ทรราชตัวน้อย ไม่อยากพบจุดจบแบบ BAD END - บทที่ 432: อนาคตร่วมกัน (1)
ภายใต้แสงจันทร์โรเอลมองไปยังเด็กสาวผู้ยิมแย้มตรงหน้า ้
เขา
ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเรียกชื่อเธอเบาๆ
“วิลเฮลมินา”
“อืม”
เด็กสาวพยักหน้าเป็นคําตอบก่อนจะหันไปทางท้องฟ้ายามค�าคืน
“ฉันไม่ได้กังวลเรื่องชื่อตัวเองมากนัก แต่ถ้าจะต้องเปลี่ยนอะไร
ฉันคิดว่านี่คงจะเป็นการเริ่
มต้นที่ดี”
“มันเป็นความคิดที่ดีเลย เพราะวิลเลียมคงไม่ใช่ชื่อที่เหมาะสม
สําหรับองค์หญิงแห่งอาณาจักรแห่งภาคีอัศวินเพนเดอร์แน่ ”
“ฉันเป็นวิลเลียมมานานแล้ว มันคงเป็นเรื่องยากที่จะให้คนอื่น
เรียกฉันว่าวิลเฮลมินาในทันทีดังนั
้
นฉันจึงคิดที่จะเริ่
มต้นจากคนที่ฉัน
สนิทด้วย”
“โอ้ช่างเป็นเกียรติของฉันจริงๆ”
โรเอลวางหมัดลงบนหน้าอกและโค้งคํานับแบบสุภาพบุรุษ ทําให้
อีกฝ่ายเสสายตาด้วยความเขินอาย ซึ่งเด็กหนุ่มก็ยิมออกมาเมื่อเห็น ้
ท่าทางนั
้
น
“วิลเฮลมินา เธอคิดจะทําอะไรต่อไปงั้
นเหรอหลังจากแผนการที่
จะพาตัวฉันกลับไปล้มเหลว? เธอจะกลับไปที่อาณาจักรแห่งภาคีอัศวิน
เพนเดอร์เลยไหม?”
“ไม่ พวกเราตั
้
งใจว่าจะอยู่ที่นี่ต่อ”
“อยู่ที่สถาบันการศึกษาเซนต์เฟรย่างั้
นเหรอ?”
โรเอลตอบด้วยความประหลาดใจ
“คําตอบของคุณคืออะไร? ที่นี่ไม่ต้อนรับพวกเรางั้
นหรือ?”
“ไม่ใช่แบบนั้
น ฉันแค่… แปลกใจนิดหน่อย แต่ฉันคิดว่าถ้าเธออยู่
ที่นี่ก็ดีเหมือนกัน”
โรเอลสบายใจขึ
้นหลังจากได้ยินคําตอบของวิลเฮมินา
การมาถึงของนักเรียนจากอาณาจักรแห่งภาคีอัศวินเพนเดอร์ใน
ตอนแรกทําให้โรเอลลําบากใจ แต่ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ดีขึ้
น
มาก หลังจากงานประลองชิงศึกชิงถ้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่
งกับเทเรซา
และวิลเฮลมินา
เทเรซาเป็นมิตรกับเขาตั้
งแต่เริ่
มต้นในขณะที่วิลเฮลมินาทําให้เขา
รู้สึกเห็นใจ
ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม วิลเฮลมินาต้องได้รับการฝึกฝนอัน
แสนทรหดตั
้
งแต่เด็ก เธอต้องปกปิดตัวตนและใช้ชีวิตแบบพร้อมที่จะ
ตายได้ทุกเมื่อ แม้โรเอลจะไม่ใช่คนที่ขอสิ่
งนี้แต่ในฐานะผู้ที่ได้รับ
ผลประโยชน์เขาก็ไม่สามารถนิ่
งเฉยต่อสถานการณ์ของเธอได้อีก
ส่วนคนอื่นๆ…
โรเอลและเคิร์ตเริ่
มต้นด้วยความขัดแย้ง แต่อีกฝ่ายได้ขอโทษแล้ว
และสัญญาว่าจะช่วยแก้ไขชื่อเสียงของกรันด้าให้ถูกต้อง
เซลิน่าเชื่อมโยงกับเปตราผ่านทางสายเลือดสัตว์ศักดิ์
