ทรราชตัวน้อย ไม่อยากพบจุดจบแบบ BAD END - บทที่ 372: ขนมหวาน
บทที่ 372: ขนมหวาน
ระหว่างที่นักเรียนในห้องจัดเลี้ยงอันพลุกพล่านกำลังจดจ่ออยู่กับซองสีแดงเข้มที่ลอยลงมาจากท้องฟ้าอย่างช้า ๆ ลิเลียนก็เดินเข้ามาหาโรเอล
“รุ่นพี่?”
โรเอลตะลึงกับของอร่อยถูกยื่นเข้ามาในปากของตัวเอง เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าลิเลียนจะกล้าทำอะไรแบบนี้ หลังจากที่ทั้งคู่กลับมาที่สถาบันกันแล้ว
แม้ความสัมพันธ์ของทั้งสองจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปด้วยประสบการณ์มากมายที่ได้ใช้ร่วมกัน แต่ถึงกระนั้นก็ยังมีอุปสรรคอีกมากที่ขวางกั้นพวกเขาไว้ เช่น อุปสรรคใหญ่ที่สุดอย่างคำสั่งของจักรพรรดิลูคัส
ลิเลียนได้รับจดหมายที่เขียนด้วยลายมือของจักรพรรดิลูคัส ซึ่งห้ามไม่ให้เธอเข้าใกล้สมาชิกในตระกูลแอสคาร์ด ถึงเธอจะยังไม่เข้าใจว่าทำไมอีกฝ่ายถึงได้กำหนดข้อจำกัดเช่นนี้ แต่ในฐานะองค์หญิงแห่งจักรวรรดิออสทีน เธอจะต้องเชื่อฟังพระประสงค์ หรืออย่างน้อยที่สุดก็ต้องไม่ถูกจับได้ว่าขัดคำสั่งของเขา
การแสดงความรักต่อหน้าสาธารณชน จึงเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน
“รุ่นพี่ ที่นี่มีคนมากเกินไป”
โรเอลพยายามปฏิเสธเธอ แต่ทันทีที่เขาพูดคำเหล่านั้น พอล แอคเคอร์มันน์ก็เดินเข้ามาพร้อมกับถาดในมือ ปกปิดทั้งสองคนจากฝูงชน
“เร็วเข้า พวกเรามีเวลาไม่มาก อ้าม—”
ลิเลียนกระตุ้น
การปกป้องของพอล และคำแนะนำของลิเลียนทำให้โรเอลอึ้งทึ่งอย่างยิ่ง แต่ด้วยความที่กลัวว่าคนอื่นจะเห็นเข้า เขาจึงทำได้เพียงแค่เอนตัวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว และกลืนเค้กบนส้อมของลิเลียนเข้าปาก ก่อนที่จะกลับสู่ตำแหน่งเดิมอย่างใจจดใจจ่อ
เมื่อพึงพอใจแล้ว ลิเลียนก็เดินผ่านเขาไปราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นระหว่างกัน
ต้องขอบคุณดนตรีประกอบและเค้กจากซองจดหมายสีแดง บรรยากาศในห้องจัดเลี้ยงได้ถูกผลักดันไปสู่จุดไคลแมกซ์ใหม่ นักเรียนหญิงส่วนใหญ่ที่อิ่มท้องแล้ว ต่างตักจ้วงลงไปในเค้กสีแดงอย่างไม่ลังเล สนับสนุนทฤษฎีที่ว่าผู้หญิงมีกระเพาะแยกสำหรับของหวานอยู่จริง ๆ
หลังจากยืนยันแล้วว่าไม่มีใครสังเกตเห็นปฏิสัมพันธ์ก่อนหน้านี้ โรเอลก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ความกังวลใจของเขาจางหายไป แต่เมื่อมองไปยังเงาที่ค่อย ๆ เดินจากไปของลิเลียน ใบหน้าของเขาก็แดงระเรื่อขึ้นทันที
แม้จะเพิ่งป้อนอาหารโรเอลด้วยส้อมนั้น แต่ลิเลียนก็ไม่มีความตั้งใจที่จะเปลี่ยนส้อมแต่อย่างใด ดวงตาสีอเมทิสต์หรี่ลงเล็กน้อยขณะชิมของหวานด้วยส้อมอันเดียวกันพร้อมรอยยิ้ม
“…”
โรเอลรู้สึกหมดหนทางกับการกระทำของลิเลียน ขณะเดียวกันพอลก็มองดูปฏิสัมพันธ์ระหว่างโรเอลที่กำลังขวยเขิน กับลิเลียนที่กำลังร่าเริง ด้วยรอยยิ้มอันอบอุ่นผุดบนริมฝีปาก
ลูกพี่โรเอลกับท่านพี่ลิเลียนช่างคู่ควรกันจริง ๆ!
