ทรราชตัวน้อย ไม่อยากพบจุดจบแบบ BAD END - บทที่ 467 ฉันจะไม่ปล่อยเธอไป (1)
จู่ๆ โรเอลก็พบว่าตัวเองยืนอยู่นอกเมืองใหญ่ที่มีท้องฟ้ายามค�าคืน
เป็นฉากหลัง ภายในสถานที่แห่งนี้เขาได้ยินเสียงระฆังดังกังวานมาแต่
ไกล
เป็นใคร ใครก็ต้องรู้สึกงุนงงง หากจู่ๆ ถูกส่งจากถิ่นทุรกันดารมายัง
ตัวเมือง แต่โรเอลไม่ได้แปลกใจเลยแม้แต่น้อย เขาคาดเดาไว้แล้วด้วย
ซ�าว่าสิ่งนี้จะต้องเกิดขึ้น
ที่สําคัญก็คือโรเอลรู้เส้นทางในสถานที่แห่งนี้ดี เพราะนี่ไม่ใช่ครั้ง
แรกที่เขามาที่นี่
เขาเดินผ่านเข้าไปในประตูเมืองอันสง่างาม ผ่านจัตุรัสกลางเมืองที่
ว่างเปล่า ผ่านทางเดินที่ตกแต่งอย่างวิจิตรบรรจง จนในที่สุดเขาก็มาถึง
หน้าประตูบานหนึ่ง
แอดดด…
เมื่อประตูเปิดออก ลําแสงก็สาดส่องผ่านเข้ามา ขยายกว้างขึ้นจน
มองเห็นทุกสิ่ง
มันเป็นห้องที่เต็มไปด้วยดอกไม้อันงดงามซึ่งมีบัลลังก์ตั้งตระหง่าน
อยู่ที่นี่คือสถานที่ที่โรเอลและอาร์เทเชียพบกันครั้งแรกและลองเชิง
กัน หลังจากการปะทะกันหลายครั้ง พวกเขาก็ตัดสินใจที่จะทําพันธ
สัญญาระหว่างกัน ส่งผลให้เกิดเป็นความสัมพันธ์ในปัจจุบันของพวก
เขา
ทว่าคราวนี้ ราชินีแม่มดที่รอเขาอยู่ ณ อีกฟากของประตูกลับไม่ได้
มีท่าทีที่ไม่ลึกลับ แต่กําลังนั่งครุ่นคิด ซึ่งโรเอลก็ทราบเหตุผลเบื้องหลัง
ความคิดที่แตกต่างไปจากเดิมของเธอดี
รอยร้าวสีทองเริ่มแผ่กระจายไปทั่วห้องบัลลังก์ แทรกขึ้นมาจาก
มุมของกําแพง แต่มันไม่ได้จํากัดอยู่แค่ที่นี่เท่านั้น เพราะพื้นที่กว่าครึ่ง
ของตัวเมืองเองก็ถูกปกคลุมไปด้วยพลังเวทสีทองเช่นกัน
ที่นี่ไม่มีการทําลายทางกายภาพ เนื่องจากพวกเขาไม่ได้อยู่ในโลก
แห่งความเป็นจริง แต่มันก็แสดงให้เห็นว่าสถานการณ์นี้เลวร้ายเพียงใด
เมื่อพลังเวทสีทองแผ่ขยายไปทั่วดินแดน ราชินีแม่มดก็จะสูญเสีย
อํานาจเหนือสถานที่นี้ มันจะตัดการเชื่อมต่อ และระงับพันธสัญญาของ
พวกเขา เมื่อสิ่งนั้นเกิดขึ้นอาร์เทเชียก็จะไม่สามารถแสดงตัวเคียงข้างโร
เอลได้ตามที่เธอต้องการอีก และเขาเองก็จะไม่สามารถยืมพลังของเธอ
ได้เช่นกันสิ่งนี้จะดําเนินต่อไปเรื่อยๆ จนกว่าพลังเวทสีทองจะหายไป หรือ
เมื่อโรเอลยอมจํานนต่อพลังเวทสีทองเท่านั้น
โรเอลรู้ถึงผลลัพธ์จากการตัดสินใจของตนดี แต่เขาก็ยังรู้สึกผิดต่อ
ราชินีแม่มดผู้นั่งอยู่บนบัลลังก์
“สําหรับการพบกันครั้งสุดท้ายก่อนที่เราจะจากกัน การแสดงออก
ของเจ้าทําให้ข้าลําบากใจเสียจริง”
อาร์เทเชียลุกขึ้นจากบัลลังก์จ้องมองโรเอลด้วยแววตาอันคมกริบ
เธอดูไม่พอใจราวกับหญิงสาวที่เพิ่งทะเลาะกับแฟนหนุ่มมา
“เจ้าเพิกเฉยต่อคําแนะนําของข้า และยืนกรานที่จะทําสิ่งต่างๆ ใน
แบบของเจ้า เจ้าเสียใจกับการตัดสินใจของตัวเองแล้วใช่ไหม?”
