ทรราชตัวน้อย ไม่อยากพบจุดจบแบบ BAD END - บทที่ 448 พาเธอกลับมา (2)
พระสังฆราชจอห์นจึงตัดสินใจมอบหน้าที่การอารักขาโรเอลให้กับ
อัครสาวกคนสนิทของเขา นั่
นก็คือผู้บังคับบัญชาระดับสูงของโถงแห่ง
อัครสาวกแฮงค์ซึ่งแน่นอนว่าโรเอลเองก็ได้รับอนุญาตให้นําคนสนิท
ส่วนตัวติดตามไปด้วย
โรเอลรู้สึกซาบซึ
้งที่พระสังฆราชจอห์นส่ง แฮงค์ให้ตามมาอารักขา
เขา เพราะแฮงค์คือผู้มีพลังเหนือธรรมชาติที่ทรงพลังที่สุดในหน่วย
ราชการลับของตระกูลเซไซต์อย่างไรก็ตามเด็กหนุ่มก็อดสงสัยไม่ได้
เกี่ยวกับทัศนคติของเคานต์แฮงค์ที่มีต่อตนเอง
“ท่านปู่จอห์น เคานต์แฮงค์มีความขุ่นเคืองอะไรกับตระกูลแอส
คาร์ดรึเปล่าครับ? ผมรู้สึกว่าดูจะระแวดระวังผมเป็นพิเศษ”
“มีประวัติไม่มากนักระหว่างเขากับตระกูลแอสคาร์ด แต่ถ้าให้ข้า
เดา ที่เขาระแวงเจ้าน่าจะเป็นเพราะกองทัพนอกรีตภายใต้อาณัติของ
เจ้าเสียมากกว่า”
“เข้าใจแล้วครับ…”
โรเอลพยักหน้ารับรู้มันไม่มีอะไรที่เขาสามารถทําได้เกี่ยวกับ
สถานการณ์นี้กองทัพนอกรีตจงรักภักดีต่อเด็กหนุ่มแบบไม่มีเงื่อนไข
ดังนั
้
นมันไม่มีทางเลยที่เขาจะทําอะไรโง่เขลาอย่างการยุบฝ่ายกองทัพ
นอกรีตเพื่อทําให้คนอื่นพอใจ
ดูเหมือนว่าการเดินทางไปยังป้อมปราการทาร์กจะเป็นเรื่องน่า
หนักใจซะแล้วสิ
โรเอลลอบถอนหายใจ
หลังจากที่พวกเขาทั้
งสองพูดคุยรายละเอียดทั
้
งหมดเสร็จ โรเอลก็
เดินจากไป ส่วนจอห์นก็มองตามหลังไปยังเงาที่กําลังเดินจากไปของ
เด็กหนุ่ม พร้อมแสงวาบแปลกๆ ที่ส่องผ่านดวงตาของเขา
นอร่าเป็นหนึ่งในสมาชิกไม่กี่คนของตระกูลเซไซต์ที่มีสายเลือด
ดั
้
งเดิม เมื่อทราบถึงอันตรายของสถานะอวตารทูตสวรรค์พวกตระกูล
เซไซต์และโบสถ์ก็ได้อุทิศเวลาและความพยายามในการดูแลการเติบโต
ของเธอ เพื่อความปลอดภัย ซึ่งทุกอย่างก็เป็นไปได้ด้วยดีจนกระทั่
งสิ่
ง
ต่างๆ ได้เปลี่ยนไปในปีที่เธอมีอายุเก้าขวบ
หรือก็คือปีที่นอร่าได้พบกับโรเอล
ในปีนั้
นนอร่าได้เข้าสู่สถานะผู้เฝ้ามองพร้อมกับโรเอล และปลุก
พลังสายเลือดระดับเงินขึ
้
นมาอย่างกะทันหัน ทําให้โบสถ์แห่งเทพี
ผู้สร้างต้องประหลาดใจ แต่นั่
นเป็นเพียงแค่จุดเริ่
มต้นของความผิดปกติ
ในปีถัดมานอร่าจึงเติบโตขึ
้นอย่างรวดเร็วราวกับก้าวกระโดด ส่งผลให้
พลังทางสายเลือดระดับทองของเธอตื่นขึ้นล่วงหน้าไปหลายปี
