ทรราชตัวน้อย ไม่อยากพบจุดจบแบบ BAD END - บทที่ 362: ใครคือลัทธิชั่วร้ายที่แท้จริงที่นี่?
- Home
- ทรราชตัวน้อย ไม่อยากพบจุดจบแบบ BAD END
- บทที่ 362: ใครคือลัทธิชั่วร้ายที่แท้จริงที่นี่?
บทที่ 362: ใครคือลัทธิชั่วร้ายที่แท้จริงที่นี่?
เหล่าทหารม้าแห่งจักรวรรดิออสทีนที่พุ่งเข้าหาพวกเขาภายใต้ม่านแห่งราตรี ทำให้ฟรานซิสฉุกนึกถึง ‘ความจริง’ ได้ในที่สุด
เห็นได้ชัดว่านี่เป็นกับดักของศัตรู การต่อสู้ก่อนหน้านี้ระหว่างกองกำลังต่าง ๆ ทั้งหมดเป็นเพียงแค่การแสดง เพื่อล่อให้พวกเขาแสดงตัวออกมา !
สภาบริหารของภาคีแห่งนักบุญได้ข้อมูลมาว่า โรเอล แอสคาร์ดน่าจะกำลังอยู่ในสภาพที่อ่อนแออย่างถึงที่สุด ดังนั้นพวกเขาจึงคิดว่าโรเอลน่าจะพยายามปกปิดตัวตนหลบซ่อนให้เงียบที่สุด เพื่อที่จะหลีกเลี่ยงปัญหาต่าง ๆ จนกว่าจะหายดี และเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ข่าวรั่วไหล หมอนั่นก็น่าจะยุติการสื่อสารกับพันธมิตรส่วนใหญ่ไปด้วย ทำให้มีคนคุ้มครองเหลืออยู่ไม่มาก
อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าคำทำนายของพวกเขาจะผิดพลาด !
สถานการณ์ในตอนนี้สามารถสรุปได้ว่า ถึงแม้โรเอล แอสคาร์ดจะอยู่ในสภาพที่อ่อนแอ แต่เขาไม่ได้ยุติการสื่อสารกับพันธมิตรของตน และเลือกที่จะวางแผนรับมือแทน เขาคงเดาได้ว่าภาคีแห่งนักบุญจะตามล่าเขา ดังนั้นจึงได้วางกับดักที่จะจัดการกับพวกเขาที่นี่ !!
การต่อสู้ที่ภาคีแห่งนักบุญเห็นก่อนหน้านี้ระหว่างโบสถ์แห่งเทพีผู้สร้างกับพวกนอกรีต และกองทัพจักรวรรดิออสทีนกับเมืองโรซ่า ล้วนแต่เป็นการโกหกหลอกลวงทั้งสิ้น ! นอกจากนี้คนบาปคนนั้นยังกล้าที่จะทำเหมือนว่าตนเองไม่รู้อะไรเลยอีก !
เมื่อมองไปยังเด็กชายที่ยืนอย่างไร้เดียงสาข้างหลังเด็กสาวทั้งสี่ ทันใดนั้นฟรานซิสก็รู้สึกขนแขนลุกขึ้นมา
โอ้ท่านมารดาแห่งเทพธิดา มีคนแบบนี้บนโลกด้วยงั้นเหรอ เจ้านั่นสามารถซ่อนความตั้งใจที่แท้จริงของตัวเองได้แนบเนียนขนาดนี้ได้อย่างไร ? มันต้องเป็นคนเจ้าเล่ห์และร้ายกาจขนาดไหนถึงจะทำอะไรแบบนี้ได้กัน ? เราประเมินมันต่ำไปจริง ๆ !
ฟรานซิสประเมินสถานการณ์อีกครั้งอย่างรวดเร็ว ทำให้ในไม่ช้าเขาก็สรุปได้ว่า มันเป็นไปไม่ได้อีกต่อไปแล้ว ที่พวกเขาจะหลบหนีไปจากที่นี่โดยปราศจากการสูญเสีย การต่อสู้ครั้งนี้เป็นสิ่งที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ เขาจึงพุ่งเข้าใส่โรเอลโดยไม่มีการลังเลใด ๆ ตราบเท่าที่สามารถจับหัวหน้าของศัตรูเป็นตัวประกันได้ คนอื่น ๆ ก็ไม่ใช่ปัญหา !
