ทรราชตัวน้อย ไม่อยากพบจุดจบแบบ BAD END - บทที่ 408: ความลึกลับของอลิเซีย (1)
บนโต๊ะอาหาร อลิเซียใช้บรรยากาศอันอบอุ่นออดอ้อนโรเอล โดย มีคริสให้กําลังใจเงียบๆ จากด้านข้าง
หลังจากทําลายเตียง หม้อ ประตู และเฟอร์นิเจอร์ทุกประเภทแล้ว คริสก็ยังพยายามหาเหตุผลที่จะส่งอลิเซียมาที่คฤหาสน์สีกรมท่า นั่นจึง เป็นเหตุผลที่ว่า ทําไมพวกเธอถึงเลือกที่จะจัดงานฉลองที่นี่
ปาร์ตี้นี้ไม่ได้เป็นเพียงสิ่งที่พวกเธอ ‘ตั้งใจ’ ทั้งคู่รู้ดีว่ามันเป็นเพียง เรื่องของเวลา ก่อนที่โรเอลเอาชนะคู่ต่อสู้ของตัวเอง ในขณะที่พอลและ เกอรัลจบลงด้วยความพ่ายแพ้ เมื่อมันเกิดขึ้นทั้งคู่ก็จะสามารถใช้มัน เป็นข้ออ้างในการจัดงานเฉลิมฉลอง ระหว่างแวดวงของพวกเขาได้
หลังจากได้ข้ออ้างที่น่าเชื่อถือแล้ว อลิเซียก็ใช้เวลาตลอดทั้ง สัปดาห์เพื่อฝึกฝนทักษะการทําอาหารโดยมีคําปรึกษาของคริสช่วย
ในฐานะผู้สูงศักดิ์ อลิเซียมักจะมีคนรับใช้คอยดูแลตลอดเวลา ก่อน หน้านี้เธอไม่จําเป็นต้องฝึกทําอาหารมาก่อน มันจึงไม่ง่ายเลยสําหรับ เธอ ที่จะทําอาหารขึ้นมาได้ในทันทีทันใด แต่ผลลัพธ์ก็ออกมาน่าพอใจ มาก
คําขอของเธอได้รับการยอมรับโดยไม่มีการลังเลเลยแม้แต่น้อย
จากมุมมองของโรเอล เขารู้ดีกว่าใครๆ ว่าอลิเซียไม่รู้วิธีทําอาหาร และมันก็ไม่จําเป็นสําหรับเธอที่จะต้องเรียนรู้อะไรแบบนี้ หรือก็คือเธอ ทําทั้งหมดนี้เพื่อเขาจากความรู้สึกของตัวเองจริงๆ แล้วแบบนี้จะให้เขา ปฏิเสธคําขอของเธอได้อย่างไร
อันที่จริงหลังจากยอมรับคําขอแล้ว โรเอลก็นึกขึ้นได้ถึงคําแนะนํา ของเทพธิดาแห่งโชคชะตา ทําให้รอยยิ้มที่ทําอะไรไม่ถูกปรากฏขึ้นบน ริมฝีปาก
นี่คือชะตากรรมสินะ? ดูเหมือนว่ายังไงๆ เราก็ต้องยอมรับคําขอขอ งอลิเซีย ต่อให้ไม่มีคําแนะนําของเทพธิดาแห่งโชคชะตา อยากรู้จริงๆ ว่าคราวนี้ผลลัพธ์จะเป็นยังไง
โรเอลตัดสินใจโยนความคิดเหล่านั้นไปที่ด้านหลังศีรษะและจดจ่อ อยู่กับปัจจุบัน การฟุ้งซ่านและละสายตาจากความสุขเล็กๆ น้อยๆ ที่อยู่ ตรงหน้า ถือเป็นเรื่องสิ้นเปลือง
เมื่อภารกิจเสร็จสิ้น คริสก็เข้ามาร่วมวงสนทนาและพูดคุยเกี่ยวกับ จดหมายตอบกลับของคาร์เตอร์
“ท่านพ่อตอบจดหมายของคุณงั้นเหรอ?”
“ใช่ ตั้งแต่วันที่สามของเดือนที่แล้ว เขาขอบคุณฉันที่ช่วยดูแลเธอ แต่ถ้าให้พูดกันตามตรง ฉันไม่รู้สึกว่าตัวเองได้ช่วยอะไรเธอเท่าไหร่ เลย”
“ต้องยอมรับเลยว่าบทเรียนของคุณมันค่อนข้างยากสําหรับผม ด้วยแหละ ฮ่าๆๆๆ”
“นั่นเธอกําลังชมฉันอยู่รึเปล่า?”
