ทรราชตัวน้อย ไม่อยากพบจุดจบแบบ BAD END - บทที่ 374: คุณคือผู้ถูกเลือก!
บทที่ 374: คุณคือผู้ถูกเลือก!
มีบางอย่างที่แปลก ๆ เกี่ยวกับนักเรียนชั้นปีที่หนึ่งของสถาบันการศึกษาเซนต์เฟรย่าในปัจจุบัน
ในปีนี้มีทั้งองค์หญิงผู้ยิ่งใหญ่แห่งตระกูลเซไซต์ และนายหญิงของตระกูลโซโรฟยา สมาชิกใหม่ล่าสุดของราชวงศ์แอคเคอร์มันน์ รวมถึงผู้ปลุกพลังสายเลือดแห่งตระกูลแอสคาร์ดที่รอคอยมานาน
นี่เป็นครั้งแรกในรอบหลายศตวรรษที่อาจารย์ใหญ่แอนโตนิโอได้พบกับนักเรียนผู้เปี่ยมไปด้วยพรสวรรค์มากมายในรุ่นเดียว หากจะเรียกพวกเขาว่ารุ่นยุคทองก็คงไม่ผิด และคงจะเป็นการสิ้นเปลืองโอกาสอย่างมากหากจะกีดกันพวกเขาออกจากศึกชิงถ้วย
เพียงแต่ว่าการเปลี่ยนประเพณีอันยาวนานของการแข่งขันศึกชิงถ้วยนั้นไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ แน่
ด้วยเหตุนี้แอนโตนิโอจึงตัดสินใจที่จะรวบรวมความคิดเห็นของนักเรียนที่มาร่วมงาน เพื่อตรวจดูความคิดเห็นของสาธารณชน แต่ใครจะไปคิดว่าพอล แอคเคอร์มันน์ จะมาล้มลงตรงหน้าเขาแบบนี้
“!”
หลังจากการเดินทางข้ามอากาศผ่านฝูงชนในห้องที่เพิกเฉยเขาอย่างน่าเศร้า ในที่สุดพอลก็ล้มลงกับพื้น แต่ไม่นานนักเจ้าตัวก็ค่อย ๆ ลุกขึ้นยืนพร้อมกับส่งเสียงด้วยความเจ็บปวด
ทว่าเมื่อลุกขึ้นยืนพอลก็พบว่าตัวเองถูกรายล้อมไปด้วยชายชรากลุ่มหนึ่ง ซึ่งส่วนใหญ่แล้วเป็นใบหน้าที่เขาไม่คุ้นเคย ยกเว้นคนหนึ่งที่อยู่ตรงกลาง
“อ...อาจารย์ใหญ่แอนโตนิโอ!”
ใบหน้าของพอลเผือดซีดด้วยความสยดสยอง ขณะมองไปที่แอนโตนิโอ นี่ทำให้เด็กหนุ่มตระหนักได้ว่าตนเองล้มลงมาใจกลางวงของเหล่าผู้นำของเมืองเลนสเตอร์
กลับกันแล้ว เมื่อพอลล้มลงมาตรงหน้า แอนโตนิโอก็หยุดครุ่นคิดอย่างหนัก
เด็กคนนี้ได้ยินการสนทนาของพวกเรางั้นเหรอ? คงเพราะนี่เป็นโอกาสที่หาได้ยากสำหรับเขาซึ่งเป็นลูกนอกสมรสของจักรพรรดิลูคัส ที่จะพิสูจน์คุณค่าของตัวเองสินะ
สถานะของพอลทำให้แอนโตนิโอรู้สึกเศร้าเล็กน้อย แต่แล้วเขาก็คิดได้ว่านี่เป็นโอกาสดีที่จะผลักดันสิ่งที่ตนคิด ดังนั้นเขาจึงจับมือพอลและถามด้วยรอยยิ้มอันอ่อนโยน
“พอล แอคเคอร์มันน์ เจ้ามาที่นี่เพื่อเสนอความคิดของตัวเองสินะ ไม่จำเป็นต้องกังวลไป ในฐานะหนึ่งในดาวเด่นของงานเลี้ยงครั้งนี้ เจ้ามีคุณสมบัติที่จะแสดงความคิดเห็นออกมา”
“เอ๊ะ? ผ ผม…”
เราไม่ได้มาที่นี่เพื่อแสดงความคิดเห็นซะหน่อย มันไม่ใช่แบบนั้นเลยสักนิด!