สิทธิ
์
และเขา
ก็อยากจะช่วยเหลือเธอในการควบคุมพลังทางสายเลือด
บริตตานี่มีข้อตกลงกับเขา และเธอเองก็มีความผูกพันกับเกอรัลอ
ย่างมากเช่นกัน มีแนวโน้มว่าเธอจะเข้าร่วมชมรมรับจ้างสารพัดใน
อนาคตอันใกล้นี้
สําหรับจูเลียน่าและสจ๊วร์ต เขายังไม่ได้สร้างความสัมพันธ์กับทั้
งคู่
มากนัก อย่างไรก็ตาม จูเลียน่ามองว่าอลิเซียเป็นบรรพบุรุษต้นกําเนิด
ของตระกูลเธอ และเอาใจใส่เจตจํานงของเธอมาก ในขณะที่อีกคนก็
ค่อนข้างเป็นมิตรในการพูดคุยหลายครั้
ง
พูดตามตรง โรเอลมีเพื่อนไม่มากเท่าไหร่ในสถาบันการศึกษา
เนื่องจากงานจํานวนมากและความรับผิดชอบของเขาในฐานะผู้ถือ
แหวน มันจึงไม่ใช่เรื่องง่ายเลย สําหรับเขาที่จะใกล้ชิดกับนักเรียนที่ย้าย
เข้ามา และมันคงจะน่าผิดหวังมากๆ หากพวกเขากลับไปในช่วงหัว
เลี้ยวหัวต่อนี้
นอกจากนี้โรเอลยังคิดว่าอาณาจักรแห่งภาคีอัศวินเพนเดอร์นั้
น
โดดเดี่ยวเกินไป ทายาทของแต่ละตระกูลล้วนเป็นอัจฉริยะในด้านที่
ตนเองถนัด และพวกเขาอาจกลายเป็นผู้มีพลังเหนือธรรมชาติที่มีค่า
ของทวีปเซียได้ในอนาคต มันคงจะเป็นประโยชน์ต่อพวกเขามากว่าใน
การอยู่ที่นี่เพื่อสร้างชื่อเสียงและหาประสบการณ์
“โดยส่วนตัวแล้ว ฉันเชื่อว่ามันเป็นการเริ่
มต้นที่ดีที่กลุ่มของเธอ
ตัดสินใจที่จะก้าวออกจากวงปิด และออกมาให้โลกได้รู้จักพวกเธอมาก
ขึ
้
น ต้องขอบคุณการต่อสู้อันน่าทึ่งของพวกเธอในศึกชิงถ้วย ที่ทําให้
พวกเราได้รับการขนานนามว่าเป็นยุคทอง”
“ยุคทองเหรอ? มันก็มีประโยชน์จริงๆ นั่
นแหละ ที่พวกเราได้มา
สร้างชื่อเสียงที่นี่ แต่คุณคือเหตุผลหลักที่ว่าทําไมพวกเราถึงเลือกที่จะ
อยู่ที่นี่ต่อ”
“ฉันเหรอ?”
“ถูกต้อง คุณลืมเกี่ยวกับคําทํานายที่สามแล้วงั้
นเหรอ? คุณบอกว่า
มันถูกหักล้างไปแล้วก็จริง แต่มันก็ไม่ได้มีหลักฐานอะไรมายืนยัน พวก
เราต้องระมัดระวังเรื่องนี้อย่างน้อยๆ ก็จนกว่าคุณจบการศึกษาจาก
สถาบันการศึกษาเซนต์เฟรย่า”
“พวกเธอไม่วิตกกังวลมากเกินไปหน่อยเหรอ?”
“นี่เป็นมติเอกฉันท์จากพวกเราทั้
งเจ็ดคน”
“…โอ้”
เมื่อได้ยินว่ามันเป็นมติของพวกเขาทั้
งเจ็ด โรเอลก็รู้สึกอบอุ่นใน
หัวใจ ในทางกลับกัน วิลเฮลมินานั
้
นลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะถามคําถาม
อันคุ้นเคย
“เกี่ยวกับเรื่องนั้
น… คุณต้องการที่จะเข้าร่วมกับภาคีผู้นําพาแสง
อรุณของเราไหม?”
“แน่นอน”
“เอ๋? จ…จริงเหรอ?”
“คําตอบของเธอคืออะไรกันน่ะ ไม่ต้อนรับฉันแล้วเหรอ?”
