ทรราชตัวน้อย ไม่อยากพบจุดจบแบบ BAD END - บทที่ 40: ฉันไม่อยากแพ้เธอ
บทที่ 40: ฉันไม่อยากแพ้เธอ
โรเอลได้ตระหนักถึงสิ่งหนึ่งจากงานเลี้ยงในวันนี้ นั่นก็คือตระกูลเซไซต์ไม่ได้มีแต่อิทธิพลเท่านั้น พวกเขายังมีเงินมากมายมหาศาลอีกด้วย
ยกตัวอย่างเช่นอาหารบนโต๊ะบุฟเฟ่ต์กว้าง ๆ เหล่านี้ จุดประสงค์ของมันมีไว้เพียงเพื่อขจัดความหิวโหย แม้ในความเป็นจริงแล้วไม่มีขุนนางคนไหนที่จะเดินมารับประทานอาหารพวกนี้จริง ๆ จัง ๆ แต่อาหารทุกจานที่ถูกนำมาจัดวางที่นี่ล้วนเป็นอาหารจากวัตถุดิบชั้นยอดที่หาได้ยากทั้งนั้น!
ไม่ว่าจะเป็นนกเนตรโลหิตจากป่าเครอน ที่ขึ้นชื่อในเรื่องเนื้ออันโอชะ ลือกันว่าพวกมันอยู่ในแถบที่เป็นอาณาเขตของเหล่ามนุษย์หมาป่า จึงเป็นที่รู้กันว่ามันทั้งหายากและยากที่จะล่ามาได้ แต่พวกมันก็ยังกลายมาเป็นอาหารที่ถูกเสิร์ฟบนจานขนาดใหญ่ของงานเลี้ยงครั้งนี้
อีกทั้งยังมีปูเปลือกกระดาษแห่งทะเลเหนือที่ได้รับการขนานนามว่าเป็นวัตถุดิบสุดมหัศจรรย์แห่งท้องทะเล มันเป็นวัตถุดิบทำอาหารอันหรูหราที่มีเพียงชาวประมงที่มีประสบการณ์เท่านั้นจะได้พบเห็น เปลือกอันบางกรอบและเนื้อปูที่อัดแน่นล้นทะลักออกมา ทำให้นักชิมต่างน้ำลายสอเมื่อได้เห็น
ผลไม้บนโต๊ะเองก็เป็นของแปลกใหม่และหายาก ไวน์ที่เสิร์ฟล้วนมีแต่แอลกอฮอล์ชั้นดีที่ผ่านการบ่มมานานกว่ายี่สิบปี
หากจุดประสงค์ของงานเลี้ยงในครั้งนี้คือการแสดงให้เห็นถึงความร่ำรวยของราชวงศ์ พวกเขาก็ทำผลงานได้ดีเลยทีเดียว
แม้โรเอลจะไม่แน่ใจว่าฝีมือการทำอาหารของพ่อครัวชาววังนั้นเป็นอย่างไร แต่แค่วัตถุดิบก็เพียงพอแล้วที่จะกระตุ้นความอยากอาหารของเขา ในฐานะนักชิมคนหนึ่งที่เคยผ่านอาหารจากโลกในชาติก่อนมาแล้ว อาหารเหล่านี้ดึงดูดเขามากกว่าผลประโยชน์ใด ๆ ที่เขาจะได้รับจากเหล่าขุนนางมาก
ผลประโยชน์จากการเข้าสังคมในวันนี้ มันดีพอที่จะช่วยหยุดตัวเอกและสาว ๆ ของเขาจากการฆ่าโรเอลได้รึเปล่า? ถ้าไม่ เขาสู้เอาเวลามายัดอาหารดี ๆ ให้ตัวเองได้ตายตาหลับเสียยังดีกว่า
ด้วยความคิดเช่นนั้นโรเอลจึงเคลื่อนตัวไปยังจานอาหารจานหนึ่งและเริ่มหั่นเนื้อบางส่วนออกมาป้อนอลิเซีย
เนื่องจากที่นี่ไม่มีคนรับใช้อยู่รอบ ๆ เขาจึงต้องดูแลอลิเซียด้วยตัวเอง นั่นเป็นสาเหตุที่คาร์เตอร์บอกให้เขาคอยอยู่กับอลิเซีย
ทว่าอลิเซียผู้เขินอายกลับปฏิเสธเขา
