ทรราชตัวน้อย ไม่อยากพบจุดจบแบบ BAD END - บทที่ 452 เที่ยงคืนแห่งความกลัว
“ท่านโรเอล กระผมคิดว่าวันนี้พวกเราควรหยุดพักกันก่อน” “…”
ขณะที่กลุ่มอัศวินกําลังรีบกลับไปที่ป้อมปราการทาร์ก ผู้ บัญชาการหน่วยอัศวินก็ลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะวิ่งออกไปให้คําแนะนํา แก่โรเอล
เด็กหนุ่มเหลือบไปมองข้างหลัง เมื่อเห็นใบหน้าอันเหนื่อยล้าของ เหล่าอัศวินข้างหลัง ประกอบกับท้องฟ้าที่เริ่มมืดลง ทําให้เขาต้องคิด ทบทวน
เป็นเวลาสองวันติดต่อกันที่โรเอลเดินทางมาพร้อมกับหน่วยอัศวิน ที่สามของจักรวรรดิเซนต์เมซิท โดยไม่หยุดพัก ด้วยม้าที่ยอดเยี่ยมและ อัศวินที่มีระเบียบวินัยก็ทําให้พวกเขาย่นระยะทางที่หน่วยอื่นๆ อาจจะ ต้องใช้เวลาถึงห้าวันได้
แน่นอนว่ามันก็มีข้อเสียเช่นกัน แม้โรเอลและเหล่าอัศวินจะ สามารถอดทนได้ แต่ม้าที่ขี่มานั้นถึงขีดจํากัดแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นพระ อาทิตย์ก็เริ่มตกดินแล้ว การเดินทางตอนกลางคืนนั้นอันตรายมาก โดยเฉพาะในเขตชายแดนตะวันออกที่ซึ่งเต็มไปด้วยพวกกลายพันธุ์ หากพลาดล่ะก็อาจจะส่งผลถึงชีวิตได้เลยทีเดียว
มีเหตุผลมากมายให้พวกเขาต้องหยุดพักผ่อน แต่ความกังวลของ โรเอลไม่ยอมให้ทําเช่นนั้น เด็กหนุ่มไตร่ตรองเรื่องนี้ก่อนที่จะถามผู้ บัญชาการหน่วยอัศวิน
“อีกนานไหมกว่าที่เราจะไปถึงป้อมปราการทาร์ก?”
“เราอยู่ห่างออกไปเพียงไม่กี่ชั่วโมง แต่พวกเรายังไม่สามารถเข้า ไปในป้อมปราการได้ในคืนนี้ครับ”
“ทําไมล่ะ?”
“ประตูของป้อมปราการทาร์กถูกผนึกในเวลากลางคืน แม้ว่าเรา จะไปถึงที่นั่น แต่พวกเราก็ต้องรอนอกกําแพงป้อมปราการ ดังนั้นพวก เราควรพักผ่อนใกล้ๆ ก่อนและเดินทางต่อในวันพรุ่งนี้ครับ”
“อืม…”
โรเอลชั่งน�าหนักตัวเลือกอย่างรอบคอบ ก่อนจะตกลงตาม คําแนะนําของผู้บัญชาการหน่วยอัศวิน จากนั้นกลุ่มของโรเอลก็เริ่ม ชะลอฝีเท้าลง
เนื่องจากพวกเขาไม่สามารถเข้าไปในป้อมปราการได้ มันจึงดีกว่า มากที่พวกเขาจะพักผ่อนในคืนนี้ เพราะนอกจากนี้แล้ว เมื่อไปถึงพวก เขาก็น่าจะมีสิ่งที่ต้องทํามากมายรออยู่
โรเอลแตะหน้าอกของตนโดยไม่รู้ตัว ก่อนจะวางจดหมายขององค์ ชายเคนลงพร้อมกับรู้สึกอบอุ่นในใจ
ความจริงที่ว่านอร่าต้องการความช่วยเหลือจากเขาแสดงให้เห็นว่า เขาเป็นหนึ่งในที่ยึดเหนี่ยวในจิตใจของเธอ และมันคงจะโกหกถ้าบอก ว่าโรเอลไม่มีความสุขที่ได้ตําแหน่งสําคัญในหัวใจขององค์หญิงผู้เป็นที่ เคารพนับถือของจักรวรรดิเซนต์เมซิทเช่นนี้
มีสิ่งหนึ่งที่โรเอลคิดมาตลอดในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา
โรเอลพึ่งพาข้อมูลในเกมอายออฟโครนิเคิลมาตลอดเพื่อเป็น แนวทางสําหรับเหตุการณ์ในอนาคตแม้ว่าการพึ่งพาของเขาจะลดลง เมื่อเร็วๆ นี้ ด้วยความแตกต่างที่เพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆ ในแต่ละเหตุการณ์ อย่างไรก็ตาม สถานะอวตารทูตสวรรค์ของนอร่าก็ได้ทําให้โรเอลเริ่ม สังเกตเห็นความผิดปกติบางอย่าง
ในอดีตชาติ เด็กหนุ่มได้เลือกที่จะเล่นผ่านเนื้อเรื่องหลัก เพราะเขา รู้สึกทึ่งกับโรเอลในเกมที่ใช้ชื่อเดียวกันกับเขา เด็กหนุ่มจึงไม่ได้เข้าไปใน เส้นทางเนื้อเรื่องของนางเอกแต่ละคน แต่เขาจําได้รางๆ ว่าเคยเห็น บทสปอยล์ในเว็บเกี่ยวกับการที่นางเอกแต่ละคนจะต้องเผชิญกับ อันตราย
โรเอลไม่ได้ใส่ใจกับมันมากนักในตอนแรก โดยคิดว่าโลกเปลี่ยนไป มากเกินกว่าจะไปในทางเดียวกันกับเกมได้แล้ว แต่เมื่อเร็วๆ นี้เด็กหนุ่ม ก็เริ่มสงสัยว่าภัยคุกคามของนอร่าคืออันตรายที่เธอต้องเผชิญหรือเป็น ชะตากรรมที่เกิดจากการการกระทําของเขา หากเขาเป็นคนที่มีอิทธิพล ต่อเธอ แล้วอิทธิพลนี้เป็นบวกหรือลบกันแน่?
