ทรราชตัวน้อย ไม่อยากพบจุดจบแบบ BAD END - บทที่ 389: อลิเซียผู้ยอดเยี่ยม (2)
บทที่ 389: อลิเซียผู้ยอดเยี่ยม (2)
“ท่านพี่โรเอล นี่มันอะไรกัน?”
อลิเซียถามด้วยน้ำเสียงไม่พอใจขณะจ้องไปยังเส้นแบ่งที่ทำจากหมอนบนเตียง
คราวนี้ โรเอลไม่ยอมขยับเขยื้อนใด ๆ เขารู้ว่าตนเองไม่สามารถลังเลใจกับเรื่องนี้ได้ มิฉะนั้นการควบคุมตนเองของเขาจะสั่นคลอนลงเรื่อย ๆ เนื่องจากเขาปฏิเสธที่จะยอมแพ้ อลิเซียจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องยอมรับสภาพแวดล้อมอันเลวร้ายนี้
“…”
“…”
หลังจากดับไฟแล้ว โรเอลและอลิเซียก็เริ่มเข้านอนอย่างเงียบ ๆ แต่ไม่กี่นาทีต่อมา เสียงอันอ่อนโยนก็ดังขึ้นจากอีกฟากหนึ่งของเขตแดน
“ท่านพี่โรเอล หนูนอนไม่หลับ”
“…เธอยังหลับที่บ้านของคุณคริสได้เลยนี่”
“คุณคริสมีอุปกรณ์เวทที่ช่วยทำให้หลับได้”
“…”
โรเอลนวดขมับตัวเองอย่างช่วยไม่ได้ เพราะเสียงอันน่าสงสารของอลิเซีย
อีกด้านหนึ่งของเขตแดน อลิเซียรออย่างเงียบ ๆ แต่การขาดการตอบสนองจากโรเอล ทำให้ดวงตาของเธอหลุบลงด้วยความผิดหวัง เธอกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่แล้วจู่ ๆ ก็มีมือพุ่งทะลุขอบหมอนมาเพื่อกุมมือเธอเอาไว้
“เอ๋?”
อลิเซียรู้สึกประหลาดใจที่จู่ ๆ โรเอลก็คว้ามือของเธอไว้ ทันใดนั้นเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นจากอีกฟากหนึ่งของเขตแดน
“แค่นี้น่าจะพอใช่ไหม?”
“…ค่ะ”
อลิเซียพึมพำ
สัมผัสอันอบอุ่นจากฝ่ามือทำให้ริมฝีปากของเธอค่อย ๆ ขดเป็นรอยยิ้มหวาน
สองมือประสานกันอย่างช้า ๆ สู่ดินแดนแห่งความฝัน
เช้าวันรุ่งขึ้น โรเอลตื่นขึ้นมาและพบว่าอลิเซียได้มานอนอยู่บนอกของเขา เขามองดูหมอนที่อีกฝ่ายโยนทิ้งพลางถอนหายใจเบา ๆ
ทุกอย่างต่อจากนั้นเป็นไปตามปกติ อลิเซียนั่งข้าง ๆ โรเอลในมื้อเช้า เพลิดเพลินกับบริการป้อนอาหารเป็นครั้งคราว เกอรัลดูร่าเริงขึ้นมากหลังจากได้ระบายเรื่องของตนออกไปเมื่อคืนนี้ที่ร้านเหล้า ส่วนพอลก็ยังปกติเช่นเคย ทั้งสามคนพูดคุยกัน และตัดสินใจว่าจะไม่ดำเนินการใด ๆ กับเหล่านักเรียนที่ย้ายเข้ามา
โรเอลไม่ต้องการมีความขัดแย้งใด ๆ กับเหล่านักเรียนที่ย้ายมาจากอาณาจักรแห่งภาคีอัศวิน และเขาเองก็มีหน้าที่ต้องรับผิดชอบในการรักษาความสงบและความมั่นคงในสถาบันการศึกษาในฐานะผู้ถือแหวนด้วย แม้ว่าการกระทำของวิลเลียมจะเป็นการยั่วยุและบ่อนทำลายอำนาจของผู้ถือแหวน แต่พวกเขาก็ไม่ได้ทำอะไรที่เป็นอันตรายต่อสถาบันอย่างเป็นรูปธรรม
