ทรราชตัวน้อย ไม่อยากพบจุดจบแบบ BAD END - บทที่ 466 คําอธิษฐานเล็กๆ
บนโต๊ะอาหาร โรเอลยังคงยัดอาหารเข้าปากต่อไปพลางครุ่นคิด อย่างเงียบๆ ว่านอร่าเรียนรู้วิธีทําอาหารมาจากที่ไหน เขาหมกมุ่นอยู่ กับความคิดจนไม่ทันระวังคําถามแบบไม่ทันตั้งตัวของอีกฝ่าย
วิกตอเรีย เซไซต์ และพอนเต้ แอสคาร์ด
พวกเขาอาจจะไม่มีอะไรมากไปกว่าบุคคลในช่วงเวลา ประวัติศาสตร์สําหรับคนอื่นๆ แต่ชื่อทั้งสองนี้มีความสําคัญเป็นพิเศษ ต่อโรเอลและนอร่า โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การตัดสินใจของพวกเขา
วิกตอเรียและพอนเต้เคยเป็นอาจารย์และศิษย์ แต่หลังจากผ่าน อุปสรรคความทุกข์ยากมามากมาย ทั้งสองก็ตกหลุมรักกันอย่างสุดซึ้ง แต่เนื่องจากตําแหน่งและจริยธรรมของทั้งสอง พวกเขาจึงไม่สามารถ กลายเป็นคู่รักกันอย่างเป็นทางการได้
เมื่อนอร่าสืบลึกลงไปในประวัติตระกูลเซไซต์ เธอก็พบว่าสามีใน นามของวิกตอเรียเป็นคนใช้ที่ปลอมตัวมา อีกทั้งยังมีความลึกลับ มากมายเกี่ยวกับการตายของเธอ ทางด้านโรเอลที่ได้ตรวจสอบบันทึก ของพอนเต้ในภายหลังเองก็พบว่าการหายตัวไปของเขานั้นน่าสงสัย เช่นกัน
จากการยืนยันโดยบันทึกของทั้งสองฝั่ ง มีแนวโน้มว่าบรรพบุรุษ ของพวกเขาทั้งสองคนได้อดกลั้นมานานหลายทศวรรษ และตัดสินใจที่ จะปลดปล่อยตัวเอง โดยแกล้งตายในทันทีที่สถานการณ์ภายใน จักรวรรดิเซนต์เมซิทมีเสถียรภาพแล้ว
อย่างไรก็ตาม คําถามของนอร่ากลับทําให้โรเอลสับสน
การตัดสินใจของพวกเขา? เธอหมายถึงการหนีตามกันไปของพวก เขางั้นเหรอ? เธอต้องการจะสื่ออะไรเกี่ยวกับการหนีตามกันของพวก เขา?
นอร่าสังเกตเห็นท่าทางที่สับสนของโรเอล เธอจึงใช้เวลาครู่หนึ่ง เพื่อเรียบเรียงคําพูดของเธอก่อนจะชี้แจง
“เจ้าคิดว่าวิกตอเรียและพอนเต้ตัดสินใจถูกรึเปล่า? พวกเขา สูญเสียตําแหน่งและศักดิ์ศรีไป แต่ในทางกลับกันก็ได้รับความสุขอัน อบอุ่นจากชีวิตที่เรียบง่ายมา ข้าคิดว่าบางทีการใช้ชีวิตแบบนั้นคงจะมี ความสุขเหมือนกัน”
“…ใช่ นั่นอาจเป็นตอนจบที่ดีที่สุดสําหรับพวกเขาก็ได้”
โรเอลตอบพร้อมพยักหน้าขณะวางมีดและส้อมลง
ทันใดนั้นประกายแสงก็ปรากฏขึ้นในดวงตาของนอร่า เธอจ้องไปที่ โรเอลอย่างตั้งใจพร้อมถาม
“เจ้าเองก็ชอบชีวิตแบบนั้นด้วยหรือ?”
