ทรราชตัวน้อย ไม่อยากพบจุดจบแบบ BAD END - บทที่ 397: คิดว่าตัวเองเป็นใคร?
บทที่ 397: คิดว่าตัวเองเป็นใคร?
หลังจากยืนยันได้ว่าอาการบาดเจ็บของพอลจะไม่ส่งผลต่อการแข่งขันของเจ้าตัวในรอบต่อไป โรเอลก็ตรวจสอบอย่างรวดเร็วว่ามีใครที่ตนสนิทด้วยอยู่ในกลุ่มเดียวกับนักเรียนที่ย้ายมารึเปล่า ปรากฏว่ามีอีกสองกลุ่ม
นอร่าและจูเลียน่าอยู่ในกลุ่มที่สาม ส่วนเกอรัลและบริตตานี่ที่อยู่ในกลุ่มที่สิบสอง
หืม นี่มัน… มันไม่เลวเลยนี่นา
โรเอลใช้เวลาครุ่นคิดก่อนจะถอนหายใจอย่างโล่งอก
นอร่าไม่น่าจะตกอยู่ในอันตรายได้ หากพิจารณาถึงความแข็งแกร่งและความได้เปรียบของเธอที่มีต่อจูเลียน่า กลับกันแล้วจูเลียน่าต่างหากที่ควรจะเป็นฝ่ายที่ต้องกังวลว่าจะเจอนอร่ารึเปล่า
ส่วนเกอรัลกับบริตตานี่…
หึ
โรเอลเดาได้เลยว่าสิ่งต่าง ๆ จะออกมาเป็นอย่างไร เกอรัลอาจจะต้องพยายามหนีเอาชีวิตรอดอย่างสิ้นหวัง แต่ทั้งสองคนก็ไม่น่าจะมีปัญหาในการเข้าสู่รอบต่อไปด้วยความแข็งแกร่งของตัวเอง
หลังจากฝึกหนักมาหลายเดือนและความเครียดที่เพิ่มขึ้นจากการปรากฏตัวของบริตตานี่ เกอรัลก็สามารถก้าวไปสู่ระดับแก่นแท้ 4 ได้ในช่วงสองสามวัน เรียกได้ว่าเป็นการปลดปล่อยศักยภาพที่ซ่อนอยู่ของมนุษย์ในยามอันตรายโดยแท้
เกอรัลเป็นหนึ่งในสองผู้มีพลังเหนือธรรมชาติระดับแก่นแท้ 4 และรองหัวหน้าของฝ่ายกุหลาบน้ำเงิน อาจกล่าวได้ว่าเขาเป็นหนึ่งในหน้าตาของฝ่าย นั่นคือเหตุผลที่โรเอลมอบหมายภารกิจให้เกอรัล ว่าต้องประสบความสำเร็จให้ได้ในงานประลองศึกชิงถ้วย ซึ่งเกอรัลก็สัญญาว่าจะทุ่มสุดตัว มันจึงไม่น่าจะเป็นไปได้ที่เจ้าตัวจะตกรอบคัดเลือกด้วยทักษะของตนเอง
นอกจากนี้ ถึงแม้ว่าบริตตานี่จะทนทุกข์ทรมานจากลัทธิยันเดเระ รวมถึงการแสดงความรู้สึกที่ไม่ดีนัก แต่จริง ๆ แล้วเธอมักจะปกป้องเกอรัลอยู่เสมอ ในขณะที่เธอยอมจำนนต่อความรู้สึกอันรุนแรงที่มีต่อเกอรัลเป็นครั้งคราว แต่เธอก็ไม่มีทางยอมให้ใครมาทำร้ายเขาได้แน่
อย่างไรก็ตาม โรเอลตัดสินใจส่งผู้ส่งสารไปที่ทั้งสองกลุ่มเพื่อความปลอดภัย
หลังจากที่เตรียมการเสร็จสิ้น เขาก็เดินทางกลับไปที่สนามประลองพร้อมกับพอลและผู้ชนะคนอื่น ๆ ในรอบคัดเลือก พวกเขาต้องลงทะเบียนผลงานการประลองอย่างเป็นทางการและเข้ารับเหรียญตรา