การที่โรเอลตอบตกลง ทําให้ใบหน้าของวิลเฮลมินาแดงก�า จากนั
้
น
เธอก็รีบอธิบายทันที
“ป…เปล่า ฉันแค่ตกใจ… อะไรทําให้คุณเปลี่ยนใจงั้
นเหรอ?”
“ฉันไม่เคยพูดว่า ฉันจะไม่เข้าร่วมภาคีผู้นําพาแสงอรุณ ฉันแค่
ลังเลเพราะฉันไม่รู้จักองค์กรของเธอดีพอก็เท่านั้
น ปัญหาส่วนใหญ่ของ
ฉันถูกยกเลิกแล้ว นอกจากนี้… เพื่อจัดการกับคําทํานายวันโลกาวินาศ
ในอนาคต ฉันเชื่อว่ามีความจําเป็นที่พวกเราจะต้องรวมพลังเข้า
ด้วยกัน”
“ใช่ ฉันเองก็เห็นด้วยเหมือนกัน”
วิลเฮลมินาพยักหน้าเห็นด้วยอย่างเคร่งขรึม
คําทํานายวันโลกาวินาศที่โรเอลอ้างถึงคือคําทํานายของพันธมิตร
ไตรภาคีที่ถูกยืนยันโดยเวนดี้อาร์เด้เกี่ยวกับภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้นมาเพื่อ
ทําลายล้างมนุษยชาติ
ความหวังเล็กน้อยเกิดขึ้
นในใจของวิลเฮลมินา หลังจากได้รู้ว่าการ
คําทํานายที่สามที่เกี่ยวข้องกับโรเอลนั้
นแก้ไขได้เธอจึงสงสัยว่าบางที
คําทํานายวันโลกาวินาศเองก็สามารถได้รับการแก้ไขด้วยรึเปล่า
อย่างไรก็ตามโรเอลผู้รู้ความจริงเบื้องหลังคําทํานายไม่กล้าที่จะละ
สายตาไปจากมัน เวนดี้ได้พิสูจน์พรสวรรค์ที่ประเมินค่าไม่ได้ของเธอ
แล้วในฐานะผู้หยั่
งรู้ชั
้
นสูง ผ่านการทํานายอันแม่นยําสามเรื่องเกี่ยวกับ
ชะตากรรมของเขา ซึ่งทําให้โรเอลเชื่อในการยืนยันคําทํานายวัน
โลกาวินาศของเวนดี้
นอกจากนี้คําทํานายวันโลกาวินาศยังเริ่
มต้นมาจากสามเผ่าพันธุ์ที่
แข็งแกร่งที่สุดของทวีปเซียอีกด้วย
แม้จะมองโลกในแง่ร้าย แต่โรเอลก็ยังไม่สิ้
นหวัง
คําทํานายและชะตากรรมสามารถเปลี่ยนแปลงได้อย่างแน่นอน
ไม่เช่นนั้
น ‘โรเอล แอสคาร์ด’ คงจะตายไปแล้วในตอนนี้และพันธมิตร
ไตรภาคีเองก็คงจะไม่เสียเวลามานั่
งทํานายอนาคต เพื่อทรมานจิตใจ
ตนเองแน่
ถึงกระนั
้
น การเอาชนะคําทํานายวันโลกาวินาศก็คงไม่ใช่เรื่องง่าย
ด้วยเหตุผลดังกล่าว โรเอลจึงต้องฝึกฝนให้แข็งแกร่งกว่าเดิม เพื่อ
หาทางเตรียมการเพิ่
มเติม และตอนนี้เขาก็มีแนวคิดแล้วว่าจะจัดการ
กับมันอย่างไรดี
“มีน่า เธอคิดยังไงกับการให้คนอื่นเข้าร่วมภาคีผู้นําพาแสงอรุณ
ด้วย?”
“มี… มีน่า! อย่าย่อชื่อของฉันตามใจชอบสิ!”
“ขอโทษด้วย ชื่อของเธอค่อนข้างยาว ฉันเลยเผลอย่อน่ะ… ฉันจะ
เลี่ยงการเรียกเธอแบบนั้
นแล้วกัน ถ้าเธอไม่ชอบ”
“ไม่ๆ ฉันไม่ได้ไม่ชอบมัน ฉันแค่ไม่ชินเฉยๆ … แต่ว่านะ ‘คนอื่น’ ที่
คุณกําลังพูดถึงคือใครงั้
นเหรอ?
