ทรราชตัวน้อย ไม่อยากพบจุดจบแบบ BAD END - บทที่ 464 เดิมพันด้วยชีวิต (2)
“…เจ้าสามารถปกป้องเธอจากศัตรูได้ก็จริง แต่เจ้าไม่สามารถยื่น
มือเข้าไปช่วยส่งเสริมความก้าวหน้าของเธอได้หรอกนะ แล้วถ้าเธอ
ล้มเหลวล่ะ?”
“ไม่หรอก เรื่องแบบนั้นไม่มีทางที่เกิดขึ้นแน่!”
“หา?”
“ไม่มีทางที่เธอจะล้มเหลว เพราะเธอคือนอร่า เซไซต์”
“…”
คําพูดไร้สาระดังกล่าวถูกพูดด้วยความมั่นใจ ทําให้อาร์เทเชียหมด
คําพูด หลังจากช่วงเวลาแห่งความเงียบผ่านไป เธอก็หันหลังให้โรเอล
แล้วด้วยความโกรธเคือง
“แล้วแต่เจ้าเถอะ”
ราชินีแม่มดเย้ยหยันก่อนจะสลายหายไป
โรเอลถอนหายใจเบาๆ แต่จิตใจของเขานั้นเปี่ ยมไปด้วยความแน่ว
แน่เราตัดสินใจที่จะปกป้องนอร่าแล้ว ดังนั้นเราก็ต้องทํามันให้ถึงที่สุด
นอกจากนี้มันก็ถึงเวลาแล้วที่เราจะจัดการเรื่องนั้น
โรเอลเอนลงบนเก้าอี้แล้วปิดตาลง รอเวลาผ่านไปด้วยความอดทน
นอร่า เซไซต์กําลังนั่งอยู่บนก้อนหินขนาดใหญ่
ตอนนี้ถึงเวลาเที่ยงแล้ว ดวงอาทิตย์จึงส่องแสงลงมาจากเหนือ
ศีรษะอย่างสดใส แสงแดดอันอบอุ่นทําให้ผิวหนังรู้สึกผ่อนคลาย ด้วย
ความที่นี่ยังเป็นเพียงช่วงต้นของฤดูหนาว พื้นที่ภายในหุบเขาทาร์กจึง
ยังสีเขียวขจีอยู่บ้างเป็นบางจุด ทําให้คนที่ชื่นชอบกิจกรรมกลางแจ้ง
อาจจะอยากมาปิกนิกที่นี่
บางทีพวกมันเองก็กําลังคิดแบบนั้นเหมือนกันรึเปล่านะ?
นอร่าสงสัยขณะมองลงไปที่ซากศพของพวกกลายพันธุ์ตรงหน้า
ด้วยดวงตาที่เปล่งประกาย
มันจะเป็นวันที่แสนวิเศษในทุ่งหญ้าอันน่ารื่นรมย์ หากไม่ได้มีทูต
สวรรค์มาอาละวาดที่นี่ จนเปลี่ยนพื้นหลังให้กลายเป็นกองซากศพและ
เลือด เรียกได้ว่าถ้ามีคนมองลงมาจากท้องฟ้าละก็คงจะเห็นเป็นทะเลสี
แดงบนพื้นดินการมาถึงของนอร่าถือเป็นภัยพิบัติสําหรับพวกกลายพันธุ์ เป็นดั่ง
การลงทัณฑ์จากเทพเจ้า ซึ่งมอบให้กับทุกคนอย่างเท่าเทียม…ความ
ตาย
นอร่าไม่ได้ยับยั้งจิตสังหารใดๆ ในการต่อสู้ สิ่งที่ทําให้เธอรู้สึก
สบายใจมากที่สุดก็คือการได้ปลดปล่อยมันออกมา จนในที่สุดเธอก็
