ทรราชตัวน้อย ไม่อยากพบจุดจบแบบ BAD END - บทที่ 457 โชคชะตาของฉัน (1)
ตอนนี้เรากําลังเข้าใกล้เธอแล้ว
ท่ามกลางแสงสีแดงอมชมพูของดวงอาทิตย์ที่กําลังตกดิน โรเอลป ล่อยให้ม้าวิ่งไปอย่างช้าๆ พลางเฝ้าสังเกตสภาพแวดล้อมรอบข้าง
โรเอลไม่ได้อยู่ในสภาพที่ดีเท่าไหร่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่ เขาใช้เวลาหนึ่งวันควบม้าอย่างบ้าคลั่ง เขาประเมินความเหน็ดเหนื่อย ของตัวเองต�าไป ทั้งๆ ที่เพิ่งรับมือกับม่านหมอกมรณะมา
เขาไม่ได้ปลดปล่อยพลังของศิลาแห่งมงกุฎออกมาอย่างเต็มที่ แต่ เลือกที่จะปล่อยพลังเวทของพวกมันออกมาเพื่อข่มขู่ม่านหมอกมรณะ ด้วยเหตุนี้โรเอลจึงรอดพ้นจากผลข้างเคียงของความสามารถดังกล่าว ได้ ถึงกระนั้นเขาก็ต้องอุทิศพลังเวทของตนเพื่อทําให้ศิลาแห่งมงกุฎ สงบลงจากการอัญเชิญที่ยืดเยื้อ
ตรงกันข้ามกับนอร่า เด็กสาวที่เขากําลังตามหา
การตรวจสอบร่องรอยการต่อสู้จากภูเขาศพทั้งสาม ทําให้โรเอล มั่นใจว่านอร่ากําลังค่อยๆ แข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งเห็นได้ชัดจากขนาด ของซากภูเขา
มันเพิ่มขึ้นจากหลายร้อยศพในกองแรกเป็นพันกว่าศพในกองที่ สาม จํานวนการสังหารที่เพิ่มขึ้นของเธอและร่องรอยพลังเวทที่เธอทิ้ง ไว้ เป็นตัวยืนยันการคาดเดาของเขา ทําให้เด็กหนุ่มกังวลมากขึ้นไปอีก
ซึ่งความกังวลของเขาก็ไม่ได้นานเกินรอ
วิ้ง!
เสียงโลหะก้องกังวานในยามราตรี จากนั้นจู่ๆ เอสเซนด์วิงก็เริ่มสั่น พ้องตามบางสิ่ง มันเปล่งแสงกะพริบ ทําให้รูม่านตาของโรเอลขยาย ออกและรีบมองไปยังทิศทางของเสียงโลหะอย่างรวดเร็ว
โรเอลรู้ดีว่าเสียงสะท้อนนั้นเป็นสัญญาณว่าเอสเซนด์วิงสัมผัสได้ ถึงพลังเวทของเจ้าของ เนื่องจากเขาไม่ได้ทําอะไร ดาบสั้นจึงทําได้ เพียงแค่สั่นพ้องถึงเจ้าของอีกคน
นอร่าอยู่ใกล้ๆ นี้!
ในไม่ช้าเด็กหนุ่มก็สังเกตเห็นจุดพลังเวทสีทองลอยขึ้นมาจากขอบ ฟ้า ราวกับดวงดาวบนท้องฟ้าอันสว่างสดใส ดึงดูดใจคนคนหนึ่งให้มอง ชื่นชม อย่างไรก็ตามไม่นานมันก็กลายเป็นสิ่งที่น่าสะพรึงกลัว
ทันใดนั้นลําแสงแผดเผาก็ทะลุผ่านความมืดพุ่งตรงเข้ามาหาโรเอล ความร้อนที่แผดเผานั้นชวนให้นึกถึงเปลวไฟศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งเขาแทบจะไม่ สามารถตอบสนองต่อมันได้เลย
มันเร็วเกินไป!
