ทรราชตัวน้อย ไม่อยากพบจุดจบแบบ BAD END - บทที่ 47: คุณรักฉันไหม
บทที่ 47: คุณรักฉันไหม
อ่า…แสบตา! …แสบตาเกินไปแล้ว!
นี่เป็นความคิดแรกที่แวบเข้ามาในหัวของโรเอลขณะที่อลิเซียโอบกอดเขาเอาไว้
50,000 แต้มความสนใจ! อะไรกันเนี่ย? เดือนที่แล้วยังไม่เยอะเท่านี้เลยด้วยซ้ำ?
โรเอลสั่นสะท้านจากแสงสีเขียวที่สว่างไสวเหนือศีรษะของอลิเซียจนเขาต้องกรีดร้องอย่างบ้าคลั่งอยู่ในใจ แต่เมื่อพิจารณาแล้ว ดูเหมือนว่าเด็กชายจะยังไม่ได้รับแต้มความสนใจจากอลิเซียเลยตลอดช่วง ‘เหตุการณ์การกลั่นแกล้งของบรอน’ แสดงว่านี่คือยอดรวมทั้งหมดที่เขาได้รับในตอนนั้นงั้นเหรอ? ยอดเยี่ยมจริง ๆ
อืม มันก็สมเหตุสมผลดีนะ คุ้มค่าสุด ๆ
โรเอลเหลือบมองไปยังแขนและขาที่บาดเจ็บสาหัสของตัวเอง แต่เขาก็ยังรู้สึกว่ามันคุ้มค่าอยู่ดี ต่อให้สิ่งที่เขาได้รับจะมีเพียงแค่แต้มความสนใจเหล่านี้ก็ตาม เมื่ออาการตกใจของเขาค่อย ๆ สงบลง ความสนใจของโรเอลก็หลุดลอยไปที่ความรู้สึกอื่น ๆ…
ทั้งนุ่ม ทั้งอบอุ่น ทั้งหอมจริง ๆ!
โรเอลคิดพลางลูบผมของอลิเซีย เนื้อสัมผัสนี้รู้สึกดีกว่าการลูบขนแมวเป็นพันเท่า มันกระตุ้นความรู้สึกพึงพอใจของเขาสุด ๆ
“หนูรักพี่ใหญ่ค่ะ”
อลิเซียพูดด้วยเสียงอันแหบพร่าจากการร้องไห้
การสารภาพรักอย่างกะทันหันของเธอ ทำให้หัวใจของโรเอลเต้นรัวจนเขารู้สึกคันยุบยิบในอก
“อลิเซีย?”
“พี่ใหญ่ พี่รักหนูเหมือนกันไหมคะ?” เด็กสาวถามด้วยหัวใจเต้นรัว
“อา? ฉ… ฉัน…”
โรเอลไม่คาดคิดว่าตนเองจะถูกถามด้วยคำถามนี้อย่างกะทันหัน เขาจึงตกตะลึงไปชั่วขณะ
อลิเซียปล่อยมือแล้วจ้องไปที่โรเอลอย่างจริงจัง แววตาของเด็กสาว ราวกับว่าเธอพยายามจะสื่ออะไรบางอย่างกับเขา
“…”
ตาของโรเอลเบิกกว้างขึ้น สีหน้าอันจริงจังบนใบหน้าและนิ้วที่สั่นเทาของอลิเซีย ทำให้เด็กชายรู้ตัวว่านี่ไม่ใช่เวลาที่เขาจะมาล้อเล่น เขารู้สึกได้ถึงความรู้สึกประหม่าที่ปะปนไปด้วยความกลัวของเด็กสาว
เธอกำลังกลัวการถูกปฏิเสธ
นี่เป็นผลข้างเคียงจากสิ่งที่บรอนพูดกับเธอระหว่างงานเลี้ยงรึเปล่า? หรือเป็นเพียงการแสดงให้เห็นถึงความไม่สบายใจที่เธอได้รับหลังจากที่เห็นโรเอลถูกแทง ทว่า…
มันไม่มีทางเลยที่โรเอลจะปฏิเสธอลิเซียได้
“ฉันก็รักเธอเช่นกัน อลิเซีย”
โรเอลพูดอย่างอ่อนโยนแล้วเอื้อมมือไปกอดอลิเซียที่กำลังสั่นเทาตรงหน้าเขา ทำให้น้ำตาของเธอไหลพรากยิ่งกว่าเดิม
อีกด้านหนึ่งข้างนอกห้อง แอนนาผู้กำลังแอบมองดูทั้งสองคนผ่านช่องประตูถึงกับน้ำตาซึมกับสิ่งที่เธอเห็น สาวใช้กัดผ้าเช็ดหน้าด้วยความกระวนกระวาย ก่อนจะปิดประตูเบา ๆ แล้วหันกลับไปเผชิญหน้ากับเหล่าคนรับใช้จำนวนมากที่ยืนรออยู่ข้างหลังเธอ
“ตอนนี้นายน้อยและนายหญิงของพวกเรา…เป็นคู่รักกันแล้ว! วู้ววววว…”
“จ… จริง ๆ งั้นเหรอ?”