พอลอดไม่ได้ที่จะหวนนึกถึงเหตุการณ์เมื่อสองวันก่อน ตอนที่ลิเลียนเดินเข้ามาหาตนเพื่อขอความช่วยเหลือ
“พอล ฉันหวังว่าคุณจะสามารถเป็นสะพานเชื่อมระหว่างโรเอลกับฉันในสถานศึกษาได้”
มันเป็นคำขอที่ยากจะเชื่อว่าออกมาจากปากของลิเลียนผู้ภาคภูมิ พอลจึงตกลงอย่างไม่ลังเล เขาคิดอยู่แล้วว่าโรเอลเป็นคนเดียวที่เข้ากันได้กับพี่สาวผู้โดดเด่นของตน ซึ่งเป็นเหตุผลหลักที่ทำให้เขาเลือกที่จะสนับสนุนเธอ
ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมาพอลก็ได้กลายเป็นสายลับของลัทธิแฟนคลับ โรเอล X ลิเลียน และอุทิศตนเพื่อเผยแพร่ความเจริญรุ่งเรืองของกลุ่มลัทธินี้
นักเรียนส่วนใหญ่ต่างจดจ่ออยู่กับเค้กซองจดหมายสีแดงเข้มจนไม่ได้สังเกตเห็นปฏิสัมพันธ์ระหว่างโรเอลกับลิเลียน แต่ก็มีข้อยกเว้นอยู่บ้าง เช่น นอร่าและชาร์ล็อต
มันเป็นมารยาทขั้นพื้นฐานที่จะไม่ขโมยแสงไฟจากดาวเด่นของงาน ดังนั้นนอร่าและชาร์ล็อตจึงได้แต่หักห้ามใจไม่ลงมือทำอะไร แต่ใครจะไปคิดว่ามันจะเป็นการเปิดช่องว่างให้ลิเลียนเข้าบุกโจมตีกัน?
ยัยผู้หญิงที่น่ารังเกียจนั่น! หล่อนมีผู้ช่วยซ่อนอยู่ในฝ่ายของโรเอลงั้นเหรอ?!
นอร่าและชาร์ล็อตจ้องไปที่พอล แอคเคอร์มันน์ด้วยสายตาอาฆาต แต่พวกเธอก็ไม่สามารถทำอะไรได้ แม้ว่าจะเป็นลูกนอกสมรส แต่พอลยังคงมีสถานะเป็นองค์ชายแห่งจักรวรรดิออสทีน นอกจากนี้เขายังเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาอันทรงคุณค่าของโรเอลอีกด้วย!
โดยทั่วไปแล้วโรเอลเป็นคนอารมณ์ดี แต่เมื่อเขาโกรธ มันก็น่ากลัวเกินกว่าจะบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้ ก่อนหน้านี้ในตอนที่นอร่า ชาร์ล็อต และอลิเซียสู้กันในเมืองโรซ่าจนเขาอารมณ์เสียและตะโกนใส่ทั้งสาม บังคับให้พวกเธอหยุดถือเป็นตัวอย่างที่ดี
เหตุผลส่วนหนึ่งที่ทำให้พวกเธอยอมฟังคำพูดของโรเอลในตอนนั้น ก็เป็นเพราะทั้งสามกังวลว่าโรเอลจะโกรธพวกเธอจริง ๆ อีกทั้งเขายังแสดงอำนาจอันเคร่งขรึมที่บังคับให้พวกเธอยอมเชื่อฟังอีกด้วย
ในตอนที่พวกเธออยู่ในเขตการปกครองของดยุกเอิร์ลโบรวล์ หากโรเอลไม่ได้ถูกย้อนกลับไปสู่สภาพเด็กน้อยละก็ คงไม่มีพวกเธอคนไหนกล้าทำตามใจแบบนั้นแน่
เมื่อรู้ว่าไม่สามารถทำอะไรได้ นอร่าและชาร์ล็อตจึงทำได้เพียงแค่ส่งสายตาอาฆาตใส่พอลเท่านั้น และด้วยสัญชาตญาณอันเฉียบแหลมของพอล เขาจึงสัมผัสได้ถึงความเกลียดชังที่มุ่งตรงมาหาตัวเองได้โดยสัญชาตญาณ ซึ่งนั่นทำให้ร่างกายเจ้าตัวสั่นสะท้านเป็นการตอบสนอง
