ทรราชตัวน้อย ไม่อยากพบจุดจบแบบ BAD END - บทที่ 369: ถึงเวลากลับ
บทที่ 369: ถึงเวลากลับ
แสงออโรร่าสีชมพูหายไปแล้ว เหลือเพียงพระจันทร์เสี้ยวบนท้องฟ้ายามราตรี
โรเอล แอสคาร์ดยืนอยู่เหนือซากปรักหักพังของคฤหาสน์ดยุกเอิร์ลโบรวล์ ท่ามกลางเสียงอึกทึกของทหารและเสียงคำรามของหมีสงคราม
ศัตรูมี 69 คน แต่แต้มการสังหารมี 77 แต้ม นี่มันเป็นได้ยังไงกัน?
ด้านหลังโรเอลนั้นยุ่งเหยิงไปหมด
“ดูอาการบาดเจ็บของเขาสิ เป็นเพราะคาถาเวทย์ของดิฉันแน่นอน แต้มการฆ่านี้ควรเป็นของดิฉัน!”
อลิเซียชี้ไปยังศพที่ไหม้เกรียมบนพื้นเพื่อยืนยันประเด็นของเธออย่างไม่พอใจ ซึ่งทางด้านนอร่าก็โต้แย้งกลับด้วยความใจเย็น
“อลิเซีย ผู้มีการศึกษาอย่างเจ้าน่าจะเข้าใจความแตกต่างระหว่างอาการบาดเจ็บกับการถูกสังหารดีนะ เจ้าอาจเป็นคนเผาสาวกจากลัทธิชั่วร้ายก็จริง แต่มันตายด้วยดาบของข้า”
“คำพูดของท่านเชื่อถือได้งั้นเหรอ? พวกเรากำลังพูดถึงหลักฐานอยู่ ฝ่าบาทนอร่าจะชักดาบออกมาเป็นพยานแทนงั้นเหรอ?”
“ไร้สาระน่าอลิเซีย อย่าเสียเวลาโต้เถียงอย่างไม่มีเหตุผลเลย ยอมรับความพ่ายแพ้ของเจ้าซะ!”
“ดิฉันขอคืนถ้อยคำเหล่านั้นให้ท่าน ฝั่งของดิฉันเป็นคนฆ่าผู้นำของศัตรู! นั่นก็เท่ากับว่าพวกเราคือฝ่ายที่สร้างผลงานมากที่สุดในการต่อสู้ครั้งนี้ไม่ใช่หรือ?”
“พูดบ้าอะไรของเจ้า? เขาระเบิดตัวเองต่างหาก!”
นอร่าและอลิเซียเถียงกันอย่างดุเดือดเรื่องการมีส่วนร่วมของฝ่ายตนในการต่อสู้ ส่วนชาร์ล็อตเองก็กำลังยุ่งอยู่กับการจัดการธุรกรรมที่ทำไว้กับดยุกเอิร์ลโบรวล์ ในขณะที่ลิเลียนกำลังตรวจสอบศพของศัตรู
โรเอลรู้สึกปวดหัวเหลือเกิน เขารู้สึกยินดีที่ตนเองรอดชีวิตจากการลอบสังหารของภาคีแห่งนักบุญมาได้ แต่ขณะเดียวกันก็รู้สึกเครียดกับสถานการณ์ตอนนี้
ไม่มีทางที่เด็กสาวเหล่านี้จะไว้ใจกันเรื่องผลการตัดสินในการแข่งขันครั้งนี้แน่ ดังนั้นพวกเธอจึงมอบหมายให้ตัวแทนของฝั่งตัวเองแต่ละคน จัดทำตารางผลลัพธ์ของตัวเองออกมาก่อนที่จะรายงาน ซึ่งผลที่ได้ก็ออกมาอย่างแปลกประหลาด
มีแต้มการสังหาร 77 ศพทั้ง ๆ ที่มีผู้นับถือลัทธิชั่วร้ายเพียง 69 คน ซึ่งรวมฟรานซิสที่ระเบิดตัวเองไปแล้วด้วย
คำถามก็คือ… มีใครตายสองครั้ง?
