ทรราชตัวน้อย ไม่อยากพบจุดจบแบบ BAD END - บทที่ 382: ยันเดเระ
บทที่ 382: ยันเดเระ
ยามค่ำคืนภายในร้านเหล้าดาบหัก ซึ่งตั้งอยู่ริมถนนอันพลุกพล่านของสถาบันการศึกษา โรเอล พอล และ เกอรัล รวมตัวกันอยู่บนโต๊ะ เพลิดเพลินไปกับเบียร์ขณะอ่านหนังสือพิมพ์
ความโกลาหลครั้งใหญ่ที่เกิดจากการประกาศของแอนโตนิโอ รวมถึงการเผชิญหน้าระหว่างนักเรียนที่จากต่างแดนกับกลุ่มของโรเอล ทำให้สื่อของสถาบันการศึกษารีบเร่งออกข่าวทั้งสองเรื่อง และจัดการให้ทันเวลาสำหรับรายงานข่าวภาคค่ำ
ด้วยที่ไม่มีรายละเอียดจริง ๆ ในเหตุการณ์ นักข่าวจึงระบุสาเหตุของความขัดแย้งว่าเกิดจากความแตกต่างทางวัฒนธรรมของอาณาจักรแห่งภาคีอัศวินที่จะเคารพเฉพาะผู้แข็งแกร่ง พวกเขาชมเชยโรเอล อย่างฟุ่มเฟือยที่ยืนหยัดต่อสู้กับนักเรียนจากต่างแดน และรักษาอำนาจของผู้ถือแหวนเอาไว้
ถึงกระนั้นการประกาศของแอนโตนิโอและคำปราศรัยที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับนักเรียนชั้นปีที่ 1 ก็เป็นพาดหัวข่าวหลัก การผ่อนคลายเกณฑ์คุณสมบัติผู้เข้าสมัครศึกชิงถ้วย ถือเป็นข่าวใหญ่ นักเรียนส่วนใหญ่ต่างตกใจที่ได้ยินเรื่องนี้ ทำให้ข่าวสารแพร่กระจายไปราวกับไฟป่า
ทว่านี่ไม่ใช่ปัญหาที่สำคัญที่สุดของโรเอลและผู้ช่วยทั้งสองคนของเขา
ในเกมอายออฟโครนิเคิล การมาถึงของบริตตานี่ที่สถาบันการศึกษาเซนต์เฟรย่าเป็นเรื่องใหญ่ก็จริงอยู่ แต่คราวนี้มันเต็มไปด้วยปัญหาที่ใหญ่เสียยิ่งกว่าในเกม โรเอลไม่ทราบเหตุผลที่แท้จริงเบื้องหลังเรื่องนี้ แต่วิลเลียมนั้นดูจะไม่เป็นมิตรกับผู้คนรอบข้างตัวโรเอลสักเท่าไหร่ โดยเฉพาะกับนอร่าและชาร์ล็อต
ความเกลียดชังนี้เป็นสิ่งที่โรเอลคาดไม่ถึงและหาคำอธิบายไม่ได้ เขาไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับเรื่องนี้ สิ่งที่เขาต้องทำในตอนนี้ก็คือการรวบรวมข่าวกรอง โชคดีที่เขาบังเอิญมีผู้ที่มีข้อมูลดังกล่าวอยู่ข้างกาย…
เกอรัล สตีเฟนสัน ‘นักยุทธศาสตร์’ หมายเลขหนึ่งของฝ่ายกุหลาบน้ำเงิน รวมถึงนายน้อยของตระกูลมาร์ควิสสตีเฟนสันจากอาณาจักรแห่งภาคีอัศวินเพนเดอร์
ในฐานะขุนนางชั้นสูง เกอรัลน่าจะมีความรู้พอสมควรเกี่ยวกับขุนนางในอาณาจักรแห่งภาคีอัศวินเพนเดอร์ ปัญหาเดียวก็คือเขาอยู่ในสภาพที่กำลังบอบช้ำ ขาของเขาโยกเยกราวกับเส้นสปาเกตตีตั้งแต่ตอนที่พวกเขาเดินออกมาจากห้องประชุม และเขาคงไม่สามารถมาถึงที่นี่ได้หากไม่ได้พอลช่วยประคับประคอง
โรเอลเข้าใจความรู้สึกของอีกฝ่ายดี นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงลากเกอรัลมาที่ร้านเหล้าดาบหัก เพื่อที่เจ้าตัวจะได้ดื่มด่ำและระบายปัญหาภายในใจ
มีคำกล่าวว่าแอลกอฮอล์ทำให้คนขี้ขลาดกล้าหาญขึ้น ไม่ว่าจะต้องเผชิญหน้ากับความกลัวแบบไหน เบียร์สองแก้วก็สามารถเปลี่ยนพวกเขาให้กลายเป็นวีรบุรุษผู้กล้าหาญได้ นอกจากนี้บรรยากาศอันพลุกพล่านของร้านเหล้าเองก็น่าจะทำให้เขารู้สึกปลอดภัยขึ้นได้เช่นกัน
หลังจากดื่มเบียร์ไปครึ่งแก้ว เกอรัลก็ดูเหมือนจะดีขึ้นมาก อย่างน้อย ๆ ตอนนี้เจ้าตัวก็สามารถพูดคำที่มีความหมายได้แล้วโดยที่ไม่ต้องกัดลิ้น ด้วยคำอธิบายของเกอรัล ในที่สุดโรเอลและพอลก็ค่อย ๆ เข้าใจถึงสถานการณ์ภายในอาณาจักรแห่งภาคีอัศวิน
“อะไรนะ?! ผู้หญิงคนนั้นเป็นคู่หมั้นของนายเหรอ?”
