ทรราชตัวน้อย ไม่อยากพบจุดจบแบบ BAD END - บทที่ 471 ศัตรูแห่งโชคชะตา (1)
“มาแล้วสินะ”
“อืม…”
โรเอลใช้เวลาครู่หนึ่งฟื้ นจากอาการสับสนหลังจากการถูกนําเข้า
มาสู่อีกมิติ ก่อนจะตอบสนองด้วยการพยักหน้าเบาๆ เบื้องหน้าเขามี
หญิงสาวผมทองผู้งดงามกําลังนั่งอยู่บนบัลลังก์ ซึ่งเป็นรูปร่างที่เขา
ไม่ได้เห็นมาเป็นเวลานาน
เด็กหนุ่มมองดูสภาพแวดล้อมรอบๆ ตัวที่ดูคุ้นเคยด้วยสายตาที่
เต็มไปด้วยความรู้สึกผิด
ที่นี่คือหุบเขาภูเขาภายใต้เขตอํานาจของเทพธิดาแห่งผืนปฐพี เป
ตรา โรเอลยังคงจําช่วงเวลาที่เขาได้พบกับราชินีแห่งสัตว์ศักดิ์สิทธิ์เป็น
ครั้งแรกและพูดคุยกับเธอ รวมถึงความตกใจเมื่อได้เห็นร่างกายขนาด
มหึมาของเธอเป็นครั้งแรก
ทว่าตอนนี้หุบเขาอันมืดมิดและภูเขาที่คดเคี้ยวรอบๆ ได้ถูกกลืน
กินโดยพลังเวทสีทองไปแล้ว และร่างกายส่วนหนึ่งของเปตราเองก็
กําลังพังทลายลงเช่นกัน
เมื่อเผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้ หัวใจของโรเอลก็เริ่มหนักอึ้งเทพธิดาแห่งผืนปฐพีนั้นแตกต่างจากราชินีแม่มด เธอดูจะไม่ได้
สนใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับตัวเองมากนัก เปตราเพียงแต่ลุกขึ้นยืน
และพูดกับโรเอลด้วยรอยยิ้มอันอ่อนโยน
“นานแล้วสินะที่เจ้าไม่ได้เห็นข้าในร่างนี้ ชวนให้นึกถึงความทรงจํา
เก่าๆ เลยใช่ไหม?”
“ใช่ มันนานมากแล้วจริงๆ นี่คือร่างที่แท้จริงของเธอสินะ?”
“เจ้าจะว่าอย่างนั้นก็ได้ บอกตามตรงร่างเดิมของข้าคืออสรพิษ
แห่งผืนปฐพี แต่มันไม่ใช่ร่างที่สะดวกในการปรากฏตัวต่อหน้าเทพีเซีย
ข้าเลยลงเอยด้วยการอยู่ในร่างนี้เกือบตลอดเวลา”
เปตราอธิบายด้วยรอยยิ้ม เล่าเรื่องราวเก่าๆ ที่ไม่มีใครในยุค
ปัจจุบันเคยได้ยินมาก่อน
โรเอลฟังคําพูดของเธอพลางพยักหน้าเป็นครั้งคราว
ความสัมพันธ์ของโรเอลกับเทพเจ้าโบราณแต่ละคนนั้นแตกต่าง
กันออกไป กรันด้าเป็นเหมือนเพื่อนสนิท อาร์เทเชียเป็นเหมือน
พันธมิตรที่คลุมเครือ ส่วนเปตรา…เธอให้ความรู้สึกเหมือนเป็นแม่
ทูนหัวโรเอลไม่เคยได้พบแม่ที่แท้จริงของเขาในโลกนี้มาก่อน แต่เขาก็ได้
อาศัยอยู่กับพ่อแม่เป็นเวลาหลายปีในอดีตชาติ เปตราให้ความรู้สึก
เหมือนกับแม่ของเขา ปฏิบัติต่อเขาด้วยความเอาใจใส่อย่างพิถีพิถัน
และให้คําแนะนําเป็นครั้งคราว เธอเป็นตัวตนที่เต็มไปด้วย
สัญชาตญาณแห่งความเป็นแม่
นั่นก็เพราะในแง่หนึ่งเทพธิดาแห่งผืนปฐพีสามารถกล่าวได้ว่าเป็น
มารดาของสิ่งมีชีวิตทั้งมวล
โรเอลหวงแหนสายสัมพันธ์นี้มาก ทําให้เขารู้สึกเจ็บปวดมากที่ต้อง
เห็นร่างของเปตราค่อยๆ พังทลายลงต่อหน้า ซึ่งอีกฝ่ายก็สัมผัสได้ถึง
อารมณ์ของเขา เธอจึงปลอบโยนเขา
หลังจากนั้นไม่นาน ความรู้สึกของโรเอลก็สงบลงในที่สุด
เปตรามองไปที่โรเอลสลับกับภูเขาที่ค่อยๆ สลายหายไปรอบๆ ตัว
พลางถอนหายใจด้วยความเสียใจ
“พลังของข้าใกล้เคียงกับพลังของเทพีเซีย ดังนั้นคุณลักษณะของ