ทว่าสิ่งต่าง ๆ ไม่เป็นไปตามที่ฟรานซิสคาดไว้ ในไม่ช้าเจ้าตัวก็ตระหนักได้ว่าตนนั้นประเมินความสามารถของเด็กสาวทั้งสี่ต่ำเกินไป
ท่ามกลางท้องฟ้ายามราตรี นกน้อยพลังเวทย์ได้ปรากฏขึ้นโฉบลงมาพร้อมกับแสงจันทร์ที่สาดส่อง รวมกลุ่มกันในบริเวณใกล้เคียง ด้วยการโบกมือแต่ละครั้งของอลิเซีย นกเหล่านั้นก็จะแปลงกายเป็นคาถาเวทย์ทำลายล้างเข้าโจมตีผู้นับถือลัทธิชั่วร้าย จิตสังหารอันแรงกล้าที่แผ่ออกมาทำให้เธอน่าเกรงขามราวกับปีศาจ สร้างความหวาดกลัวขึ้นในใจของศัตรู
ในฐานะลูกบุญธรรมของคาร์เตอร์ อลิเซียได้รับการปลูกฝังความแน่วแน่สำหรับหน่วยทหารจอมเวทย์ตั้งแต่อายุยังน้อย เมื่อเธอตัดสินใจที่จะโจมตี เธอก็พร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อทำลายล้างศัตรู ไม่ให้โอกาสสำหรับหายใจหรือตั้งตัวใด ๆ
สิ่งที่ทำให้อลิเซียน่ากลัวยิ่งขึ้นไปอีกก็คือพลังทางสายเลือด ที่ทำให้ตัวเธอทนรับต่อผลข้างเคียงของคาถาเวทย์ส่วนใหญ่ได้สบาย ๆ ส่งผลให้อลิเซียสามารถปลดปล่อยคาถาเวทย์ที่แข็งแกร่งที่สุดของตนได้ตั้งแต่เริ่ม โดยไม่ต้องกังวลว่าตัวเองจะหมดสภาพ เรียกได้ว่าเป็นการผลักดันแนวคิดของจอมเวทย์สายทำลายล้างให้ไปถึงขีดสุด
อลิเซียเป็นดั่งคลื่นยักษ์ที่พัดพากวาดศัตรูออกไป ทำให้พวกเขาต้องหอบหายใจด้วยความสิ้นหวัง
“ออกไปให้ห่างจากท่านพี่นะ !”
เพียงครู่เดียว ฟรานซิสก็ต้องตกใจกับคาถาเวทย์ระดับแก่นแท้สามมากกว่าโหลที่โผล่ขึ้นมาล้อมรอบตัวเขา แม้จะเป็นระดับแก่นแท้สองที่เหนือกว่า ทว่าเขาก็คงไม่สามารถทนรับการโจมตีทั้งหมดนี้ได้ ทำให้จำต้องถอยออกมาอย่างรวดเร็ว
แต่ฟรานซิสนั้นไม่ได้รู้เลยว่าการเลือกถอยออกมาในครั้งนี้ คือการสละโอกาสที่ดีที่สุดของตัวเองในการกำจัดโรเอลไปตลอดกาล
ขณะที่อลิเซียกำลังโจมตีฟรานซิสจนทำให้เขาต้องถอยกลับ นอร่าก็ได้เตรียมการในส่วนของเธอจนเสร็จสิ้น
ปีกแสงสว่างจ้ากางออกมาจากด้านหลังของนอร่า ขณะที่เธอหยิบภาชนะที่บรรจุหยดน้ำตาสีคริสตัลลึกลับที่มีตราประทับหลายอันออกมา เธอวางมือลงบนภาชนะ จากนั้นแสงอันเจิดจ้านับไม่ถ้วนก็เริ่มเข้ามาห่อหุ้มร่างกาย ซึมผ่านผิวหนังของเธอไป
เมื่อนอร่าลืมตาขึ้นอีกครั้ง สีทองก็ปรากฏขึ้นใจกลางนัยน์ตาสีไพลินของเธอ พร้อมกับแสงระยิบระยับที่เปล่งออกมาจากร่างกายในระดับที่ไม่เคยมีมาก่อน
เมื่อพิจารณาจากพลังเวทย์ที่กำลังไหลเวียนในร่างกายของนอร่าแล้ว เธอสามารถก้าวข้ามขีดจำกัดของระดับแก่นแท้สามไปได้สบาย ๆ แม้ว่าจะเป็นเพียงแค่ชั่วคราวก็ตาม
หลังจากเพิ่มพลังแล้ว นอร่าก็เริ่มออกนำทัพนักบวชของโบสถ์แห่งเทพีผู้สร้างเข้ากวาดล้างฟรานซิสและสาวกคนอื่น ๆ ของภาคีแห่งนักบุญ
“ที่รัก มาอยู่ข้าง ๆ ฉันเร็ว !”
