็อตและลิเลียน ผู้เคยได้พบกับภาคีแห่งนักบุญมาก่อนในสถานะผู้เฝ้ามอง ต่างรู้ถึงตัวตนของผู้บุกรุกเหล่านี้ได้ในทันที การเปิดเผยตัวตนของศัตรูกลุ่มนี้ ทำให้แววตาของเด็กสาวทั้งสี่เฉียบคมจนเย็นยะเยือกไปด้วยจิตสังหาร
ชะตากรรมที่วินสเตอร์และอิซาเบลลาต้องเผชิญด้วยแผนการของภาคีแห่งนักบุญ มันได้จุดประกายไฟนรกแห่งความโกรธเกรี้ยวในดวงตาสีมรกตของชาร์ล็อต
ลิเลียนเองก็นึกถึงความแข็งแกร่งที่ภาคีแห่งนักบุญได้แสดงให้เธอเห็นในสถานะผู้เฝ้ามอง ทำให้เธอมีท่าทีที่ระมัดระวังเคร่งขรึมขึ้น
ขณะเดียวกัน เมื่ออลิเซียได้ยินว่าอีกฝ่ายมาที่นี่เพื่อฆ่าโรเอล จิตสังหารก็หลั่งไหลออกมาจากเธออย่างไม่หยุดยั้ง
ส่วนนอร่า…
นอร่าไม่ได้แสดงปฏิกิริยาใด ๆ มากนัก ในฐานะที่เป็นคนที่มาจากโบสถ์แห่งเทพีผู้สร้าง มีเพียงคำตอบเดียวเท่านั้นสำหรับเธอ นั่นก็คือ ผู้ที่นับถือลัทธิชั่วร้ายทั้งหมดจะต้องถูกกำจัด !
แม้ก่อนหน้านี้เด็กสาวทั้งสี่มีความขัดแย้งกันอย่างรุนแรง แต่ทันทีที่ศัตรูที่คิดจะคุกคามชีวิตของโรเอลปรากฏตัว พวกเธอต่างก็ละทิ้งความขัดแย้งดังกล่าวและร่วมมือกันในทันที
ภาพนี้ทำให้โรเอลรู้สึกปลาบปลื้มเป็นอย่างยิ่ง
ทันใดนั้นเองด้วยความคิดบางอย่างในใจ ลิเลียนได้มองไปที่ศัตรูตรงหน้าอีกครั้ง ก่อนที่ริมฝีปากจะขดเป็นรอยยิ้ม
“ดูเหมือนว่าพวกเราจะมีแขกที่ไม่ได้รับเชิญมานะ แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องแย่อะไร นี่เป็นโอกาสที่ดีสำหรับพวกเราที่จะได้แสดงถึงคุณค่าของตัวเอง”
ลิเลียนประกาศอย่างยิ่งใหญ่
จากนั้นเธอก็หันไปหาโรเอลที่กำลังมึนงงและพูดเบา ๆ
“โรเอล ฉันจะแสดงให้เธอเห็นเองว่า ทำไมฉันถึงเป็นคนที่เหมาะสมที่สุดในยามที่เธอต้องเผชิญกับอันตราย !”
“ลิเลียน ระวังคำพูดของเจ้าหน่อย มันเป็นหน้าที่ของตระกูลเซไซต์ที่จะต้องคอยปกป้องโรเอลมาตั้งแต่อดีต และจะเป็นอย่างนั้นต่อไปในอนาคต !”
“ไม่คิดว่าตัวเองก็ล้ำเส้นเกินไปหน่อยเหรอคะ ฝ่าบาทนอร่า ? ท่านพี่มีครอบครัวดูแลอยู่แล้ว ฉะนั้นคนนอกควรหยุดแทรกแซงกิจการภายในของตระกูลแอสคาร์ดได้แล้ว ! ดิฉันต้องพูดแบบนี้อีกกี่ครั้งกัน”
“ที่รัก ไม่ต้องกังวลไปนะ ตอนนี้สิ่งต่าง ๆ ง่ายขึ้นมาก พวกเราจะตัดสินผู้ชนะจากผลลัพธ์ของการต่อสู้ในครั้งนี้ !”