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้เกี่ยวข้องกับโรเอล
นี่อาจเป็นผลจากพลังสายเลือดตระกูลแอสคาร์ดที่ทําให้อัตราการ
เติบโตของนอร่าเพิ่
มขึ
้นอย่างรวดเร็ว หรือไม่แน่การได้พบกับโรเอลก็
อาจจะกระตุ้นบางสิ่
งบางอย่างในตัวเธอ ซึ่งแม้แต่จอห์นเองก็ไม่มี
คําตอบสําหรับคําถามนั
้
น แต่มีสิ่
งหนึ่งที่เขารู้ได้อย่างแน่ชัด
ทันทีที่ทั้
งสองได้พบกัน ชะตากรรมของพวกเขาได้ถูกผูกเข้า
ด้วยกันแล้ว
“ขอให้พรของเทพีเซียจงสถิตอยู่กับพวกเจ้า”
ผู้เฒ่าผมขาวหลับตาและพึมพําคําอธิษฐานเพื่อเด็กๆ ทั
้
งสองคน
…
โรเอลอยู่ในเมืองหลวงศักดิ์
สิทธิ
์
ต่อราวๆ สองสามวันหลังจากคุย
กับพระสังฆราชจอห์น เขาใช้เวลานี้เตรียมการสําหรับการเดินทางไปยัง
ป้อมปราการทาร์ก รวมทั
้
งส่งจดหมายถึงคาร์เตอร์เพื่อแจ้งให้เขาทราบ
เกี่ยวกับเรื่องนี้
การมุ่งหน้าสู่แนวหน้าถือเป็นเรื่องใหญ่ แม้ว่าเขาไม่ได้วางแผนจะ
ไปต่อสู้กับพวกกลายพันธุ์แต่อย่างน้อยๆ เขาก็ควรแจ้งให้ครอบครัว
ทราบ ยิ่
งไปกว่านั้
นการเดินทางอันยาวนานไปยังชายแดนตะวันออก ก็
น่าจะใช้เวลาลากยาวเกินวันปีใหม่ไป
นี่จะเป็นครั้
งแรกที่โรเอลจะไม่ได้ใช้เวลาช่วงปีใหม่กับครอบครัว
โชคดีที่คาร์เตอร์ค่อนข้างเปิดใจ เมื่อทราบรายละเอียดแล้ว เขาก็
ส่งจดหมายอนุมัติการตัดสินใจของโรเอลกลับมาพร้อมเน้นย�าถึง
ความสําคัญของการรักษาความเป็นพันธมิตรกับตระกูลเซไซต์และ
เตือนเกี่ยวกับการแทรกแซงที่อาจเกิดขึ้
นจากตระกูลเอลริก
ตามที่คาร์เตอร์กล่าว แม้ว่าตระกูลเอลริกจะถูกตระกูลแอสคาร์ด
และตระกูลเซไซต์ปราบปรามมาตลอดช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แต่พวกเขาก็
ยังคงเคลื่อนไหวอย่างกระฉับกระเฉงอยู่ในเงามืด ราวกับรอโอกาสที่จะ
ฟื้ นคืนอํานาจกลับมา
ระหว่างที่นอร่าอยู่ในสภาพที่ไม่มั่
นคง ไม่แน่ว่าตระกูลเอลริก
อาจจะใช้โอกาสนี้วางแผนบางอย่าง
ซึ่งนั่
นก็เป็นสิ่
งที่โรเอลกังวลเช่นกัน ตระกูลเอลริกเคยก่อกบฏต่อ
จักรวรรดิเซนต์เมซิทในอายออฟโครนิเคิล และผู้นําคนปัจจุบันของ
พวกเขาอย่างไบรอัน เอลริกก็เป็นสัตว์ประหลาดที่มีชีวิตอยู่มานาน
หลายศตวรรษ
แม้แต่คนโง่ก็สามารถบอกได้ว่าตระกูลเอลริกกําลังสมรู้ร่วมคิดกับ
ลัทธิชั่
วร้าย
ที่แย่ไปกว่านั้
นก็คือโรเอลเองก็กําลังอยู่ในช่วงฝ่าฟันคอขวดของ
ระดับแก่นแท้4 เช่นกัน หลังจากครุ่นคิดแล้ว เด็กหนุ่มจึงตัดสินใจที่จะ
