ทรราชตัวน้อย ไม่อยากพบจุดจบแบบ BAD END - บทที่ 407: อย่าปฏิเสธเธอ (2)
เด็กสาวที่มีดวงตาสีแดงเข้มคนนี้ มีความสามารถด้านคาถาเวท แห่งความมืดในระดับปรมาจารย์ซึ่งเหนือกว่าผู้มีพลังเหนือธรรมชาติ คนอื่นๆ ในระดับแก่นแท้เดียวกัน นอกจากนี้เธอยังเป็นนักรบที่มีทักษะ สูง และเป็นชนพื้นเมืองจากอาณาจักรแห่งภาคีอัศวินที่บูชาความ แข็งแกร่ง อาวุธที่เธอเลือกใช้คือดาบใหญ่สีดําที่ทําให้รู้สึกถึงลางไม่ดี
ดาบใหญ่สีดําเรืองแสงด้วยสีแดงกลายเป็นลูกคลื่นราวกับว่ามัน กําลังหายใจ เมื่อจับคู่กับดวงตาสีแดงเพลิงของจูเลียน่าและกระโปรง หุ้มเกราะประดับลายลูกไม้อันเป็นเอกลักษณ์ของอาณาจักรแห่งภาคี อัศวิน เธอดูดุร้ายและสง่างามในเวลาเดียวกัน
จูเลียน่าได้รับความสนใจเป็นอย่างมากตั้งแต่การปรากฏตัวในรอบ แรก ทําให้เธอมีแฟนๆ ไม่น้อยเลยทีเดียว โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่ เธอได้พิสูจน์แล้วว่าเธอไม่ได้มีดีแค่หน้าตา
จูเลียน่าโชคไม่ดีที่สนามแข่งที่ได้เป็นป่าฝน ที่ซึ่งพอลสามารถใส่ ชุดเกราะของเขา ‘ป่าเฟย์’ เพื่อการใช้งานมันได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ความสามารถในการปกปิดของป่าเฟย์นั้นทรงพลังมากจนแม้แต่สัตว์ อสูรก็ไม่อาจสัมผัสได้ถึงการมีอยู่ของเขา ดังนั้นจูเลียน่าจึงเปลี่ยนเงาใน ป่าฝนให้เป็นมือเล็กๆ นับไม่ถ้วน แหวกไปทั่วบริเวณอย่างทั่วถึง
จนในที่สุดเธอก็สามารถจับพอลและเอาชนะเขาได้ในที่สุด
การควบคุมเหนือความมืดที่จูเลียน่ามีทําให้ฝูงชนตกตะลึง แม้แต่ แขกผู้มีเกียรติที่อัตจันทร์ระดับวีไอพีก็ยังต้องประหลาดใจ
ทฤษฎีเบื้องหลังการใช้คาถาเวทเพื่อค้นหาใครบางคนในพื้นที่ กว้างนั้นค่อนข้างง่าย แต่การนําไปปฏิบัติจริงนั้นถือเป็นความท้าทาย อย่างมาก บ่อยครั้งที่ผู้ร่ายคาถาเวทหลายคนต้องใช้คาถาเวทค้นหา อย่างไร้ประสิทธิภาพ แต่จูเลียน่าสามารถทําได้เพียงลําพังด้วยกลเม็ด อันน่าเหลือเชื่อ
ทันทีที่พบพอล เธอก็กระโดดข้ามเงาเวทอย่างรวดเร็ว และฟันเขา ออกเป็นสองส่วนด้วยดาบใหญ่ในมือ
การเคลื่อนไหวอันเฉียบคมและราบรื่นของจูเลียน่าดูสบายตามาก แสดงให้เห็นถึงความสมดุลอันสมบูรณ์แบบระหว่างความสง่างามและ ความอันตราย แม้แต่โรเอลเองก็ยังตกตะลึงเช่นกัน