“เย้! นายหญิงจงเจริญ!”
“ตระกูลแอสคาร์ดของพวกเรารอดแล้ว!”
เหล่าแฟนคลับ ‘โรเอล X อลิเซีย’ ต่างส่งเสียงเชียร์กันอย่างสนุกสนาน เมื่อทราบข่าวที่แอนนาบอก โดยผู้ที่รู้สึกประทับใจมากที่สุดก็คือคนรับใช้ที่ทำงานให้กับอลิเซีย
“แอนนา เธอแน่ใจเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้วจริง ๆ ใช่ไหม?”
“แน่นอนสิ! ฉันจะไปเข้าใจผิดได้อย่างไรกัน?”
แอนนาผู้ที่ยังเช็ดน้ำตาอยู่เมื่อครู่ยืดหลังตรงอย่างภาคภูมิใจทันทีที่เธอได้ยินใครสักคนถามถึงความน่าเชื่อถือของข่าว เธอเล่าอย่างรวดเร็วถึงคำสารภาพรักที่มีต่อกันบนเตียงก่อนหน้านี้ของทั้งคู่ ทำให้เหล่าคนรับใช้ต่างก็อ้าปากค้างด้วยความปั่นป่วน
“พอมาคิดดูดี ๆ แล้ว จากอายุของนายน้อย บริบทนั้นมันหมายถึงในแง่ของเครือญาติรึเปล่า?”
“ฉันจะไม่หักล้างความเป็นไปได้นั้นหรอกนะ แต่ถ้าเธอลองคิดถึงความเป็นผู้ใหญ่ของนายน้อยและนายหญิงแล้วละก็ ฉันคิดว่ามันเป็นความรักเชิงชายหญิงมากกว่านะ”
“ฉัน…ฉันก็คิดว่ามันเป็นความรักเชิงชายหญิงเหมือนกัน!”
เหล่าสมาชิกแฟนคลับต่างรวมตัวพูดคุยกันอย่างดุเดือดเกี่ยวกับเรื่องนี้ ทว่าไม่มีใครสามารถเดาความคิดที่อยู่ในใจของโรเอลได้อย่างแม่นยำเลยสักคน
…
เธอช่างเหมือนกับลูกแมวจริง ๆ
นี่เป็นความคิดในใจของโรเอลระหว่างที่เขากำลังลูบผมอันนุ่มสลวยของอลิเซีย มันทำให้เขารู้สึกเหมือนกับว่าเขากำลังลูบขนแมวที่หนาแน่นกว่าปกติเป็นพิเศษ
พอได้คิดให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น ความคล้ายคลึงกันระหว่างอลิเซียกับแมวนั้นยังมีอยู่อีกหลายประการ
ทั้งเรื่องที่อลิเซียและแมวนั้นดูว่านอนสอนง่าย แต่จริง ๆ แล้วก็ยังมีความเป็นส่วนตัวค่อนข้างสูง ไหนจะเรื่องที่ชอบยืนอย่างสง่างาม ไม่ค่อยแสดงความใกล้ชิดออกมา และยังอ่อนไหวต่อสิ่งเร้ารอบข้างอีก