ไม่ใช่แค่ผู้ชนะศึกชิงถ้วยเท่านั้นที่จะได้รับรางวัล ผู้เข้าแข่งขันที่โดดเด่นเองก็จะได้รับรางวัลด้วยเช่นกัน แม้แต่การผ่านรอบคัดเลือกก็ยังให้เหรียญที่ระลึกหนึ่งเหรียญเป็นรางวัล
นั่นก็เพราะผู้ที่ผ่านรอบคัดเลือกได้คือ 1% แรกสุด ที่สามารถก้าวขึ้นเหนือคู่แข่งคนอื่น ๆ มาได้ มันจึงไม่มากเกินไปที่จะให้รางวัลแก่พวกเขาด้วยเหรียญที่ระลึก
ทันใดนั้น เงาสูงตระหง่านก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าพวกเขาในขณะที่กำลังรับเหรียญรางวัล พอลและนักเรียนอีกสองสามคนโต้ตอบทันทีที่เขาปรากฏตัว บางคนพยักหน้ารับรู้ในขณะที่คนอื่น ๆ ขมวดคิ้วอย่างวิตกกังวล
เคิร์ตเดินไปที่โต๊ะเพื่อลงทะเบียนรายชื่อและเก็บเหรียญอย่างใจเย็น เขาไม่ได้ออกไปทันที แต่กลับเดินไปหาโรเอลกับพอลแทน
“หมอนั่นคิดจะทำอะไรน่ะ?”
“ใจเย็น ๆ น่าเจ้านั่นไม่ลงมือทำอะไรที่นี่หรอก”
การเดินของเคิร์ตนั้นข่มขู่คุกคามผู้เข้าแข่งขันในบริเวณใกล้เคียง แต่พวกเขาก็หายตื่นตกใจลงบ้างนิดหน่อย เมื่อรู้ว่าเคิร์ตไม่ได้ตั้งใจที่จะทำอะไรแปลก ๆ ที่นี่ คนเดินเข้ามาใหม่เหลือบมองพอลที่กำลังประเมินอยู่เงียบ ๆ ก่อนจะบ่ายหน้าไปทางโรเอล
“คุณโรเอล แอสคาร์ด ฉันคือเคิร์ต กุสตาฟจากอาณาจักรแห่งภาคีอัศวินเพนเดอร์ ฉันมีเรื่องที่อยากจะคุยกับคุณเป็นการส่วนตัว พอจะสะดวกไหม?”
“ได้สิ งั้นไปที่นั่งตรงนั้นกันเถอะ”
โรเอลชี้ไปยังมุมอันห่างไกล ซึ่งเคิร์ตผู้สูงตระหง่านก็พยักหน้าเห็นด้วย ท่ามกลางสายตาของฝูงชน ในที่สุดทั้งสองก็เดินจากไป
เคิร์ตเป็นคนแรกที่ยิงคำถาม
“คุณโรเอล ฉันได้ยินมาว่าโครงกระดูกภายใต้การควบคุมของคุณเคยเป็นยักษ์ที่ชื่อว่ากรันด้า นั่นคือเรื่องจริงงั้นเหรอ?”
“ใช่แล้ว มีปัญหาอะไรหรือเปล่า?”
โรเอลตอบอย่างใจเย็น
เขาเข้าใจได้อย่างชัดเจนว่าเคิร์ตสืบทอดสายเลือดมาจากยักษ์ หากพิจารณาดูจากความสามารถที่อีกฝ่ายมี ดังนั้นเด็กหนุ่มไม่แปลกใจเลยที่จะได้ยินเคิร์ตพูดถึงกรันด้า
โรเอลคิดว่านี่น่าจะเป็นกรณีเดียวกันกับเซลิน่า การที่เคิร์ตมาที่นี่ก็เพื่อพบกับบรรพบุรุษที่จากกันไปนานของตน ทว่าความเป็นจริงกลับไม่ใช่แบบนั้น
“คุณโรเอล คุณคงไม่รู้ว่ากรันด้า ไม่ใช่ชื่อที่มีเกียรติสำหรับตระกูลของเรา เขาเป็นผู้ร่วงหล่น เป็นทรราช และเป็นคนบาปที่ยกโทษให้ไม่ได้ ฉันขอแนะนำให้คุณเลิกติดต่อกับเขาซะ”
“นายพูดว่ายังไงนะ?”