สามารถหยุดยั้งสถานะอวตารทูตสวรรค์ลงได้
“โชคดีที่ข้าสามารถอดทนเอาไว้ได้ในตอนนั้น… ”
นอร่ากอดเข่าแน่นพร้อมพึมพํากับตัวเอง เพียงแค่นึกถึง
สถานการณ์ก่อนหน้านี้มันก็ทําให้เธอหวาดกลัวขึ้นมาจับใจ
ขณะที่โรเอลทุกข์ทรมานจากพลังเวททองคําที่กําลังทําลาย
ร่างกายของเขา นอร่าเองก็พยายามอย่างเต็มที่ที่จะตั้งสติเอาไว้ตลอด
ทั้งคืน ระหว่างที่กอดโรเอลที่กําลังหมดสติ เด็กสาวได้พยายามที่จะ
ปราบปรามพลังทางสายเลือดของเธออย่างสุดกําลัง
พลังของราชาทูตสวรรค์นั้นกําลังเติบโตขึ้นเรื่อยๆ และชัยชนะ
ก่อนหน้านี้ของมัน ก็ทําให้นอร่าควบคุมมันได้ยากขึ้นไปอีก ความคิด
ที่ว่าเธออาจจะต้องสูญเสียตัวตนของตัวเองไปทําให้เธอกลัว แต่สิ่งที่ทํา
ให้นอร่ากลัวยิ่งกว่านั้นก็คือจิตสังหารอันรุนแรงที่อยู่ภายใน
เราจะต้องไม่ทําให้เขาบาดเจ็บอีก…นอร่าสาบานในใจ
เธอทําลายซากศพด้วยแสงอีกครั้งจนกลายเป็นไอน�า ก่อนจะ
เปลี่ยนมันเป็นทะเลเลือดไหลกระจายไปทุกๆ ที่
ภาพอันน่าประทับใจของความตายได้บรรเทาสัญชาตญาณ
ศักดิ์สิทธิ์ในตัวนอร่า แต่มันก็ยังไม่สามารถบรรเทาความกังวลในใจของ
เธอได้
การสังหารศัตรูสามารถบรรเทาผลข้างเคียงจากพลังทางสายเลือด
ได้ก็จริง แต่นอร่าก็อาจจะสูญเสียตัวตนของเธอไป ถ้าเธอพึ่งพามันมาก
เกินไป บรรพบุรุษของเธอบางคนที่ใช้วิธีนี้ในการรักษาจนกลายเป็น
เสพติดการฆ่า และนอร่าก็รู้ดีว่าตัวเธอช่างอ่อนแอ
ตั้งแต่ครั้งแรกที่นอร่ามาถึงชายแดนตะวันออกสมัยยังเด็ก เธอก็
รู้ตัวดีว่าตัวเองไม่ได้รังเกียจการฆ่า กลับกันแล้วมันยิ่งทําให้เธอรู้สึกได้
ถึงความสําเร็จและความสบายใจ จึงทําให้นอร่าตระหนักว่าความรู้สึกนี้
มีต้นกําเนิดมาจากธรรมชาติของสายเลือดแห่งทูตสวรรค์ เธอจึงเลือกที่
จะปราบปรามมันแทนที่จะดื่มด�าไปกับมัน
โลกได้ข้ามผ่านยุคสมัยแห่งการฆ่าฟันและสงครามไปแล้ว แต่ที่
สําคัญกว่านั้นก็คือนอร่าไม่ต้องการให้โรเอลเห็นด้านนี้ของเธอไม่มีใครชอบคนที่กระหายในการเข่นฆ่า นี่เป็นธรรมชาติของ