ข้าจึงเสริมพลังให้กับทูตสวรรค์ ไม่เคยคิดเลยว่าสักวันหนึ่ง ข้าจะต้อง
มาทนทุกข์ทรมานด้วยชะตากรรมเช่นนี้ แต่ถึงกระนั้นข้าก็ดีใจที่ตัวเอง
สามารถอดทนมาได้”เปตรามองไปที่พลังเวทสีทองที่กําลังรุกล�าเข้ามาในร่างกาย ก่อน
จะหันไปมองโรเอลด้วยใบหน้าราวกับว่ากําลังรู้สึกผิด
“ข้าคงไม่สามารถช่วยอะไรเจ้าได้ในการต่อสู้ครั้งต่อไป แต่เจ้า
โครงกระดูกนั่นก็น่าจะพอปกป้องเจ้าได้ เขาเป็นคนที่แข็งแกร่ง และข้า
ก็เชื่อว่าพวกเจ้าสองคนจะต้องก้าวข้ามมันไปได้”
“ถึงอย่างนั้น เจ้าจงระมัดระวังให้ดี การป้องกันของเจ้าจะอ่อนแอ
ลงมากหากปราศจากการป้องกันของข้า อีกทั้งเจ้ายังไม่สามารถใช้พร
ของข้า เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งเป็นระดับแก่นแท้ 3 ได้อีกแล้วเช่นกัน
จงสังเกตและวางแผนอย่างรอบคอบ”
“อืม เข้าใจแล้ว”
โรเอลตอบพร้อมพยักหน้า
เมื่อพูดจบเทพธิดาแห่งผืนปฐพีก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาบ้าง ราวกับ
ตัวเองกลายเป็นคนขี้วิตกกังวล
“ถึงข้าจะเคยพูดไปบ้างแล้ว แต่ข้าก็อยากจะพูดซ�า มิฉะนั้นข้าคง
ทําใจให้สงบไม่ได้ ข้าอยากคุยกับเจ้ามานานแล้ว เกี่ยวกับเรื่องที่เจ้า
มักจะไม่สนใจข้อจํากัดทางกายภาพของตัวเองทุกครั้งที่อยู่ในสนามรบ
แต่ก็หาเวลาที่เหมาะสมไม่ได้เสียที เจ้าควรระวังเรื่องนั้นเอาไว้ด้วยใน
ตอนที่ข้าไม่อยู่”“พูดตามตรงแล้ว ข้าไม่เห็นด้วยกับการที่เจ้าเข้าไปช่วยชีวิตผู้สืบ
เชื้อสายของทูตสวรรค์ แต่ข้าก็พอจะเข้าใจเจ้า แม้ข้าจะยังคิดว่าเด็ก
สาวจากเชื้อสายไฮเอลฟ์นั่นดีกว่า แต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหา ตราบใดที่ข้าอยู่
กับเจ้า เจ้าจะมีภรรยากี่คนก็ได้”
“ข…เข้าใจแล้ว”
การเปลี่ยนหัวข้ออย่างกะทันหันทําให้ใบหน้าของโรเอลหยุดนิ่ง
เขาไม่รู้ว่าจะพูดอะไรเพื่อตอบโต้ประโยคท้าย แต่โชคดีที่เปตราไม่ได้
ติดเล่นจนเกินไป เธอจู้จี้เขาครู่หนึ่งก่อนที่จะหยุดลง
นี่ทําให้โรเอลรู้ได้ในทันทีว่าเวลาของพวกเขานั้นหมดลงแล้ว
“…”
“…”
ต่างจากสถานการณ์ของอาร์เทเชียที่เปตราใช้เวลาช่วงสุดท้ายของ
เธออย่างสงบ ดวงตาสีเหลืองอ่อนของเธอเต็มไปด้วยความกังวลและ
ความไม่เต็มใจ เหมือนกับแม่ที่กําลังส่งลูกไปยังสนามรบ เมื่อเห็นเช่นนี้
หัวใจของโรเอลก็ยิ่งเจ็บปวด
เด็กหนุ่มเดินออกไปกอดร่างของเทพธิดาแห่งผืนปฐพีอย่าง
นุ่มนวล ทําให้เธอตกใจมาก แต่ในไม่ช้าเธอก็โอบกอดเขากลับไป”ดูแลตัวเองให้ดีล่ะ ไว้เจอกันใหม่นะ”
“อืม แน่นอน”
ระหว่างการโอบกอดครั้งสุดท้าย เปตราพูดคําจากลาที่ธรรมดาแต่
อบอุ่นหัวใจ ซึ่งโรเอลก็ตอบกลับด้วยรอยยิ้มอย่างมั่นใจ เมื่อทั้งสองแยก
จากกัน สภาพแวดล้อมของเขาก็พร่ามัวลง พร้อมกับเงาของเปตราที่
ค่อยๆ หายไปเช่นกัน
ในไม่ช้าเขาก็จมลงสู่ความมืด
…
เมื่อโรเอลลืมตาขึ้น เขาก็พบว่าหุบเขาและเทพธิดาแห่งผืนปฐพีได้