พอลประสบความพ่ายแพ้อย่างหนัก แต่เขาไม่ได้รับการ วิพากษ์วิจารณ์ใดๆ จากฝูงชน ความพ่ายแพ้ของเขาเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยง ไม่ได้เนื่องจากความสามารถระหว่างพวกเขามีช่องว่างมากมาย และ เขาก็ทําได้ดีมากที่มาจนถึงตรงนี้ได้ทั้งๆ ที่มีข้อจํากัดด้านระดับแก่นแท้ ที่ต�ากว่า
แม้แต่โชคของตัวเอกก็ไม่ได้ยิ่งใหญ่พอที่จะเปลี่ยนความเป็นจริง ได้ พอลอาจได้รับโชคดีเป็นพิเศษซึ่งทําให้เขามีเงื่อนไขที่เอื้ออํานวยใน ทุกๆ รอบ แต่ท้ายที่สุดโชคก็ไม่ได้มีอํานาจเหนือทุกอย่าง จูเลียน่าแสดง ให้เห็นว่าสิ่งเดียวที่สามารถพึ่งพาได้อย่างแท้จริงคือทักษะ
นอกจากนี้ยังมีเสียงผู้คนกล่าวขวัญกันว่า หลังจากที่แยกพอลออก เป็นสองส่วนแล้ว จูเลียน่าก็เฉือนพอลเป็นรอยกรีดเล็กๆ แม้จะเป็น เช่นนั้น ทว่าด้วยพลังอันมหาศาลของเจ้าตัวก็ทําเอาพอลปางตาย เช่นกัน เมื่อเฉือนเสร็จก็ลิ้มรสเลือดอีกฝ่าย ทว่าเด็กสาวถึงกับต้องย่น หน้าทันทีหลังจากนั้น
“แหวะ รสชาตินี่มันอะไรกันเนี่ย”
จูเลียน่าขมวดคิ้วด้วยความขยะแขยงครู่หนึ่งก่อนจะหันไปมองที่ นั่งของผู้ชมซึ่งโรเอลนั่งอยู่ เด็กหนุ่มตีความท่าทางของเธอว่าเป็นการ ยั่วโมโห แต่เขาก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร
ที่ทําแบบนั้นก็น่าจะเป็นเพราะเขาเพิ่งชนะเซลิน่ามาได้ไม่นาน ซึ่ง จูเลียน่ากับเซลิน่าก็ดูจะสนิทสนมกันพอสมควร
หลังจากความพ่ายแพ้ของพอล รองหัวหน้าอีกคนของฝ่ายกุหลาบ น�าเงินก็พลาดพลั้งและพ่ายแพ้ในการต่อสู้ของตัวเองเช่นกัน อย่างไรก็ ตามทั้งหมดนี้ล้วนอยู่ในการคาดการณ์ เพราะคู่ต่อสู้ของเกอรัลไม่ใช่
ใครอื่นนอกเสียจากบริตตานี่ ขาของเขาสั่นตั้งแต่เริ่มการท้าดวล มันคง เป็นปาฏิหาริย์ที่แท้จริงสําหรับเกอรัล ที่จะชนะการต่อสู้ได้ในสภาพนั้น
เป็นอีกครั้งที่บริตตานี่ได้ฟื้ นความเข้าใจของโรเอลกลับคืนมาว่า ทักษะในการสื่อสารของคนๆ หนึ่งสามารถแย่ลงได้ขนาดไหน เมื่อเธอ เห็นว่าผิวของเกอรัลซีดลงมาก เธอจึงพูดคําพูดแบบยันเดเระสุด คลาสสิก
“ฉันอยากให้นายตายด้วยมือของฉัน …”
“อะ…อะไรนะ?”