มนุษย์
แม้ว่าโรเอลจะเป็นผู้มีพลังเหนือธรรมชาติ แต่เขาก็ไม่ได้ชอบความ
รุนแรง นั่นเป็นเหตุผลที่เธอเลือกที่จะเน้นไปที่ความเห็นอกเห็นใจและ
ความเมตตา และเปิดเผยความซาดิสม์ของเธอต่อหน้าโรเอลแค่
บางครั้งบางคราว เช่นตอนที่เธอกลับมาจากชายแดนตะวันออกเพื่อ
ฉลองวันเกิด
การคิดถึงเรื่องในอดีตช่วยลดการแสดงออกที่เย็นชาของนอร่าลง
เด็กสาวค่อยๆ ลุกขึ้นยืนพลางนึกถึงสัญญาที่ทําไว้กับเด็กหนุ่ม
“ใช่แล้ว ต้องหาอาหาร”
แสงสว่างในดวงตาของนอร่าจางหายไป
เด็กสาวรู้ดีว่านี่เป็นเพียงวิธีการของโรเอลเพื่อผูกมัดเธอและช่วย
ดึงเธอกลับมา แต่ถึงอย่างนั้นนั่นก็เป็นความต้องการของเธอที่อยากจะ
หาอะไรไปเติมพลังให้โรเอลเช่นกัน
เมื่อใดก็ตามที่นอร่านึกถึงตอนที่เธอเอามือเสียบเข้าไปในหน้าอก
ออกโรเอล เธอก็จะรู้สึกเจ็บปวดในใจราวกับว่าอารมณ์อันพลุ่งพล่าน
กําลังบอกให้เธอทําบางสิ่งเด็กสาวหายใจเข้าลึกๆ เพื่อรวบรวมสติ ก่อนจะกางปีกแสงบินขึ้น
ไปสู่ท้องฟ้า
…
จักรวรรดิเซนต์เมซิท เมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์ลอเรน
ภายในพระราชวังสีขาวอันเต็มไปด้วยความศักดิ์สิทธิ์ ชายชราผม
สีขาวกําลังนั่งอยู่บนบัลลังก์จ้องมองอย่างเงียบๆ ไปยังพื้นที่ว่าง
ตรงหน้าตน
ข่าวสารถูกส่งมาผ่านหน่วยข่าวกรองฉุกเฉินของชายแดนด้าน
ตะวันออกมาสู่พระสังฆราชจอห์น มันไม่ใช่รายละเอียดเกี่ยวกับการบุก
รุกของพวกกลายพันธุ์ หรือผลของการปลุกพลังทางสายของนอร่า แต่
เป็นการหายตัวไปของป้อมปราการทาร์ก
การสูญเสียลูกชายคนสําคัญและทหารกว่าแสนทหารคนที่ป้อม
ปราการทาร์กภายในคืนเดียว คงจะบดขยี้สภาพจิตใจของคนอื่นๆ ที่ได้
ยิน แต่เพียงสามสิบนาทีหลังจากได้รับข่าวสิ่งเดียวที่ชายชราทําก็คือ
การวิเคราะห์สถานการณ์อย่างต่อเนื่อง
จอห์นไม่ได้ล้มลงไปกองร้องไห้ฟูมฟาย หรือพึมพําถ้อยคําต่างๆ
เพื่อหนีจากความเป็นจริง แต่เขากลับเลือกที่จะยอมรับความเป็นจริง
อย่างใจเย็นทําไมงั้นเหรอ?