“ท…ทำไมจู่ ๆ ก็รู้สึกหนาวแปลก ๆ”
พอลมองไปรอบ ๆ อย่างประหม่า แต่แล้วก็คิดว่าคงจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นในที่ที่มีคนพลุกพล่านแบบนี้ได้แน่ เขาจึงรีบสลัดความคิดนั้นทิ้งไป
ขณะเดียวกันโรเอลก็เริ่มจิ้มเค้กอย่างมีความสุขพลางสำรวจบริเวณโดยรอบ
(แต้มความสนใจ +80)
(แต้มความสนใจ +50)
(แต้มความสนใจ +20)
(แต้มความสนใจ +40)
(แต้มความสนใจ +110)
เช่นเดียวกับชาวนาที่หันหน้าเข้าหาทุ่งอันเขียวขจีของตน โรเอลพยักหน้าอย่างพึงพอใจ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไม คนมักจะพูดว่าการเป็นคนดีย่อมได้รับสิ่งตอบแทน
โรเอลนั้นประเมินประโยชน์ของแต้มความสนใจต่ำเกินไป ต่างจากร้านเหรียญทองซึ่งเต็มไปด้วยสิ่งต่าง ๆ ที่ทำให้เขาแข็งแกร่งขึ้น สินค้าที่ขายในร้านแลกเปลี่ยนแต้มความสนใจนั้น ส่วนใหญ่จะมีประโยชน์ในการพัฒนาเขตการปกครองของเขา ซึ่งไม่ได้เป็นประโยชน์กับตัวเขาเลยในตอนนี้ เพราะสิ่งที่เขตการปกครองแอสคาร์ดต้องการจริง ๆ ในตอนนี้ก็คือเวลา
อย่างไรก็ตามความคิดของโรเอลก็ได้เปลี่ยนไปหลังจากพบอุปกรณ์เวทจากพระเจ้า ที่ช่วยให้เขารอดชีวิตจากการพยายามลอบสังหารของภาคีแห่งนักบุญอย่างข้าวสาลีศักดิ์สิทธิ์
สินค้านี้ไม่ประโยชน์ใด ๆ ในการต่อสู้ แต่ผลของมันมีค่ามากกว่าอาวุธและอุปกรณ์เวทใด ๆ ก็ตามที่เขาเคยใช้มา เมื่อรู้ว่ามีสินค้าที่มีพลังอันน่าเหลือเชื่อแบบนี้ในร้านแลกเปลี่ยนแต้มความสนใจ เขาก็เริ่มให้ความสำคัญกับแต้มความสนใจมากขึ้นด้วยเช่นกัน
การชมเชยอย่างเป็นทางการจากสถาบันการศึกษาผ่านพิธีมอบรางวัล ทำให้ไม่มีนักเรียนคนใดในสถานศึกษาที่ไม่ทราบถึงคุณงามความดีของเด็กหนุ่มในการขจัดลัทธิชั่วร้ายที่ซุ่มซ่อนอยู่ในสถาบันการศึกษา สิ่งนี้ทำให้เขาได้รับการยอมรับ ความเคารพ และการชื่นชมจากนักเรียนคนอื่น ๆ
“ขอบคุณมากครับหัวหน้า”
เกอรัลเดินขึ้นไปหาโรเอลด้วยหัวที่ส่องแสงสีเขียวพร้อมโค้งคำนับอย่างสุดซึ้ง ขอบคุณที่ทำให้เขาได้รับโอกาสแห่งเกียรติยศนี้ ซึ่งโรเอลก็ส่ายหัวและตอบอย่างจริงจัง
“ไม่เป็นไรหรอกน่า ฉันต่างหากที่ควรจะเป็นคนที่ขอบคุณพวกนายแทน ต้องขอบคุณนายและสมาชิกคนอื่น ๆ ของฝ่ายกุหลาบน้ำเงิน ที่ทำงานอย่างหนักในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา จนพวกเราได้รับเกียรตินี้ร่วมกัน”
“!”