เกอรัลรู้สึกเหมือนหัวใจจะระเบิดเป็นเสี่ยงๆ ด้วยความกลัวเมื่อได้ ยินถ้อยคําดังกล่าว มันยิ่งตอกย�าความคิดของเกอรัลที่ว่าบริตตานี่นั้น เกลียดเขา แม้ว่าตามความเข้าใจของโรเอลเกี่ยวกับบริตตานี่แล้ว… เธอ แค่เลือกคํามาใช้แสดงความรู้สึกนึกคิดให้อีกฝ่ายผิดเท่านั้นเอง
บริตตานี่อาจจะพยายามพูดว่า หากเกอรัลแพ้ให้กับเธอในรอบนี้ มันคงจะปลอดภัยสําหรับเขามากกว่า เพราะคนอื่นอาจควบคุมพลัง ของตัวเองพลาด และอาจทําร้ายเกอรัลได้ แต่การสื่อสารที่ผิดพลาดดู เหมือนจะเป็นลักษณะเฉพาะตัวของสายเลือดแห่งวัลคีรี่ เจตนาของบ ริตตานี่จึงถูกบิดเบือนอย่างลึกลับ ในขณะที่คําพูดนั้นกรองผ่านปาก ของเธอ
ด้วยการ ‘ข่มขู่’ ของบริตตานี่ เกอรัลที่หวาดผวาต่ออีกฝ่ายเป็น ทุนเดิมอยู่แล้ว จึงยอมจํานนต่อความกลัวอย่างรวดเร็ว และพ่ายแพ้ อย่างน่าเศร้า
ว่ากันตามตรงแล้ว การที่เกอรัลจะสามารถเอาชนะบริตตานี่ได้นั้น ดูแล้วไม่น่าเป็นไปได้เลย ต่อให้เจ้าตัวจะไม่เสียขวัญมาก่อนก็ตาม บริต ตานี่และสายเลือดแห่งวัลคีรี่แข็งแกร่งเกินไปสําหรับเกอรัลที่ซึ่งเพิ่งไป ถึงระดับแก่นแท้ 4 ได้เพียงไม่กี่วันก่อนงานประลอง
การต่อสู้อื่นๆ นั้นค่อนข้างอยู่ในมาตรฐาน นอร่ากับลิเลียนบดขยี้ ศัตรูของตัวเองตามปกติ ส่วนชาร์ล็อตก็สามารถเอาชนะคู่ต่อสู้ได้ด้วย การยื้อการต่อสู้ออกไป
สจ๊วร์ต นักเรียนที่ย้ายเข้ามาที่สวมผ้าปิดตาถูกคัดออก
คู่ต่อสู้ของเขาเป็นชาวต่างอาณาจักรระดับแก่นแท้ 4 ที่มี ประสบการณ์การต่อสู้มากมาย โดยภูมิประเทศของสนามแข่งที่ได้คือ ทะเลทราย การต่อสู้ของพวกเขาไม่มีอะไรพิเศษ มีเพียงพวกเขาสอง คนที่แลกเปลี่ยนคาถาเวทธรรมดาๆ ซึ่งฝ่ายตรงข้ามก็จบลงด้วยการ ชนะแบบเส้นยาแดงผ่าแปด อย่างไรก็ตามตั้งแต่ต้นจนจบ สจ๊วร์ตก็ไม่ เคยถอดผ้าปิดตาของตัวเองออกเสียที
เนื่องจากผ้าปิดตา ผู้ชมจํานวนมากจึงรู้สึกว่าสจ๊วร์ตยอมแพ้ บรรดาผู้ที่นําเงินไปแลกชัยชนะของสจ๊วร์ตก็เริ่มประท้วงโดยอ้างว่า เป็นการสมรู้ร่วมคิดที่จะขโมยเงินของพวกเขา
โรเอลค่อนข้างงุนงงเกี่ยวกับเรื่องนี้เช่นกัน แต่เขารู้สึกว่าการต่อสู้นี้ ไม่น่าจะใช่การจัดฉาก
บางทีดวงตาที่ซ่อนอยู่ของสจ๊วร์ต อาจไม่ได้มีไว้สําหรับการต่อสู้ก็ ได้?
