ทรราชตัวน้อย ไม่อยากพบจุดจบแบบ BAD END - บทที่ 446 ข่าวของเธอ (2)
ไม่นานนัก ยามรักษาการณ์ก็กลับมา และพาเขาเข้าไปในส่วนลึก
ของโถงแห่งอัครสาวก พวกเขาเดินผ่านทางเดินยาวก่อนที่จะมาถึงห้อง
ที่สว่างไสวด้วยเทียนเล่มเดียว ภายในห้องนั้
นมีชายผมแดงคนหนึ่งนั่
ง
อยู่ และประเมินโรเอลอย่างใจเย็นด้วยใบหน้าเคร่งขรึม
“ผมคือผู้บัญชาการหน่วยรักษาการณ์ของโถงแห่งอัครสาวก แฮงค์
เกรย์ยินดีต้อนรับสู่โถงแห่งอัครสาวก คุณโรเอล”
“ขอบคุณสําหรับการต้อนรับของคุณเช่นกันท่านเคานต์แฮงค์ขอ
โทษที่ผมมาเยี่ยมที่นี่อย่างกะทันหัน ผมได้ยินเรื่องวีรกรรมความสําเร็จ
ของคุณมามากมาย ถือเป็นเกียรติจริงๆ ที่ได้พบคุณเป็นการส่วนตัว”
หลังจากที่ทหารรักษาการณ์ออกไป โรเอลก็ทักทายชายผมแดง
คําทักทายของแฮงค์นั้
นเป็นทางการและเย็นชาอยู่ในทีซึ่งโรเอลก็
ตอบด้วยมารยาทที่ไร้ที่ติอย่างไรก็ตามเมื่อโรเอลเรียกแฮงค์อย่าง
ถูกต้องว่าท่านเคานต์อีกฝ่ายก็แข็งทื่อไปครู่หนึ่ง
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าแฮงค์เป็นหนึ่งในผู้มีพลังเหนือธรรมชาติที่
แข็งแกร่งที่สุดคนหนึ่งของจักรวรรดิเซนต์เมซิท เขาทําหน้าที่เป็นหนึ่ง
ในผู้บังคับบัญชาของโถงแห่งอัครสาวก และไม่ค่อยปรากฏตัวในที่
สาธารณะจนมีเพียงไม่กี่คนที่รู้ว่าเขาเป็นขุนนาง ไม่ใช่เพียงแค่นักบวช
ธรรมดาๆ
แต่มันก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้เพราะเขาไม่ได้สนใจชื่อเสียง และ
ตระกูลเกรย์เองก็ไม่ได้โด่งดัง เพราะสมาชิกในตระกูลส่วนใหญ่มักจะ
เลือกเข้าร่วมหน่วยราชการลับๆ
มีความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียวที่ว่าทําไมผู้สูงศักดิ์
อย่างโรเอลถึง
รู้ตําแหน่งทางแวดวงขุนนางของเขา นั่
นก็คือการที่นอร่าหรือ
พระสังฆราชจอห์น หรือสมาชิกคนอื่นๆ ในราชวงศ์บอกเขาเกี่ยวกับ
เรื่องนี้
การพูดคุยที่เรียบง่ายนี้ทําให้โรเอลถ่ายทอดความไว้วางใจอย่าง
ลึกซึ
้งที่ตระกูลเซไซต์ต่อตัวเขาไปยังแฮงค์ได้อย่างรวดเร็ว ทําให้แฮงค์
เปลี่ยนทัศนคติของตน และยืนขึ
้
นจับมือกับโรเอล
“คุณโรเอล ผมขอทราบเหตุผลที่คุณมาเยี่ยมโถงแห่งอัครสาวก
อย่างกะทันหันได้ไหม?”
“… ผมมาตามที่ได้นัดหมายไว้”
“ตามที่นัดหมายไว้?”