การที่โรเอลถือว่าความสำเร็จของพวกเขามาจากความพยายามร่วมกันในองค์กร ทำให้เกอรัลประหลาดใจมาก ค่านิยมแบบนี้ไม่ใช่สิ่งที่หาพบได้ในอาณาจักรแห่งภาคีอัศวินเพนเดอร์ เนื่องจากเกียรติยศเป็นสิ่งสำคัญและมักจะตกเป็นของผู้บังคับบัญชา อัศวินจึงมักจะได้ความสำเร็จจากภารกิจเดี่ยวหรือภารกิจที่ตัวเองเป็นคนนำ ไม่ใช่จากกลุ่มของพวกเขา
นี่จึงเป็นครั้งแรกที่เกอรัลได้สัมผัสกับความรู้สึกแห่งความสำเร็จรุ่งโรจน์ร่วมกันเป็นองค์กร ทำให้เลือดไหลเวียนผ่านเส้นเลือดของเขาด้วยความปีติยินดี พร้อมให้คำมั่นว่าจะนำความรุ่งโรจน์มาสู่ฝ่ายกุหลาบน้ำเงินอีกให้จงได้
กลับกันแล้วโรเอลนั้นกะพริบตาด้วยความสับสน เขาไม่เข้าใจว่าทำไมเกอรัลถึงตื่นเต้นกับเรื่องนี้นัก ท้ายที่สุดเขาจึงทำได้เพียงแค่ให้เหตุผลว่า คงเป็นเพราะความแตกต่างทางวัฒนธรรม
อะไรที่ทำให้บุคลากรอยากทุ่มเทให้กับองค์กร?
มันเป็นคำถามที่มีการวิจัยอย่างกว้างขวางในอดีตชาติของโรเอล แต่โรเอลเองก็มีคำตอบง่าย ๆ สำหรับคำถามนั้น นั่นก็คือการปลูกฝังอัตลักษณ์ความมีส่วนร่วมในองค์กร
อัตลักษณ์ร่วมกันในองค์กรจะมีส่วนช่วยทั้งในด้านการจัดแจงผลประโยชน์ของสมาชิก และทำให้พวกเขายังรวมเป็นอันหนึ่งอันเดียวเพื่อเป้าหมาย นั่นเป็นสาเหตุที่สมาชิกของสมัชชานักปราชญ์พลบค่ำสามารถรวมตัวกันเป็นขุมกำลังอันทรงพลัง เพื่อต่อสู้กับภัยพิบัติที่น่าสะพรึงกลัวได้ แม้ว่าจะมีความแตกต่างกันทางเชื้อชาติ
ช่วงเวลาในอดีตชาติทำให้โรเอลเข้าใจดีถึงพลังของมวลชนที่รวมตัวกันเพื่อเป้าหมายเดียวกัน และเขาคิดว่ามันเป็นเรื่องปกติที่จะปลูกฝังค่านิยมดังกล่าวให้กับสมาชิกของฝ่ายกุหลาบน้ำเงิน แต่สำหรับเกอรัลแล้วมันต่างออกไปมาก
อัศวินมีค่านิยมด้านความสำเร็จเป็นเชิงบุคคล ทำให้อัศวินส่วนใหญ่เติบโตขึ้นมาพร้อมกับเรื่องราวอันกล้าหาญที่มีผู้กล้าเพียงไม่กี่คน ได้รับเลือกให้ลุกขึ้นมากอบกู้โลก ส่วนคนอื่น ๆ อีกหลายคนที่เสียสละตัวเองเพื่อเป้าหมายเดียวกันนั้น… ไม่มีอะไรเลยนอกจากเชื้อเพลิงที่ไม่ควรค่าแก่การกล่าวถึง
อันที่จริงค่านิยมนี้ไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่ในแวดวงอัศวินเท่านั้น คนส่วนใหญ่ในทวีปเซียเองก็รู้สึกแบบเดียวกัน พวกเขาอาศัยอยู่ในโลกที่มีพลังเหนือธรรมชาติ จึงมีหลายครั้งที่ผู้มีพลังเหนือธรรมชาติที่ทรงพลังเพียงคนเดียว สามารถสร้างความแตกต่างให้แก่เหตุการณ์ต่าง ๆ บนโลกได้
ท้ายที่สุดแล้ว โรเอลก็ทำได้เพียงแค่ส่ายหัว เขารู้สึกว่าตัวเองเอาเรื่องนี้มาคิดมากเกินไป และไม่ใช่หน้าที่ของตัวเองที่จะมาตัดสินว่าค่านิยมรายบุคคล หรือค่านิยมร่วมกันในองค์กรนั้นดีกว่ากัน
นั่นก็เพราะโรเอลมีเรื่องที่น่าสนใจกว่านั้นให้ต้องคิด
ได้เวลาที่ฉันจะแลกของใหม่ ๆ จากร้านค้าของระบบแล้ว