“…ไม่ใช่แบบนั้น ฉันแค่รู้สึกผิดที่ต้องทําให้เธอลําบากไปด้วย”
โรเอลตอบอย่างไร้ความลังเล
“…”
นี่ทําให้อาร์เทเชียเงียบไป
ไม่มีราชาแห่งเผ่าพันธุ์คนไหนที่จะไม่มีความภาคภูมิใจหรือความ
สูงส่ง ยกตัวอย่างเช่นกรันด้าและเปตรา แม้ว่าพวกเขาจะมีทัศนคติที่เป็นมิตรต่อโรเอล แต่พวกเขาก็ไม่มีทางที่จะยอมให้ใครมาบ่อนทําลาย
ความภาคภูมิใจและเกียรติยศของพวกเขา ยิ่งถ้าเป็นศัตรูแล้วด้วย
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ตัวตนที่มีฐานะโดดเด่นและมีอํานาจอันยิ่งใหญ่
ในสมัยโบราณอย่างแม่มด พวกเขาเป็นเผ่าพันธุ์อันน่าเกรงขาม ที่
แม้แต่ทูตสวรรค์ผู้ภาคภูมิใจในฐานะทูตของเทพีเซียก็ไม่กล้าที่จะ
รุกรานพวกเขาโดยประมาท
มันจึงไม่ใช่เรื่องยากอะไรที่จะจินตนาการถึงความภาคภูมิที่อาร์เท
เชียมี
มันเป็นเรื่องน่าละอายสําหรับเธอที่จะต้องถูกคุกคามโดยพลังเวท
จากราชาแห่งเผ่าพันธุ์คนอื่น แต่เธอก็ยอมขบเขี้ยวเคี้ยวฟันอดทนมัน
เพื่อโรเอล และรับความรุนแรงของพลังเวทสีทองแทนเขา
ความโกรธของอาร์เทเชียดูเหมือนจะลดลงเล็กน้อยหลังจากได้ยิน
คําพูดของโรเอล เธอสะบัดเสียงด้วยความรําคาญก่อนจะละสายตาไป
“ข้าไม่ชอบที่เจ้ามักจะเลือกทางเลือกที่ทําให้ตัวเองตกอยู่ในความ
เสี่ยง แต่อย่างน้อยๆ เจ้าก็ปฏิบัติตามเงื่อนไขในพันธสัญญาของเรา”
“เธอกําลังพูดถึง…?”
“ภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก”อาร์เทเชียตอบด้วยรอยยิ้ม
เธอชี้นิ้วมาที่เขาพร้อมมองด้วยแววตาที่เปล่งประกาย
“สัญชาตญาณในการปกป้องตนเองและความปรารถนาที่จะ
ปกป้องผู้อื่น ปัญหาที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกระหว่างสองอย่างเป็นจุด
สังเกตที่น่าสนใจสําหรับข้า ”
“…เธอยังวนอยู่กับเรื่องแบบนั้นอีกเหรอ?”