พอลตื่นตกใจอย่างยิ่ง เพราะการที่แอนโตนิโอคว้ามือของเขาไว้ ทำให้รู้สึกเหมือนกับว่าทางหนีของตนได้ถูกผนึกออกไป ซึ่งนั่นทำให้พอลหวาดกลัวมากขึ้นไปอีก เด็กหนุ่มมองอย่างประหม่าเข้าไปในดวงตาที่เต็มไปด้วยความคาดหวังของแอนโตนิโออย่างสับสน
เมื่อสัมผัสได้ถึงความหวาดหวั่นของพอล แอนโตนิโอจึงทอดถอนใจ และตัดสินใจเป็นฝ่ายพูดออกมาก่อน
“พอล เจ้าจะรู้สึกเสียใจไหม ถ้าปีนี้เจ้าไม่สามารถเข้าร่วมงานได้?”
แอนโตนิโอถามพอลถึงความเห็นของตนเกี่ยวกับศึกชิงถ้วย แต่พอลกลับได้ยินความหมายของคำถามแตกต่างออกไปจากเดิมโดยสิ้นเชิง
เขากำลังสัมภาษณ์เราเกี่ยวกับความรู้สึกในตอนที่เข้าร่วมปฏิบัติการปราบพวกลัทธิชั่วร้ายสินะ!
เมื่อได้ยินคำถามของแอนโตนิโอ พอลก็มองไปยังเหล่าผู้นำทางด้านวิชาการที่มารวมตัวกันในเวลานี้ทำให้เขาตระหนักได้ในทันที
อ๊ะ คนพวกนี้ต้องเป็นบุคลจากองค์กรภายนอกแน่ ๆ บางทีอาจเป็นผู้นำของสถาบันอื่น ๆ ในเลนสเตอร์ พวกเขาคงจะพยายามหาทางเอาชนะกัน… ที่แท้อาจารย์ใหญ่แอนโตนิโอก็ต้องการให้เราช่วยสนับสนุนชื่อเสียงของสถาบันการศึกษาเซนต์เฟรย่างั้นเหรอเนี่ย
ในที่สุดพอลก็เข้าใจถึงสิ่งที่เขาต้องทำ
แค่โม้ก็พอใช่มั้ยล่ะ เชื่อมือเราได้เลย!
หลังจากยืนยันบทบาทของตนแล้ว พอลก็ยืดหลังตรงอย่างภาคภูมิ
“แน่นอน! ผมคงจะเสียใจไปตลอดชีวิตแน่ ๆ ครับ!”
การตอบสนองอันเร่าร้อนของพอล ทำให้เหล่าผู้นำทางวิชาการระดับสูงต่างตกตะลึง พวกเขาไม่คาดคิดมาก่อนว่านักเรียนจะมีความรู้สึกหนักแน่นเกี่ยวกับศึกชิงถ้วยถึงขนาดนี้
ดวงตาของแอนโตนิโอเปล่งประกาย ก่อนจะตั้งคำถามต่อไป
“แต่เจ้าก็เข้าใจใช่มั้ยว่าการมีส่วนร่วมในครั้งนี้นั้นเต็มไปด้วยความเสี่ยง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในฐานะที่เจ้าเป็นเพียงนักเรียนชั้นปีที่หนึ่ง”
“แน่นอนครับ ผมเข้าใจดี แต่ผมจะถอยกลับเพียงเพราะมันเสี่ยงได้ยังไงกัน? ผมเป็นนักเรียนที่ภาคภูมิของสถาบันการศึกษาเซนต์เฟรย่านะ!”
“!”
ผู้นำทางวิชาการระดับสูงต่างประทับใจในความภาคภูมิใจและความมุ่งมั่นของพอล ซึ่งนั่นทำให้พวกเขาสงสัยว่าตัวเองประเมินคนรุ่นใหม่ต่ำเกินไปรึเปล่า
“เด็กสมัยนี้กล้าหาญกว่าที่ข้าคิดไว้มาก”
“ช่างเป็นทัศนคติอันน่ายกย่อง!”
พอลมั่นใจในการคาดเดาของตนมากยิ่งขึ้น หลังจากได้ยินคำตอบจากเหล่าชายชรา ซึ่งแอนโตนิโอเองก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้มเห็นด้วย
“พูดได้ดี! แต่ถึงกระนั้น นักเรียนชั้นปีที่หนึ่งอย่างเจ้าน่าจะเสียเปรียบ หากเทียบกับนักเรียนชั้นปีที่สูงกว่า กับเรื่องนี้เจ้าแน่ใจแล้วจริง ๆ งั้นเหรอ?”