หลังจากได้รับแต้มความสนใจมาอย่างบ้าคลั่ง โรเอลก็ได้หันไปดูระบบของตัวเองอย่างมีความสุข เปิดเข้าไปดูร้านค้าแลกเปลี่ยนแต้มความสนใจ แต่แล้วเมื่อเหลือบตาไปเห็นคำว่า ‘ร้านค้าเหรียญทอง’ เขาก็เดาะลิ้นอย่างไม่สบอารมณ์ ด้วยที่มันทำให้เขาหวนนึกถึงความจริงที่ว่าตนต้องยืมเงิน 400,000 เหรียญทองจากชาร์ล็อตเพื่อชำระหนี้ของตัวเอง
ทว่าจู่ ๆ ก็มีสินค้าบางอย่างเตะตาเขาโดยบังเอิญ
【คำแนะนำของเทพธิดาแห่งโชคชะตา
พรที่เทพธิดาโบราณทิ้งเอาไว้เบื้องหลัง ผู้รับพรมีโอกาสที่จะได้รับคำแนะนำ ที่จะนำเข้าไปสู่เป้าหมายที่เลือกไว้ พร้อมกับหลีกเลี่ยงวิกฤตต่าง ๆ ความเป็นไปได้ในการรับคำแนะนำขึ้นอยู่กับเป้าหมายที่เลือก
ระยะเวลา: 30 วัน
ราคา: 200,000 แต้มความสนใจ】
【ส่วนลดรายเดือน
ส่วนลด 50% สำหรับสินค้าที่ในรายการ
…
คำแนะนำของเทพธิดาแห่งโชคชะตา
ราคา: 100,000 แต้มความสนใจ 】
“!”
ดวงตาของโรเอลหรี่ลงเมื่อได้เห็นชื่อ และคำอธิบายของสินค้าในรายการใหม่ของร้านแลกเปลี่ยนแต้มความสนใจ
พรจากเทพธิดาแห่งโชคชะตาเหรอ? ท… ทำไมมันถึงราคาถูกจัง?
ข้าวสาลีศักดิ์สิทธิ์ ราคา 600,000 แต้มความสนใจ แต่คำแนะนำของเทพธิดาแห่งโชคชะตากลับมีราคาเพียง 200,000 แต้มความสนใจ ความผิดปกตินี้ส่งเสียงกริ่งเตือนให้ดังขึ้นในใจของโรเอล เขาเริ่มพิจารณารายละเอียดของสินค้าชิ้นนี้ และในที่สุดเขาก็เข้าใจ
ราคาของมันถูกกว่าเพราะมันเป็นสินค้าที่ขึ้นอยู่กับความน่าจะเป็น
คำอธิบายกล่าวไว้ว่า ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับคำแนะนำและเป้าหมายที่เลือก กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ ยิ่งเป้าหมายที่โรเอลเลือกยากเท่าไร ก็มีโอกาสที่จะได้รับคำแนะนำน้อยลงไปเท่านั้น
นี่เป็นสินค้าที่แตกต่างจากข้าวสาลีศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งมีพลังในการเปลี่ยนเส้นทางชีวิตของบุคคลในช่วงเวลาที่กำหนดเป็นอย่างมาก คำแนะนำของเทพธิดาแห่งโชคชะตาเป็นเพียงพรที่สามารถใช้สนับสนุน และพยายามช่วยเหลือให้บรรลุเป้าหมายให้เป็นจริงภายในระยะเวลาอันสั้นเท่านั้น
หลังจากเข้าใจว่าคำแนะนำของเทพธิดาแห่งโชคชะตาทำงานอย่างไรคร่าว ๆ แล้ว โรเอลก็เริ่มชั่งน้ำหนักทางเลือกของตน เขามองดูแต้มความสนใจที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ตามด้วยเหล่านักเรียนที่กำลังเฉลิมฉลองอยู่รอบ ๆ ตัว และแล้วท้ายที่สุดเขาก็ตัดสินใจที่จะซื้อมัน
นั่นก็เพราะโรเอลมีเป้าหมายอย่างหนึ่งที่ต้องการจะบรรลุให้ได้ แต่ในตอนนี้เขายังไม่แน่ใจว่าตนเองควรจะเริ่มต้นที่ตรงไหนดี
โรเอลเดินไปยังมุมห้อง ยกถ้วยไวน์ขึ้นจิบก่อนจะจ่าย 100,000 แต้มความสนใจ เพื่อซื้อคำแนะนำของเทพธิดาแห่งโชคชะตา เมื่อได้รับพร เขาก็เข้าใจวิธีการเปิดใช้งานโดยสัญชาตญาณ ดังนั้นโรเอลจึงเริ่มบ่นถึงเป้าหมายของตัวเอง
“เป้าหมายของฉัน คือการช่วยบรรพบุรุษของฉัน แอสตริด อาร์เด้”