ขณะเดียวกัน ชาร์ล็อตก็เรียกโรเอลให้หันมาหาเธอ พร้อมกับส่งพลังเวทย์ไปยังจิตวิญญาณทองทำ
จิตวิญญาณแห่งทองคำเริ่มขยายตัวขึ้น ก่อตัวเป็นโดมสีทองอันแข็งแกร่งรอบ ๆ ตัวโรเอล ปกป้องร่างกายของเขารอบทิศ หากไม่สามารถพังการป้องกันอันแน่นหนาของจิตวิญญาณแห่งทองคำก็จะไม่มีการโจมตีใดที่จะสามารถทำร้ายเด็กชายได้อีก
ปริมาณของจิตวิญญาณแห่งทองคำที่ชาร์ล็อตกำลังใช้อยู่นั้นมากจนผิดปกติ แต่ดูเหมือนว่าจะมีบางอย่างผิดปกติเกี่ยวกับความแข็งแกร่งของมันด้วยเช่นกัน
จิตวิญญาณแห่งทองคำดูเหมือนจะสูญเสียสีและความทึบไปเล็กน้อย มันดูมีความหนืดน้อยกว่าปกติ ทว่าถึงแม้ทักษะสัมผัสพลังเวทย์ในปัจจุบันของโรเอลจะลดลง แต่เขาก็สัมผัสได้ว่ามันมีพลังเวทย์อยู่มากมายมหาศาล
นี่ทำให้โรเอลเข้าใจได้ในที่สุดว่าทำไมนอร่าและชาร์ล็อตถึงกล้าเผชิญหน้ากับลิเลียน
มันก็จริงอยู่ที่ว่าลิเลียนนั้นทรงพลัง แต่ทั้งทางนอร่าและชาร์ล็อตเองก็ได้เตรียมการอย่างละเอียดถี่ถ้วนเพื่อรับมือกับเธอ แต่ใครจะไปคิดล่ะว่าการเตรียมการของพวกเธอจะถูกนำมาใช้จัดการกับภาคีแห่งนักบุญแทน ?
อย่างไรก็ตาม ลิเลียนกลับไม่ได้แสดงปฏิกิริยาใด ๆ ต่อความสามารถอันยอดเยี่ยมที่ถูกแสดงออกมาโดยเหล่าคู่แข่ง หรือไม่… บางทีเธอก็เพียงแค่ปล่อยให้พวกเธอได้ไหลไปตามจังหวะของตัวเอง
ลิเลียนไม่จำเป็นต้องกังวลตั้งแต่แรกอยู่แล้ว เพราะเธอเป็นระดับแก่นแท้สามที่แท้จริง ในขณะที่คนอื่น ๆ ยังไปไม่ถึง และสิ่งที่พวกเธอกำลังทำอยู่ก็แทบจะเทียบไม่ได้กับเธอ
นอกจากนี้ความแข็งแกร่งที่แท้จริงของลิเลียนเองก็ไม่ได้ตรงกับระดับแก่นแท้ของเธอเลยสักนิด
เสียงแตรสงครามดังขึ้น จากนั้นกองทหารเกราะเบาก็ปรากฏกายขึ้นมาด้วยพลังเวทย์ของลิเลียน ทันทีที่พวกเขาปรากฏตัวออกมา พวกเขาก็พุ่งเข้าใส่กลุ่มผู้คลั่งไคล้ลัทธิชั่วร้าย ที่กระจัดกระจายกันภายใต้การโจมตีทำลายล้างของอลิเซียอย่างรวดเร็ว
ต่างจากกองทหารทั่วไปที่ลิเลียนเรียกออกมา ทหารเกราะเบาเหล่านี้มีความคล่องแคล่วเป็นพิเศษในสนามรบ พวกเขากวัดแกว่งอาวุธหลากหลายชนิดออกมานับไม่ถ้วน ตั้งแต่ลูกดอกอาบยาพิษไปจนถึงหอกพิษ การเลือกอาวุธที่หลากหลาย ทำให้เป็นเรื่องยากที่พวกเขาจะรักษารูปแบบการรบตามหลักการของกองทัพที่ได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดี แต่นั่นไม่ใช่เรื่องจำเป็นเลย
ผลลัพธ์เท่านั้นคือสิ่งที่สำคัญที่สุด
ลัทธิชั่วร้ายที่ตายแล้วคือลัทธิชั่วร้ายที่ดี แล้วการตายของพวกเขามีความสำคัญขนาดไหนกัน ?