ทันทีที่ความขัดแย้งทางคณิตศาสตร์เกิดขึ้น โรเอลก็รู้ว่าสิ่งต่าง ๆ คงจะไม่จบลงอย่างสวยงามแน่ นอร่าและอลิเซียเริ่มทะเลาะวิวาทกัน และมีแนวโน้มว่าชาร์ล็อตกับลิเลียนเองก็จะเข้าร่วมการต่อสู้ด้วยเมื่อทั้งคู่เสร็จธุระแล้ว
แค่คิดถึงเรื่องวุ่นวายนี้ก็ทำให้โรเอลกุมขมับด้วยความทุกข์ระทม ทันใดนั้นเองเขาก็ได้ยินเสียงของลิเลียน
“มานี่หน่อยสิ โรเอล”
“รุ่นพี่?”
เมื่อลิเลียนเรียก โรเอลก็เดินเข้าไปหา ทำให้นอร่าและอลิเซียที่กำลังโต้เถียงกันอยู่ชำเลืองมองหน้ากัน และตัดสินใจเลื่อนการโต้เถียงนี้ออกไปพร้อมกันไปโดยไม่ได้นัดหมายเพื่อไปหาโรเอล ไม่นานนักทั้งสามคนก็มาถึงฝั่งของลิเลียนที่กำลังจ้องมองไปยังศพบนพื้น
พวกเธอจะเริ่มเถียงกันอีกรอบรึเปล่าเนี่ย?
โรเอลคิดว่าลิเลียนเรียกเขามาเพื่อให้ช่วยยืนยันผลลัพธ์การต่อสู้ของเธอ ทว่าเขาก็ปฏิเสธความเป็นไปได้นั้นไปอย่างรวดเร็วเมื่อสังเกตเห็นใบหน้าของลิเลียน มันราวกับว่าสายตาของเธอจับจ้องไปยังสิ่งที่สำคัญกว่านั้น
“มีอะไรเหรอรุ่นพี่? ศพนี้มีปัญหาอะไรหรือเปล่า?”
โรเอลเริ่มตรวจดูศพบนพื้น
อีกฝ่ายเป็นสาวกลัทธิชั่วร้ายที่มีหน้าตาธรรมดา ๆ และมีรูปร่างผอมบาง เขาสวมเสื้อคลุมสีขาวเรียบ ๆ ถูกฆ่าโดยบาดแผลจากดาบ แม้ว่ามันจะเป็นเรื่องยากที่จะตรวจสอบระดับแก่นแท้ของศพ แต่จากพลังเวทย์ที่หลงเหลือตกค้างอยู่ในศพ ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้แข็งแกร่งมากเท่าไหร่
โรเอลตรวจสอบศพครั้งแล้วครั้งเล่า แต่เขาก็ยังไม่พบสิ่งใดที่โดดเด่นสะดุดตา ทันใดนั้นเอง ลิเลียนก็พูดด้วยใบหน้าที่เคร่งเครียด
“โรเอล อาจเป็นเพราะพลังสายเลือดของเธอถูกผนึกเอาไว้ เธอจึงไม่รู้สึกถึงอะไรเลย แต่ฉันสามารถสัมผัสได้ ว่าคนคนนี้มีมีพลังทางสายเลือดใกล้เคียงกับพวกเรา”
“คล้ายกับพวกเรา? คนที่มีพลังทางสายเลือดคล้ายกับของเรา… เดี๋ยวนะ รุ่นพี่กำลังจะบอกว่า…”
จู่ ๆ โรเอลก็นึกถึงข้อมูลที่ได้รับมา ขณะที่แฝงตัวเข้าไปเป็นสายลับภายในภาคีแห่งนักบุญสาขาเลนสเตอร์ในสถานะผู้เฝ้ามอง ทำให้ได้รู้ว่ามีกลุ่มคนที่พิเศษกว่าคนอื่น ๆ ที่รู้จักกันในชื่อ ‘ทูตศักดิ์สิทธิ์’ อยู่ภายในภาคีแห่งนักบุญ
ทูตศักดิ์สิทธิ์ เป็นที่เคารพนับถืออย่างสูงในภาคีแห่งนักบุญ โดยไม่จำเป็นจะต้องเป็นผู้มีพลังเหนือธรรมชาติที่แข็งแกร่งก็ได้ จุดประสงค์หลักของพวกเขาในองค์กรคือเป็นกุญแจในการเปิดใช้งานสิ่งที่เรียกว่า ‘อุปกรณ์เวทย์ศักดิ์สิทธิ์’