วิลเฮลมินาที่กระสับกระส่ายเปลี่ยนหัวข้ออย่างรวดเร็ว
“ฉันกําลังพูดถึงนอร่า ชาร์ล็อต และคนอื่นๆ ฉันต้องการพาพวก
เขาเข้าสู่ภาคีผู้นําพาแสงอรุณ”
“…”
วิลเฮลมินาเงียบไปกับคําของอีกฝ่าย เธอมีอคติอย่างชัดเจนต่อ
เด็กสาวรอบๆ ตัวโรเอล และเมื่อเห็นเช่นนั้
นโรเอลก็พยายามเกลี้ย
กล่อมเธอ
“คําทํานายวันโลกาวินาศมาจากพันธมิตรไตรภาคีเธอไม่คิดว่ามัน
แปลกเหรอ ที่จะปล่อยลูกหลานของอีกสองเผ่าพันธุ์ไปเฉยๆ? นี่คือการ
ต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอดสําหรับพวกเราทุกคนนะ มันคงจะดีกว่าถ้าเรา
สามารถรวมทรัพยากรของพวกเราเข้าด้วยกันและช่วยกันคิดหาทาง
ออก”
“ไม่ว่าจะเป็นจักรวรรดิเซนต์เมซิทหรือสมาคมพ่อค้าโรซ่า พวก
เขาล้วนมีทรัพยากรที่อาณาจักรแห่งภาคีอัศวินเพนเดอร์ขาด พวกเขา
สามารถให้ความช่วยเหลืออันทรงคุณค่าในยามจําเป็นและเสริมความ
บกพร่องของภาคีผู้นําพาแสงอรุณได้พวกเธออาจสงสัยเกี่ยวกับคํา
ทํานายในทีแรก แต่ฉันคิดว่าฉันสามารถโน้มน้าวพวกเธอเกี่ยวกับเรื่อง
นี้ได้”
โรเอลกล่าว
“…ฉันเข้าใจ แต่มีเงื่อนไขอยู่”
หลังจากได้ยินเหตุผลของโรเอล วิลเฮลมินาจึงตัดสินใจละทิ้
งอคติ
เธอมองเขาด้วยสีหน้าเคร่งขรึมและพูดว่า
“ฉันจะอนุญาตให้พวกเธอเข้าร่วมภาคีผู้นําพาแสงอรุณ แต่ฉัน
ห้ามไม่ให้พวกเธอนําการเมืองเข้ามาในองค์กรภาคีผู้นําพาแสงอรุณ ฉัน
อยากให้พวกเราเป็นองค์กรที่คล้ายๆ กับสมัชชานักปราชญ์พลบค�า ทํา
หน้าที่ปกป้องมนุษยชาติจากวิกฤต ไม่ใช่เพื่อเจรจาผลประโยชน์ของ
อาณาจักรตนเอง”
บทที่ 433: อนาคตร่วมกัน (2)
“แน่นอน ฉันคงไม่สามารถพูดแทนคนอื่นๆ ได้แต่ฉันยินดีที่จะ
รับประกันแทนพวกเธอ”
โรเอลตอบพร้อมพยักหน้า
ชาร์ล็อตและนอร่าต่างก็เป็นทายาทของพันธมิตรไตรภาคีและลิ
เลียนเองก็ครอบครองสายเลือดตระกูลแอสคาร์ด อลิเซียไม่น่าจะกังวล
เกี่ยวกับชะตากรรมของมนุษยชาติเท่าไหร่ แต่เธอก็สนับสนุนทุกสิ่
งที่โร
เอลทํา
โรเอลตัดสินใจแล้วว่าพวกเธอทั้
งสี่คนน่าเชื่อถือ และนั่
นเป็น
เหตุผลที่เขาต้องการนําพวกเธอเข้าสู่ภาคีผู้นําพาแสงอรุณก่อน ยังมีคน
อื่นๆ ที่โรเอลต้องการดึงเข้ามาในองค์กรอีก เช่น พอลและเกอรัล แต่
เด็กหนุ่มได้ตัดสินใจแล้วว่าจะค่อยๆ เชิญมาทีละคน
พอลและเกอรัลยังอ่อนประสบการณ์และมันก็ไม่น่าจะเป็นไปได้ที่
พวกเขาจะเชื่อมโยงกับอุดมคติของสมัชชานักปราชญ์พลบค�า ถึงพวก
เขาจะเข้าร่วมองค์กรเมื่อได้รับแจ้ง แต่พวกเขาก็คงจะสับสนมาก
โรเอลคิดว่าคงจะดีกว่าถ้าปล่อยไปตามกระแสและเชิญพวกเขา