“ลดเสียงลงหน่อยสิพอล”
พอลอดไม่ได้ที่จะอุทานอย่างตกใจ เมื่อได้ยินเรื่องนี้ มันดึงความสนใจจากลูกค้าที่นั่งอยู่ที่โต๊ะใกล้ ๆ ในทันที ดังนั้นโรเอลจึงรีบผลักเขาเพื่อเตือน จากนั้นทั้งสามคนก็กลับมาดื่มเบียร์กันอย่างเงียบ ๆ ก่อนที่ เกอรัลจะเริ่มพูดถึงเหล่านักเรียนที่ย้ายมาจากอาณาจักรแห่งภาคีอัศวินเพนเดอร์
คนแรกที่เขาพูดคือบริตตานี่ เธอเกิดในตระกูลขุนนางและครอบครองพลังสายเลือดแห่งวัลคีรี่ ซึ่งเกอรัลหมั้นกับเธอตั้งแต่อายุยังน้อย
บริตตานั้นเป็นผู้หญิงที่เลอโฉม รูปร่างของเธอน่าทึ่งอย่างมากเนื่องจากการฝึกฝนอย่างหนักตลอดหลายปีที่ผ่านมา เธอเป็นผู้มีพรสวรรค์ในบรรดาเหล่าผู้มีพลังเหนือธรรมชาติ อีกทั้งยังมีพลังสายเลือดแห่งวัลคีรี่ ทำให้เธอมีพลังที่แข็งแกร่งเหนือกว่าใคร ๆ ทว่าด้วยกฎของทวีปเซีย พลังนั้นย่อมมาพร้อมกับค่าใช้จ่าย
สายเลือดแห่งวัลคีรี่อันทรงพลังย่อมมาพร้อมกับข้อบกพร่องมากมาย
พูดง่าย ๆ ก็คือ บริตตานั้นเป็นพวกยันเดเระ
ตระกูลดยุกลูเด้ของบริตตานี่ มีพลังทางสายเลือดที่ทำให้ลูกหลานเพศหญิงจะแข็งแกร่งกว่าลูกหลานเพศชายเสมอ แต่ถึงกระนั้นหัวหน้าตระกูลของพวกเขาก็ยังเป็นผู้ชาย นั่นก็เพราะฝ่ายหญิงมีความไม่มั่นคงทางอารมณ์ที่เกิดจากพลังสายเลือดแห่งวัลคีรี่ แม้ว่าขอบเขตของความไม่มั่นคงทางอารมณ์จะแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล
บริตตานี่เป็นหนึ่งในคนที่มีความมั่นคงทางอารมณ์มากกว่าคนอื่น ๆ ในตระกูล แต่เกอรัลก็ยังไม่สามารถยืนหยัดทนเธอได้อยู่ดี
“เมื่อวันเกิดปีที่ 10 ของฉัน บริตตานี่พากองทัพของตระกูลดยุกลูเด้ขึ้นไปบนภูเขา สังหารสัตว์อสูรสิบตัว แล้วมอบทั้งหมดที่ฆ่านั่นให้ฉันเป็นของขวัญวันเกิด”
“อ่า… อืม เป็นของขวัญวันเกิดจากผู้หญิงที่แปลกมาก แต่นั่นก็เป็นแค่วัฒนธรรมของอาณาจักรแห่งภาคีอัศวินเพนเดอร์ไม่ใช่เหรอ? ก็ไม่น่าจะแย่เท่าไหร่นี่”
พอลจิบไวน์ขณะตั้งคำถาม แต่แล้วเกอรัลก็ตอบด้วยใบหน้าอันไร้ชีวิตชีวา
“ไม่ มันไม่เกี่ยวกับของขวัญวันเกิดเลย… ตอนที่เธอมอบซากศพพวกนั้นให้กันฉันในชุดเกราะเปื้อนเลือด เธอก็บอกฉันว่านั่นจะเป็นสภาพของฉัน ถ้าฉันนอกใจหรือหมดรักเธอ”
“…”
พอลกำลังจะจิบเบียร์อีกครั้ง ทว่าเมื่อได้ยินคำพูดอันน่ากลัวเหล่านั้น ก็ทำให้มือของเขาแข็งค้างกลางอากาศดวงตาเต็มไปด้วยความสยดสยอง ขณะเดียวกันโรเอลก็จิบเบียร์พลางถอนหายใจ
โรเอลเคยเจอเหตุการณ์นี้ในเกมอายออฟโครนิเคิลมาก่อน ดังนั้นเขาจึงทราบปัญหาระหว่างเกอรัลกับบริตตานี่เป็นอย่างดี เหตุการณ์ที่เกอรัลเล่ามาคือบาดแผลในวัยเด็กที่ใหญ่ที่สุดของเขา รวมทั้งสาเหตุหลักที่ทำให้เขากลัวบริตตานี่มาก ๆ