โรเอลยิ้มอย่างช่วยไม่ได้เมื่อได้ยินคําพูดเหล่านั้น เขาเคยชินกับ
การเป็นเป้าหมายการสังเกตการณ์ของราชินีแม่มดแล้ว
ในทางกลับกัน อาร์เทเชียก็ได้ระบายความโกรธของเธอและเสนอ
คําแนะนําออกมา
“การดูดซึมของพลังเวทสีทองจะไม่หยุดเพียงแค่นี้ มันจะแย่ลงไป
อีก หลังจากที่ข้าหายตัวไป มีโอกาสที่เจ้าจะอยู่ในระยะสุดท้าย ในตอน
ที่เจ้าต้องเผชิญหน้ากับศัตรูของเจ้า คนเดียวที่จะสามารถช่วยเจ้าได้
ในตอนนี้คือกรันด้า ที่มีคุณลักษณะตรงข้ามกับทูตสวรรค์ แต่ศัตรูของ
เจ้าไม่ได้รับมือง่ายอย่างที่เจ้าคิดแน่ เจ้าจงระมัดระวังให้ดี”
“เธอหมายถึงอะไร?”
“ข้าสัมผัสได้ถึงบางสิ่งที่วุ่นวายและอัปมงคล มันไม่ใช่ลางดีเลย”ราชินีแม่มดเป็นตัวตนที่เป็นดั่งภัยพิบัติในสมัยโบราณกาล สิ่งที่
เธอเรียกว่าอัปมงคลไม่น่าจะเป็นเรื่องธรรมดา ยิ่งไปกว่านั้น แม่มดยัง
เชี่ยวชาญในด้านศาสตร์แห่งการทํานาย เป็นรองเพียงแค่เทพธิดาแห่ง
โชคชะตา
“ร่างกายของเจ้าจะค่อยๆ อ่อนแอลง อีกทั้งยังไม่สามารถรับการ
สนับสนุนจากข้าได้ พันธมิตรของเจ้าเองก็อยู่ในสถานะที่ไม่มั่นคงและ
อาจกลายเป็นศัตรูได้ทุกเมื่อ ศัตรูตัวฉกาจของเจ้ากําลังจะมาที่นี่พร้อม
กับบางสิ่งที่เตรียมไว้สําหรับรับมือเจ้า”
“ให้ตายเถอะ หนนี้เจ้าอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้ายจริงๆ! มัน
เลวร้ายยิ่งกว่าสิ่งที่เจ้าต้องเผชิญในสถานะผู้เฝ้ามองเสียอีก”
อาร์เทเชียกล่าวพร้อมกับหัวเราะเย้ยหยัน
“ใช่ ฉันว่าตอนนี้ ฉันลําบากมากจริงๆ ”
โรเอลตอบพร้อมกับหัวเราะ
“แต่เจ้าก็ยังไม่ยอมถอย”
รอยยิ้มที่สนุกสนานค่อยๆ ก่อตัวขึ้นบนริมฝีปากของอาร์เทเชีย
ขณะที่ดวงตาของเธอขดตัวด้วยความคาดหมาย หวังว่าจะเห็นสิ่งที่
กําลังจะเกิดขึ้น“เจ้าทําให้ข้าอยู่ในสถานการณ์อันน่ารังเกียจ และข้าก็คิดว่ามัน
เป็นความอัปยศ โดยปกติแล้ว ข้าจะไม่มองข้ามสิ่งที่เจ้าทําแน่ๆ แต่ถ้า
เจ้าสามารถนําเสนอการแสดงอันน่าตื่นเต้นที่เกินกว่าความโกรธของข้า
ได้ ข้าก็อาจจะเมินเฉยต่อการล่วงละเมิดของเจ้า วีรบุรุษของข้า จง
ทํางานหนักเพื่อสร้างความบันเทิงให้ข้าเสียเถอะ”
อาร์เทเชียพูดด้วยดวงตาที่หรี่ลงและน�าเสียงนั้นเต็มไปด้วยความ
ปรารถนา
แม้จะมีคําขู่ แต่โรเอลก็ไม่กังวลเลย ตรงกันข้ามเขารู้สึกขอบคุณ
การสนับสนุนจากราชินีแม่มดเสียด้วยซ�า
“ขอบคุณมาก ต้องบอกว่าฉันค่อนข้างประทับใจในความเมตตา
ของเธอเลยล่ะ”
“ถ้าเจ้าต้องการที่จะได้รับบางสิ่ง เจ้าก็ต้องจ่ายในราคาที่
สอดคล้องกัน นั่นเป็นเส้นทางของผู้มีพลังเหนือธรรมชาติตั้งแต่สมัย
โบราณจนถึงปัจจุบัน ทุกข์และสุขเปรียบเสมือนเหรียญสองด้านที่
ขัดแย้งกันแต่เกื้อกูลกัน วีรบุรุษของข้า เจ้าช่างเป็นคนบาปจริงๆ ที่ทํา
ให้ข้าต้องตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้”
“จู่ๆ ฉันก็กลายเป็นคนบาปไปได้ยังไงกันเนี่ย?”