ทั้งสองคนก็หัวเราะกันลั่น
เมื่อเสียงหัวเราะสงบลง โรเอลก็พยายามวิเคราะห์ความคิดของ คาร์เตอร์
ตามนิสัยของท่านพ่อ จดหมายตอบกลับนั้นอาจจะส่งมาตาม มารยาท เขาอาจจะยังคงมองว่าคริสเป็นแค่เพื่อนเก่า อืม… ดูเหมือนว่า เส้นทางของคริสจะยังอีกยาวไกลสินะ
โรเอลเหลือบมองหญิงสาวผมแดงที่อยู่ข้างหน้าเขา เมื่อรู้ว่าเธอ ยังคงมีการต่อสู้อันยาวนานรออยู่ข้างหน้า เขาก็อดไม่ได้ที่จะถอน หายใจแทน ไม่ว่าจะในกรณีใด นี่ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี หากพิจารณาถึง ความเหินห่างก่อนหน้านี้ของทั้งสอง
ต้องขอบคุณอลิเซียที่เข้าหาคริส มันทําให้โรเอลสามารถสัมผัสถึง ความอบอุ่นของครอบครัวได้แม้จะเป็นในขณะที่เขาอยู่ที่อาณาจักร แห่งการศึกษาโบรเนลอันห่างไกล หลังจากรับประทานอาหารเย็นอย่าง อบอุ่นหัวใจ คริสก็หันไปมองที่เด็กสาวก่อนจะลุกขึ้นยืนและจากไป
เหลือไว้เพียงโรเอลและอลิเซีย
พอลกับเกอรัลไม่มีอารมณ์ที่จะมารบกวนโรเอลหลังจากได้รับ ความพ่ายแพ้มา ซึ่งหมายความว่าอลิเซียสามารถผูกขาดเขาได้ในคืนนี้
เด็กสาวขอให้เขาอ่านหนังสือร่วมกับเธอหลังอาหารเย็น ซึ่งโรเอลก็ ไม่สามารถปฏิเสธได้ หลังจากรับประทานอาหารที่เจ้าตัวเตรียมมาเป็น พิเศษให้เขา
นอกจากนี้โรเอลเองก็ต้องอ่านหนังสือบางเล่ม เพื่อเสริมความ แข็งแกร่งให้กับคุณสมบัติแก่นแท้ต้นกําเนิดมงกุฎ เขามีความก้าวหน้า อย่างมากในด้านพลังเหนือธรรมชาติ หลังจากสถานะผู้เฝ้ามองก่อน หน้านี้ ทําให้เขาเกือบจะถึงจุดคอขวดของระดับแก่นแท้ 4 แต่พลังของ เขานั้นยังไม่ค่อยเสถียร ซึ่งอาจทําให้เกิดปัญหาใหญ่ได้ ถ้าเขาไม่รีบ ส่งเสริมมัน
การก้าวจากระดับแก่นแท้ 4 ไปสู่ ระดับแก่นแท้ 3 เหมือนกับการ กระโดดข้ามช่องเขาอันกว้างใหญ่ อัจฉริยะหลายคนต้องดิ้นรนตลอด
ชีวิต แต่ก็ไม่สามารถเอาชนะอุปสรรคนี้ได้ แม้แต่โรเอลก็ไม่กล้าที่จะ ประมาท ดังนั้นเขาจึงต้องการทําให้แน่ใจว่า เขาจะอยู่ในสภาพที่ดีที่สุด ก่อนที่จะท้าทายคอขวดนี้
เพื่อสิ่งนี้โรเอลต้องสั่งสมพลังของตัวเอง ด้วยบันทึกทาง ประวัติศาสตร์จํานวนมหาศาล
เขาอาจประสบปัญหาในการรวบรวมหนังสือจํานวนมาก ถ้ายังอยู่ ที่คฤหาสน์ตระกูลแอสคาร์ด แต่ที่นี่คือสถาบันการศึกษาเซนต์เฟรย่าที่ ไม่มีทางขาดหนังสือ
อลิเซียไม่ได้ขอให้โรเอลอ่านตําราประวัติศาสตร์ที่น่าเบื่อเหล่านั้น ออกมาดังๆ ให้ฟัง แม้ว่าเธอจะเห็นแก่ตัวบ้างเป็นครั้งคราว แต่เธอก็ มักจะหลีกเลี่ยงการขัดขวางงานของเด็กหนุ่มเพื่อไม่ให้เป็นภาระ อลิ เซียต้องการเป็นคนที่สามารถยืนหยัดร่วมกับเขาได้ และนั่นเป็นเหตุผล ที่ว่าทําไมเธอจึงทุ่มเทอย่างหนักเพื่อพัฒนาตัวเองตลอดหลายปีที่ผ่าน มา
