ทรราชตัวน้อย ไม่อยากพบจุดจบแบบ BAD END - บทที่ 393: ใครคือพ่อของคุณ (2)
บทที่ 393: ใครคือพ่อของคุณ (2)
เมื่อโครงกระดูกรอบ ๆ เริ่มเคลื่อนไหว โรเอลผู้ขี้เกียจก็ปล่อยพลังเวทของกรันด้าออกมา แต่สิ่งที่เขาไม่ได้คาดคิดก็คือ ในสายตาของพวกอันเดธ พลังเวทบาง ๆ นี้เทียบได้กับการกลับมาของราชา
โครงกระดูกที่ต้องการโจมตีโรเอลต่างตะลึงงันเมื่อสัมผัสได้ถึงลมหายใจของกรันด้า วินาทีถัดมาพวกมันก็คุกเข่าและก้มหัวลง กระดูกทั้งหมดเคารพบูชาโรเอลราวกับกำลังทำพิธีทางศาสนาบางอย่าง โดยมีเขาเป็นศูนย์กลาง
นี่มันพิธีกรรมแบบไหนกันแน่เนี่ย?
เด็กหนุ่มผมดำขมวดคิ้วขณะมองดูเหล่าโครงกระดูก แต่สิ่งที่เขาไม่รู้ก็คือนี่เป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น
พลังเวทของกรันด้านั้นทรงพลังมาก ในสายตาของเหล่าอันเดธ มันคือพลังเวทจากตัวตนอันสูงส่ง จึงเป็นธรรมดาที่จะต้องทำความเคารพ แน่นอนว่ามันต้องมาพร้อมกับเครื่องบูชา เหล่าโครงกระดูกเริ่มหอบแขนกับขา เตรียมพร้อมสำหรับการบูชากรันด้า
“ไปให้พ้น ฉันไม่ได้ต้องการกระดูก ฉันไม่ต้องการพิธีกรรมด้วย!”
เมื่อเผชิญหน้ากับเหล่าโครงกระดูกที่ออกมาแสดงความเคารพ โรเอลก็โบกมือไล่พวกมัน ซึ่งใช้เวลามากพอสมควรกว่าที่พวกโครงกระดูกจะตระหนักได้ว่า ผู้เป็นนายไม่ชอบสิ่งนี้ ดังนั้นพวกมันจึงพากันเดินกลับไปที่หลุมศพของตนภายใต้คำสั่งของโรเอลด้วยความเจ็บปวด
หลังจากส่งเหล่าโครงกระดูกจำนวนมากกลับลงไปในโลง โรเอลก็ได้ขจัดอุปสรรคเกือบทั้งหมดไป ทำให้การเดินทางของเขาราบรื่นขึ้นมาก หลังจากเดินป่ามาเป็นเวลาหนึ่งชั่วโมง เขาก็ผ่านป่าที่เต็มไปด้วยวิญญาณร้ายได้สำเร็จ จนมาถึงขอบซากปรักหักพังของวัดแห่งความเงียบ ทันใดนั้นการแจ้งเตือนของระบบอันคุ้นเคยก็ปรากฏขึ้นในทันใด
[กริ๊ง]
[คำแนะนำจากเทพธิดาแห่งโชคชะตา]
[ห่อหุ้มตัวเองด้วยพลังเวทของเปตรา]
“เปตรา?”