การโจมตีนั้นเกิดขึ้นภายในเวลาไม่ถึงสิบวินาที มันเป็นการโจมตีที่ เร็วมากจนแม้แต่ผู้มีพลังเหนือธรรมชาติระดับสูงก็ยังน่ารับมือมันได้ ยาก
ณ จุดนี้ โรเอลก็ไม่คิดที่จะหลบเลี่ยงอีกต่อไป ทว่าเขาก็ไม่ได้สิ้น หวังเช่นกัน มันอาจเป็นไปไม่ได้ที่มนุษย์จะตอบสนองต่อการโจมตีนี้ แต่ สําหรับเทพเจ้าก็ไม่แน่
“โจมตีกันโดยไม่มีการทักทายเลยงั้นเหรอ? หยาบคายเสียจริงนะ”
เสียงหัวเราะของหญิงสาวดังขึ้น
พลังเวทของโรเอลเริ่มร่ายคาถาเวทขึ้นด้วยตัวเอง มือยื่นออกมา จากความว่างเปล่าปลดปล่อยคาถาเวทของราชินีแม่มดออกมา คาถา เวทอันรุนแรงทําให้เกิดคลื่นพลังปะทะกันที่ด้านหน้าของโรเอล ทําให้ ลําแสงเพลิงศักดิ์สิทธิ์หักเหผ่านด้านข้างของเขาชนเข้ากับความมืดข้าง หลัง ส่งเสียงระเบิดดังสนั่นจนหูแทบหนวก
ด้วยความช่วยเหลือของอาร์เทเชีย โรเอลก็สามารถเอาชีวิตรอด จากการโจมตีอันรุนแรงนั้นมาได้ อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้หยุดเพื่อจุดพลุ ยินดีแต่อย่างใด การปะทุของพลังเวทที่คุ้นเคยได้บอกเขาถึงตัวตนของ ผู้จู่โจมแล้ว และนั่นทําให้นี่เป็นสถานการณ์ที่แย่ที่สุดสําหรับเขา
เมื่อมองไปยังขอบฟ้าอันไกลโพ้น โรเอลเห็นเด็กสาวคนหนึ่งที่มีปีก เรืองแสงกางออกมาด้านหลังลอยอยู่กลางอากาศราวกับเป็นดวง อาทิตย์ดวงใหม่ เธอเปล่งพลังเวทศักดิ์สิทธิ์ไม่ต่างจากเทพเจ้าที่ ต้องการจะชําระล้างโลก
นอร่า เซไซต์
ดวงตาของพวกเขาสบกันในระยะทางหนึ่งพันเมตร ทันใดนั้นโร เอลก็รู้สึกราวกับหัวใจถูกแช่แข็ง เพราะเขาตระหนักได้ว่าสถานการณ์ที่ เลวร้ายที่สุดได้เกิดขึ้นแล้ว
นั่นก็คือนอร่าจําเขาไม่ได้อีกต่อไปแล้วนั่นเอง
แม้ว่านอร่าจะจ้องมองมาที่โรเอล แต่ดวงตาสีไพลินของเธอก็ยังคง แข็งกระด้างปราศจากความรู้สึก เธอถูกสัญชาตญาณศักดิ์สิทธิ์กลืนกิน ไปแล้ว แม้ว่าพลังเวทของเธอจะแข็งแกร่งกว่าเมื่อก่อนมาก แต่เธอก็ ไม่ใช่คนเดิมอีกต่อไป ราวกับว่าเธอไม่ใช่… มนุษย์แล้ว
ฉันมาสายเกินไปงั้นเหรอ? นอร่าโดนสถานะอวตารทูตสวรรค์ยึด ร่างไปแล้วงั้นเหรอ?
ความคิดดังกล่าวผุดขึ้นในใจของโรเอล ทําให้เด็กหนุ่มตกอยู่ใน ความสิ้นหวัง ถึงกระนั้นเด็กหนุ่มก็พยายามบังคับตัวเองอย่างรวดเร็วให้ ใจเย็นและคิดถึงความเป็นไปได้อื่น
พระสังฆราชจอห์นได้กล่าวถึงอวตารทูตสวรรค์ว่าเป็น กระบวนการที่ไม่สามารถย้อนกลับได้ แต่นั่นก็ต่อเมื่อบุคคลนั้นได้ข้าม ขอบเขตบางอย่างไปแล้ว ทําให้ไม่สามารถยกเลิกผลกระทบของมันได้ อีก ปัญหาเดียวก็คือโรเอลไม่มีทางรู้ได้เลยว่านอร่าผ่านจุดนั้นไปรึยัง
พูดตามตรงโรเอลกลัวที่จะรู้คําตอบของคําถามนั้น แต่เพื่อ ประโยชน์ของตัวเขาและนอร่า เขาจําเป็นต้องตรวจสอบมันด้วยตัวเอง
“นอร่า นี่ฉันเองโรเอล เธอจําฉันไม่ได้เหรอ?”