สิ่งที่อลิเซียต้องการจริงๆ คือการนอนพิงไหล่ของโรเอลและอ่าน หนังสือเคียงข้างเขา และโรเอลก็เข้าใจดีเพราะเป็นกิจวัตรตามปกติ ของพวกเขา เมื่อย้อนกลับไปตั้งแต่สมัยที่พวกเขายังอยู่ที่คฤหาสน์ ตระกูลแอสคาร์ด
พูดตามตรงมันไม่สําคัญเลยว่าโรเอลจะกําลังอ่านหนังสือเล่มไหน
ไม่ว่าจะเป็นบันทึกทางประวัติศาสตร์เมื่อหลายศตวรรษก่อน ม้วน หนังสือพันปี นิทานพื้นบ้านลึกลับ หรือโศกนาฏกรรมอันเคร่งเครียด อลิ เซียก็มีความสุขเสมอ ตราบใดที่มีโรเอลอยู่เคียงข้าง การได้อยู่ด้วยกัน ต่างหากที่สําคัญ ไม่ใช่หนังสือ
การเฝ้าดูโรเอลจดจ่ออยู่กับสิ่งที่อยู่ในมือ เป็นทิวทัศน์ที่อลิเซียชื่น ชอบมาโดยตลอด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเธอได้นั่งเกาะไหล่อีกฝ่าย
บนโซฟาที่มีโคมไฟตั้งอยู่บนโต๊ะอยู่ข้างๆ ทั้งคู่นั่งชิดกัน โรเอลถือ หนังสือหนาๆ อยู่ในมือ ค่อยๆ เปิดมันออก โดยมีอลิเซียกอดเขาอย่าง เงียบๆ ราวกับแมวตัวน้อย มันเป็นความรู้สึกอันคุ้นเคยจนทําให้โรเอล รู้สึกหวนคิดถึง เหมือนว่าพวกเขาได้กลับไปที่ห้องสมุดของคฤหาสน์ ตระกูลแอสคาร์ด
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วโรเอลค่อยๆ หมกมุ่นอยู่กับหนังสือในมือ มากขึ้นเรื่อยๆ ส่วนศีรษะของอลิเซียก็เอียงลงช้าๆ ขณะที่เธอพยายาม ลืมตา ในที่สุดศีรษะของเธอก็ตกลงบนไหล่ขวาของโรเอล และลม หายใจของเธอก็ยาวขึ้นและสงบลง
“เฮ้อ นิสัยของเธอยังเหมือนเดิมเลยสินะ”
โรเอลบ่นพลางมองอลิเซียอย่างเอ็นดู
เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เธอตื่น เขาจึงลดการเคลื่อนไหวของแขนขวา และพลิกหนังสือด้วยมือซ้าย
ตั้งแต่อายุยังน้อยโรเอลรู้ดีว่าอลิเซียมีนิสัยแบบไหน
ไม่ใช่เรื่องเกินจริงที่จะเรียกเธอว่าอัจฉริยะรอบด้าน โดยไม่ คํานึงถึงวิชา ไม่ว่าจะเป็นคณิตศาสตร์ ประวัติศาสตร์ หรือการปกครอง เธอสามารถเข้าใจประเด็นสําคัญอย่างรวดเร็วและก้าวกระโดดไป ข้างหน้าเพื่อนร่วมรุ่นได้ตลอดเวลา ราวกับว่าไม่มีวิชาการใดที่จะสร้าง ปัญหาให้กับเธอได้
มีเพียงสิ่งเดียวที่อลิเซียทําไม่ได้ นั่นก็คือการอ่านหนังสือข้างๆ เขา ภายใต้อิทธิพลของบรรยากาศอันเงียบสงบและความอบอุ่นจาก ร่างกายของโรเอลมักจะทําให้เธอผล็อยหลับไปเสมอ
อลิเซียไม่เคยกังวลที่จะงีบหลับอยู่ข้างๆ โรเอล เพราะเธอรู้ว่าเขา จะไม่ทิ้งเธอไว้ในขณะที่เธอหลับ เขาจะอยู่กับเธออย่างเงียบๆ จนกว่า เธอจะตื่น