“ใช่แล้ว มันเป็นการนัดหมายผ่านแหวน”
โรเอลหยิบกล่องไม้อันวิจิตรออกมาจากเสื้อคลุมและมอบแหวน
ประจําตระกูลของตระกูลเซไซต์ให้กับแฮงค์เพื่อตรวจสอบ ซึ่งอีกฝ่ายก็
รีบตรวจสอบแหวนก่อนจะโค้งคํานับอย่างสุภาพ
“โปรดตามผมมา คุณโรเอล”
…
หนึ่งชั่
วโมงต่อมา โรเอลก็ได้เข้าไปในสถานที่ที่เขารู้สึกคุ้นเคย
ภายใต้การนําทางของแฮงค์นั่
นก็คือพระราชวังของจักรวรรดิเซนต์เม
ซิท
ต่างจากห้องโถงเซนต์เซชูร์ที่เป็นดั่
งสํานักงานใหญ่ของโบสถ์แห่ง
เทพีผู้สร้างที่โรเอลเคยเข้าพบพระสังฆราชจอห์น พระราชวังทูตสวรรค์
ของตระกูลเซไซต์นั้
นมีความหมายที่แตกต่างกันออกไป
หากพวกเขาพบกันในโบสถ์แห่งเทพีผู้สร้าง ก็หมายความว่าจอห์น
กําลังพบกับโรเอลอย่างเป็นทางการในฐานะผู้ทรงเกียรติซึ่งทําให้การ
พบปะของพวกเขาถือว่าเป็นเรื่องเกี่ยวข้องกับงาน อย่างไรก็ตาม
ภายในพระราชวัง บทบาทของจอห์นคือจักรพรรดิและผู้นําแห่งตระกูล
เซไซต์ซึ่งมีแนวโน้มว่าการพบปะกันนั้
นจะเป็นเพียงเรื่องส่วนตัว
นั่
นหมายความว่าแฮงค์ถือว่าแหวนนั้
นเป็นสมบัติของตระกูลเซ
ไซต์ไม่ใช่ของโบสถ์แห่งเทพีผู้สร้าง ซึ่งถือว่าเป็นคําเชิญจากราชวงศ์
โดยพฤตินัย
พระราชวังนั
้
นได้รับการดูแลเป็นอย่างดีเช่นเคย มันดูไร้ที่ติราวกับ
ปีกสีขาวของทูตสวรรค์แม้จะเป็นในช่วงค�าคืนของฤดูหนาว
ขณะที่แฮงค์พาโรเอลเข้าไปในพระราชวังอันกว้างใหญ่ เด็กหนุ่มก็
สังเกตเห็นว่าผู้คุมในบริเวณใกล้เคียงทั้
งหมดถูกแทนที่ด้วยสมาชิกของ
โถงแห่งอัครสาวก ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงสามารถผ่านการตรวจสอบ
ความปลอดภัยที่เข้มงวดตามปกติได้
ทั
้
งสองแทบไม่ได้พูดอะไรกันเลยระหว่างทาง
โรเอลอาจจะคิดมากไปเองกับท่าทีเงียบๆ ของแฮงค์แต่เขาก็อด
ไม่ได้ที่จะรู้สึกว่ามีบางอย่างแปลกๆ เกี่ยวกับท่าทางและทัศนคติของอีก
ฝ่าย
เนื่องจากทั้
งสองมีความเกี่ยวพันอย่างใกล้ชิดกับตระกูลเซไซต์จึง
ไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะบอกว่าพวกเขาเป็นพันธมิตรกันในกลุ่มเดียวกัน
ทว่าตลอดชั่
วโมงที่ผ่านมา เขากลับสังเกตเห็นว่าแฮงค์กําลังประเมิน
เขาอย่างเงียบๆ ด้วยท่าทีที่ระมัดระวัง
นี่เป็นนิสัยที่เขาได้มาจากการทํางานในฐานะอัครสาวกงั้
นเหรอ?