ขนบันทึกประวัติศาสตร์จํานวนมากไปในรถม้า เผื่อเขาจะสามารถ
ผลักดันตัวเองให้ข้ามผ่านกําแพงของระดับแก่นแท้4 ไปได้ระหว่างการ
เดินทาง
ซินเทียและคนอื่นๆ คิดว่าแผนของโรเอลนั้
นเสี่ยงเกินไปและ
คัดค้านอย่างรุนแรง การก้าวผ่านจากระดับแก่นแท้4 ไปสู่ระดับแก่น
แท้3 นั
้
นไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะกับพลังสายเลือดระดับทอง หาก
ไม่ได้มีการเตรียมการที่ดีพอ
ผู้มีพลังเหนือธรรมชาติคนอื่นๆ ที่เผชิญกับอุปสรรค มักจะ
รวบรวมทรัพยากรทุกอย่างที่พวกเขามีไม่ว่าจะเป็นยาหรืออุปกรณ์เวท
ต่างๆ ออกเดินทางไกลเพื่อค้นหาสภาพแวดล้อมอันสมบูรณ์แบบ เพื่อ
เพิ่
มโอกาสในความสําเร็จ หากจําเป็นพวกเขาก็อาจจะต้องทําพิธีกรรม
เช่นการอาบน�าท่ามกลางควันธูป
แต่นี่โรเอลกลับกําลังคิดที่จะข้ามผ่านกําแพงนั้
นในรถม้าเนี่ยนะ?
เขาเบื่อจะมีชีวิตอยู่แล้วรึไง?
“นายน้อย พวกเราควรเลื่อนการฝ่าฟันระดับแก่นแท้4 ของท่าน
ออกไป จนกว่าพวกเราจะกลับถึงเขตการปกครองนะขอรับ มันจะ
ปลอดภัยกว่ามากถ้าท่านทํามันภายใต้การดูแลของมาร์ควิส คาร์เตอร์”
ร็อดนีย์วู้ดและซินเทียล้วนกังวลเกี่ยวกับความประมาทของโรเอล
ทั
้
งสามจึงมาหาเขาเพื่อห้ามไม่ให้เขาทําตามแผน วู้ดที่อาวุโสที่สุด
กระวนกระวายใจมากเสียจนลูบเคราไปมาขณะที่เขาพูด ยืนกรานให้โร
เอลพิจารณาทางเลือกของเขาใหม่
อย่างไรก็ตามนั่
นไม่อาจเปลี่ยนแปลงความคิดของโรเอล
แม้คฤหาสน์ตระกูลแอสคาร์ดจะเป็นเหมือนสถานที่ในอุดมคติ
สําหรับโรเอลในการข้ามผ่านกําแพงระดับแก่นแท้อย่างสงบสุข แต่
มรดกที่เกี่ยวข้องกับสายเลือดแห่งผู้แสวงหาราชา และคุณสมบัติแก่น
แท้ต้นกําเนิดมงกุฎนั
้
นได้สูญหายไปนานแล้ว จึงไม่มียาหรืออุปกรณ์เวท
ใดๆ ที่จะสามารถช่วยเขาได้
การสนับสนุนที่น่าเชื่อถือที่สุดของโรเอลในตอนนี้คือระบบ
ทําให้สถานที่ไม่ได้สร้างความแตกต่างมากนักในการพัฒนา
ขีดจํากัดความสามารถของเขา
นอกจากนี้โรเอลเองก็มีลางสังหรณ์คลุมเครือบางอย่างว่าการ
เดินทางไปยังชายแดนตะวันออกของเขาจะไม่ราบรื่น แม้ว่าเขาจะ
ได้รับการคุ้มกันโดยผู้มีพลังเหนือธรรมชาติมากมาย แต่ในกรณีฉุกเฉิน
มันก็คงจะเป็นการดีที่สุด หากเขาสามารถเพิ่
มระดับแก่นแท้ของตนเอง
ได้
นอกจากนี้ยังมีอีกปัญหาหนึ่งที่โรเอลจะต้องแก้ไข นั่
นก็คืออัคร