โรเอลตอบด้วยน�าเสียงที่ทําอะไรไม่ถูกจากนั้นเขาก็เงยหน้าขึ้นมองที่ราชินีแม่มดและถามด้วยน�าเสียง
ล้อเลียนแต่จริงจัง
“ไหนๆ ฉันก็เป็นคนบาปแล้ว ฉันขอไปให้สุดทางเลยแล้วกัน ฉัน
ร้องขอราชินีแม่มดผู้สูงศักดิ์อาร์เทเชีย ถึงสมบัติสักชิ้นก่อนที่เราจะจาก
กันได้ไหม?”
“โอ้? มีอะไรที่เจ้าอยากได้จากข้างั้นเหรอ?”
“แน่นอน เธอจะคิดว่ามันเป็นอุปกรณ์สําหรับการแสดงที่จะเกิดขึ้น
ก็ได้”
โรเอลเปิดเผยสิ่งของที่เขาต้องการด้วยรอยยิ้ม และอาร์เทเชียก็
กะพริบตาปริบๆ ด้วยความงุนงงก่อนที่ริมฝีปากของเธอจะยกขึ้น
ด้านบนเป็นรอยยิ้ม
“วีรบุรุษของข้า เจ้าเป็นคนที่แย่มากเลยจริงๆ ที่มาร้องขออะไร
แบบนี้กับหญิงสาวผู้มีเมตตาเช่นข้า ขอยอมรับว่าข้าสนใจข้อเสนอของ
เจ้า ตกลง ข้าจะตามใจเจ้าอีกสักครั้งก็ได้”
อาร์เทเชียใช้เวลาพอสมควรในการเตรียมสิ่งของและมอบให้แก่โร
เอล เมื่อทําทุกอย่างสําเร็จแล้วเธอก็บอกลาโรเอลด้วยรอยยิ้ม“ถึงเวลาที่เราต้องจากกันแล้ว วีรบุรุษของข้า ดูเหมือนเด็กสาวที่
อยู่ข้างนอกจะถึงขีดจํากัดแล้วล่ะ”
“ขอรับ ฝ่าบาท กระผมเกรงว่าถึงเวลาที่กระผมจะต้องขอตัวไป
ช่วยองค์หญิงเสียแล้ว”
“การที่เจ้ากล้าพูดแบบนั้นกับข้าช่างไม่ธรรมดาเลยจริงๆ แต่ก็น่า
พอใจเช่นกัน”
อาร์เทเชียพูดด้วยรอยยิ้มร่าเริงขณะยกกระโปรงแล้วเชิดหน้าขึ้น
จากนั้น สภาพแวดล้อมรอบตัวโรเอลก็เริ่มจางไป
“ข้าจะตั้งหน้าตั้งตารอวันที่พวกเราจะได้พบกันอีกครั้ง ขอให้เจ้า
โชคดี”
โรเอลพยักหน้ายิ้มตอบพรของราชินีแม่มดก่อนที่จิตสํานึกของเขา
จะดําดิ่งสู่ความมืดฟื้ นคืนสู่โลกแห่งความเป็นจริง