หืม? ชั้นปีที่สูงกว่า? เขาหมายถึงหน่วยรักษาความปลอดภัยสินะ? เฮ้อ ทำไมผู้มีอำนาจถึงชอบพูดจาคลุมเครือแบบนี้กันนะ
พอลใช้เวลาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่เขาจะเข้าใจความหมายเบื้องหลังคำพูดอันสับสนของแอนโตนิโอ เขานึกถึงคำแนะนำที่โรเอลกล่าวกับเกอรัลและตัวเองก่อนเริ่มปฏิบัติการ ซึ่งช่วยให้พวกเขาเตรียมจิตใจให้พร้อมสำหรับมันได้ในท้ายที่สุด
“พวกเราอาจจะอ่อนแอกว่า นักเรียนคนอื่น ๆ ที่มาจากชั้นปีที่สูงกว่า แต่ผมคิดว่าพวกเราสามารถชดเชยสิ่งนั้นได้ด้วยคำแนะนำอันชาญฉลาด”
“เข้าใจแล้ว นั่นเป็นวิธีที่ดีสำหรับการเอาชนะข้อจำกัดของตัวเอง”
คำพูดของพอลทำให้แอนโตนิโอภูมิใจยิ้มแก้มปริ
วัยรุ่นส่วนมากมักจะพอใจในความสามารถของตนเอง ทำให้พวกเขาไม่สนใจอาจารย์ของตน อย่างไรก็ตามอาจารย์ของสถาบันการศึกษาเซนต์เฟรย่า หลายคนต่างก็เป็นผู้เชี่ยวชาญในสาขาวิชาของตนเอง และความรู้ที่พวกเขามอบให้ก็คือการตกผลึกของสิ่งที่พวกเขาได้เรียนรู้มาจากประสบการณ์หลายปีตลอดช่วงชีวิต
“นั่นคือคำตอบจากนักเรียนชั้นปีที่หนึ่งของพวกเรา พวกเจ้าคิดอย่างไรกันบ้างล่ะ?”
แอนโตนิโอกวาดสายตามองไปยังกลุ่มผู้นำทางวิชาการจากสมาคมนักวิชาการรอบ ๆ ตัวเขา ซึ่งทุกคนก็หันไปสบตากัน ก่อนจะเริ่มพยักหน้าทีละคน ทำให้แอนโตนิโอพึงพอใจกับผลลัพธ์นี้มาก
เขาตบไหล่พอลและบอกข่าวดีที่อีกฝ่ายน่าจะรอคอยมานาน
“พอล แอคเคอร์มันน์ ในนามของคณะกรรมการจัดงาน ข้าขออนุญาตให้เจ้าเข้าร่วมการแข่งขันศึกชิงถ้วยอย่างเป็นทางการ”
“ขอบคุณครับ ผม… เอ๋?”
เมื่อต้องเผชิญหน้าสายตาที่เต็มไปด้วยความคาดหวังของแอนโตนิโอ พอล แอคเคอร์มันน์ก็ได้แต่ตกตะลึง
…
“ขอโทษด้วย ฉันเห็นหนอนตัวหนึ่งที่ก้นของนาย เลยกลัวจนลนลานไปหน่อย ฉันควรจะเพลามือลงให้ดีกว่านี้”
โรเอลกล่าวขอโทษด้วยใบหน้าที่จริงใจ
การแสดงออกอย่างจริงจังของโรเอล ทำให้พอลไม่สามารถโกรธเขาต่อไปได้อีก นั่นเป็นข้อดีอย่างหนึ่งของการเป็นคนหน้าตาดี
พอลยังไม่คุ้นเคยกับการแข่งขันชิงศึกชิงถ้วย ดังนั้นเขาจึงไม่เข้าใจเลยจริง ๆ ว่าการเข้าร่วมการแข่งขันนี้มีความหมายอะไร จึงโยนเรื่องนี้ข้ามหัวไป แล้วกลับไปรับประทานอาหารอันโอชะต่อ
คิดมากไปก็รังแต่จะทำให้ความเร็วในการกินของเราช้าลงก็เท่านั้น!
ปรากฏว่าพอลเองก็เป็นนักชิมเช่นเดียวกับโรเอล
ทว่าทางด้านโรเอลนั้นต่างออกไป เขารู้สึกตื่นเต้นกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นนี้ ทั้ง ๆ ที่เพียงแค่เตะพอลไปตามคำแนะนำเท่านั้น นี่ทำให้ความเคลือบแคลงใจทั้งหมดที่มีต่อคำแนะนำของเทพธิดาแห่งโชคชะตาเลือนหายไป
เมื่อพบกุญแจแห่งโชคชะตาแล้ว โรเอลก็มองดูพอลด้วยสายตาที่เปี่ยมไปด้วยความรัก
ตามที่คาดไว้จริง ๆ ตัวเอกของเกมอายออฟโครนิเคิล คือผู้ที่ถูกกำหนดไว้โดยโชคชะตา!