แน่นอนว่าระหว่างอลิเซียกับแมวก็ยังมีจุดที่แตกต่างกันอยู่มาก ๆ ด้วยเช่นกัน อลิเซียนั้นไม่สามารถปกปิดอารมณ์ของเธอได้เต็มที่ ทั้งอ่อนไหวและเปราะบาง เธอพยายามที่จะแสดงออกด้วยความอ่อนโยนและโหยหาความรักความห่วงใย เธอมีหัวใจอันอบอุ่น ทั้งหมดนี้คือตัวตนของเธอ อลิเซีย
หากเป็นตามปกติแล้วล่ะก็ โรเอลจะต้องผ่านอุปสรรคมากมายกว่าจะดึงเอาตัวตนที่แท้จริงของเธอออกมาได้
แม้แต่ในเกมเองก็เช่นกัน กว่าตัวเอกจะสามารถทำได้สำเร็จ เขาก็ต้องผ่านความยากลำบากมามากมาย แต่โรเอลนั้นโชคดีกว่าตรงที่ได้พบกับอลิเซียล่วงหน้าหลายปีก่อนตัวเอก นั่นทำให้อย่างน้อย ๆ ในกรณีของโรเอล ความทุกข์และความเหงาที่เป็นปมในใจของอลิเซียจึงบรรเทาลงไปมาก
เธอคงจะไม่มีทางหันมาฆ่าเราแล้วล่ะ
โรเอลผู้จำเนื้อเรื่องของเกมอาย ออฟ โครนิเคิลได้ พยักหน้ากับตัวเองอย่างมั่นใจ
“พี่ใหญ่”
“หืม? มีอะไรงั้นเหรอ?”
โรเอลที่กำลังเฉลิมฉลองชัยชนะเล็ก ๆ ของตัวเองอยู่ในใจ หันกลับมาทางอลิเซียทันทีที่ได้ยินเสียงเรียกของเธอ อลิเซียเอนศีรษะลงมาพิงบนไหล่ของโรเอลจากนั้นก็พูดด้วยเสียงเศร้าสร้อย
“หนูขอโทษ ทั้งหมดเป็นเพราะหนูเอง ถ้าหนูไม่ถูกพวกเขาจับตัวไป พี่ใหญ่ก็คงจะไม่บาดเจ็บหนักถึงขนาดนี้…”
“เธอพูดอะไรของเธอน่ะอลิเซีย? เธอตกเป็นเหยื่อนะ! เธอโดนกระทำ ทำไมเธอถึงต้องขอโทษด้วยล่ะ”
ท่าทีของโรเอลเปลี่ยนไปอย่างรุนแรง เขาพูดออกมาด้วยน้ำเสียงอันหนักแน่น
“บรอนและพรรคพวกของเขาต่างหากที่เป็นคนทำร้ายพวกเรา พวกเขาต่างหากคือคนที่ควรจะต้องกล่าวขอโทษ และถูกลงโทษสำหรับการกระทำของพวกเขา! ดังนั้นเธออย่าได้คิดโทษตัวเองสำหรับเรื่องนี้ ถ้าใครมันกล้าพูดว่าร้ายเป็นอย่างอื่นล่ะก็ บอกฉันมาเลยฉันจะไปหักขามันเอง!”