“…”
สายตาที่คาดหวังของนอร่าทําให้โรเอลตกอยู่ในความเงียบ
ถึงตอนนี้ทั้งสองคนกําลังรับประทานอาหารร่วมกันอยู่ แต่โอกาส เช่นนี้นั้นถือว่าหาได้ยากมากสําหรับพวกเขา มีไม่กี่ครั้งเท่านั้นที่ทั้งคู่จะ สามารถหาเวลาให้กันและกันได้ บางทีก็เพียงปีละครั้งที่จะได้ รับประทานอาหารร่วมกัน แม้สถานการณ์จะดีขึ้นหลังจากที่ทั้งสอง ลงทะเบียนเรียนในสถาบันการศึกษาเซนต์เฟรย่า แต่ถึงอย่างนั้นพวก เขาก็มักจะยุ่งมากจนมีเวลาร่วมกันไม่มากนัก
นอร่ายุ่งอยู่เสมอ แม้แต่ในช่วงวันหยุด จนงานของเธอกองพะเนิน เทินทึกเหมือนภูเขาลูกเล็กๆ เธอต้องรักษาความสัมพันธ์กับทั้งขุน นางในราชสํานักและขุนนางชั้นสูง อีกทั้งยังมีหน้าที่มากมายในโบสถ์ แห่งเทพีผู้สร้าง งานเป็นสิ่งที่ไม่มีวันสิ้นสุดสําหรับเธอ และภาระงาน เหล่านี้ก็คงจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในอนาคต…
มันจึงเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่นอร่าจะรู้สึกโหยหาชีวิต ธรรมดาๆ
โรเอลเองก็ต้องการมีชีวิตที่ธรรมดาๆ แบบนั้นเช่นกัน แต่เขาก็รู้ตัว ดีว่ามันเป็นไปไม่ได้สําหรับพวกเขา เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับป้อมปราการ ทาร์กถือเป็นตัวอย่างที่ดี แม้เขาจะพยายามรักษาทัศนคติเชิงบวกมา โดยตลอด แต่หัวใจของเขาก็เต็มไปด้วยความไม่แน่นอนและความ กังวล
เขารู้สึกเหมือนว่าตัวเองกําลังมองดูคําพยากรณ์ที่วิลเฮลมินาพูด ถึง
จักรวรรดิเซนต์เมซิทไม่มีทางที่จะซ่อนข่าวเกี่ยวกับการหายไปของ ป้อมปราการทาร์ก และในไม่ช้าพวกกลายพันธุ์เองก็จะรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ ถึงตอนนั้นพรมแดนทางตะวันออกจะตกอยู่ในความโกลาหลอย่าง สมบูรณ์ ความวุ่นวายจะกระจายออกไปเป็นวงกว้าง ซึ่งอาจส่งผล กระทบต่อมนุษย์ทุกคนบนโลก
นอกจากนี้ ตามเนื้อเรื่องของเกมอายออฟโครนิเคิล นอร่าและ นางเอกคนอื่นๆ ต่างก็มีโชคชะตากําหนดให้ต้องเผชิญกับวิกฤตครั้ง ใหญ่ในชีวิต ซึ่งตอนนี้นอร่ากําลังเผชิญกับมัน และในไม่ช้าก็อาจเป็นคิว ของคนอื่นๆ
แค่คิดถึงเรื่องนี้ก็ทําให้โรเอลลําบากใจแล้ว หากมีทางเลือกอื่นล่ะก็ เขาคงอยากจะละสายตาจากความเป็นจริงและดําเนินชีวิตด้วยความ เขลา
“ฉันชอบมันนะ แต่มันคงจะยากเกินไปสําหรับพวกเรา ที่วิกตอเรีย และพอนเต้สามารถทําแบบนั้นได้ เพราะจักรวรรดิเซนต์เมซิทกําลังเข้า สู่ยุคแห่งความมั่นคง”
“ข้ารู้ แต่ถ้าวันหนึ่งความสงบสุขกลับมาสู่โลกล่ะก็ ข้าเองก็อยากจะ ลองใช้ชีวิตแบบนั้นบ้าง”
“เธอสามารถลองได้อยู่แล้วถ้าต้องการ แต่อย่าคิดที่จะแกล้งทํา เป็นตายเหมือนที่วิกตอเรียทําล่ะ เพราะนั่นน่าจะทําให้ทั้งจักรวรรดิ เซนต์เมซิทตกอยู่ในความโกลาหลแน่”
“เจ้าให้กําลังใจข้าหน่อยไม่ได้รึไง?”
“มันเป็นงานของฉันที่จะต้องป้องกันไม่ให้เธอหลงไปในทางที่ผิด ฉันไม่ต้องการที่จะถูกบันทึกลงไปในประวัติศาสตร์ในฐานะคนที่ทุจริต ที่ทําให้ลูกหลานของฉันต้องเข้าใจผิด”
โรเอลตอบพลางหยิบแก้วขึ้นมา
นอร่าหงุดหงิดจนแก้มพองต่อความไร้ไหวพริบของโรเอล โดยไม่รู้ เลยว่าโรเอลนั้นยังพูดไม่จบ
“แต่… ถ้าวันนั้นมาถึงจริงๆ ล่ะก็ ฉันจะไปด้วยกันกับเธอเอง”
“!”