“ไม่เป็นไรค่ะท่านพี่ หนูไม่ได้หิวเท่าไหร่ หนูจะดื่มน้ำผลไม้แทน”
แม้อลิเซียอยากจะยอมรับความปรารถนาดีของโรเอล แต่การที่ให้โรเอลป้อนอาหารเธอเหมือนคนรับใช้ในที่สาธารณะ อาจทำให้ภาพลักษณ์ของโรเอลเสียหายได้ ซึ่งนั่นไม่ใช่สิ่งที่เธอต้องการแน่
แทนที่จะต้องเห็นพี่ชายที่รักของเธอกลายเป็นตัวตลกของคนอื่น อลิเซียยอมทนกับความหิวเล็กน้อยยังจะดีซะกว่า
“งั้นเดี๋ยวฉันไปหยิบแก้วมาให้นะ”
“ไม่เป็นไรค่ะท่านพี่ ท่านพี่ไม่ต้องคอยดูแลหนูก็ได้ เดี๋ยวหนูจะไปหาเด็กผู้หญิงพวกนั้นที่เจอกันก่อนหน้านี้แทน”
“อืม เอาแบบนั้นก็ได้”
โรเอลนึกถึงเหล่าเด็กสาวลูกขุนนางที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับตระกูลแอสคาร์ดแล้วพยักหน้า นี่เป็นโอกาสอันหายากสำหรับอลิเซียที่จะได้มีเพื่อนใหม่ ๆ พวกเขาตัวติดกันตลอดทั้งปีอยู่แล้ว ดังนั้นจึงไม่จำเป็นที่อลิเซียจะต้องตามเขาไปรอบ ๆ ในโอกาสที่หาได้ยากเช่นนี้
ด้วยเหตุนี้โรเอลจึงแยกทางกับอลิเซียและเริ่มออกเดินในงานเพียงลำพัง โดยที่ไม่รู้เลยว่ามีดวงตาอันแสนชั่วร้ายคู่หนึ่งกำลังจ้องมองไปยังเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ที่แยกออกมาอย่างโดดเดี่ยว
————————————–
หลังจากนั้นอลิเซียก็เดินไปตามทางเดินเพียงลำพัง
ช่วงเริ่มต้นของฤดูหนาวทำให้อุณหภูมิลดลงไปอย่างมาก แม้ว่าภายในห้องจัดเลี้ยงจะยังคงอบอุ่น เนื่องจากมีฝูงชนจำนวนมากเคลื่อนตัวไปมา แต่ทางเดินนั้นกลับเย็นยะเยือกต่างกันโดยสิ้นเชิง นอกจากนี้ด้วยระยะทางจึงทำให้เสียงเพลงและเสียงหัวเราะแผ่วเบาลงไป ไฟตามผนังที่ถูกแขวนไว้สูงทำให้ทางเดินค่อนข้างมืดมิด
แม้ห้องน้ำชาสำหรับสตรีผู้สูงศักดิ์นั้นจะตั้งอยู่ห่างออกไปไม่ไกลเท่าไหร่นัก แต่เมื่อต้องเดินผ่านทางเดินอันมืดสลัวนี้ อลิเซียก็รู้สึกได้ว่าหัวใจของเธอเต้นแรงด้วยความไม่สบายใจ
เด็กสาวเกลียดสถานที่แห่งนี้และก็เกลียดงานเลี้ยงนี้ด้วย
มันไม่ใช่เพราะว่าตัวหลักของงานนี้คือนอร่าหรือเธอมีอคติต่อตระกูลเซไซต์แต่อย่างใด อลิเซียเกลียดสถานที่แห่งนี้ เพราะมันมีความทรงจำที่เธอไม่อยากนึกถึงอยู่
อลิเซียเคยถูกกลุ่มเด็กผู้ชายข่มขู่ที่นี่ระหว่างงานเลี้ยงเมื่อปีที่แล้ว เพื่อที่จะทำให้ผู้สืบทอดของตระกูลเคานต์พอใจ เด็กเหล่านั้นจึงได้จับตัวเธอไปที่ห้องว่าง แทงเธอด้วยส้อมและมีด เหตุการณ์นี้ทำให้เด็กสาวกลัวของมีคมจนไม่สามารถถือมีดและส้อมได้อีกต่อไป