สาวกภายใต้การบังคับบัญชาของเคานต์แฮงค์
เหตุการณ์การเดินขบวนแห่งความวุ่นวายได้ผ่านมากว่าสอง
ศตวรรษผ่านแล้ว และพวกนอกรีตก็ไม่ใช่เป้าหมายของอัครสาวกอีก
ต่อไป อย่างไรก็ตามทางโบสถ์แห่งเทพีผู้สร้างก็ยังไม่ยอมรับพวกลัทธิ
นอกรีตเข้ามาในหลักคําสอน ด้วยเหตุนี้แม้ว่าอัครสาวกส่วนใหญ่จะ
ไม่ได้มองว่ากองทัพของโรเอลเป็นศัตรูแต่พวกเขาก็ไม่คิดว่ากองทัพ
ของโรเอลเป็นคนดีเช่นกัน
น่าเสียดายที่ไม่มีคาถาพูดจาโน้มน้าวบนโลกนี้ดังนั
้
นโรเอลจึงไม่
สามารถเปลี่ยนแปลงความเชื่อที่ฝังลึกอยู่ในใจของผู้อื่นได้อย่าง
สะดวกสบายด้วยคําพูดเพียงไม่กี่คํา ดังนั
้
นเขาจึงเลือกเส้นทางที่ใช้งาน
ได้จริงมากกว่า
“เคานต์แฮงค์ผมรู้ว่าคุณไม่ไว้ใจผมและผู้พิทักษ์ของผม แต่ผม
อยากจะขอเตือนคุณว่าสถานที่ที่พวกเรากําลังมุ่งหน้าไปนั้
น ไม่มีการ
แบ่งแยกความแตกต่างระหว่างผู้ที่เชื่อในเทพีเซียกับพวกนอกรีต ใน
สถานการณ์เช่นนี้ทางที่ดีผมคิดว่าพวกเราควรจะประนีประนอมกัน
นะ”
“ประนีประนอม?”
“ถูกต้องแล้ว ผมรู้ว่ามันคงเลี่ยงไม่ได้ที่พวกคุณจะไม่ไว้ใจพวกเรา
ด้วยความแตกต่างทางความเชื่อ แต่พวกเราต่างก็เป็นส่วนหนึ่งของ
มนุษยชาติผมคิดว่าอย่างน้อยๆ พวกเราก็สามารถตกลงกันได้ว่าพวก
เรามีเป้าหมายร่วมกันคือการไปยังป้อมปราการทาร์กอย่างปลอดภัย
เพื่อสิ่
งนี้พวกเราควรจะละทิ
้
งความแตกต่างลงชั่
วคราวและทํางาน
ร่วมกัน”
“ผมไม่ต้องการให้กองทัพของพวกเราทํางานแยกกัน และทําให้
พลังงานของพวกเราหมดลงโดยไม่จําเป็น ผมเชื่อว่าพวกเราสามารถ
จัดการกับภัยคุกคามได้มากหากร่วมมือกัน คุณคิดว่ายังไงบ้างล่ะ
เคานต์แฮงค์?”
“…ประนีประนอมชั่
วคราวสินะ ก็ได้งั
้
นไปกันเถอะ”
ภายใต้คําแนะนําของโรเอล ในที่สุดแฮงค์ก็เต็มใจที่จะละเลิกการ
ระแวดระวังของตนลงบางส่วน และสร้างระบบการบัญชาการแบบครบ
วงจรร่วมกับกองทัพของโรเอล เพื่อเน้นย�าความปรารถนาที่จะ
ประนีประนอมและร่วมมือกันในการเดินทางครั้
งนี้
หนึ่งสัปดาห์หลังจากการเข้าพบพระสังฆราชจอห์น พวกเขาก็ออก
จากเมืองหลวงศักดิ์
สิทธิ
์
ไปในตอนกลางคืน เมื่อมองดูเมืองแห่งทูต
สวรรค์อันสูงตระหง่านที่ค่อยๆ ห่างออกไป โรเอลก็นึกถึงภาพเงาอัน
งดงามของเด็กสาวผมสีทองและให้คํามั่
นสัญญาอย่างเงียบๆ ในใจ
ครั
้
งต่อไปที่เรากลับมาที่นี่ เราจะกลับมาพร้อมกับนอร่า ไม่ว่า
จะต้องทํายังไงก็ตาม