ความจริงก็นั่นไม่ใช่ความคิดของบริตตานี่ แต่แม่ของเธอเป็นคนสอนให้เธอทำแบบนั้น
บริตตานี่ในวัยเด็กมักจะขอคำปรึกษาจากแม่ ถึงวิธีที่จะทำให้เกอรัลตกหลุมรักตน ซึ่งก็คงจะไม่มีอะไรผิดปกติหากถามสิ่งนี้ในครอบครัวอื่น ๆ ทั่ว ๆ ไป เนื่องจากเป็นเรื่องปกติของเยาวชนที่ไม่มีประสบการณ์ที่จะแสวงหาคำปรึกษาจากผู้อาวุโส
น่าเสียดายที่ภูมิปัญญาของผู้อาวุโสในตระกูลลูเด้ไม่น่าเชื่อถือสักเท่าไหร่ เพราะแม่ของบริตตานี่เองก็เป็นเจ้าของพลังสายเลือดแห่งวัลคีรี่ และระดับความยันเดเระของเธอก็สูงกว่าบริตตานี่มาก
ต้องขอบคุณคำแนะนำจากแม่ของเธอ ที่ทำให้ความสัมพันธ์ฉันมิตรระหว่างบริตตานี่กับเกอรัล ที่กำลังก่อตัวขึ้นได้พังทลายและถูกไฟไหม้ซ้ำ และยังส่งผลจนถึงทุกวันนี้ ยิ่งไปกว่านั้นการถูกเลี้ยงดูในตระกูลลูเด้ ยิ่งทำให้บริตตานี่ไม่สามารถแสดงอารมณ์ได้อย่างถูกต้อง วิธีเดียวที่เธอรู้เกี่ยวกับการถ่ายทอดความรู้สึกก็คือการรุกรานและการบังคับ
ความเข้าใจผิดอย่างลึกซึ้งดังกล่าวทำให้ทั้งสองคนไม่สามารถแก้ปมความสัมพันธ์ได้ด้วยตนเอง หากปราศจากการแทรกแซงจากภายนอก มันก็เป็นเพียงเรื่องของเวลาก่อนที่เกอรัลจะเพิกถอนสัญญาการสมรสของตัวเอง และนั่นทำให้บริตตานี่ถึงกับคลั่ง เมื่อถึงตอนนั้น คำถามก็คือบริตตานี่จะต้องพยายามกี่ครั้งถึงจะเด็ดหัวของเกอรัลไปได้
ในฐานะคนที่รู้ความจริงเบื้องหลัง โรเอลรู้สึกว่าตนจำเป็นต้องยื่นมือเข้าไปแทรก และทำให้แน่ใจว่าทั้งคู่จะจบลงด้วยกันอย่างมีความสุข ในมุมมองความสัมพันธ์ระดับส่วนตัว การทำสิ่งดี ๆ ให้กับคนรอบข้างย่อมเป็นเรื่องที่ดี ส่วนในมุมมองเชิงปฏิบัติ การมีบริตตาผู้ทรงพลังมาเข้าร่วมชมรมสารพัดจ้างจะต้องเป็นประโยชน์กับพวกตนแน่
แต่ก่อนหน้านั้น โรเอลต้องรวบรวมข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับนักเรียนที่ย้ายมาจากอาณาจักรแห่งภาคีอัศวินเพนเดอร์ให้ได้เสียก่อน เขาจึงถามเกี่ยวกับคนอื่น ๆ ต่อ
เกอรัลเริ่มแบ่งปันข้อมูลเกี่ยวกับคนที่เหลือ แต่สิ่งที่เขารู้เกี่ยวกับคนอื่น ๆ นั้นมีจำกัด เมื่อเทียบกับความรู้อันครอบคลุมที่เขามีเกี่ยวกับคู่หมั้นและตระกูลลูเด้
“องค์ชายวิลเลียมเป็นลูกชายบุญธรรมคนโปรดของกษัตริย์วิลสัน เขาสวมชุดเกราะเต็มตัวในที่สาธารณะเสมอ ไม่ยอมเปิดเผยใบหน้าที่แท้จริงของตนเอง มีข่าวลือว่าเขาคือลูกชายที่แท้จริงของกษัตริย์วิลสัน และกษัตริย์วิลสันก็พยายามจะปกป้องเขาโดยปกปิดตัวตนเอาไว้ เหตุผลที่เขาสวมหมวกนั้นก็เพื่อปกปิดใบหน้าที่แท้จริงที่มีความคล้ายคลึงกับพ่อตัวเอง แต่ว่านะ ตอนนี้ยังไม่มีหลักฐานอะไรที่เป็นรูปธรรมเกี่ยวกับข้อมูลนี้เลย”
“มีข่าวลือแบบนั้นด้วยเหรอ?”