โรเอลขมวดคิ้วไม่พอใจเมื่อได้ยินคำพูดของอีกฝ่าย
“นายบอกว่ากรันด้าเป็นผู้ร่วงหล่นงั้นเหรอ?”
“เขาเป็นจอมวายร้ายเจ้าเล่ห์ที่มีชื่อเสียงในบันทึกตระกูลของเรา และฉันก็ไม่คิดว่านั่นจะเป็นแค่คนที่มีชื่อเหมือนกันหรอกนะ เพราะว่ามันเป็นชื่อที่แปลกมาก”
“เจ้าเล่ห์? กรันด้าเป็นเทพเจ้าโบราณองค์แรกที่ฉันทำสัญญาด้วย ฉันรู้จัก ‘จอมวายร้าย’ ที่นายพูดถึงตั้งแต่อายุเก้าขวบ พวกเราฝ่าฟันสถานการณ์ของความเป็นและความตายมาด้วยกันมากมายตลอดหลายปีที่ผ่านมาเสียด้วยซ้ำ ฉันไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่นายเพิ่งพูด”
“ผู้ร่วงหล่นนั้นปราดเปรื่องเรื่องการลวงหลอก คุณยังไม่รู้จักเขาดีพอ”
“นายอาจจะพูดถูกก็ได้ แต่ว่านะเคิร์ต… นายไม่คิดว่าตัวเองมีคุณสมบัติน้อยกว่าฉันที่จะพูดคำพวกนั้นหรอกเหรอ? นายเคยเจอเขามาก่อนรึไง? ฉันไม่ชอบที่นายกล่าวหาสหายของฉันแบบนั้น”
โรเอลปฏิเสธ
เคิร์ตสูดหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงอันหนักแน่น
“ฉันอาจจะไม่เคยพบเขามาก่อนก็จริง แต่มันถูกระบุเอาไว้อย่างชัดเจนในบันทึกประวัติศาสตร์ของตระกูล นี่คือความจริงที่ไม่อาจหักล้างได้”
โรเอลกระแทกไม้เท้างูเก้าเศียรลงกับพื้นและปรามาสอย่างเย็นชา
“ประวัติศาสตร์งั้นเหรอ? ฉันไม่เคยคิดเลยว่าจะมีใครกล้าอ้างคำคำนี้กับผู้สืบทอดพลังสายเลือดตระกูลแอสคาร์ด นายมั่นใจในความสามารถของตัวเองที่จะแยกแยะว่าอะไรจริงอะไรเท็จในบันทึกประวัติศาสตร์งั้นสิ?”
“บันทึกทางประวัติศาสตร์มีอยู่นับไม่ถ้วนบนโลกนี้ แต่ไม่มีบันทึกไหนที่มีความจริงโดยบริสุทธิ์สมบูรณ์ ไม่ว่าจะเป็นความจริงที่บิดเบือน เหตุการณ์ที่ประดิษฐ์ขึ้น หรือการบันทึกด้วยอคติ บันทึกทางประวัติศาสตร์ล้วนเต็มไปด้วยข้อบกพร่อง และการบิดเบือนความจริง นายสามารถพูดได้เต็มปากไหมว่าบันทึกของตระกูลเป็นความจริง และไม่มีวัตถุประสงค์แอบแฝง? แทนที่จะเชื่อแบบสุ่มสี่สุ่มห้าเพราะงานเขียนในอดีต ฉันขอใช้วิจารณญาณของตัวเองดีกว่า”
“นอกจากนี้ต่อให้กรันด้าเคยทำผิดอะไรในชาติที่แล้ว มันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับฉัน เขาได้ปฏิบัติตัวต่อฉันอย่างจริงใจมาโดยตลอดจนถึงตอนนี้ และโดยส่วนตัวแล้วฉันเองก็เชื่อมั่นในตัวเขาเป็นการตอบแทน ความขัดแย้งภายในตระกูลของนายไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับฉัน”
โรเอลตอบอย่างเฉียบขาด
“ฉันเข้าใจจุดยืนของคุณแล้วคุณโรเอล หากคุณยืนกรานที่จะคบหากับเทพเจ้าผู้ชั่วร้าย ฉันเกรงว่าตระกูลของเราย่อมไม่สามารถให้ความช่วยเหลือคุณได้ พวกเราอาจจะมองคุณเป็นศัตรูเลยด้วยซ้ำ”
“อีกนัยหนึ่ง… นายกำลังบอกฉันว่า ฉันควรยุติความสัมพันธ์กับกรันด้าเพื่อเอาชนะใจคนในตระกูลนายให้อยู่เคียงข้างฉันสินะ นี่คิดว่าตัวเองเป็นใครกันหา!!!”