หนึ่งในอุปกรณ์เวทย์ศักดิ์สิทธิ์ก็คือไข่ของผู้เรียกพายุ
การเปิดใช้งานและการควบคุมไข่ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับโรเอล แต่มันก็ไม่ใช่สิ่งที่มนุษย์ทั่ว ๆ ไปจะสามารถทำได้ อันที่จริงทูตศักดิ์สิทธิ์ได้รับพลังในการควบคุมไข่ ผ่านการฉีดยาลึกลับตั้งแต่อายุยังน้อย
ตอนแรกโรเอลไม่ได้คิดอะไรมากเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่เมื่อได้ยินคำพูดของลิเลียนความสงสัยก็เริ่มผุดขึ้นมาในใจ
เป็นไปได้ไหมว่า… ทูตศักดิ์สิทธิ์ได้รับการหล่อเลี้ยงให้มีพลังคล้ายกับพลังทางสายเลือดของตระกูลแอสคาร์ด?
โรเอลจ้องไปยังศพบนพื้นอย่างครุ่นคิด ในขณะที่กำลังพิจารณาถึงความเป็นไปได้นี้ ลิเลียนก็นึกถึงปัญหาสำคัญอีกประการหนึ่ง
“นั่นมันก็เป็นไปได้ ปัญหาก็คือสายเลือดตระกูลแอสคาร์ด ค่อนข้างมีเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใคร พวกเขาจัดการเรื่องนี้ได้อย่างไรกัน…”
“…”
คำพูดของลิเลียนหยุดลงครึ่งทาง ซึ่งโรเอลก็เข้าใจได้โดยธรรมชาติว่าจะต้องมีบางอย่างผิดปกติเกี่ยวกับยาลึกลับนั่นแน่ ๆ และเขาจำได้ว่ามันเป็นสิ่งที่คล้ายกับเลือด
หากเป็นเช่นนั้นจริง ๆ เลือดที่ว่าก็คงมาจาก…
หน้าของโรเอลค่อย ๆ ซีดลง และลิเลียนเองก็ขมวดคิ้วยุ่งเช่นกัน
นอร่าและอลิเซียยังไม่เข้าใจถึงสถานการณ์นี้ดี ดังนั้นพวกเธอจึงสับสนกับการสนทนาอันคลุมเครือนี้ ทว่าเมื่อชาร์ล็อตเดินเข้ามา บรรยากาศก็สว่างขึ้นมาบ้างเล็กน้อย
“ข้าจัดการธุระเสร็จแล้ว… เป็นอะไรไปหรือที่รัก?”
“ไม่มีอะไรมากหรอก แล้วพวกผู้บาดเจ็บเป็นยังไงกันบ้างล่ะ?”
“ไม่มากเท่าไหร่ พวกเราชาวโรซ่าถนัดการต่อสู้แบบป้องกัน เพื่อลดผู้บาดเจ็บและผู้เสียชีวิตให้น้อยที่สุด… นั่นก็เพราะศัตรูในอดีตของพวกเรามีกำลังพลเยอะกว่ามาก”
ชาร์ล็อตพูดอย่างเย็นชาพลางชำเลืองมองลิเลียน
โรเอลเปลี่ยนหัวข้อโดยหวังว่าจะได้เปลี่ยนบรรยากาศ แต่คำพูดนั้นทำให้เขาตระหนักได้ว่าความพยายามของตนกำลังจะล้มเหลว และราวกับยืนยันการคาดเดานี้ ลิเลียนขมวดคิ้วมุ่นทันที
“ไม่คิดเลยว่าคุณชาร์ล็อตจะรู้ตัวว่าตนเองมาจากอาณาจักรอันต่ำต้อย ช่างเป็นการตระหนักในตนเองที่หาได้ยาก”
“เธอพูดว่ายังไงนะ?!”