หลังจากที่ได้อ่านคำแนะนำของเทพธิดาอย่างถี่ถ้วน โรเอลก็ต้องรู้สึกสับสนอีกครั้ง เด็กหนุ่มมองไปที่สภาพแวดล้อมอันเต็มไปด้วยภูตผีด้วยความสงสัยว่า ทำไมถึงต้องเป็นพลังเวทของเปตรา
โรเอลสามารถเดินทางอย่างสะดวกสบายมาได้ตลอดทางด้วยพลังเวทของกรันด้า ซึ่งตรงกันข้ามกับพลังเวทของเทพธิดาแห่งผืนปฐพีอันเต็มไปด้วยพลังชีวิตสุด ๆ มันไม่เพียงแต่จะทำให้เหล่าภูตผีวิญญาณร้ายสงสัยเท่านั้น แต่ยังทำให้ผู้เข้าแข่งขันคนอื่น ๆ รับรู้ถึงการมีอยู่ของโรเอลอีกด้วย
ไม่ต้องสงสัยเลยว่านี่เป็นทางเลือกที่โง่มาก ที่ล้างการพรางตัวของตนเองออกไปแบบนั้น แต่หลังจากคิดถึงผลมหัศจรรย์จากคำแนะนำของเทพธิดาแห่งโชคชะตาในครั้งก่อน โรเอลก็ยอมทำตามข้อเสนอแนะนี้
แสงสว่างจาง ๆ ที่ส่องออกมา จากนั้นเด็กหนุ่มผมสีดำก็ค่อย ๆ หายไป และถูกแทนที่พลังเวทสีเหลืองหนาทึบ พลังป้องกันทางร่างกายของเขาเพิ่มสูงลิ่ว เศษหินเล็ก ๆ ลอยขึ้นไปในอากาศใกล้เคียงพร้อมกับที่พลังเวทของเทพธิดาแห่งผืนปฐพีแผ่ออกมา
โรเอลได้เปลี่ยนสถานะเป็นพลังเวทของเปตราก่อนจะออกเดินทางต่อ อย่างไรก็ตามสิ่งที่เขาไม่รู้เลยก็คือ ทันทีที่เขาสลายพลังเวทของกรันด้าแล้วเปลี่ยนเป็นของเปตรา อีกด้านหนึ่งบนเนินเขาอันห่างไกล การเคลื่อนไหวของเด็กสาวผมสีน้ำตาลก็ได้หยุดลงพร้อมกับรูม่านตาอันกระหายเลือดของเธอที่จางหายไป
เซลิน่า เบสเป็นบุคคลอันตรายที่รู้จักกันดีภายในอาณาจักรแห่งภาคีอัศวินเพนเดอร์ เนื่องจากเจ้าตัวเป็นเด็กมีปัญหาในภาคีผู้นำพาแสงอรุณ
เซลิน่านั้นมาจากตระกูลเอิร์ลเบสที่ประสบความสำเร็จอย่างมากจากสงคราม เธอมักดูใจร้อนแถมกระหายการต่อสู้อยู่ตลอดเวลา แต่ในความเป็นจริงแล้ว นั่นไม่ใช่ตัวตนที่แท้จริงของเซลิน่า แต่เป็นอิทธิพลจากพลังทางสายเลือดและคุณสมบัติแก่นแท้ต้นกำเนิดของเธอเอง
ตระกูลเบสเป็นตระกูลนักรบที่มีชื่อเสียงในอาณาจักรแห่งภาคีอัศวินเพนเดอร์ ตระกูลนี้เป็นที่รู้จักในด้านการต่อสู้ด้วยอารมณ์อันรุนแรง ตระกูลอื่น ๆ ที่ไม่รู้จักพวกเขามักจะเรียกพวกเขาว่าตระกูลนักรบคลั่ง ทว่าสำหรับตระกูลอื่น ๆ ที่รู้จักพวกเขาดี ตระกูลเบสคือตระกูลนักล่าที่ยอดเยี่ยมที่สุด
คุณสมบัติแก่นแท้ต้นกำเนิดของตระกูลเบสคือ [ความวุ่นวาย] ซึ่งเป็นคุณสมบัติแก่นแท้ต้นกำเนิดพิเศษ
ระเบียบเป็นรากฐานที่สำคัญภายในสังคมมนุษย์ และสิ่งที่ตรงกันข้ามกับมันก็คือความวุ่นวาย โดยทั่วไปแล้วมันคือคำที่มีความหมายไม่ค่อยดี และเป็นตัวแทนอารมณ์แห่งความโกลาหล ในแง่ของความปลอดภัย ผลข้างเคียงของมันแย่มาก หากเปรียบเทียบกับคุณสมบัติแก่นแท้ต้นกำเนิดหลักสามประการของมนุษยชาติ อย่าง [ความเมตตา] [ความกล้า] และ [ภูมิปัญญา]
อย่างไรก็ตามในทวีปเซีย ราคาที่สูงย่อมมาพร้อมกับพลังอันแข็งแกร่ง หลังจากจ่ายราคาเป็นความไม่มั่นคงทางอารมณ์แล้ว ตระกูลเบสก็ได้รับผลประโยชน์ที่คุ้มค่าเช่นกัน ในแง่ของพลังเหนือธรรมชาติแล้ว คุณสมบัติแก่นแท้ต้นกำเนิด [ความวุ่นวาย] มีเอกลักษณ์เฉพาะที่ไม่เหมือนใคร นั่นก็คือมันสามารถปั่นป่วนพลังเวทและคาถาเวทต่าง ๆ ซึ่งทำให้พวกเขาสามารถขัดขวางการร่ายคาถาเวทของศัตรูได้
แน่นอนผลข้างเคียงที่ตระกูลเบสต้องแบกรับก็คือการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ที่ค่อนข้างใหญ่หลวง แม้ภายนอกพวกเขาจะดูไม่ต่างอะไรไปจากคนปกติ แต่จริง ๆ แล้วพวกเขาทั้งชอบสงครามและกระหายเลือดมาก ซึ่งเป็นผลกระทบที่ได้มาจากพลังทางสายเลือดนั่นเอง
“นี่มันบ้าอะไรกัน เกิดอะไรขึ้นกัน! ผู้หญิงคนนี้ อ๊ากกกก!!!”
