ทรราชตัวน้อย ไม่อยากพบจุดจบแบบ BAD END - บทที่ 429: มองให้ดีอย่ากะพริบตา (2)
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วท่ามกลางการสนทนาของพวกเขา ในไม่
ช้าบุคคลสําคัญอีกกลุ่มหนึ่งของงานเฉลิมฉลองในคืนนี้ก็มาถึง นั่
นก็คือ
เหล่านักเรียนที่ย้ายมาจากอาณาจักรแห่งภาคีอัศวินเพนเดอร์
ชื่อเสียงของนักเรียนที่ย้ายเข้ามาดีขึ้นมากเนื่องจากผลงานที่โดด
เด่นในงานประลอง โดยเฉพาะอย่างยิ่
ง วิลเลียม เทเรซา และเคิร์ต พวก
เขาได้สร้างฐานแฟนคลับจํานวนมากขึ้
น ทําให้คนทั้
งสามได้รับการ
ต้อนรับอย่างอบอุ่นจากนักเรียน
เมื่อมองดูพวกเขาจากระยะไกล โรเอลก็โล่งใจที่เห็นว่าพลังเวทย์
น�าแข็งของเขาไม่ได้ทําให้วิลเลียมต้องบอบช�า อย่างไรก็ตามเขารู้สึกทึ่ง
ที่ยังเห็นเธอสวมชุดเกราะเต็มตัวตามปกติและปิดบังใบหน้าเอาไว้
แต่เมื่อไม่มีใครสนใจรูปร่างหน้าตาของเธอเป็นพิเศษ โรเอลก็
ตัดสินใจที่จะไม่คิดมากเกินไปเช่นกัน
เป้าหมายของเขาคือการปลดปล่อยวิลเลียมจากชะตากรรมของ
เธอในฐานะตัวตายตัวแทน ไม่ใช่เพื่อเปลี่ยนการแต่งตัวของเธอ เธอ
อาจจะชอบชุดเกราะจากประสบการณ์และความเคยชินตลอดหลายปี
ที่ผ่านมาก็ได้นอกจากนี้เธออาจรู้สึกอึดอัดเมื่อไม่มีชุดเกราะ หลังจาก
สวมใส่มันมานานหลายปีคงต้องใช้เวลาช่วงเปลี่ยนผ่านยาวนาน
พอสมควร กว่าเธอจะทําความคุ้นเคยกับการไม่สวมชุดเกราะได้
โรเอลใช้โอกาสนี้จ้องมองวิลเลียมโดยหวังว่าจะบรรลุภารกิจที่นี่
อย่างไรก็ตามอีกฝ่ายกําลังคุยกับเทเรซาเกี่ยวกับบางสิ่
ง ส่งผลให้เธอไม่
สังเกตเห็นการจ้องมองของเขา
จนกระทั่
งเมื่อนักเรียนจากต่างแดนเข้ามาในงาน ในที่สุดเธอก็ได้
สบตากับโรเอล และพยักหน้าเล็กน้อยเพื่อแสดงการยอมรับ
มันเป็นไปไม่ได้อีกต่อไปสําหรับโรเอลที่จะทําภารกิจให้สําเร็จ ทั
้
ง
สองคนอยู่ใกล้พอที่จะจ้องมองกัน ทําให้เป็นเรื่องน่าอึดอัดสําหรับทั้
ง
สอง ไม่ต้องพูดถึงว่ามีคนมากหน้าหลายตามองมาที่เขา แม้เขาต้องการ
จะทําภารกิจให้สําเร็จตามคําแนะนําของเทพธิดาแห่งโชคชะตา แต่เด็ก
หนุ่มก็ไม่ต้องการที่จะเสี่ยงกลายเป็นคนโรคจิตในสายตาคนอื่นๆ
ดังนั
้
นโรเอลจึงละทิ้
งภารกิจ และเข้าไปสนทนากับคนอื่นๆ แทน
มักมีคํากล่าวกันว่าสายสัมพันธ์ที่ได้จากความขัดแย้งนั
้
นแข็งแกร่ง
คนแรกที่เข้ามาทักทายโรเอลไม่ใช่ใครอื่นนอกเสียจากเซลิน่า ที่
แตกต่างจากเมื่อก่อนก็คือ ดูเหมือนว่าเธอจะควบคุมอารมณ์ได้ดีขึ้
น
มาก
โรเอลไม่ได้ยินข่าวคราวอะไรของเธอเลยตั้
งแต่ที่พวกเขาต่อสู้ใน
รอบ 32 คน เขาเป็นห่วงเธอมาระยะหนึ่งแล้ว แต่เขาก็ไม่อยู่ในสถานะที่
จะไปเยี่ยมเยียนได้ถึงคฤหาสน์แห่งเกราะ เนื่องจากความสัมพันธ์ที่ตึง
เครียดของเขากับนักเรียนที่ย้ายมาในตอนนั้
น และเธอเองก็ไม่ได้
ปรากฏตัวในที่สาธารณะด้วย
เขาเจอเธอแค่ในวันที่ประลองกับวิลเลียมเท่านั้
น แต่โรเอลก็ไม่อยู่
ในสภาพที่ดีพอจะสนทนาด้วยนัก นี่จึงเป็นการสนทนาครั้
งแรกของ
พวกเขานับตั
้
งแต่จบการต่อสู้ในงานประลอง
โรเอลชําเลืองมองที่หัวของเซลิน่าก่อนจะถอนหายใจอย่างเศร้า
โศกเมื่อเห็นว่ามันไม่มีหูสัตว์อีกต่อไปแล้ว ความผิดหวังที่มองเห็นได้ชัด
ของเขาทําให้เธอเลิกคิ้
ว
“เจ้าคนพาล นายกําลังมองหาอะไรน่ะ?”