คำพูดประชดประชันของลิเลียนทำให้ใบหน้าของชาร์ล็อตเปลี่ยนเป็นสีซีดด้วยความโกรธ
ที่แย่ลงไปอีกก็คือ จู่ ๆ นอร่าและอลิเซียก็กลับมาโต้เถียงกันต่อ เพื่อแย่งชิงตัวโรเอลกันอีกครั้ง
หลังจากเฝ้าดูแสงออโรร่าและเอาชนะเหล่าสาวกจากลัทธิชั่วร้ายได้ ก็ไม่มีเหตุผลใดที่โรเอลจะต้องอยู่ที่เขตการปกครองของดยุกเอิร์ลโบรวล์อีกต่อไป เขาควรจะกลับไปยังถิ่นฐานของตนเองได้แล้ว ปัญหาก็คือควรจะไปที่ไหนกันแน่ และนั่นคือสิ่งที่เด็กสาวทั้งสี่กำลังต่อสู้แย่งชิงกัน
“โรเอลจะต้องถูกคุ้มกันเป็นอย่างดีไม่ว่าเขาจะไปที่ไหน มันคงจะดีที่สุดสำหรับพวกเราที่จะคอยคุ้มกันเขา จนกว่าเขาจะหายดี ข้าแนะนำให้พวกเราแบ่งเวลากันตามผลลัพธ์ในศึกนี้”
นอร่าผู้ซึ่งมีแต้มต่ำที่สุดในศึกครั้งนี้กล่าวแนะนำ
ทว่าอลิเซียที่มีแต้มสูงที่สุดเนื่องจากซินเทียและคนอื่น ๆ คอยควบคุมและไล่ต้อนฟรานซิส กลับคัดค้านข้อเสนอแนะนั้นอย่างแรง
“พูดเรื่องไร้สาระอะไรน่ะ? ผู้ชนะเท่านั้นที่ควรได้ทั้งหมด! ใครก็ตามที่ชนะควรได้ครอบครองท่านพี่… แค่ก ไม่สิ ดิฉันหมายความว่าควรจะได้สิทธิ์ในการรับผิดชอบปกป้องท่านพี่! ไม่อย่างนั้นการแข่งขันครั้งนี้จะมีประโยชน์อะไร?”
“เราควรจะเคารพความต้องการของที่รักไม่ใช่เหรอ? จะเกิดอะไรขึ้นถ้าเขาไม่ไปกับเธอ? เธอจะบังคับเขางั้นเหรอ? ถ้าทำแบบนั้นเธอจะต่างอะไรไปจากผู้ลักพาตัวชาวออสทีนคนนั้นล่ะ?”
“คุณชาร์ล็อต โปรดระวังคำพูดด้วย ฉันไม่เคยบังคับให้โรเอลทำอะไรสักหน่อย!”
“หึ ใครจะไปรู้”
เนื่องจากประวัติศาสตร์ระหว่างอาณาจักรของทั้งสอง บรรยากาศระหว่างชาร์ล็อตและลิเลียนจึงตึงเครียดเป็นอย่างยิ่ง ขณะที่อันดับหนึ่งอย่างอลิเซียและอันดับสุดท้ายอย่างนอร่าเองก็ไม่สามารถตกลงกันได้เสียที
การโต้เถียงดูเหมือนจะเลวร้ายลงเรื่อย ๆ
ทว่าในไม่ช้า โรเอลก็สังเกตเห็นว่าสถานการณ์นั้นเริ่มคลี่คลายลง… จนน่าประหลาด
“ขออภัยที่ต้องหยาบคาย แต่แกกำลังพูดเรื่องไร้สาระอะไร? ทำไมท่านพี่ถึงจะไม่อยากกลับบ้าน?”