หากมีโอกาสเกิดขึ
้
นในอนาคต ในฐานะสมาชิกของกลุ่มตัวเอกในเกม
อายออฟโครนิเคิล มันเป็นชะตากรรมที่พวกเขาจะต้องต่อสู้เพื่อ
มนุษยชาติ
เมื่อเรื่องนี้คลี่คลายลง โรเอลก็เริ่
มเข้าสู่หัวข้อของสิ่
งที่เขาได้
ดําเนินการมาตลอดช่วงสองสามสัปดาห์ที่ผ่านมา การปลดปล่อยแอสต
ริด อาร์เด้…
นั่
นคือเป้าหมายหลักของโรเอลในการเข้าหาเหล่านักเรียนจากต่าง
แดนตั
้
งแต่แรก
ตามที่แอนโตนิโอกล่าว อาณาจักรแห่งภาคีอัศวินเพนเดอร์ต่อต้าน
การปลดปล่อยแอสตริด อาร์เด้จากห้วงความฝันแห่งความวุ่นวาย โดย
คิดว่ามันอาจนําไปสู่การฟื้ นคืนของผู้กอบกู้อย่างไรก็ตามโรเอลซึ่ง
ติดต่อกับแอสตริดในสถานะผู้เฝ้ามอง รู้ว่ามันไม่มีความเชื่อมโยง
ระหว่างคนทั
้
งสอง
เขาอธิบายสถานการณ์ให้วิลเฮลมินาฟัง ซึ่งจากนั
้
นเธอก็สัญญาว่า
จะพยายามโน้มน้าวให้สมาชิกสมัชชานักปราชญ์พลบค�า เมื่อเธอ
กลับมายังอาณาจักรแห่งภาคีอัศวินเพนเดอร์ในช่วงวันหยุด เธอไม่ได้
มองโลกในแง่ดีเกินไปเกี่ยวกับเรื่องนี้โดยบอกว่าต้องใช้ความพยายาม
เล็กน้อยในการเกลี้ยกล่อมพวกเขาจากประสบการณ์ที่ผ่านมาของเธอ
โรเอลเข้าใจดีเขาจึงเตรียมใจพร้อมสําหรับแผนการระยะยาวมา
ตั
้
งแรกแล้ว
เด็กหนุ่มไม่มีข้อกังขาใดๆ ในการช่วยแอสตริด แต่เขาคงต้องรอ
จนกว่าวิลเฮลมินา และคนอื่นๆ จะแข็งแกร่งขึ้นมากพอที่จะมีสิทธิ์
มี
เสียง
ในการสนทนาครึ่งชั่
วโมงนี้โรเอลสามารถแก้ไขปัญหาส่วนใหญ่ที่
อุดตันอยู่ในใจของเขาได้ทั
้
งสองคุยกันต่อไปจนกระทั่
งได้ยินเสียงเรียก
พวกเขามาจากระยะไกล
การที่ดาวเด่นของงานหายไปจากงานปาร์ตี้คงดูไม่ดีเท่าไหร่ ดังนั
้
น
พวกเขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องกลับไป โรเอลกลับมาที่ห้อง
จัดเลี้ยงก่อนในขณะที่วิลเฮลมินากลับออกไปสวมชุดเกราะ
เมื่อมาถึงจุดนี้แอนโตนิโอและอาจารย์คนอื่นๆ ก็ได้กลับกันไปแล้ว
ปล่อยให้นักเรียนคลั่
งไคล้กันไป ตามปกติผู้มีพลังเหนือธรรมชาติ
สามารถต้านทานแอลกอฮอล์ได้และเนื่องจากสภาพร่างกายที่ดีขึ้
นแล้ว
ทําให้โรเอลก็ลงเอยด้วยการถูกดึงตัวไว้อยู่กับแวดวงการดื่มเช่นกัน
ผลที่ตามมาจากการหายตัวไปสามวันของเขา หลังจากชนะงาน
ประลองศึกชิงถ้วย ก็เริ่
มปรากฏขึ
้นในที่สุด นักเรียนแถวยาวรอโอกาสที่
จะฉลองกับโรเอล ทําให้เจ้าตัวรู้สึกงุนงง วิลเฮลมินาทําได้ดีกว่ามากเมื่อ
เปรียบเทียบกับโรเอล ไม่ใช่เพราะเธอมีแฟนคลับน้อยกว่า แต่เป็น
เพราะเธอสามารถใช้ข้ออ้างในฐานะอัศวินเพื่อปฏิเสธเครื่องดื่มได้