พ่อของอลิเซียโกรธมากหลังจากได้รู้เกี่ยวกับเหตุการณ์นี้ แต่เนื่องจากอลิเซียไม่มีบาดแผลใด ๆ เพราะความสามารถในการฟื้นฟูของเธอ พวกเขาจึงไม่มีหลักฐานมาจับคนร้าย ทำให้ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากปล่อยเรื่องนี้ไป
อลิเซียไม่ได้บอกโรเอลและคาร์เตอร์เกี่ยวกับเหตุการณ์ในครั้งนั้น เนื่องจากมันผ่านไปนานแล้ว และเด็กสาวก็ไม่ต้องการเพิ่มปัญหาให้กับพวกเขา แม้ว่าอลิเซียจะสังเกตเห็นเด็กผู้ชายคนที่เคยทำให้เธอหวาดกลัวในงานเลี้ยงปีนี้ ทว่าตัวตนของเธอนั้นไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว อลิเซียนั้นไม่ได้เป็นเพียงลูกสาวของตระกูลบารอน แต่เป็นถึงลูกสาวบุญธรรมของตระกูลแอสคาร์ด อลิเซีย แอสคาร์ด
คนพาลขี้ขลาดเหล่านั้นไม่มีทางกล้าแตะต้องเธออีกต่อไป เพราะอะไรก็ตามที่พวกเขาทำกับอลิเซีย แอสคาร์ดจะถือว่าเป็นการดูหมิ่นตระกูลแอสคาร์ด ทำให้เด็กชายเหล่านั้นเองก็หลบสายตาของพวกเขาจากอลิเซียในห้องจัดเลี้ยงหลักอย่างรวดเร็ว
ในที่สุดมันก็จบลงแล้วงั้นเหรอ?
ไม่ทันที่ความคิดเหล่านั้นจะผุดขึ้นมาในใจของอลิเซีย เด็กชายสองคนก็ก้าวออกมาจากมุมโค้งของทางเดิน พวกเขาเป็นเด็กจากตระกูลไวเคานต์ที่ชื่อว่า ลุค กับ ชอว์น
“หยุดอยู่ตรงนั้นแหละอลิเซีย! ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ”
“พวกนายคือ…” เด็กหญิงมีท่าทีตื่นกลัว
เด็กชายทั้งสองจ้องมองไปยังเด็กสาวที่กำลังตกใจ รอยยิ้มอันน่ารังเกียจปรากฏขึ้นบนริมฝีปากของพวกเขา พวกเขาเคยรังแกอลิเซียมาตั้งแต่ยังเด็ก ดังนั้นพวกเขาจึงรู้ดีว่าเธอเป็นคนอ่อนแอแค่ไหน
ความกลัวได้เริ่มปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าของอลิเซียแล้ว
แต่สิ่งต่าง ๆ จะไม่เป็นไปตามที่พวกเขาวางแผนไว้ในครั้งนี้แน่
ในขณะที่ความกลัวกำลังเกาะกินหัวใจของอลิเซียอย่างช้า ๆ ภาพเงาของเด็กชายผมดำก็ปรากฏขึ้นภายในจิตใจ เธอจำได้เป็นอย่างดีว่าโรเอลดูแลเธออย่างไรในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ความอบอุ่นนั้นทำให้เด็กสาวหลุดออกจากความกลัว อลิเซียหวนนึกชื่อสกุลที่ตนเองมีในตอนนี้ขึ้นมาได้อีกครั้ง ทำให้เธอรู้ดีว่าตนไม่สามารถเป็นเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ผู้อ่อนแอคนเดิมได้อีกต่อไปแล้ว