“…”
ท่ามกลางแรงกดดันมหาศาลที่มาจากเบื้องบน โรเอลเงยหน้าขึ้น และถามด้วยน�าเสียงสั่นเครือ เขาจ้องมองไปที่ทูตสวรรค์บนท้องฟ้า อย่างจดจ่อและสวดอ้อนวอนขอให้ปาฏิหาริย์เกิดขึ้น
ขณะที่เด็กหนุ่มพูดชื่อของตน เด็กสาวบนท้องฟ้าก็ขมวดคิ้วอย่าง เห็นได้ชัด สายตาของเธอเปลี่ยนไปเล็กน้อย อย่างไรก็ตามการต่อสู้ ชั่วขณะของความเป็นมนุษย์ก็ยังไม่เพียงพอที่จะเอาชนะการ ปราบปรามของสายเลือดอันทรงพลังได้ สัญชาตญาณอันศักดิ์สิทธิ์ได้ ปราบความเป็นมนุษย์ลงอย่างรวดเร็ว จากนั้นเธอก็แสดงความเป็น ปฏิปักษ์ต่อโรเอลอีกครั้ง
เปลวไฟศักดิ์สิทธิ์เริ่มลุกโชนบนร่างกายของนอร่า
โรเอลรู้สึกได้ถึงความกดดันที่ถาโถมเข้ามาใส่เขา ทําให้เกิด ความเครียดไหลไปทั่วทั้งร่าง เทพเจ้าโบราณจากดินแดนอันห่างไกลได้ ปรากฏขึ้นทีละตนเพื่อปกป้องเขา แต่แทนที่จะรู้สึกกลัวโรเอลกลับมี ความสุขแทน
ยังมีปฏิกิริยาอยู่! นี่แสดงว่านอร่ายังไม่ได้ข้ามจุดนั้นไป!
ทันทีที่โรเอลเห็นการเปลี่ยนแปลงในสายตาของนอร่า ความโล่งใจ ก็เริ่มเกิดขึ้น
ความเป็นมนุษย์ที่กําลังดิ้นรนอยู่ในตัวนอร่าอาจดูไร้ประโยชน์ แต่ มันเป็นตัวแทนของความหวัง และโรเอลไม่มีทางที่จะยอมแพ้ตราบใดที่ ยังคงมีความหวังเหลืออยู่ เขาตั้งใจแน่วแน่ที่จะพลิกสถานการณ์นี้โดย ไม่คํานึงถึงค่าใช้จ่าย
พลังเวทเริ่มไหลผ่านร่างของโรเอล ในขณะที่เขาอัญเชิญกรันด้า เปตราและอาร์เทเชียออกมาพร้อมๆ กัน การเรียกเทพเจ้าโบราณ ทั้งหมดออกมาพร้อมกันนั้นเป็นภาระที่หนักมาก แต่เด็กหนุ่มก็รู้ดีว่านี่ เป็นเพียงสิ่งที่เขาต้องทําเพื่อรับมือกับนอร่าในปัจจุบัน
เห็นได้ชัดจากปฏิกิริยาของกรันด้าและเทพเจ้าคนอื่นๆ
เหล่าทวยเทพโบราณไม่ได้ยืนหยัดเหนือสนามรบอย่างที่พวกเขา ทําตามปกติ เมื่อเผชิญกับทรงกลมแสงที่ขยายออกไปบนท้องฟ้า เป ตราก็หรี่ตาที่แหลมคมของเธอ อาร์เทเชียเผยการแสดงออกที่ไม่ค่อย ทํา และกรันด้าก็รวบรวมพลังของตนอย่างเงียบๆ ทั้งสามคนต่างรู้ว่า ตนเองกําลังเผชิญหน้ากับศัตรูที่อันตราย
นอร่าได้ไปถึงระดับแก่นแท้ 3 แล้ว นั่นคือสิ่งที่โรเอลยืนยันได้จาก การโจมตีในครั้งแรกของอีกฝ่าย ซึ่งโดยปกติแล้วมันไม่น่าจะเป็นปัญหา สําหรับเขาที่เคยเอาชนะระดับแก่นแท้ 2 มาแล้วถึงสองคน
ปัญหาก็คือระดับแก่นแท้ 3 ของนอร่านั้นแตกต่างจากคนอื่น