ฝูงชนเข้าใจว่าวัฒนธรรมที่อาณาจักรแห่งภาคีอัศวินเพนเดอร์นั้
น
แตกต่างกัน ไม่ต้องพูดถึงว่าวิลเลียมเป็นสมาชิกของราชวงศ์เธอมี
หน้าที่นําคนของเธอในฐานะแบบอย่าง ดังนั
้
นจึงไม่มีใครพยายามกดดัน
ให้เจ้าตัวดื่ม ซึ่งเป็นผลให้แรงกดดันเพิมมาที่ฝั ่ ่งของโรเอลแทน
วงสังคมของโรเอลขยายวงกว้างขึ
้นอย่างรวดเร็วท่ามกลางเสียง
กระทบแก้วไวน์ต้องขอบคุณการมอบรางวัลอันสูงส่งที่เขาได้รับจากห้า
อาณาจักรหลัก ทําให้มีนักเรียนนอกจักรวรรดิเซนต์เมซิทเข้ามาหาและ
ผูกมิตรด้วย นี่เป็นสัญญาณว่าอิทธิพลของเขากําลังขยายออกไปนอก
พรมแดนของจักรวรรดิเซนต์เมซิท
ใช้เวลาทั้
งชั่
วโมงก่อนที่โรเอลจะทักทายนักเรียนครบ ส่วนใหญ่
สังเกตเห็นความอ่อนล้าทางจิตใจของเขาที่เพิ่
มขึ
้
นและมีความเกรงใจ
มากพอที่จะไม่ผูกมัดเด็กหนุ่มในการสนทนาที่ยาวนาน โรเอลจึงได้ใช้
เวลาที่เหลืออยู่ในงานปาร์ตี้คุยกับชาร์ล็อตและคนอื่นๆ
งานเลี้ยงสิ้
นสุดลงในเวลาเที่ยงคืน
…
นักเรียนของสถาบันการศึกษาเซนต์เฟรย่ามีเวลาพักสองวัน
หลังจากงานเลี้ยงเพื่อปรับตัว เพราะฝ่ายบริหารเกรงว่าพวกเขาจะมึน
เมาในคาบเรียน
โรเอลตื่นขึ้นมาโดยไม่มีอาการเมาค้าง ซึ่งต้องขอบคุณร่างกายอัน
ทรงพลังของเขาในฐานะผู้มีพลังเหนือธรรมชาติระดับแก่นแท้4 แต่
พอล และคนอื่นๆ กลับไม่ยืดหยุ่นเท่า แอลกอฮอล์ที่ดื่มในปริมาณมาก
ทําให้พวกเขาเฉื่อยชาตลอดทั้
งวัน
ความตื่นเต้นของงานประลองศึกชิงถ้วยในเมืองเลนสเตอร์สิ้
นสุด
ลงหลังจากงานเฉลิมฉลองอันดุเดือดสามวันเลิกรา นักท่องเที่ยวเริ่
ม
ออกจากเมือง และพ่อค้าส่วนใหญ่ก็ปิดร้านค้าเพื่อพักผ่อนหลังจาก
ทํางานหนักเกินไป
ราวกับว่าเมืองวัยเยาว์ที่กําลังปาร์ตี้สุดเหวี่ยงได้เปลี่ยนไปเป็น
ดินแดนของชายชราอันแสนสงบสุขในทันใด
ศึกชิงถ้วยเป็นงานที่ได้ประโยชน์ทุกฝ่าย ผู้ชมพอใจกับการต่อสู้ที่
เข้มข้น พ่อค้าทําเงินมหาศาลจากการเฉลิมฉลอง และฝ่ายการบริหาร
ของเลนสเตอร์ก็ทํารายได้ภาษีสูงเป็นประวัติการณ์
นี่เป็นข่าวดีสําหรับโรเอล สําหรับหนึ่งในรางวัลของเขาในฐานะผู้
ชนะจะได้รับ 30% ของรายได้ภาษีที่ฝ่ายบริหารของเลนสเตอร์ได้รับใน
ระหว่างช่วงงานประลอง ตาของเด็กหนุ่มแทบจะถลนออกมาเมื่อ
เสมียนมอบเหรียญทอง 300,000 เหรียญให้เขา
โรเอลตกตะลึงกับจํานวนเงินที่เลนสเตอร์ได้รับจากงานประลอง
ศึกชิงถ้วย งานนี้กินเวลาเพียงสองเดือน แต่พวกเขาสามารถสร้าง
รายได้จากภาษีได้มากกว่าหนึ่งล้านเหรียญทอง ไม่น่าเชื่อจริงๆ!