ความคิดดังกล่าวแวบเข้ามาในหัวของเด็กหนุ่ม แต่เขายักไหล่ อย่างรวดเร็ว
หลังจากดูการต่อสู้ทั้งหมดเสร็จ สมาชิกของฝ่ายกุหลาบน�าเงินก็ กลับไปที่คฤหาสน์สีกรมท่าด้วยกัน บรรยากาศไม่ได้เลวร้ายนัก เนื่องจากโรเอลประสบความสําเร็จในการผ่านเข้ารอบต่อไป แต่พวก เขาก็ยังไม่คิดที่จะเฉลิมฉลองอยู่ดี
มันคงไม่เหมาะเท่าไหร่ที่จะทําเช่นนั้นเมื่อพอลกับเกอรัลพ่ายแพ้
อันที่จริงโรเอลได้พบกับพวกเขาเป็นการส่วนตัวในห้องรับแขก เพื่อพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องนี้
พอลกับเกอรัลตระหนักถึงความอ่อนแอของตนเองผ่านงาน ประลอง และให้คํามั่นว่าจะฝึกฝนให้หนักขึ้นกว่าเดิม
โรเอลส่งเสริมความมุ่งมั่นที่จะแข็งแกร่งขึ้นของทั้งคู่ พวกเขาเองก็ จําเป็นที่จะต้องแข็งแกร่งเพื่อที่จะยืนหยัดในโลกนี้ และมีแนวโน้มว่าโร เอลเองก็อาจจะต้องการความช่วยเหลือจากพวกเขาในอนาคตเช่นกัน
หลังจากการพูดคุยอย่างรวดเร็วในที่สุดโรเอลก็มีเวลาให้กับตัวเอง
เขาไม่ได้คิดอะไรมากก่อนหน้านี้ แต่มันแปลกที่อลิเซียไม่ได้ กลับไปมาคฤหาสน์สีกรมท่าด้วยกัน เธอออกจากสนามประลองไป พร้อมกับคริสก่อนที่งานประลองในวันนี้จะหมดลง และเขาก็ไม่เห็นเธอ อีกเลยตั้งแต่นั้นมา
คําแนะนําของเทพธิดาแห่งโชคชะตาล้มเหลวงั้นเหรอ?
โรเอลเริ่มสับสน จึงตัดสินใจเดินไปที่ห้องอาหารแทน อย่างไรก็ ตาม ทันทีที่เขาเปิดประตูห้องอาหารออก เขาก็พบกับกระดาษเทศกาล หลายอัน
ปุ้ง! ปุ้ง!
“ท่านพี่โรเอล ยินดีด้วยค่ะ ที่ผ่านเข้าสู่รอบต่อไป!”
“อลิเซีย? อาจารย์คริส?”
โรเอลมองดูทั้งสองด้วยความงงงวย ในขณะที่ลูกบอลเวทปล่อย ริบบิ้นหลากสีโปรยปรายลงมา
“พวกเรารู้ว่าฝ่ายกุหลาบน�าเงินคงจะไม่จัดงานเฉลิมฉลองอะไรใน วันนี้ เพราะความพ่ายแพ้ของพอลและเกอรัล ดังนั้นอลิเซียกับฉันจึง ตัดสินใจจัดงานเฉลิมฉลองภายในครอบครัวให้เธอแทน คิดว่าไง? ตกใจ รึเปล่า?”
คริสอธิบายด้วยรอยยิ้ม
“ต้องตกใจอยู่แล้วสิ”
เมื่อได้สัมผัสกับท่าทางอันอบอุ่นของทั้งสอง โรเอลก็เผยรอยยิ้ม อ่อนโยนออกมา อลิเซียรีบคว้ามือของเขาแล้วจูงไปที่โต๊ะซึ่งเต็มไปด้วย อาหารมากมาย แต่เขาก็อดที่จะสังเกตเห็นว่าอาหารพวกนี้ต่างจาก ปกติอยู่นิดหน่อยไม่ได้
“แปลกจัง ฉันไม่เคยเห็นอาหารพวกนี้มาก่อนเลย…”
“พวกเราเป็นคนทําพวกมันทั้งหมดขึ้นมาเอง ถึงจะไม่สามารถ รับประกันได้ว่าจะอร่อยไหม แต่อย่างน้อยๆ มันก็มาจากความรู้สึกของ พวกเรา”
“พวกเธอเตรียมอาหารพวกนี้ทั้งหมดเลยเหรอเนี่ย!”