ทั้งสองนั่งอยู่ด้วยกันเงียบๆ หลายชั่วโมง ขณะที่นาฬิกากําลังจะไป ถึงเที่ยงคืน ระลอกคลื่นลึกลับของพลังเวทก็ล่องลอยมาจากไกลๆ
จูเลียน่ารู้สึกว่าราวกับว่าเธอกําลังจะอดตาย
เธอยืนอยู่บนกิ่งไม้ มองดูท้องฟ้ายามค�าคืนอันกว้างใหญ่เบื้องหน้า มีพระจันทร์เต็มดวงที่สว่างไสว แต่มีดาวเพียงไม่กี่ดวง ขณะนอนอาบ แสงจันทร์ เธอก็รู้สึกว่าคืนนี้ต้องลงมือแล้ว
ความอดอยากของจูเลียน่าไม่ได้เกิดจากการขาดอาหาร ต่างจาก ความหมายทั่วไปของคํานี้ มันคงจะแม่นยํากว่า หากจะเรียกมันว่า ความรู้สึกว่างเปล่า มันเป็นราคาที่เธอต้องจ่ายหลังจากร่ายคาถาเวท
ก่อนหน้านี้โรเอลอนุมานว่าจูเลียน่าเป็นผู้สืบทอดสายเลือดของ เผ่าเลือด แต่นั่นไม่ถูกต้อง เธอไม่ได้เป็นเพียงผู้สืบทอดสายเลือดของ เผ่าเลือด เธอเป็นสมาชิกของเผ่าเลือด แม้ว่าจะยังไม่ได้ปลุกพลังทาง สายเลือดให้ตื่น แต่เธอก็จําเป็นต้องกินเลือดจํานวนหนึ่งหลังจากร่าย คาถาเวท
เผ่าเลือดเป็นเผ่าที่มีชื่อเสียงเลื่องลือในสมัยโบราณ พวกเขาได้รับ การพิจารณาว่าเป็นขุนนางท่ามกลางเผ่าพันธุ์ที่มีอํานาจอื่นๆ อีก มากมายในสมัยนั้น ที่น่าสนใจคือ พวกเขามีความคล้ายคลึงกันทาง ชีววิทยากับมนุษย์ ด้วยเหตุผลดังกล่าว พวกเขาจึงสามารถแพร่พันธุ์กับ มนุษย์ได้ด้วยวิธีการขยายพันธุ์แบบเดิม
ต้องขอบคุณสิ่งนั้น แม้ว่าเผ่าพันธุ์อื่นจะหายสาบสูญไปจากโลก เผ่าเลือดก็ยังสามารถสืบเชื้อสายต่อไปได้โดยการซ่อนตัวอยู่ท่ามกลาง
มนุษย์ พวกเขายังมียุคแห่งความรุ่งโรจน์ของตัวเองในยุคสมัยที่สอง ใน สมัยที่เข้าร่วมกับสมัชชานักปราชญ์พลบค�า
ทว่าสายเลือดของพวกเขากลับค่อยๆ จางลงจากการสืบพันธุ์กับ เผ่ามนุษย์หลายชั่วอายุคน จนทําให้ความสามารถในสายเลือดของพวก เขาอ่อนแอลง
เผ่าเลือดได้สูญเสียพลังที่ทําให้พวกเขาทัดเทียมทูตสวรรค์และ มังกรอันทรงพลังไปนานแล้ว แม้ว่าจูเลียน่าจะพิสูจน์ตัวเองแล้วว่าเป็น ผู้มีพรสวรรค์ที่อาจจะสามารถไปถึงจุดนั้นได้ แต่ก็มีความหวังเพียง เล็กน้อยเท่านั้นที่เธอจะสามารถไปถึงระดับแก่นแท้ 1 ได้ในช่วงชีวิตอัน ยืนยาวของเธอ
อย่างไรก็ตาม แม้แต่อัจฉริยะก็ไม่สามารถปลดปล่อยตัวเองจาก ผลข้างเคียงจากความสามารถของตัวเองได้
แผนเดิมคือให้จูเลียน่ามาด้วยกันกับวิลเลียมที่เลนสเตอร์ เพื่อพบ กับผู้ปลุกพลังของตระกูลอาร์เด้ แต่เนื่องจากคําขอของแอนโตนิโอ เธอ จึงต้องย้ายเข้ามาเรียนที่สถาบันการศึกษาเซนต์เฟรย่า ในฐานะ นักเรียนเธอไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ ซึ่งเป็นเหตุผลที่ ทําให้การเตรียมตัวของเธอไม่เพียงพอ
เช่น ทรัพยากรเลือดสดๆ เป็นต้