หลังมื้ออาหารเช้าทั้งสามก็แยกกันไปเรียน
โรเอลแปลกใจมากที่ได้พบกับวิลเลียมในชั้นเรียนของตน
พวกเขาพบกันในวิชาเวทระเบิด ซึ่งเป็นวิชาเบื้องต้นสำหรับหลักสูตรคาถาเวทในระดับที่สอง เป้าหมายของชั้นเรียนนี้คือการเพิ่มความสามารถในการต่อสู้ของนักเรียน โดยการปรับความเร็วในการร่ายเวทให้เหมาะสม หรือก็คือชั้นเรียนนี้เน้นหนักไปที่การปฏิบัติจริง
ความว่องไวเป็นสิ่งสำคัญในการต่อสู้ ไม่เพียงแต่สำหรับศิลปะการต่อสู้เท่านั้น แต่ยังรวมถึงการร่ายคาถาด้วย เพราะมันอาจเป็นตัวตัดสินผลแพ้ ชนะได้เลยทีเดียว บ่อยครั้งมีทหารผ่านศึกที่รอดชีวิตจากสนามรบ ไม่ใช่ด้วยพละกำลังที่ท่วมท้น แต่ด้วยความรวดเร็วในการร่ายคาถาเวท
ดังที่กล่าวไปข้างต้น ความสามารถในการทำลายล้างของคาถาเวทเองก็เป็นหนึ่งในเกณฑ์การให้คะแนน เพราะความรวดเร็วที่ปราศจากอานุภาพนั้นย่อมไม่มีความหมาย มันไม่มีประโยชน์ที่จะโจมตีศัตรูด้วยคาถาเวทที่อ่อนแอ ซึ่งแทบจะไม่ทำให้เกิดรอยขีดข่วน
หลังจากการบรรยายและภาคปฏิบัติเป็นเวลาหลายเดือน นักเรียนในชั้นก็ได้พัฒนาความสามารถของตนเองขึ้นมามาก ในการร่ายคาถาเวทระเบิด ทว่าโรเอลนั้นแทบไม่พัฒนาขึ้นเลย เนื่องจากเขาสามารถใช้คาถาเวทระเบิดได้ถึงขีดสุดแล้ว ทำให้เขาปรับปรุงอะไรไม่ได้มากเท่าไหร่นัก
ตามที่ลิเลียนเคยชมคาถาเวทระเบิดของโรเอลเอาไว้ในตอนที่พวกเขายังไม่สนิทกัน แม้แต่อาจารย์บางคนก็ยังไม่สามารถเทียบเขาได้ในเรื่องนี้ นับประสาอะไรกับนักเรียนในรุ่นเดียวกัน ถ้าไม่ใช่เพราะว่าชั้นเรียนนี้เป็นวิชาภาคบังคับ โรเอลคงจะข้ามมันไปแล้วด้วยซ้ำ
อย่างไรก็ตามสถานการณ์ในวันนี้มีความแตกต่างออกไปเล็กน้อย ทำให้โรเอลต้องเรียนอย่างจริงจังมากเป็นพิเศษ นั่นก็เพราะวันนี้เป็นวันสอบ
แม้แต่โรเอลก็ยังรู้สึกกังวลนิด ๆ เนื่องจากเขาถูกบังคับให้ข้ามบทเรียนไปราว ๆ หนึ่งในสามจากสถานการณ์หลาย ๆ อย่าง ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจจะรับการทดสอบครั้งนี้อย่างจริงจัง ทว่าทันทีที่ชั้นเรียนเริ่มขึ้น บุคคลที่ไม่คาดคิดก็ถูกพาเข้ามาในห้องเรียนภายใต้การนำของอาจารย์ ซึ่งก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกเสียจาก… วิลเลียม
“นั่นมันใครกันน่ะ…?”