“…”
โรเอลตะคอกใส่เคิร์ตอย่างฉุนโมโห ซึ่งอีกฝ่ายก็มองกลับมาที่เขาเงียบ ๆ ไม่ได้พูดอะไร
“ฉันหวังว่าคุณจะเปลี่ยนใจ”
“นั่นไม่น่าจะเป็นไปได้”
เคิร์ตทิ้งคำพูดไว้ก่อนจะเดินจากไป ในขณะที่โรเอลมองดูเงาที่กำลังเคลื่อนหายไปอย่างเงียบ ๆ
มันเป็นการพบกันครั้งแรกที่โหดร้ายระหว่างพวกเขาทั้งสอง
พอลและคนอื่น ๆ รีบเร่งไปข้างหน้าเมื่อเห็นว่าการสนทนาของสองคนนั้นจบลงแล้ว พวกเขาจ้องเขม็งไปที่เคิร์ต ก่อนจะถามโรเอลอย่างใจจดใจจ่อถึงสถานการณ์
“ลูกพี่โรเอล หมอนั่นพูดว่าอะไรบ้างน่ะ?”
“…ไม่มีอะไรมากหรอก ก็แค่เรื่องไร้สาระ”
เมื่อเห็นว่าโรเอลไม่เต็มใจที่จะพูดถึงเรื่องนี้ คนอื่น ๆ ก็ไม่เซ้าซี้ถามต่อ ทุกคนเปลี่ยนเรื่องอย่างรู้ทัน โดยเริ่มที่จะวิพากษ์วิจารณ์ถึงเรื่องนักเรียนที่ย้ายมานั้นมุ่งเป้าไปที่พอล แม้ว่าจะเคยมาจากสถาบันเดียวกันก็ตาม
โรเอลสูดหายใจเข้าลึก ๆ สองสามครั้งเพื่อทำให้ตัวเองสงบลง ก่อนที่จะไตร่ตรองการพูดคุยกันก่อนหน้านี้
มันก็จริงอยู่ที่เขาฟิวส์ขาดระหว่างการสนทนา ซึ่งทำให้ความขัดแย้งระหว่างพวกเขาทวีขึ้นอย่างรวดเร็ว ในขณะที่เขาคิดว่ามันคงจะดีกว่านี้ หากตัวเองสามารถสงบสติอารมณ์ได้ แต่ถึงอย่างนั้นโรเอลก็ไม่เสียใจกับการกระทำของตัวเอง เพราะเขาไม่ได้อยากจะทนฟังคนอื่นสบประมาทคนที่เขารักในลักษณะนี้ ซึ่งนั่นก็รวมถึงกรันด้าด้วย
ในฐานะเทพเจ้าโบราณตนแรกของโรเอล กรันด้าเป็นพันธมิตรที่แข็งแกร่งของเขามาโดยตลอด พวกเขาผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากมาด้วยกันหลายครั้ง จนมีความไว้เนื้อเชื่อใจแบบไม่มีเงื่อนไข คนที่อ้างว่ากรันด้าเป็นเทพเจ้าชั่วร้ายที่ซ่อนธาตุแท้ไว้ ช่างดูไร้สาระในสายตาของเขาเหลือเกิน
อย่างไรก็ตามเคิร์ตเองก็น่าจะมีเหตุผลในส่วนของตัวเองเช่นกัน มีอะไรเกิดขึ้นระหว่างกรันด้ากับพวกยักษ์กันแน่ ทำไมเจ้าตัวถึงถูกมองในแง่ลบแบบนี้?
เรื่องนี้ทำให้โรเอลตกอยู่ในห้วงความคิดอันลึกล้ำ