“ปีศาจ!!!”
ภายในป่าอันมืดมิด นัยน์ตาของเด็กสาวผมสีน้ำตาลวาวปลาบราวกับสัตว์ป่ากำลังไล่ตามผู้เข้าแข่งขันคนอื่น ๆ ไปยังซากปรักหักพังของวัดแห่งความเงียบ เจ้าตัวเคลื่อนไหวผ่านความมืดมิดและภูมิประเทศอันซับซ้อนอย่างรวดเร็วและเป็นอิสระเสรี ทำให้ไม่มีใครรอดพ้นเงื้อมมือของเธอไปได้
ผู้เข้าแข่งขันถูกกำจัดออกไปทีละคน ด้วยแรงกดดันอันรุนแรงนี้ ในที่สุดหัวหน้าของกลุ่มผู้เข้าแข่งขันกลุ่มหนึ่งก็ตัดสินใจเดิมพันทั้งหมดในจังหวะเดียว
“รวมตัวกันสร้างแนวป้องกัน! พวกเราจะต้องเอาชนะแม่นั่นให้ได้! ไม่งั้นพวกเรามีหวังได้ถูกจัดการกันหมดแน่!”
ท่ามกลางเสียงตะโกนของหนุ่มร่างสูง นักเรียนมากมายจากสถาบันเดียวกันต่างหันหลังชนกัน รวมตัวกันเพื่อปลดปล่อยคาถาเวทป้องกันนานาชนิด ตั้งแต่กำแพงหิน กำแพงเพลิง ไปจนถึงปราการแห่งคำสาป หลายสิบชั้นซ้อนทับกัน แต่คาถาพวกนี้ไม่ต่างอะไรไปจากแก้วอันเปราะบางในสายตาของเซลิน่า ที่พร้อมจะพังทลายลงในการกระแทกเพียงครั้งเดียว
เซลิน่ากระโดดลงมาจากต้นไม้ พลันเหวี่ยงดาบยาวหนึ่งเมตรใส่คาถาป้องกันทั้งหมดนั้น พวกมันล้วนไร้ค่าทั้งสิ้นเมื่ออยู่ต่อหน้าเธอ ดินกับหินทรุดถล่ม เปลวเพลิงพัดดับ เกราะเวทสิ้นสลาย ทั้งหมดล้วนแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ ผู้เข้าแข่งขันทั้งกลุ่มนั้นถูกฟันฟาด กลายเป็นสะเก็ดแสงที่กระจายกระจัดไปพร้อมกับเสียงกรีดร้องก่อนจะหายตัวไป
ผู้เข้าแข่งขันถูกกำจัดไปอีกกลุ่ม แต่ในสายตาของเซลิน่า นี่เป็นเพียงแค่อาหารเรียกน้ำย่อยเท่านั้น การกำจัดพวกเขาอาจจะทำให้เธอสนุก แต่มื้ออาหารหลักของเธอนั้นยังมาไม่ถึง
โรเอล แอสคาร์ด
นี่คือเป้าหมายหลักของพวกเขาที่มาจากอาณาจักรแห่งภาคีอัศวินอันห่างไกล และเป็นคนที่วิลเลียมย้ำซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าห้ามจู่โจมก่อนเริ่มเกม แต่สำหรับเซลิน่าผู้กระหายเลือดและคลั่งไคล้การต่อสู้แล้วนั้น มันจึงเป็นไปไม่ได้เลยที่เธอจะปล่อยเหยื่อรายนี้ให้หลุดรอดไป
การมองหาผู้แข็งแกร่งเพื่อดวลกันแบบไม่มีเงื่อนไข ฆ่าหรือถูกฆ่า นี่คือธรรมชาติของสายเลือดเซลิน่า และโรเอลคือเป้าหมายที่น่าสนใจที่สุดสำหรับเจ้าตัว
การโจมตีโรเอลนอกการประลองอาจจะทำให้เกิดเรื่องยุ่งยาก แม้แต่เซลิน่าก็สามารถเข้าใจถึงเรื่องนั้นได้ แต่ถ้าเป็นภายในศึกชิงถ้วยละก็ ทั้งโรเอลและเซลิน่าล้วนแล้วแต่ไม่สามารถตายในนี้ได้ เรียกได้ว่าเป็นโอกาสที่หายากยิ่ง และอีกฝ่ายเองก็น่าจะเข้าใจเรื่องนี้เช่นกัน
เมื่อมองไปยังเด็กหนุ่มที่หยุดอยู่ตรงซากปรักหักพังของโบราณสถาน ใบหน้าของเซลิน่าก็แสดงความตื่นเต้นออกมาสุดขีด เด็กสาวลงกระโดดจากต้นไม้ แล้วเปิดฉากจู่โจมภายใต้ความมืดมิดยามราตรี ขณะเดียวกันโรเอลก็หันไปมองทางป่าอย่างรวดเร็ว
ปฏิกิริยาของพลังเวทและเสียงมากมายหายไปจากป่าในรวดเดียว นี่มันเกิดอะไรขึ้นกัน? นี่มันเร็วเกินไปแล้ว! ความรู้สึกนี้นี่มัน…เป้าหมายคือฉันงั้นเหรอ?