“ท่านพี่คะ ยกเว้นซุปนั่นไว้อย่างหนึ่งค่ะ อันนั้นหนูทําเองคน เดียว!”
อลิเซียอุทานพลางยืดอกอย่างภาคภูมิใจ
โรเอลตกตะลึงเมื่อมองดูจานอาหารที่อยู่ตรงหน้า ทันใดนั้นเขาก็ รู้สึกเหมือนเป็นพ่อที่ประสบความสําเร็จ ที่ได้เห็นลูกสาวเติบโตขึ้นมา ในทันใด
ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน เด็กหญิงตัวเล็กๆ ที่ต้องให้ป้อนอาหารคนนั้น เติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่ทําอาหารเองได้ในวันนี้
โรเอลรู้สึกเหมือนน�าตาจะไหลด้วยความซาบซึ้งเล็กน้อย เมื่อคิดถึง เรื่องนั้น เพื่อปกปิดความรู้สึกเขาจึงรีบตักซุปขึ้นมา
“เป็นยังไงบ้างคะ?”
“อร่อย!”
“ฮ่าๆ โล่งอกไปที”
โรเอลตอบเหมือนพ่อแม่ที่ชิมอาหารที่ลูกทําเป็นครั้งแรก แต่เมื่อ เขากล่าวคําเหล่านั้น เขาก็ตระหนักได้ว่าซุปที่อลิเซียทํานั้นค่อนข้างดี เลยทีเดียว
อะไรกันเนี่ย… นี่ก็เป็นผลจากคุณสมบัติแก่นแท้ต้นกําเนิดความ สมบูรณ์แบบด้วยงั้นเหรอ?
โรเอลกลืนซุปครึ่งชามลงภายในอึกเดียว
อลิเซียดีใจที่เห็นว่าโรเอลชอบอาหารของตัวเองมาก ส่วนคริสก็ ไม่ได้ที่จะหัวเราะกับภาพดังกล่าว
“อลิเซียฝึกฝนทําอาหารจานนี้ในครัวของฉันตลอดช่วงสองสาม วันที่ผ่านมา ไม่มีทางที่มันจะไม่อร่อยหรอก”
“อย่างนี้นี่เอง”
โรเอลรู้สึกซาบซึ้งยิ่งขึ้นเมื่อได้ยินคําพูดของคริส
อาหารที่คริสเตรียมมาเองก็อร่อยเช่นกัน เมื่อได้ถามเพิ่มเติม เขาก็ รู้ว่ามันเป็นเพราะคริสอยู่คนเดียวมาตลอดหลายปี และเธอก็สนใจการ ทําอาหารมานานแล้ว ตั้งแต่สมัยเรียนเป็นนักเรียน
“ฉันฝึกทําอาหารเพื่อที่จะได้เอาใจพ่อของเธอ แต่ฉันโดนทิ้งก่อนที่ ฉันจะเก่งเสียอีก คิดซะว่าตัวเองโชคดีก็แล้วกันนะ!”
“อย่างนั้นหรือครับ… ฮ่าๆๆๆ”
โรเอลหัวเราะเฝื่ อนๆ เพื่อตอบสนองต่อคําบ่นของคริส ขณะที่เขา กําลังซาบซึ้งกับเรื่องทั้งหมดนี้ อลิเซียก็ถือโอกาสคว้าแขนของโรเอ ลและกล่าวคําขอของเธอ
“พี่ใหญ่โรเอล คืนนี้ให้หนูนอนด้วยได้ไหม?”