จิตวิญญาณแห่งทองคำของชาร์ล็อตสั่นสะท้าน ด้วยความตื่นเต้นในอารมณ์ของเธอ ขณะที่ประกาศกฎการแข่งขันใหม่ เพื่อให้เหมาะสมกับการเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์
ปฏิกิริยาแปลก ๆ ของเหล่าเด็กสาว ทำให้ฟรานซิสและสาวกคนอื่น ๆ ของภาคีแห่งนักบุญรู้สึกได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ
ทำไมเด็กสาวพวกนี้ถึงไม่กลัวพวกเราเลยล่ะ ?
พวกเขาเป็นลัทธิชั่วร้ายที่โด่งดังไปทั่วทั้งทวีปเซีย ! มันจึงแปลกที่จะมีใครมองพวกเขาราวกับว่าเป็นเพียงแค่วัวควาย
ฟรานซิสงงงวยกับสิ่งนี้ เขาจึงตัดสินใจที่จะประเมินคู่ต่อสู้ของตนอีกครั้ง แต่ไม่ว่าจะมองอย่างไร เหล่าเด็กสาวที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขา… ก็ไม่ได้ดูจะเป็นอันตรายอะไรเท่าไหร่เลย !
การลอบสังหารโรเอล แอสคาร์ดเป็นคำสั่งจากสภาบริหาร และผู้ที่ได้รับมอบหมายให้ดำเนินการตามคำสั่งนั้นก็คือฟรานซิส ผู้มีพลังเหนือธรรมชาติระดับแก่นแท้สอง นอกจากนี้เขายังนำผู้ช่วยที่มีระดับแก่นแท้สองติดตัวมาด้วยกันเพื่อความปลอดภัย รวมถึงผู้มีพลังเหนือธรรมชาติระดับแก่นแท้สาม กับพวกหัวกะทิอีกประมาณหกสิบคน
จำนวนผู้มีพลังเหนือธรรมชาติระดับนี้น่าจะเกินขอบเขตความสามารถสำหรับโรเอลที่อ่อนแอไร้พลังอย่างไม่ต้องสงสัย จนถึงจุดไม่ต่างไปจากการสิ้นเปลืองกำลังคน ทำให้ฟรานซิสไม่เข้าใจเลยว่าทำไมก่อนหน้านี้โรเอลถึงหลุดพ้นจากเงื้อมมือของพวกเขาได้ ทว่าครู่ต่อมา สิ่งที่ไม่น่าจะเป็นไปได้ก็เกิดขึ้น
เปลวไฟสามลูกถูกยิงขึ้นไปบนท้องฟ้า ทำให้ความโกลาหลต่าง ๆ โดยรอบเงียบลง ก่อนที่เสียงโห่ร้องจะดังก้องกังวานไปทั่วทุกที่ กองทัพที่เคยสู้รบกันอยู่ก่อนหน้านี้ ต่างเคลื่อนทัพเข้ามาในทิศทางของพวกเขา
ผู้นำแนวหน้าคือทหารม้าของจักรวรรดิออสทีน ตามด้วยกองทัพของชาวโรซ่าที่เป็นศัตรูตัวฉกาจ และเหล่านักบวชจากโบสถ์เทพีผู้สร้างที่เข้ามาจากด้านซ้าย พร้อมกับกองทัพพวกนอกรีตที่มาทางด้านขวา
มันเป็นภาพอันน่าเหลือเชื่อที่ทุกคนได้เห็นพร้อม ๆ กันภายใต้แสงออโรร่า รูปขบวนที่ดูเป็นไปไม่ได้จนฟังดูไร้สาระอย่างสมบูรณ์แบบ กองกำลังต่าง ๆ ที่ควรจะเป็นปฏิปักษ์ต่อกัน กลับได้ร่วมแรงร่วมใจกันที่นี่
ฟรานซิสตกตะลึงอย่างยิ่งกับสิ่งที่ได้เห็น กองทัพนี้ขัดกับสามัญสำนึกของเขาอย่างสมบูรณ์ อย่างไรก็ตาม ในไม่ช้าเขาก็ตระหนักได้ถึงสาเหตุ ก่อนจะคร่ำครวญอย่างขุ่นเคือง
“บ้าที่สุด พวกมันหลอกเรา เพื่อทำให้พวกเราลดความระมัดระวังลง พวกเราตกหลุมพรางของพวกมันแล้ว !”
ทันทีที่เสียงคำรามของสงครามดังขึ้น ในที่สุดทั้งสองฝ่ายก็เริ่มปะทะกัน เริ่มการต่อสู้ขึ้นอย่างเป็นทางการ