รายได้ภาษีประจําปีของเขตการปกครองแอสคาร์ดยังไม่ถึงล้าน
เหรียญทองด้วยซ�า!
อย่างไรแล้วเลนสเตอร์ก็เป็นเมืองหลวงของอาณาจักรแห่ง
การศึกษาโบรเนล ที่ได้รับการบริหารจัดการอย่างระมัดระวังเป็นเวลา
หลายปีดังนั
้
นจึงเป็นเรื่องธรรมดาที่จะมีการพัฒนาทางเศรษฐกิจ ไม่
ต้องพูดถึงศึกชิงถ้วยซึ่งเป็นงานใหญ่ที่ดึงดูดคนรวยทั่
วทั
้
งทวีปเซีย
เมื่อมองจากมุมมองนี้รายได้ภาษีที่สูงก็ถือว่าสมเหตุสมผล
หากเมืองใดมั่
งคั่
งก็ต้องพัฒนาจุดแข็งของตนเองให้แตกต่างจาก
เมืองอื่น เลนสเตอร์เลือกที่จะพัฒนาด้านการศึกษามาเป็นเวลานับพันปี
ซึ่งทําให้มั่
นใจได้ว่าพวกเขาจะก้าวหน้าในด้านนี้มากจนไม่มีเมืองอื่นใด
สามารถแข่งขันด้วยได้
เมื่อไตร่ตรองอย่างรอบคอบแล้ว โรเอลจึงทําได้เพียงล้มเลิก
ความคิดที่จะจัดงานประลองที่เขตการปกครองแอสคาร์ด
เมื่อใกล้ถึงฤดูใบไม้ร่วง นักเรียนก็เริ่
มตั
้
งตารอกิจกรรมที่พวกเขา
คาดหวังมากที่สุดสําหรับแต่ละฤดูนั่
นก็คือวันหยุด
สถาบันการศึกษาเซนต์เฟรย่า มีนักเรียนจากทั่
วทุกมุมโลก บางคน
อาศัยอยู่ห่างไกลจากเลนสเตอร์โรเอลเองยังต้องใช้เวลาทั้
งเดือนเพื่อ
กลับจากเลนสเตอร์ไปยังเขตการปกครองแอสคาร์ด หากการหยุดพัก
ยาวเพียงสองเดือน ทั
้
งหมดที่เขาทําได้เมื่อกลับถึงบ้านคือดื่มชาสักถ้วย
ก่อนเตรียมตัวเดินทางกลับไปเลนสเตอร์ซึ่งนั่
นคงจะเป็นเรื่องน่าเศร้า
มาก
ด้วยเหตุผลดังกล่าว สถาบันการศึกษาเซนต์เฟรยาจึงเลือกที่จะ
กําหนดให้วันหยุดเป็นช่วงปลายฤดูใบไม้ร่วงจนถึงต้นฤดูใบไม้ผลิเพื่อ
ตอบสนองความต้องการของนักเรียนได้ดียิ่
งขึ
้
น นั่
นก็เพราะขุนนาง
มักจะยุ่งที่สุดในช่วงปลายปีไม่ว่าจะเป็นการล่าสัตว์ในฤดูหนาวและ
การจัดเทศกาลปีใหม่ทุกประเภท
ทันทีที่สถาบันการศึกษาปล่อยตัวนักเรียนในช่วงวันหยุด ผู้ที่อาศัย
อยู่ในบริเวณใกล้เคียงก็รีบจ้างรถม้าและเดินทางกลับบ้าน ส่วนผู้ที่มา
จากต่างอาณาจักรอันห่างไกลย่อมต้องใช้เวลาเตรียมตัวเดินทางไกล
มากขึ
้นไปอีก
สําหรับโรเอล เขามีธุระอื่นๆ ที่ต้องทําเสียก่อน เช่นการไปเยี่ยมคน
ที่ตัวเองไม่ค่อยได้คุยกันในปีที่ผ่านมา
ลิเลียน แอคเคอร์มันน์