แม้ว่าโรเอลจะคาใจอยู่บ้าง แต่เขาก็ไม่ได้เก็บมันมาใส่ใจมากนัก
ความระแวดระวังเป็นสิงที่ทําให้อัครสาวกมีชีวิตรอดจากการต่อสู้กับ ่
ลัทธิชั่
วร้าย และเขาเองก็คงจะตกใจมากเช่นกัน ถ้าจู่ๆ แฮงค์เริ่
มเข้ามา
ชวนเขาคุย
“ท่านโรเอล ท่านสังฆราชอยู่ภายในอาคารนั้
น ผมจะรอข้างนอก
ขอรับ”
“ขอบคุณที่นําทางให้ผมครับ ท่านเคานต์แฮงค์”
โรเอลพยักหน้าอย่างสุภาพให้กับชายผมแดง ก่อนที่จะสํารวจ
อาคารข้างหน้าตน มันอลังการน้อยกว่าห้องโถงเซนต์เซชูร์ซึ่งเขาได้ไป
เยี่ยมเยียนเมื่อหลายปีก่อน และประตูเองก็เล็กกว่ามาก ทําให้เมื่อ
พิจารณาจากที่ตั้
งแล้ว มันน่าจะเป็นห้องส่วนตัวสําหรับจักรพรรดิที่
เอาไว้ติดต่อกับผู้ใต้บังคับบัญชาคนสนิทที่เขาเชื่อใจได้
เด็กหนุ่มจัดระเบียบตัวเองอย่างรวดเร็ว ก่อนจะชําเลืองมองไปยัง
ทหารที่เฝ้าประตูทางเข้า ทันใดนั้
นอีกฝ่ายก็ผลักประตูไม้ขนาดใหญ่ให้
เปิดออก
โรเอลเดินเข้าไปอย่างสง่างาม เมื่อเห็นว่าไม่มีใครอยู่ข้างใน เขาจึง
นั่
งลงบนเก้าอี้แขกตัวหนึ่งและเริ่
มสํารวจเครื่องประดับอันสวยงามที่
แขวนอยู่บนผนังด้วยความอยากรู้อยากเห็น
ไม่นานนัก ประตูภายในของสมาชิกราชวงศ์ก็เปิดออก จากนั
้
นผู้
เฒ่าผมขาวคนหนึ่งก็เดินเข้ามาในห้อง
โรเอลยืนขึ
้
นและโค้งคํานับด้วยความเคารพ
“ไม่ได้เจอกันนานเลยขอรับ ฝ่าบาท กระผมรู้สึกเป็นเกียรติจริงๆ
ที่ได้เข้าพบท่านอีกครั้
ง”
“ไม่เป็นไรน่า เจ้าไม่จําเป็นต้องพูดเป็นทางการเช่นนั้
นหรอก ที่นี่มี
แค่พวกเราสองคน”
ผู้เฒ่าผมขาวโบกมือเบาๆ ด้วยรอยยิ้
มก่อนจะเดินไปที่ที่นั่
งตรง
กลาง น�าเสียงและการเคลื่อนไหวของเขาดูสบายๆ เช่นเคย
เมื่อเห็นเช่นนั้
น โรเอลก็เปลี่ยนไปใช้น�าเสียงที่เป็นกันเองยิ่
งขึ
้
น
ด้วยรอยยิ้
ม
“ท่านปู่จอห์น นี่ก็ผ่านมานานหลายเดือนแล้วนับจากที่พวกเราเจอ
กันครั
้
งล่าสุด ท่านเป็นอย่างไรบ้างครับ?”
“อย่ากังวลไป ข้ายังหนังเหนียวดีดูเหมือนว่าเจ้าจะสูงขึ
้
นมามาก
ในช่วงสองสามเดือนที่ผ่านมาสินะ”
ทั
้
งคู่เริ่
มสนทนาด้วยน�าเสียงที่เป็นกันเอง ชวนให้นึกถึงการสนทนา
ระหว่างเด็กที่เพิงกลับจากโรงเรียนกับคุณปู่ที่เป็นมิตร ่ มันธรรมดามาก
จนทําให้โรเอลอ่อนไหวเล็กน้อย
พระสังฆราชจอห์นเป็นผู้อาวุโสที่แสดงความห่วงใยต่อเขามาก
ที่สุดนอกเหนือจากคาร์เตอร์อันที่จริงการสนับสนุนจากจอห์นเป็นหนึ่ง
ในเหตุผลสําคัญที่ทําให้นอร่าและโรเอลสามารถรักษาความสัมพันธ์ที่
ใกล้ชิดเช่นนี้ไว้ได้ตลอดหลายปีที่ผ่านมา
นั่
นคือเหตุผลที่โรเอลไม่ลังเลที่จะรีบมาที่เมืองหลวงศักดิ์
สิทธิ
์เมื่อ
ได้รับคําใบ้จากจอห์น เด็กหนุ่มรู้อย่างแน่นอนว่าอีกฝ่ายไม่มีทางทํา
อะไรที่เป็นอันตรายต่อตน
เขาหวงแหนสายสัมพันธ์ที่มีกับพระสังฆราชจอห์นและนั่