“เขาเคยบอกรึเปล่าว่าอยากกลับบ้าน? นอกจากนี้คฤหาสน์เขาวงกตเองก็ถือเป็นบ้านของเขาเช่นกัน”
“ขอโทษนะ แต่ที่รักจะต้องกลับไปที่โรซ่ากับดิฉัน ดิฉันได้ส่งคำเชิญอย่างเป็นทางการไปให้เขาแล้ว และเขาก็ได้แสดงความสนใจอย่างชัดเจน ใช่ไหมล่ะที่รัก?”
“ข้อเสนอที่ว่าคือเงินงั้นเหรอ? น่าสงสารจัง โรเอลกับฉันเป็นญาติกันทางพลังสายเลือด ความสัมพันธ์ของพวกเราไม่ได้ตื้นเขินพอที่จะถูกบ่อนทำลายด้วยเงินหรอกนะ!”
“เงียบไปเลยยัยแก่! ท่านพี่จะต้องเลือกหนูอย่างแน่นอนใช่ไหมคะ?”
“อา… คือว่า…”
สายตาของเด็กสาวทั้งสี่หันมาทางโรเอลอย่างช้า ๆ คำถามอันร้ายแรงที่อลิเซียตั้งขึ้น ทำให้ใบหน้าของเขาแข็งทื่อ และรู้สึกเหมือนกำลังยืนอยู่บนขอบหน้าผาโดยมีสาว ๆ ต้อนไปที่ปากเหว หากตอบพลาดไปละก็… เขาอาจจะถูกผลักตกเหวได้ในทันที
โชคดีที่จังหวะนั้นการปะทุของพลังเวทย์อันแสนคุ้นเคยก็ได้เล็ดลอดออกมา ในช่วงเวลาที่เขาต้องการมันที่สุด
【ข้าวสาลีศักดิ์สิทธิ์
จำนวนครั้งในการใช้ที่ยังเหลืออยู่ : 0】
ความอบอุ่นที่แผ่ซ่านออกมาจากหน้าอกของโรเอล ชนเข้ากับบาเรียที่ปิดกั้นพลังทางสายเลือดและความสามารถเหนือธรรมชาติของเขาในช่วงครึ่งเดือนที่ผ่านมา ทำลายมันลง ทำให้หัวใจเต้นเร็วขึ้นส่งพลังเวทย์ไปทั่วร่างกาย และแล้วการเปลี่ยนแปลงก็เกิดขึ้นกับร่างกายของเด็กชายตัวน้อย ๆ
“นี่มัน…”
“โรเอลกำลังโตขึ้นเหรอ?”
เด็กสาวทั้งสี่อุทานด้วยความประหลาดใจ ภายในเวลาไม่นาน ร่างของโรเอลก็กลับคืนสู่สภาพเดิม ทำให้เขารู้สึกได้ถึงพลังอันคุ้นเคยภายในตัวอีกครั้ง และจิตใจก็กลับมาโล่งปลอดโปร่งในทันใด
ฉันกลับมาเป็นเหมือนเดิมแล้ว! ในที่สุดผลข้างเคียงก็หมดลงสักที!
โรเอลรู้สึกทั้งดีใจและโล่งใจในคราวเดียวกัน เพราะในที่สุดเขาก็สามารถตอบคำถามของเด็กสาวทั้งสี่คนได้แล้ว
“พวกเธอถามฉันว่าอยากไปที่ไหนใช่ไหม? ฉันคิดออกแล้วล่ะ”
ภายใต้ท้องฟ้ายามค่ำคืน โรเอลมองไปยังเหล่าเด็กสาวที่กำลังงงงวยพร้อมรอยยิ้มอันอ่อนโยน ที่เป็นดั่งเครื่องหมายการค้าของตัวเอง
“ฉันอยากกลับไปที่เลนสเตอร์ ได้เวลาที่ฉันจะกลับไปเก็บตกคาบเรียนที่พลาดไปแล้ว”