“นักเรียนที่ย้ายเข้ามาใหม่ไง”
การปรากฏตัวของวิลเลียมทำให้เกิดความโกลาหลในห้องเรียน นักเรียนส่วนใหญ่ไม่เข้าใจว่าทำไมคนจากอาณาจักรแห่งภาคีอัศวินถึงย้ายมาก่อนวันสอบ และมีบางคนตั้งตารอที่จะได้เห็นพวกเขาทำพลาด
วิลเลียมไม่สะทกสะท้านใด ๆ ต่อความสนใจของผู้คนโดยรอบ เขาเงยหน้าขึ้นและมองไปทางหลังห้องเรียน ซึ่งโรเอลนั่งอยู่
และสายตาก็สบกันเข้าพอดี
เขามาที่นี่เพื่อตามหาฉันงั้นเหรอ? โรเอลสงสัย
อาจารย์จอร์จได้แนะนำวิลเลียมให้รู้จักห้องเรียนอย่างรวดเร็วก่อนเริ่มบทเรียน อย่างไรก็ตามสิ่งที่ทำให้ทุกคนแปลกใจยิ่งขึ้นไปอีกก็คือ เป้าหมายในการร่ายคาถาเวทของพวกเขาในวันนี้ ไม่ใช่เป้าหมายตามปกติในสนามฝึก แต่เป็น…
ห่าน
นักเรียนส่วนใหญ่ดูสับสนเมื่อเห็นอาจารย์จอร์จแบกห่านไปวางบนทุ่งโล่ง แต่ชายชราก็ไม่ได้สนใจปฏิกิริยาของเด็ก ๆ เลยแม้แต่น้อย เขาเพียงแต่ร่ายคาถาเวทป้องกันการจู่โจมเอาไว้ที่ห่าน พลางอธิบายข้อสอบให้นักเรียนฟังอย่างใจเย็น
“ที่อยู่ตรงนี้คือห่าน ยิ่งพลังโจมตีของพวกเธอมากขึ้นเท่าไหร่ มันก็จะยิ่งแยกร่างมากขึ้นเท่านั้น ไม่ต้องกังวลเรื่องการสังหารเจ้านี่ เพียงแค่โจมตีให้แรงที่สุดก็พอ แสดงให้ฉันได้เห็นผลการเรียนรู้ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมาหน่อยซิ”
หลังจากพูดจบ จอร์จก็นั่งลงอย่างสงบบนโต๊ะ โบกมือให้นักเรียนเริ่มการทดสอบ มีนักเรียนที่มั่นใจคนหนึ่งก้าวออกไปข้างหน้า เรียกลูกบอลเพลิงขนาดใหญ่ออกมาภายในไม่กี่วินาที ก่อนจะปล่อยใส่ห่านทำให้มันแยกร่างออกมาหลายตัว
“กรู ห่านห้าตัว”
ข้างบนพื้นโลกที่ถูกแผดเผาด้วยลูกไฟขนาดใหญ่มีห่านห้าตัวยืนอยู่ จากนั้นพวกมันก็รวมตัวกันอย่างรวดเร็ว กลายเป็นห่านตัวเดิม ภาพลึกลับนี้ทำให้นักเรียนพากันฉงนใจ แต่ก็ทำให้จิตใจของพวกเขาสงบลงด้วยเช่นกัน
และแล้วการทดสอบพลังเหนือธรรมชาติด้วยห่านก็เริ่มต้นขึ้น
“เมเลียน่า ห่านสามตัว”
“แจ็ค ห่านสองตัว”
มันเป็นหน่วยการวัดที่แปลกประหลาดจนแก้มของโรเอลเริ่มกระตุกเล็กน้อย เขารู้สึกเหมือนอยู่ในรายการวาไรตี้ และสงสัยว่านี่เป็นการเล่นตลกของอาจารย์ที่อยากจะล้อเลียนพวกเขารึเปล่า
อย่างไรก็ตาม ทุกอย่างเปลี่ยนไปเมื่อวิลเลียมก้าวเข้าสู่สนาม
เขาเดินไปที่แท่นอาวุธและหยิบดาบขึ้นมา ทันทีที่เขาจับดาบบรรยากาศรอบ ๆ ตัวก็เปลี่ยนไป
เป็นการยากที่จะอธิบายด้วยคำพูดว่า ‘เปลี่ยนไป’ อย่างไร ราวกับว่าดาบเป็นปริศนาชิ้นสุดท้ายที่วิลเลียมขาดไป โรเอลสัมผัสได้ถึงความรู้สึกแห่งความสมบูรณ์แบบที่กลมกลืนกันซึ่งแผ่ออกมาจากวิลเลียม ทว่าดูเหมือนเด็กหนุ่มจะเป็นคนเดียวที่รู้สึกอย่างนั้น ขณะที่คนอื่นกำลังสงสัยเรื่องระยะในการโจมตีของเจ้าตัว
วิชาดาบมีไว้สำหรับการต่อสู้ในระยะประชิด แม้ว่ามันเป็นไปได้ที่จะโจมตีด้วยพลังเวทในระยะไกลโดยใช้ดาบเป็นสื่อกลาง แต่มันไม่มีประสิทธิภาพและพลังเองก็จะลดลงไปเมื่อเทียบกับการโจมตีตรง ๆ
มีนักเรียนก่อนหน้านี้ที่เลือกใช้ดาบเช่นกัน พวกนั้นวิ่งตรงไปที่ห่านแล้วเหวี่ยงดาบลงใส่มัน อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนวิลเลียมไม่มีความตั้งใจที่จะลดระยะห่างใด ๆ จากห่าน
“ไอ้หมอนั่นมันตั้งใจจะทำอะไรกันแน่น่ะ?”