การจู่โจมที่คาดไม่ถึงนี้ทําให้นอร่าตกตะลึง ปากของเธออ้าออก ด้วยความงุนงง ไม่รู้ว่าจะตอบสนองต่อท่าทีตรงๆ ของโรเอลอย่างไรดี ริมฝีปากของเธอสั่น แก้มของเธอแดงระเรื่อด้วยความเขิน ต้องใช้เวลา สักครู่กว่าเธอจะสามารถคิดคําตอบได้ในที่สุด
“จ…จู่ๆ เจ้าพูดอะไรของเจ้าน่ะ? ก่อนหน้านี้เจ้าไม่ได้ไม่เห็นด้วย กับข้าหรอกเหรอ ”
“นั่นก็แค่มุมมองตามหลักเหตุผล ไม่มีผู้ปกครองที่มีความ รับผิดชอบคนไหนจะละทิ้งอาณาจักรของตัวเอง แล้วหายตัวไปดื้อๆ หรอก”
“ฮึ่ม! ว่าแล้วเชียว…”
“แต่ถ้าเป็นในด้านความคิดของฉันละก็ ฉันไม่มีปัญหาอะไรกับ มัน”
“เอ๋?”
“สิ่งที่ฉันพูดก่อนหน้านี้เป็นเพียงจุดยืนของฉันในฐานะขุนนาง มัน ไม่ได้สะท้อนความปรารถนาที่แท้จริงของฉัน”
โรเอลจิบชาแล้ววางแก้วลงบนโต๊ะ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองเข้าไป ในดวงตาสีไพลินของนอร่า
“สําหรับฉัน มันไม่สําคัญว่าเธอจะมีความรับผิดชอบ ไร้ ความสามารถหรือเป็นเผด็จการ เธอจะเป็นทรราชเอาแต่ใจตัวเองแบบ ไหนก็ได้ ฉันแค่อยากจะอยู่เคียงข้างเธอ”
“…”
นอร่าสามารถสัมผัสได้ว่าโรเอลนั้นจริงจังกับสิ่งที่พูดผ่านการ แลกเปลี่ยนสายตากัน และนั่นก็ทําให้เธอชะงักทื่อไป ดวงตาของเธอ เริ่มร้อนวูบวาบ ทําให้ต้องรีบเบือนหน้าหนี
“นั่นมันเป็นความจงรักภักดีที่มืดบอดแล้วไม่ใช่เหรอ?”
“มีคนหลายประเภทในโลก บางคนเลือกที่จะคงเหตุผลและ วัตถุประสงค์เอาไว้ ในขณะที่บางคนเลือกที่จะไว้วางใจบุคคลด้วย คุณธรรมที่เขามี ฉันก็แค่อยู่ในหมวดหมู่หลัง ฉันเชื่อใจเธอนะ นอร่า เซ ไซต์”
“ถ้าเธอเป็นเผด็จการจริงๆ ขึ้นมาล่ะก็ ฉันก็คงจะเป็นคนโง่เขลาที่ จงรักภักดีต่อคนที่ไม่คู่ควร อย่างไรก็ตาม ถ้าเธอเป็นผู้ปกครองที่ยอด เยี่ยมจนทิ้งร่องรอยเอาไว้ในประวัติศาสตร์ โลกจะเฉลิมฉลองความภักดี ของฉัน และไว้วางใจในตัวเธออย่างแน่วแน่ นั่นเป็นเหตุผลที่ฉันจะต้อง ขอให้เธอฉลาดขึ้นอีกนิด เพื่อที่ฉันจะไม่ถูกคนรุ่นหลังเยาะเย้ย”
“…เจ้าพูดเหมือนสุนัขที่รอติดตามเจ้านายเลยนะ”
นอร่าบ่นกับตัวเองด้วยใบหน้าแดงก�า คําพูดเหล่านั้นปลุกเร้าความ ปรารถนาภายในบางอย่างของเธอ ดังนั้นเธอจึงอดไม่ได้ที่จะถาม
“ข้าขอใช้สายจูงกับเจ้าได้ไหม?”
“คงต้องขอปฏิเสธอย่างนอบน้อม”
“ชิ ช่างดื้อด้านเสียจริง”
โรเอลปฏิเสธการรุกล�าของนอร่าอย่างไม่ลังเล เขามองไปยังเด็ก สาวผมทองตรงหน้า พลางอดสงสัยไม่ได้ว่าอนาคตของพวกเขาจะเป็น อย่างไร
มันคงขึ้นอยู่กับเวลานั่นแหละ แต่จะมีแค่พวกเราสองคนจริงๆ งั้น เหรอ? เด็กหนุ่มได้แต่สงสัย