นเป็น
เหตุผลที่เขาโล่งใจเป็นพิเศษเมื่อได้เห็นรอยยิ้
มของชายชรา
สถานการณ์ไม่น่าจะรุนแรงเท่าไร ถ้าเขายิ้
มออกมาแบบนี้
โรเอลหยิบกล่องไม้อันวิจิตรงดงามออกมาแล้ววางแหวนที่มีตรา
สัญลักษณ์ของตระกูลเซไซต์ไว้บนโต๊ะ จากนั
้
นเขาก็มองที่จอห์นด้วย
รอยยิ
้
มที่ดูหนักใจ
“ท่านปู่จอห์น คราวหน้าท่านใช้วิธีอื่นเรียกผมก็ได้นะครับ ผมกลัว
จนตัวสั่
นเลยตอนที่เห็นแหวนวงนี้”
“ฮ่าๆๆ! ข้าต้องการเชิญเจ้ามาอย่างยิงใหญ่หลังจากชัยชนะที่เจ้า ่
ได้รับในศึกชิงถ้วย แต่มีปัญหาหลายอย่างเกิดขึ
้
นระหว่างนั
้
น ท้ายที่สุด
ข้าเลยทําได้เพียงแค่เรียกเจ้ามาอย่างลับๆ ถึงข้าจะเสียใจที่ต้องพราก
วีรบุรุษผู้นําเกียรติมาสู่จักรวรรดิเซนต์เมซิทของเราจากเสียงปรบมือที่
เขาสมควรได้รับก็ตามที”
“ผมชอบดอกไม้และเสียงปรบมือก็จริง แต่ไม่ได้หมกมุ่นอยู่กับมัน
เพียงแค่ของขวัญของท่านมัน… ผมคิดว่ามันไม่เหมาะสมสําหรับคน
นอกอย่างผมที่จะถือครองมันเอาไว้”
“คนนอก? ไม่ใช่แบบนั้
นหรอกน่า”
จอห์นจ้องมองโรเอลด้วยดวงตาลึกล�า ขณะที่เขาคิดถึงห้องที่
หลานสาวของเขาสงวนไว้โดยเฉพาะสําหรับการจัดเก็บจดหมายสําคัญ
โรเอลยิ้
มตอบอย่างช่วยไม่ได้ก่อนที่จะดําดิ่
งลงไปในหัวข้อหลัก
“มันเป็นคําสั่
งของนอร่า ที่ทําให้ผมพยายามอย่างดีที่สุด เพื่อคว้า
ถ้วยรางวัลชนะเลิศในศึกชิงถ้วย แต่เมื่อผมกลับมาที่จักรวรรดิเซนต์เม
ซิท ผมก็ได้ยินมาว่านอร่าไม่ได้แสดงตัวต่อสาธารณชนมานานแล้ว และ
ผมเองก็ไม่สามารถติดต่อกับเธอผ่านทางจดหมายได้เช่นกัน ท่านปู่
จอห์นครับ มีอะไรเกิดขึ้
นกับนอร่ารึเปล่า?”
เสียงของโรเอลมีความกังวลเล็กน้อยขณะที่เขามองดูจอห์นด้วย
สายตาที่จริงจัง ซึ่งชายชราก็ยิมและพยักหน้าไปให้ ้
“ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นห่วงนอร่า และนั่
นก็คือเหตุผลที่ข้าเรียกเจ้ามาที่
เมืองหลวงศักดิ์
สิทธิ
์มันผ่านมาเป็นเวลาหนึ่งเดือนแล้วที่นอร่าปรากฏ
ตัวต่อสาธารณชนเป็นครั้
งสุดท้าย ดังนั
้
นมันจึงเลี่ยงไม่ได้ที่ประชาชนจะ
กังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้”
“ท่านปู่จอห์น มีบางอย่างเกิดขึ
้นขณะที่นอร่าปลุกพลังสายเลือด
งั
้
นเหรอครับ?”
โรเอลถามคําถามนี้เพียงเพราะเขาสัมผัสได้ถึงความหนักอึ
้
งใน
เสียงของจอห์น แต่จู่ๆ อีกฝ่ายก็เงียบต่อคําถามของเขา
“จะพูดแบบนั
้
นก็ได้มันยังอยู่ภายใต้การควบคุมก็จริง เพียงแต่…
ข้าสังหรณ์ใจไม่ดีเท่าไร”
“สังหรณ์ใจไม่ดีเหรอครับ?”
“อืมม ข้ามีความรู้สึกว่าสิ่
งต่างๆ กําลังจะแย่ลงไปอีก”
จอห์นนึกถึงอาการของนอร่าและถอนหายใจ จากนั
้
นเขาก็มองไป
ทางโรเอลด้วยสีหน้าเคร่งขรึมพร้อมกล่าว
“นอร่ากําลังอยู่ในระหว่างการอวตารทูตสวรรค์”