ลิเลียนยังไม่ลืมจุดประสงค์หลักของการต่อสู้ในครั้งนี้
ชะตากรรมของพวกลัทธิชั่วร้ายนั้นได้ถูกตัดสินไปแล้ว ตั้งแต่วินาทีที่เด็กสาวทั้งสี่คนเลือกที่จะต่อสู้เคียงข้างกัน อย่างไรก็ตามเป้าหมายของลิเลียนนั้นไม่ใช่แค่การกำจัดพวกลัทธิชั่วร้าย แต่เพื่อชิงโรเอลมาเป็นของเธอ
เพื่อจุดประสงค์นั้น ลิเลียนจึงอัญเชิญกองทหารเหยี่ยวราตรีที่ด้อยกว่าออกมาแทนที่จะเลือกกองทหารราชสีห์ที่มีระบบระเบียบ กองทหารเหยี่ยวราตรีนั้นมุ่งเน้นไปที่การสังหารศัตรู ดังนั้นพวกเขาจึงมีประสิทธิภาพมากที่สุดในสำหรับเก็บแต้มด้วยการกำจัดศัตรู
เมื่อเห็นว่าลิเลียนได้นำไพ่ตายของตนออกมาเพื่อขโมยแต้มการสังหารศัตรู เด็กสาวคนอื่น ๆ ต่างก็หรี่ตาลงอย่างเฉียบขาด
“ยัยผู้หญิงน่ารังเกียจ !”
นอร่ากำหมัดแน่น พลางพุ่งเข้าใส่ศัตรูด้วยความเร่าร้อนยิ่งขึ้น ตั้งใจแน่วแน่ที่จะเป็นคนจัดการศัตรูให้ได้มากที่สุด และการทิ้งระเบิดของอลิเซียเองก็รุนแรงขึ้นเช่นกัน
ที่แนวหลัง ชาร์ล็อตยังคงยืนอยู่เคียงข้างโรเอล แม้จะดูเหมือนว่าเธอจะยังไม่ได้ทำอะไรเลย แต่สำหรับผู้ที่คุ้นเคยกับจิตวิญญาณแห่งทองคำก็จะรู้ว่าขณะนี้กำลังมีการแปรสภาพบางอย่างอยู่
จิตวิญญาณทองคำเต็มไปด้วยพลังเวทย์ที่เอ่อล้นมากขึ้นเรื่อย ๆ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นสายลมสีทองพัดเข้าหาเหล่าสาวกของภาคีแห่งนักบุญ ทำให้พวกที่กำลังหอบด้วยความเหนื่อยล้าอยู่สูดสายลมสีทองเข้าไปในร่างกาย
หลังจากนั้น เมื่อร่างกายของพวกเขาสูดจิตวิญญาณแห่งทองคำที่เป็นก๊าซเข้าไปมากเพียงพอ มันก็จะบดขยี้หัวใจของพวกเขาโดยอัตโนมัติ
“!”
มันเป็นการโจมตีที่เงียบเชียบ แต่ก็น่าสยดสยอง สาวกที่อ่อนแอลงหลายคนสิ้นใจภายในเวลาอันสั้น ทำให้ฟรานซิสต้องตกตะลึงกับความเลวร้ายของสนามรบนี้
กับดักไร้ยางอาย อาวุธชั่วร้าย และคำสาปเจ้าเล่ห์ ใครกันแน่ที่เป็นลัทธิชั่วร้ายที่นี่ !
“บ้าที่สุด คอยดูเถอะข้าจะพาพวกแกลงนรกไปด้วยกัน !”
ฟรานซิสผู้โกรธเคืองได้ปล่อยพลังเวทย์อันทรงพลังออกมา ทำให้การต่อสู้เข้มข้นขึ้นไปอีก
ขณะเดียวกันร่างสองร่างที่อยู่ห่างออกไปก็กำลังซุ่มดูความโกลาหลนี้จากอาคารหลังหนึ่ง…