ก่อนหน้านี้อลิเซียเคยต้องยอมจำนนด้วยตำแหน่งอันต่ำต้อยกว่าและความอ่อนแอส่วนตัวของเธอที่ยอมแพ้ให้แก่ผู้ที่มีอำนาจ แต่ข้ออ้างนั้นใช้ไม่ได้อีกต่อไป ตอนนี้เด็กสาวเองก็เป็นผู้มีอำนาจเช่นกัน หากเธอยังปล่อยให้คนอื่นเอาเปรียบเหยียบหัวต่อไป ความผิดก็คงเป็นที่ความขี้ขลาดของตัวเธอเองเท่านั้น
ผลลัพธ์มีเพียงอย่างเดียวหากอลิเซียไม่ต่อสู้กลับไป นั่นก็คือการรังแกของพวกเขาจะเพิ่มมากขึ้น
ด้วยเหตุผลบางอย่าง ภาพเงาของนอร่าได้ฉายขึ้นมาต่อหน้าอลิเซียในตอนนี้ เด็กสาวผมสีทองคนนั้นแม้ว่าอายุของเธอจะยังน้อย แต่ก็เปี่ยมไปด้วยความมั่นใจและความภาคภูมิ จนถึงจุดที่เปรียบได้กับเทพเจ้าด้วยซ้ำ ถ้าไม่ใช่เพราะนอร่าหมายตาโรเอลเอาไว้ อลิเซียก็คงจะชื่นชมเธอมากเช่นกัน
แต่หลังจากที่ได้ยืนเผชิญหน้ากับนอร่า ตอนนี้อลิเซียมีเพียงความคิดเดียวในใจเท่านั้น นั่นก็คือเธอไม่อยากแพ้นอร่า
อลิเซียไม่อยากจะพ่ายแพ้ให้กับคู่แข่งของเธอ เธอไม่ต้องการให้พี่ชายของเธอถูกช่วงชิงไป เพื่อเรื่องนี้เธอต้องเปลี่ยนตัวเองให้ได้!
“ไม่ได้เจอกันนานเลย ชอว์น ลุค พวกคุณต้องการอะไรงั้นเหรอ?”
เมื่อยืนยันเจตจำนงของตัวเองได้อีกครั้ง เด็กสาวผมสีเงินก็ระงับความกลัวในใจแล้วถามเด็กชายทั้งสองเบื้องหน้าอย่างภาคภูมิ ทำให้รอยยิ้มของพวกเขาต้องหยุดชะงัก
พวกเขาสองคนมองหน้ากันและกัน และดูเหมือนจะจำตัวตนในปัจจุบันของอลิเซียได้ สีหน้าของพวกเขาดูแย่ขึ้นมาก แม้กระทั่งคำพูดก็ไม่ได้ฟังดูราบรื่นเหมือนแต่ก่อน
“เธอต้องมากับเรา!”
“ใช่แล้ว เธอต้องมากับพวกเรา!” เด็กทั้งสองแสดงท่าทีคุกคามอย่างเปิดเผย
“ฉันขอปฏิเสธ ท่านพ่อและท่านพี่ของฉันกำลังรออยู่ ฉันไม่มีเวลาไปกับพวกคุณ”
ด้วยความที่อลิเซียเน้นหนักกับคำว่า ‘ท่านพ่อ’ และ ‘ท่านพี่’ ทำให้ใบหน้าของชอว์นและลุคมืดมนลงไปอีก พวกเขาจ้องมองอลิเซียด้วยความโกรธ แต่เมื่อตระหนักได้ถึงความแตกต่างในสถานะของพวกเขา ก็ไม่กล้าที่จะพูดอะไรอีก
“ชิ เจ้าพวกหน้าโง่ไร้ประโยชน์!”
จังหวะนั้นเอง จู่ ๆ เสียงที่สามก็ดังขึ้นจากความมืด เด็กชายผมสีทองก้าวออกมาจากโค้งของทางเดินพร้อมกับเด็ก ๆ อีกสิบกว่าคนที่อยู่ข้างหลังเขา
ทันทีที่เขาปรากฏตัวขึ้นใบหน้าของอลิเซียก็ซีดลง
เด็กชายผมทองเผยรอยยิ้มอันชั่วร้ายก่อนที่เขาจะชี้ไปที่อลิเซียแล้วออกคำสั่ง
“จับตัวเธอไว้!”