“ฮ่าๆๆ ไม่มีอะไรหรอก เซลิน่า ดูเหมือนว่าเธอจะควบคุมพลัง
สายเลือดได้แล้วสินะ”
“…ก็ยังไม่ถึงขนาดนั้
นหรอก แต่ใช่ มันดีกว่าเมื่อก่อนมาก”
“ดีใจที่ได้ยินแบบนั้
น”
โรเอลพยักหน้าตอบอย่างจริงจังก่อนจะค่อยๆ ก้าวไปด้านข้าง
เล็กน้อย เพื่อเหลือบมองดูก้นของเซลิน่า แต่ก็ไม่มีหางของสัตว์อยู่ที่นั่
น
ด้วยเช่นกัน เซลิน่ารู้ได้ทันทีว่าเขากําลังคิดอะไรอยู่ เธอจึงจ้องไปที่เขา
เด็กสาวยังจําได้ดีว่าเขาเคยแกล้งเธอโดยใช้การปราบปรามสายเลือด
ของเปตรา
โรเอลทําได้เพียงแค่หัวเราะแหยๆ
“แค่ก เซลิน่า ช่างเป็นข่าวที่น่ายินดีที่ตอนนี้เธอสามารถควบคุม
สายเลือดได้แล้ว แม้ว่าจะมีขอบเขตจํากัดก็ตาม ฉันขอยินดีด้วยอย่าง
จริงใจ”
“ฮึ่ม พยายามที่จะทําตัวสุภาพตอนนี้เนี่ยนะ?”
“อย่าพูดอย่างนั
้
น อย่าลังเลที่จะมองหาฉันหากเธอประสบปัญหา
อะไรกับสายเลือด ในบางแง่มุม เธอถือเป็นทายาทของสหายฉัน ฉันจะ
ดีใจมาก ถ้าเธอได้รับการปลดปล่อยจากพันธนาการทางสายเลือด”
“… อืม ไม่เป็นไร ข-ขอบคุณ”
เซลิน่าต้องใช้ความพยายามเล็กน้อยในการพูดพึมพําคําขอบคุณ
เมื่อโรเอลจ้องมองมาอย่างจริงจัง
ชั่
วขณะหนึ่ง ดูเหมือนว่ามีบางอย่างเคลื่อนตัวอยู่ในผมของเธอ แต่
ก่อนที่โรเอลจะมองเข้าไปใกล้ๆ เด็กสาวก็วิ่
งหนีไปด้วยใบหน้าที่แดงก�า
น…นั่
นมัน!
โรเอลติดตามรายละเอียดการหลบหนีของเซลิน่าอย่างรวดเร็วด้วย
ตาอันเฉียบคม แต่ก่อนที่เขาจะมองเข้าไปใกล้ๆ วิสัยทัศน์ของเด็กหนุ่ม
พลันถูกกําแพงมนุษย์สูงตระหง่านปิดกั้
น เขาสะดุ้งตกใจก่อนจะค่อยๆ
ลืมตาขึ
้
น
มันคือเคิร์ตนั่
นเอง!
“เคิร์ต? มีอะไรงั้
นเหรอ?”