สัญชาตญาณในสนามรบที่สร้างขึ้นจากประสบการณ์การต่อสู้เสี่ยงชีวิตหลายครั้ง ทำให้โรเอลมีสัญชาตญาณสัมผัสได้ถึงวิกฤต ซึ่งเป็นความรู้สึกทำนองว่ากำลังมีก้างปลาติดคอ ทำให้เด็กหนุ่มต้องเบนความสนใจ ทว่ามันก็ทำให้เจ้าตัวตกใจเช่นกัน เพราะเขาไม่คิดว่าตัวเองจะได้พบกับคู่ต่อสู้แบบนี้ตั้งแต่รอบคัดเลือก
โรเอลที่ตื่นตัวเปิดใช้งานไม้เท้าอสรพิษเก้าหัว ปล่อยหัวงูมากมายออกมาจากปลายไม้เท้า พวกมันเติบโตอย่างรวดเร็วและยืดขยายออกไปเพื่อค้นหาศัตรูในทุกทิศทาง ทว่าไม่ทันที่อสรพิษเก้าเศียรจะพุ่งออกไปอย่างเต็มที่ ทันใดนั้นก็มีแสงสว่างวาบพุ่งออกมาจากความมืด ภายในไม่กี่วินาทีเซลิน่าก็ข้ามผ่านระยะ 1,000 เมตร พุ่งตรงไปยังโรเอลพร้อมดาบยาวในมือ
เร็วมาก!
ในช่วงเวลาวิกฤต เบื้องหน้าทักษะการต่อสู้อันน่าทึ่ง พลังเวทสีเหลืองจาง ๆ จากเทพธิดาแห่งปฐพีระเบิดออกมาเป็นลำแสง ก่อตัวเป็นกำแพงหินและเกราะนับไม่ถ้วน อสรพิษเก้าเศียรที่แผ่พังพานออกมาพลันเปลี่ยนเป็นสภาพป้องกันอย่างรวดเร็ว ขวางเส้นทางของศัตรูด้วยร่างของมัน
โรเอลสร้างเกราะป้องกันทั้งคาถาเวท และเกราะป้องกันการโจมตีทางกายภาพขึ้นมาภายในช่วงเวลาสั้น ๆ อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทำให้เขาคาดไม่ถึงก็คือ จู่ ๆ เด็กสาวที่ตกลงมาจากท้องฟ้าก็หยุดอาวุธในมือของเธอลง ก่อนจะกระโดดถอยออกไปอย่างรวดเร็ว
หา… นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? ทำไมเธอถึงหยุด?
นั่นใช่เซลิน่าจริง ๆ งั้นเหรอ?
โรเอลผงะเล็กน้อยเมื่อเขาสังเกตเห็นคู่ต่อสู้ของตนเองหยุดลง จากนั้นเขาก็มองไปศัตรูตรงหน้าอย่างระมัดระวัง ทว่าวินาทีต่อมา จู่ ๆ ก็มีคำที่ไม่คาดฝันดังขึ้นมา
“ท่านพ่อ?”
“…หา?”
“ไม่ ไม่ใช่สิ นายเป็นใครกันแน่…”
ด้วยพลังเวทของเทพธิดาแห่งผืนปฐพี ความกระหายเลือดได้จางหายไปจากเซลิน่า ร่างกายของเธอสั่นสะท้านขณะมองไปยังเด็กหนุ่มผมดำตรงหน้า