ในฐานะที่เป็นผู้ที่มีความรอบรู้เกี่ยวกับโลกใบนี้ ไม่มีทางที่โรเอลจะไม่รู้เกี่ยวกับศึกชิงถ้วยที่ได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม มันเป็นเวทีในฝันสำหรับผู้มีพลังเหนือธรรมชาติทุกคนในทวีปเซีย เทียบได้กับการแข่งขันฟุตบอลโลกในอดีตชาติของโรเอล บรรดาผู้ที่แสดงผลลัพธ์ออกมาได้อย่างน่าทึ่ง จะกลายเป็นชื่อที่โด่งดังไปทั่ว อาณาจักรแห่งการศึกษาโบรเนล
ทุก ๆ ปีมักจะมีผู้ชมหลายหมื่นคนรอคอยที่จะชมการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบชิงชนะเลิศอยู่เสมอ เกือบทุก ๆ ประเทศจะส่งตัวแทนไปหานักกีฬาที่มีความสามารถ และการแข่งขันเพื่อแย่งชิงพวกเขาก็มีความหมายมากมาย จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่เหล่าตัวแทนตามหานักกีฬาจะหันมาตีกันเอง
อย่างไรก็ตามโรเอลคิดเอาไว้แล้วว่ามันจะต้องเกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นแน่
ผู้ท้าชิงในศึกชิงถ้วยล้วนเป็นผู้มีพลังเหนือธรรมชาติที่โดดเด่นที่สุดในรุ่น บางคนมีโอกาสไปถึงระดับแก่นแท้สอง ในอนาคต ผู้มีพรสวรรค์ดังกล่าวจึงมีค่าแม้กระทั่งกับจักรวรรดิออสทีนอันยิ่งใหญ่
ระดับที่ว่ามีแม้กระทั่งเหตุการณ์ในอดีต ที่จักรวรรดิออสทีนใช้การหมั้นกับองค์หญิงองค์หนึ่งของจักรวรรดิ เพื่อดึงตัวผู้ท้าชิงเข้ามาผูกมัดไว้กับจักรวรรดิออสทีน
ลองคิดดูสิ!
ตระกูลแอคเคอร์มันน์ ผู้ยึดมั่นในค่านิยมสายเลือดบริสุทธิ์ได้หมั้นลูกสาวกับคนนอก!
สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่าศึกชิงถ้วยได้รับการยกย่องอย่างสูงไว้เพียงใด แม้แต่ในระดับผู้มีอำนาจของทวีปเซีย
อย่างไรก็ตามมันไม่น่าจะเป็นไปได้แล้วที่เหตุการณ์การหมั้นหมายนั้นจะเกิดขึ้นอีก
เพราะนอกจากลิเลียนจะเป็นผู้มีพลังเหนือธรรมชาติแล้ว เธอยังมีอิทธิพลครอบคลุมมากกว่าสามในสิบของแวดวงขุนนางของจักรวรรดิออสทีน แม้แต่จักรพรรดิลูคัสก็ยังต้องคิดทบทวนให้ดี ก่อนจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการแต่งงานของเธอ มิฉะนั้นมันอาจจะก่อให้เกิดกระแสตอบรับย้อนกลับที่รุนแรงได้
โรเอลค่อนข้างสนใจศึกชิงถ้วย แรกเริ่มเดิมทีเขาไม่สามารถเข้าร่วมการแข่งขันนี้ได้ เนื่องจากข้อจำกัดด้านอายุที่ระบุไว้ว่าผู้ที่เข้าร่วมจะต้องมีอายุระหว่าง 15 ถึง 18 ปี ดังนั้นนักเรียนชั้นปีที่หนึ่งส่วนใหญ่จึงหมดสิทธิ์ ทว่าด้วยเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ ดูเหมือนว่าข้อจำกัดอายุจะถูกปรับลงเพื่อให้นักเรียนชั้นปีที่หนึ่งสามารถมีส่วนร่วมได้
“นี่เป็นข่าวใหญ่จริง ๆ…”
โรเอลประทับใจกับผลลัพธ์จากคำแนะนำของเทพธิดาแห่งโชคชะตาเป็นอย่างมาก แต่ก็อดไม่ได้ที่จะสงสัยว่ามันจะเป็นไปในทิศทางใด
นี่มันเกี่ยวอะไรกับการช่วยชีวิตบรรพบุรุษของเรากันล่ะเนี่ย …