เด็กหนุ่มครุ่นคิดอย่างหนักเกี่ยวกับคําถามนี้และในที่สุดเขาก็ได้ คําตอบ
โรเอลมั่นใจว่าการเปลี่ยนแปลงของตนส่งผลกระทบต่อนอร่าอย่าง แน่นอนไม่ว่าจะในทางใดก็ทางหนึ่ง แต่อิทธิพลของเขาไม่ใช่แง่บวก ทั้งหมด
ประการหนึ่ง เขาได้ทําให้แผนของตระกูลเอลริกยุ่งเหยิง ดังนั้นจึง เปิดโอกาสให้ตระกูลแอสคาร์ด และตระกูลเซไซต์จัดการพวกเขาและ หยุดยั้งการกบฏไปได้ การทําเช่นนี้ได้หลีกเลี่ยงความโกลาหลและความ อ่อนแอของจักรวรรดิเซนต์เมซิท ซึ่งถือเป็นอิทธิพลในเชิงบวก
ทว่าในขณะเดียวกัน เพราะการเปลี่ยนแปลงของเขา การปลุก สายเลือดก่อนวัยอันควรของนอร่าจึงเกิดขึ้น และนั่นถือเป็นอิทธิพลเชิง ลบ และมีแนวโน้มว่าจะทําให้ภัยอันตรายที่เธอต้องเผชิญในเนื้อเรื่อง หลักแย่ลงไปอีก
โรเอลรู้สึกไม่สบายใจเสมอที่นอร่าและคนอื่นๆ เติบโตเร็วกว่า คู่แข่งในเกม แต่เขาก็ไม่เคยเข้าใจสักทีว่า ความรู้สึกนี้มันมาจากที่ไหน แต่ในที่สุดเขาก็เข้าใจมันแล้ว
เขากังวลเกี่ยวกับอันตรายที่เหล่านางเอกแต่ละคนจะต้องเผชิญใน เส้นเรื่องของพวกเธอ และหนึ่งในนั้นก็เป็นสิ่งที่ตนนึกขึ้นมาได้พอดี
ด้วยความกังวลที่มี โรเอลจึงเก็บตัวเงียบตลอดการเดินทางที่เหลือ เหล่าอัศวินต่างชะลอความเร็วลงภายใต้แสงสีส้มของดวงอาทิตย์ที่ กําลังตกดิน ทุกคนล้วนถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อได้รู้ว่าพวกเขา จะได้พักผ่อนในคืนนี้
สองชั่วโมงต่อมา กองอัศวินก็มาถึงเมืองแห่งหนึ่งของป้อมปราการ ทาร์ก …เมืองบาร์ก
แม้จะถูกเรียกว่าเป็นเมือง แต่เมืองบาร์กนั้นไม่มีพลเรือนอยู่เลย ส่วนใหญ่ที่อาศัยอยู่ในเมืองนี้เป็นพ่อค้าที่ค้ายุทโธปกรณ์ทางทหาร ทํา ให้ที่นี่มีทรัพยากรมากมาย ที่นี่ทําหน้าที่เป็นตลาดค้าอาวุธที่ใหญ่ที่สุด และสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของบุคลากรทางทหารในบริเวณใกล้เคียง
ด้วยเหตุนี้มันจึงมักจะถูกโจมตีโดยพวกกลายพันธุ์ที่พยายาม เดินทางข้ามภูเขามาบุกรุกอาณาเขตของมนุษยชาติ
แต่จนถึงปัจจุบันยังไม่มีพวกกลายพันธุ์ตัวไหนที่สามารถฝ่าด่าน ที่นี่ไปได้ เพราะเมืองนี้ได้รับการเสริมกําลังอย่างแน่นหนาด้วยอาวุธทุก ประเภทในกําแพงเมืองอันหนาทึบ นอกจากนี้ยังมีกองทหาร รักษาการณ์ประจําการอยู่ในเมืองอีกด้วย
ผู้บัญชาการหน่วยอัศวินดูเหมือนจะใกล้ชิดกับกองทหาร รักษาการณ์ ทําให้พวกเขาเข้าไปในเมืองได้อย่างง่ายดาย พวกเขาได้ ห้องพักในโรงแรมอย่างรวดเร็ว ซึ่งถือเป็นการสิ้นสุดการเดินทางเพื่อ เอาชีวิตรอดจากแดนทรหดที่ยาวนานมากว่าหนึ่งเดือน