“พี่ใหญ่”
อลิเซียรู้สึกตื้นตันกับคำพูดของโรเอล แต่เธอก็อดนึกถึงเรื่องบางอย่างไม่ได้
“หลังจากเหตุการณ์นี้ มันคงไม่โอกาสที่ตระกูลแอสคาร์ดกับตระกูลเอลริกจะคืนดีกันแล้วสินะคะ”
“…นั่นมันก็ช่วยไม่ได้ เส้นทางของพวกเราแตกต่างกันอยู่แล้วตั้งแต่ตอนแรก ทั้งสองตระกูลต่างก็มีความแค้นฝังใจกันอยู่ก่อนแล้ว ไม่นานยังไงมันก็ต้องเกิดขึ้นสักวันอยู่ดี เธอไม่จำเป็นต้องเก็บเรื่องนี้กลับไปคิดหรอก”
อลิเซียเงียบลงอีกครั้งพร้อมหวนนึกถึงแววตาของไบรอัน เอลริกที่มองมายังโรเอลในวันนั้น หลังจากเงียบอยู่นานในที่สุดเธอก็พูดขึ้นมาอย่างมั่นใจ
“หนูจะเป็นคนปกป้องพี่ใหญ่เองค่ะ” สาวน้อยมีท่าทีมั่นใจ
“หืม? อา…โอ้”
โรเอลกะพริบตาด้วยความประหลาดใจกับคำพูดกะทันหันของอลิเซีย เขาไม่เข้าใจความหมายที่อยู่เบื้องหลังคำพูดเหล่านั้น ซึ่งแม้ว่าอลิเซียจะสังเกตเห็นว่าเขาไม่เข้าใจ แต่เธอก็ไม่ได้สนใจหรือคิดจะอธิบายมัน ดวงตาสีแดงเข้มของเด็กสาวหรี่ลงเล็กน้อย ก่อนจะค่อย ๆ ปรับให้เป็นปกติขึ้นอีกครั้ง ฝังคำสาบานที่เธอเพิ่งกล่าวออกไปไว้ในส่วนลึกของหัวใจอย่างเงียบ ๆ
“จะว่าไปก่อนหน้านี้ เธอก็ปกป้องฉันไปแล้วครั้งนึงไม่ใช่เหรอ?”
“เอ๋?”
โรเอลชี้ไปที่ท้องของเขาแล้วจึงอธิบายให้อลิเซียผู้กำลังสับสน
“ถ้าไม่ใช่เพราะเธอก้าวออกมาอย่างกล้าหาญในวันนั้น อาการบาดเจ็บของฉันคงจะแย่กว่านี้ เธอเคยปกป้องฉันมาแล้วครั้งหนึ่งไม่ใช่รึยังไง?”
“ห หนูไม่…ตอนนั้นหนูยังไม่ทันได้คิดอะไรเลยด้วยซ้ำนะคะ หนูก็แค่กลัว กลัวที่จะต้องสูญเสียพี่ใหญ่ไป มันน่ากลัวมากจน…”
เสียงของอลิเซียเริ่มตะกุกตะกักอีกครั้ง การหวนนึกถึงความกลัวในอดีต ทำให้อลิเซียยิ่งเกาะติดโรเอลแน่นขึ้นกว่าเดิมราวกับกำลังกลัวว่าจู่ ๆ เขาจะหายไปในอากศ
เมื่อรู้ถึงสิ่งนี้โรเอลก็ลูบหัวของเธอเบา ๆ พร้อมพูดปลอบโยน
“แต่เธอก็ยังช่วยฉันไว้อยู่ดี ฉันไม่คิดเลยว่าเธอจะสามารถเอาชนะความกลัวในจิตใจแล้วหยิบมีดนั่นขึ้นมาได้ เธอกล้าหาญมากกว่าที่ฉันคิดไว้เสียอีกนะ”
“…มันไม่ใช่ความกล้าหรอกค่ะ มันเป็นความกลัวที่เหนือกว่าความกลัวอีกทีหนึ่งเท่านั้นเอง เพราะหากเทียบกับการสูญเสียพี่ใหญ่แล้วล่ะก็ มีดมันก็ไม่ได้น่ากลัวเลยค่ะ”
“…”
คำพูดที่จริงจังของอลิเซียทำให้โรเอลหวั่นไหวเล็กน้อย มีความรู้สึกปั่นป่วนบางอย่างก่อตัวขึ้นในใจของเขา ทำให้สายตาของเขาเปลี่ยนไป
หลังจากเงียบอยู่ครู่หนึ่งเขาก็พยักหน้าอย่างแรง แล้วจึงพิงตัวเข้ากับอลิเซีย
“อย่างนั้นเหรอ…”
โรเอลพึมพำเบา ๆ ก่อนที่ทั้งห้องจะตกลงสู่ความเงียบงัน ปล่อยให้หัวใจของทั้งสองคนที่กำลังเอนพิงกันเต้นรัวอย่างเงียบ ๆ