เพราะเขาคือพระสังฆราชจอห์น
ชายชราคนนี้คือทหารผ่านศึกที่เคยผ่านสงครามกับพวกกลาย
พันธุ์ครั้งก่อน เขาเคยเผชิญกับวิกฤตและต้องแยกทางกับคนที่เขารัก
มากมายนับไม่ถ้วน ร่างกายของเขาอาจชราภาพ แต่หัวใจของเขาเป็น
ดั่งเหล็กกล้าที่ไม่มีวันบุบสลาย ข่าวร้ายฉับพลันอาจทําให้เกิดบาดแผล
ในหัวใจของชายแก่ แต่ชายแก่คนนี้จะไม่ยอมล้มลง
หกภัยพิบัติอาจเป็นตัวตนที่ลึกลับ แต่ไม่ใช่สําหรับโบสถ์แห่งเทพี
ผู้สร้าง ซึ่งต่อสู้กับลัทธิชั่วร้ายมานับตั้งแต่วันที่มันถูกก่อตั้ง นอกจากนี้
ตระกูลแอสคาร์ดก็พันธมิตรกับตระกูลเซไซต์มานาน ทําให้มีบันทึก
มากมายเกี่ยวกับพวกมัน
จอห์นไม่ใช่แค่พ่อคน แต่เป็นถึงพระสังฆราชของโบสถ์แห่งเทพี
ผู้สร้างและจักรพรรดิของจักรวรรดิเซนต์เมซิท ก็จริงที่เขาได้รับความ
เจ็บปวดจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่ป้อมปราการทาร์ก แต่ยิ่งไปกว่านั้น
เขาต้องพิจารณาผลกระทบของเหตุการณ์นี้ที่มีต่อมนุษยชาติ รวมถึง
การสมรู้ร่วมคิดที่อยู่เบื้องหลัง
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ตัวแทนของมารดาแห่งเทพธิดาปรากฏตัวขึ้นใน
ยุคที่สาม แต่มันไม่เคยสร้างเหตุการณ์สําคัญเช่นนี้มาก่อน สัตว์ประหลาดเหล่านี้มีข้อจํากัดเหมือนกันก็คือ พวกมันต้องการเวลานานใน
การเติบโตเต็มวัย
มันแปลกที่พวกมันปรากฏตัวขึ้นมาเร็วขนาดนี้ และทําให้เกิดอารย
ธรรมมนุษย์มีโอกาสไหวตัวได้ อาจจะมีเหตุผลบางอย่างที่พวกมันต้อง
ลงมือเร็วกว่าปกติ แม้จะมีความเสี่ยงงั้นเหรอ?
ยิ่งจอห์นคิดเกี่ยวกับปัญหานี้มากเท่าไร สีหน้าของเขาก็ยิ่ง
เคร่งเครียด
เขามีความรู้สึกว่ายุคแห่งความวุ่นวายกําลังมาถึง แม้ว่ามันอาจจะ
เป็นเพียงเหตุบังเอิญ หรือสิ่งที่ชะตากรรมกําหนด แต่คนรุ่นหลังต่างก็มี
พรสวรรค์อันยอดเยี่ยมกว่าคนรุ่นก่อน ราวกับว่ามันเป็นโชคของ
มนุษยชาติที่พวกเขาถือกําเนิดขึ้นมา
การปะทะกันของกองกําลังทั้งสองนี้ จะต้องนํามาซึ่งคลื่นระลอก
ใหญ่ในประวัติศาสตร์แน่
พระสังฆราชจอห์นนึกถึงนอร่า ผู้ซึ่งกําลังอยู่ระหว่างการปลุกพลัง
ทางสายเลือด เขาขมวดคิ้วอย่างเป็นกังวลใจ แต่ไม่นานนักมันก็คลาย
ออกกองกําลังทั้งหมดที่ถูกส่งไปปกป้องนอร่าได้หายไปพร้อมกับป้อม
ปราการทาร์ก แต่ด้วยชะตากรรมอันลึกลับ ผู้สืบทอดของตระกูลแอส
คาร์ดก็น่าจะไปถึงตัวเธอแล้วในตอนนี้
ด้วยทุกสิ่งที่เกิดขึ้น มันเป็นไปไม่ได้แล้วที่จะมีใครมาแทรกแซง
พวกเขา ตอนนี้พวกเขาทั้งสองจึงมีเพียงกันและกันให้พึ่งพา
“ขอให้เทพีเซียปกป้องหลานๆ ที่น่ารักของข้า”
ชายชรารวบมือของเขาเข้าด้วยกันพร้อมสวดอ้อนวอนอย่าง
เงียบๆ
จากนั้นเขาก็ลุกขึ้นไปที่แผนที่ที่วางไว้ข้างพระราชวัง จ้องดวงตา
อันคมชัดไปบนตําแหน่งของเขตการปกครองตระกูลเอลริ