ความสําเร็จอันน่าทึ่งของ โรเอลในการชนะการแข่งขันศึกชิงถ้วย ยังมาไม่ถึงดินแดนที่แห้งแล้งนี้ แต่ชื่อของตระกูลแอสคาร์ดก็มีอิทธิพล มากที่นี่ ด้วยที่เมืองบาร์กอยู่ใกล้ๆ กับป้อมปราการทาร์กก็จริง แต่มัน ถือเป็นเขตภายใต้การบังคับบัญชาของผู้บัญชาการหน่วยขนส่งเสบียง คาร์เตอร์
“ยินดีต้อนรับขอรับ นายน้อยโรเอล! กระผมมีชื่อว่าคาร์เมน เป็น นายกเทศมนตรีของเมืองบาร์ก และผู้บัญชาการกองทหารรักษาการณ์ เมืองบาร์ก ผมเป็นลูกน้องเก่าของบิดาท่าน หวังว่ามาร์ควิสคาร์เตอร์จะ ได้รับการพักผ่อนอย่างมีความสุขนะขอรับ”
คาร์เมนรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่งที่ได้พบกับลูกชายคนเดียวของ ผู้บังคับบัญชา ถึงขั้นเตรียมงานเลี้ยงไว้เลยทีเดียว แม้ว่าโรเอลจะไม่ได้
สนใจสิทธิพิเศษนั้น เนื่องจากมันมาจากชื่อของคาร์เตอร์ แต่เขาก็เลือก ที่จะยอมรับความปรารถนาดีของอีกฝ่าย
เนื่องจากคาร์เมนเป็นลูกน้องเก่าของคาร์เตอร์ โรเอลจึงไม่คิดที่จะ ทําตัวเย็นชาเกินไปกับเขา นอกจากนี้แฮงค์และคนอื่นๆ เองก็จะผ่าน บริเวณนี้เช่นกัน มันคงจะดีถ้าคาร์เมนสามารถดูแลพวกเขาได้
โรเอลเล่าเรื่องของคาร์เตอร์ให้คาร์เมนฟัง จากนั้นก็พูดถึงแผนของ ตน ซึ่งคาร์เมนก็มีข้อเสนอแนะเกี่ยวกับเรื่องนั้น
“นายน้อยโรเอลควรไปในช่วงสายของพรุ่งนี้นะขอรับ ในช่วงเช้ามี หมอกปกคลุมป้อมปราการทาร์ก ทําให้ทหารคุ้มกันระบุตัวตนของท่าน ได้ยาก”
“หมอก?”
“มันค่อนข้างจะแปลกนิดหน่อย ทั้งๆ ที่ในเมืองของเราไม่มีหมอก แต่ที่ป้อมปราการกลับมีหมอกหนาเป็นพิเศษ ทหารที่เพิ่งกลับจากการ ปฏิบัติหน้าที่ที่นั่นพากันพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าพวกเขาเกือบจะมองไม่ เห็นป้อมปราการเลยด้วยซ�า”
คาร์เมนยกแก้วไวน์ขึ้นพลางบ่นเกี่ยวกับสภาพอากาศที่คาดเดา ไม่ได้ ซึ่งโรเอลก็ยิ้มตอบอย่างไม่ใส่ใจ หลังจากรับประทานอาหารเย็น
แล้ว กลุ่มของพวกเขาก็กลับไปที่โรงแรม และในที่สุด โรเอลก็ได้นอนลง บนเตียงดีๆ เป็นครั้งแรก หลังจากเดินทางมาได้หนึ่งเดือน ทว่าการนอนของโรเอลกลับไม่หอมหวานอย่างที่คิด เมื่อถึงเวลาเที่ยงคืน ขณะที่เมฆครึ้มค่อยๆ เข้าปกคลุมดวงจันทร์ จู่ๆ เด็กหนุ่มก็รู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนอันรุนแรงมาจากส่วนลึกของจิต วิญญาณ ทําให้เขาต้องลืมตาโพลงด้วยความตกใจ ศิลาแห่งมงกุฎกําลังสั่น!