“เรื่องนั้
น…”
ชายร่างสูงมองโรเอลอย่างลังเล ไม่แน่ใจว่าเขาควรเข้าหาหัวข้อนี้
อย่างไร เขาอยู่ในภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกเป็นเวลานานก่อนที่จะ
ก้มหน้าลงและขอโทษในที่สุด
“คุณโรเอล ฉันอยากจะขอให้คุณยกโทษให้คําพูดของฉันเกี่ยวกับ
ท่านกรันด้าด้วย”
“อ่า นายกําลังพูดถึงเรื่องนั้
นสินะ เราคืนดีกันแล้ว หลังจากการ
ต่อสู้ของเราไม่ใช่เหรอ?”
“ฉันหมดสติไปก่อนที่จะสามารถขอโทษคุณได้อย่างเหมาะสม ฉัน
ต้องการที่จะชดเชยสิ่
งนั
้
น”
“เข้าใจแล้ว…”
โรเอลประหลาดใจ เขาคิดว่าเคิร์ตเป็นคนหยาบคายเนื่องจากการ
พบกันครั
้
งแรกไม่เป็นที่น่าพอใจ แต่ดูเหมือนว่าเขาจะเข้าใจคนคนนี้ผิด
ไป คงเป็นการเหมาะสมกว่ามากที่จะอธิบายว่าเคิร์ตเป็นนักวิชาการที่
ไม่ค่อยยืดหยุ่น
หลังจากได้สนทนากับอีกฝ่าย โรเอลก็ได้เรียนรู้ถึงสาเหตุที่ทําให้
ทัศนคติของเคิร์ตเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน ปรากฏว่าที่ราบสีแดงเข้มที่
กรันด้าแสดงเป็นดินแดนแห่งความรุ่งโรจน์ที่ซึ่งวิญญาณของนักรบที่
เป็นที่เคารพนับถือของเผ่าพันธุ์ยักษ์จะได้ไปพักในชีวิตหลังความตาย
มีเพียงราชาที่ได้รับการยอมรับจากเผ่าพันธุ์ยักษ์เท่านั้
นที่จะได้รับ
เสียงโห่ร้องดังก้องในสถานที่นั้
น ซึ่งย่อมหมายความว่ากรันด้าไม่มีทาง
เป็นผู้ร่วงหล่นได้ดังนั
้
นมันจึงเป็นการหักล้างบันทึกทางประวัติศาสตร์
ของตระกูลกุสตาฟ
นั่
นทําให้โรเอลตกอยู่ในห้วงความคิดลึกล�า เขาไม่รู้ว่าบันทึกของ
กุสตาฟมีข้อผิดพลาดหรือไม่ แต่กรันด้าเปลี่ยนไปเล็กน้อยตั้
งแต่การ
ต่อสู้ครั
้
งนั
้
น เขารู้สึกว่ากรันด้าน่าจะนึกอะไรบางอย่างได้แต่ก็เลือกที่จะ
ไม่ถามเรื่องนี้เพราะเชื่อว่าอีกฝ่ายจะพูดถึงเรื่องนั้
นออกมาเองเมื่อ
พร้อม
“ฉันจะแจ้งตระกูลกุสตาฟเกี่ยวกับเรื่องนี้ทันทีที่ฉันกลับไปหาพวก
เขาในวันหยุด ฉันจะพยายามแก้ชื่อเสียของท่านกรันด้าให้ได้โดยเร็ว
ที่สุด”
“ฉันดีใจที่ได้ยินแบบนั้
น ถ้านายต้องการความช่วยเหลือก็มาบอก
ฉันได้เลย ฉันคิดว่าเป้าหมายในเรื่องนี้ของเราตรงกันอย่างแน่นอน”
โรเอลดีใจที่อีกฝ่ายคิดแก้ไขปัญหานี้
มีอีกหลายคนที่ได้เห็นการต่อสู้ระหว่างโรเอลกับเคิร์ต จึงมีคน
หลายคนที่เป็นพยานถึงสิ่
งที่เคิร์ตเห็นได้หลักฐานตามสถานการณ์นี้
น่าจะเพียงพอแล้วที่จะหว่านเมล็ดพันธุ์แห่งความสงสัยให้กับตระกูล
กุสตาฟ
ส่วนความจริงนั
้
นคงต้องรอจนกว่ากรันด้าจะเต็มใจพูดคุยเกี่ยวกับ
สิ่
งที่เขานึกขึ้นมาได้เสียก่อน
หลังจากกล่าวคําอําลาเคิร์ต โรเอลก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
และเตรียมตัวออกเดินทาง ทว่าก่อนที่เขาจะหันกลับมา ก็มีคนคว้าแขน
เสื้อและหยุดเขาเอาไว้หลังจากนั้น สมุดบันทึกที่คุ้นเคยก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าเด็กหนุ่ม