“ดูเหมือนว่าเขาไม่คิดที่จะเดินเข้าไปหามันนะ เขาตั้งใจจะโจมตีห่านจากระยะไกลด้วยดาบงั้นเหรอ?”
วิลเลียมไม่สนใจฝูงชนและชักดาบออกมาเงียบ ๆ มือเหวี่ยงดาบลงอย่างสงบ ปราศจากความเฉียบคมของนักดาบ ราวกับว่าเขาฟันมันเล่น ๆ ทว่าการไหลเวียนของพลังเวทอันทรงพลังที่กระเพื่อมออกไปกลับแสดงให้เห็นเป็นอย่างอื่น
ไม่มีแสงวาบอันน่าตื่นตาหรืออะไรแบบนั้น ฝูงชนทั้งหมดเห็นเพียงเส้นโค้งอันควบแน่นพุ่งออกไปด้านนอก จากนั้นห่านก็ระเบิดออกเป็นร่างแยกหลายพันตัว กระจัดกระจายไปทั่วเหมือนกองฝุ่น
“…”
“วิลเลียมประเมินไม่ได้ คะแนนเต็ม”
ภาพที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนนี้ทำให้นักเรียนที่อยู่รอการทดสอบในปัจจุบันเงียบลง เมื่อจอร์จประกาศผลเท่านั้น เหล่านักเรียนก็เริ่มปรบมือและอุทานด้วยความตกตะลึง ความแข็งแกร่งที่วิลเลียมแสดงให้เห็นทำให้เขาได้รับความเคารพจากคนอื่น ๆ
นี่คือพลังของสำนักหัวใจแห่งดาบสินะ
โรเอลคิดพลางสงสัย
ขณะที่เด็กหนุ่มผมดำครุ่นคิดอยู่ลึก ๆ วิลเลียมก็วางดาบกลับเข้าไปในชั้นวางอาวุธแล้วเดินไปหาเขา
“คุณโรเอล คิดยังไงกับความแข็งแกร่งของฉัน?”
“…ช่างน่าประหลาดใจ ฉันเชื่อว่าความแข็งแกร่งขององค์ชายวิลเลียมเหนือกว่าคนในรุ่นราวเดียวกันไปมาก”
โรเอลตอบด้วยรอยยิ้ม
มันเป็นคำชมที่เรียบง่าย แต่กลับทำให้ร่างในชุดเกราะรู้สึกยินดีอย่างไม่คาดคิด เขาพุ่งตรงไปที่ประเด็นและยื่นข้อเสนอ
“ถ้าเป็นเช่นนั้น คุณโรเอลจะสนใจมาที่อาณาจักรแห่งภาคีอัศวินไหม… ไม่สิ ฉันหมายความว่า คุณคิดยังไงเกี่ยวกับการออกจากสถาบันนี้ และมาเข้าร่วมกับภาคีผู้นำพาแสงอรุณของเรา?”
“…”
มันเป็นคำเชิญครั้งที่สองของวิลเลียมถึงโรเอล