โรเอลกะพริบตาด้วยความประหลาดใจ เมื่อคิดถึงเรื่องนี้แล้ว เขาก็ตระหนักได้ว่า ในเกมอายออฟโครนิเคิล วิลเลียมไม่เคยถอดหมวกของตัวเองออกเลยเหมือนกัน
ดูเหมือนว่าวิลเลียมคนนั้นจะเป็นคนที่มีความลับมากมาย แต่คงจะดีที่สุดสำหรับโรเอลที่จะไม่สืบหาความลับของราชวงศ์
โรเอลส่ายหัวก่อนจะถามถึงบุคคลที่สองที่สงสัยไว้
“แล้วเทเรซาล่ะ? ภูมิหลังของเธอคืออะไรกันแน่?”
“เทเรซาเป็นลูกสาวคนเดียวของดยุคคอนสแตนติน คอนสแตนตินเป็นตระกูลที่มีสายเลือดแตกแขนงออกมาจากราชวงศ์แคมบอนไนต์เมื่อหลายศตวรรษก่อน ดังนั้นพวกเขาเองก็มีพลังของสายเลือดมังกรเช่นเดียวกัน แต่ภายในหมู่พวกคอนสแตนตินแล้ว พลังทางสายเลือดของเทเรซานั้นทรงพลังเป็นพิเศษ จนถึงขนาดที่แม้แต่คำพูดธรรมดา ๆ ของเธอก็กลายเป็นวาจาคาถาได้ เธอหยุดพูดเนื่องจากเหตุการณ์ในวัยเด็ก ทำให้ตั้งแต่นั้นมา เธอก็เอาแต่สื่อสารผ่านสมุดบันทึกของตัวเองเพียงอย่างเดียว”
“แล้วเพราะเทเรซามีตำแหน่งสูง บวกกับสายเลือดของราชวงศ์ไหลเวียนอยู่ในตัว เลยถูกขนานนามว่าเป็นองค์หญิงวาจาคาถาในแวดวงชนชั้นสูง ฉันก็ค่อยไม่ได้พูดกับเธอสักเท่าไหร่หรอก แต่ว่าฝ่ายนั้นก็ดูจะอยู่กับองค์ชายวิลเลียมตลอด ๆ”
“พอมาคิด ๆ ดูแล้ว ฉันว่าความสัมพันธ์ระหว่างเทเรซากับองค์ชายวิลเลียมน่าจะมีอะไรมากกว่านั้น เทเรซามาจากตระกูลสาขาของราชวงศ์ แล้วองค์ชายวิลเลียมเป็นลูกบุญธรรมคนโปรดของกษัตริย์วิลสัน ดังนั้นบางคนจึงเชื่อว่าความใกล้ชิดของทั้งสองคนนั้นเป็นสัญญาณว่าวันหนึ่ง เธอจะกลายเป็นราชินีของอาณาจักรแห่งภาคีอัศวิน”
หลังจากพูดเกี่ยวกับบริตตานี่จบไปแล้ว คำพูดของเกอรัลก็ไหลลื่นขึ้นมา ไหลลื่นระดับที่ว่าเจ้าตัวหยิบแม้กระทั่งเรื่องซุบซิบจากแวดวงขุนนางในอาณาจักรแห่งภาคีอัศวินเพนเดอร์มาเล่า
โรเอลครุ่นคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้พอสมควร
สองคนนั้นเป็นคู่รักกันจริง ๆ งั้นเหรอ?
เด็กหนุ่มยกเบียร์ขึ้นจิบขณะพิจารณาถึงความเป็นไปได้ที่ว่า