นอร่าเป็นนางเอกที่ทรงพลังที่สุดในเกมอายออฟโครนิเคิล แทบไม่ มีข้อสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนั้นเลย เธอเป็นตัวแทนแห่งแสงสว่าง เป็นดาบ ศักดิ์สิทธิ์ที่คอยสะบั้นคนบาป เธอเป็นผู้ที่ได้รับเลือกจากโลกใบนี้ ที่แย่
ก็คือตอนนี้เธอถูกครอบงําด้วยสถานะอวตารทูตสวรรค์ ซึ่งส่งผลให้เธอ อันตรายยิ่งกว่าที่เคย
สัญชาตญาณเตือนภัยอันตรายที่โรเอลฝึกฝนมาตลอดหลายปี กําลังกรีดร้องใส่เขาให้หนีไปจากที่นี่ด้วยความเร็วสูงสุดเท่าที่จะเป็นไป ได้ ทั้งความตึงเครียดในร่างกาย และอาการขนลุกที่แขนอย่างต่อเนื่อง ของเขา ระดับที่ว่าแม้แต่ราชินีแม่มดก็ยังเลือกที่จะให้คําแนะนําของ เธอเกี่ยวกับเรื่องนี้
“วีรบุรุษของข้า ข้ารู้ว่าเจ้าต้องการช่วยเธอ แต่ข้าขอแนะนําให้เจ้า เลิกคิดเรื่องนั้นเสีย เพราะนั่นไม่ใช่แค่ทูตสวรรค์ธรรมดาๆ …”
อาร์เทเชียกล่าวด้วยท่าทางที่หาดูได้ยาก
“เอาจริงซะ ไม่งั้นพวกเราได้ตายกันหมดแน่”
โรเอลตอบอย่างแน่วแน่
ทูตสวรรค์
พวกเขาเป็นที่รู้จักในฐานะผู้ช่วยของเทพีเซียในยุคโบราณ พวก เขาภูมิใจในตัวเองเสมอในฐานะทูตของเทพธิดา หลายเชื้อชาติมอง พวกเขาด้วยความคารวะ อย่างไรก็ตามเช่นเดียวกับที่มนุษย์แต่ละคนมี ระดับพรสวรรค์แตกต่างกันไป ในหมู่ทูตสวรรค์เองก็มีลําดับชั้นเช่นกัน
ตระกูลเซไซต์เป็นผลจากความหวังของทูตสวรรค์ที่อยากจะรักษา เชื้อไขสายเลือดของพวกตนไว้ ดังนั้นสายเลือดแห่งทูตสวรรค์ที่พวกเขา มอบให้จึงเป็นสายเลือดที่เหนือกว่าผู้มีพลังเหนือธรรมชาติคนอื่นๆ มัน ทําให้พวกเขามีพลังสูงสุดในการเอาชีวิตรอด ไม่ว่าในสภาพแวดล้อม แบบไหน
สมาชิกของตระกูลเซไซต์ทุกคนมีศักยภาพซ่อนเร้นอยู่ ดังนั้นการ ปลุกพลังสายเลือดจึงถือเป็นการเดินทางสําหรับพวกเขาเพื่อค้นหา ‘รากเหง้า’ ของตัวเอง และเชื่อมต่อกับเชื้อสายทูตสวรรค์ในแบบของ ตัวเองเพื่อที่จะรับสืบทอดพลังมา นั่นคือเหตุผลที่สมาชิกของตระกูลเซ ไซต์ทุกคนมีพลังที่แตกต่างกันออกไปหลังจากตื่นขึ้นมา
พระสังฆราชจอห์นได้สืบทอดสายเลือดจากหนึ่งในเจ็ดอัครทูต สวรรค์ในยุคโบราณ ทําให้เขากลายเป็นขุมพลังที่ไม่อาจหักล้างได้ แม้กระทั่งในหมู่ตระกูลเซไซต์ด้วยกัน อย่างไรก็ตามนอร่าซึ่งได้รับการ ฟื้ นฟูสายเลือดบรรพกาลอยู่ในตําแหน่งที่พิเศษกว่านั้นมาก
“ราชาทูตสวรรค์”