หายไปจากสายตาของเขาแล้ว ตอนนี้เขาได้กลับมาอยู่ในห้องอันแสน
สบายที่มีทูตสวรรค์นอนหลับอยู่ข้างๆ
เมื่อมองไปยังนอร่า โรเอลก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกโดยไม่ได้
ตั้งใจ จากนั้นเขาก็มองออกไปนอกหน้าต่างเพื่อเพลิดเพลินกับทิวทัศน์
ของทุ่งหญ้ายามเช้า พลางนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้
มีคํากล่าวในอดีตชาติของโรเอลว่าวันเกิดของเด็กเป็นวันครบรอบ
ความทุกข์ทรมานของพ่อแม่ และดูเหมือนว่าความทุกข์ทรมานนี้จะส่ง
ต่อมาถึงโรเอลเช่นกันโรเอลมองที่แขนเสื้อรอบข้อมือพลางนึกถึงชีวิตที่เหมือนกับ
นักโทษเมื่อวานนี้ของตน มันทําให้ไหล่ของเขาหย่อนยานด้วยความ
โกรธ แต่เขาไม่ได้โกรธอะไรมากเกี่ยวกับเรื่องนี้
ความจริงที่ว่านอร่าต้องการโรเอลเป็นของขวัญวันเกิด แสดงให้
เห็นว่าเขาได้รับตําแหน่งสําคัญในหัวใจของเธอ ซึ่งเป็นตําแหน่งที่คน
อื่นๆ จํานวนนับไม่ถ้วนฝันถึง ความสนิทสนมดังกล่าวอาจได้มาง่ายๆ
สําหรับโรเอล แต่เขาก็ไม่ได้ตั้งใจที่จะรับมันไว้เช่นกัน
มีหลายครั้งที่นอร่ารู้สึกไม่สบายใจกับสถานการณ์นี้ แต่เธอก็
พยายามอย่างสุดความสามารถที่จะรั้งตัวเองไว้เสมอ เป็นหลักฐานว่า
เธอไม่ได้ต้องการจะทําร้ายเขาหรือทําอะไรเลยเถิดไปจริงๆ
นอกจากนี้ มันก็ไม่ใช่ว่าโรเอลไม่ชอบมันซะทีเดียว
เมื่อวานไม่ใช่แค่วันเกิดของนอร่าเท่านั้น แต่ยังเป็นวันก่อนช่วง
สําคัญในการตื่นขึ้นของพลังทางสายเลือดของนอร่าอีกด้วย มันจึงเป็น
การดีที่เธอจะได้ระบายความเครียดออกมาอย่างสมบูรณ์ เพื่อที่เธอจะ
ได้อยู่ในสภาพที่ดีพร้อมในการเผชิญหน้ากับการต่อสู้ที่จะเกิดขึ้น
นี่เป็นสิ่งที่โรเอลวางแผนไว้ตั้งแต่แรกเช่นกัน เพียงว่ากระบวนการ
นั้นกลับต่างไปจากที่เขาคาดไว้
อืม อย่างน้อยๆ ผลลัพธ์ก็ออกมาดีด้วยกําลังใจและปัจจัยอื่นๆ มากมาย ทําให้อาการของนอร่าดีกว่า
ที่เขาคาดไว้มาก เธอสามารถรักษาพลังสายเลือดของเธอเอาไว้ได้อย่าง
มั่นคง ทําให้เด็กหนุ่มสงสัยว่าการตามใจตัวเองมีผลในการระงับสถานะ
อวตารทูตสวรรค์ด้วยหรือไม่
โรเอลได้ถามนอร่าเกี่ยวกับเรื่องนี้ และเธอตอบว่ามันอยู่ที่
ความหวังและความรู้สึก
“วันนี้ข้าสนุกมาก แต่แค่วันเดียวมันยังไม่เพียงพอสําหรับข้า ข้า
ต้องการให้มันดําเนินต่อไปหลายปี หลายสิบปี และแม้กระทั่งหลาย
ศตวรรษต่อจากนี้ เพราะข้าเป็นคนโลภยังไงล่ะ”
นั่นคือคําพูดที่นอร่าพูดกับโรเอลภายใต้แสงอาทิตย์ยามเย็น
ความรู้สึกลึกๆ เบื้องหลังคําพูดเหล่านั้นทําให้เขาประทับใจ เพราะเขา
ไม่เคยเห็นเธอจริงจังขนาดนี้มาก่อน
นอร่าได้รับการกระตุ้นขึ้นมาแล้ว เธอมีแรงจูงใจที่จะเอาชีวิตรอด
จากการทดสอบครั้งนี้ เพื่อที่เธอจะได้มีชีวิตตามที่ตัวเองต้องการ สิ่งนี้
ทําให้หัวใจของโรเอลสงบลงในขณะที่เขารอคอยอย่างใจเย็นถึงการ
โจมตีของตระกูลเอลริก
มันเป็นไปได้ที่ศัตรูอาจจะมีวิธีในการติดตามตัวพวกเขา เมื่อ
พิจารณาว่าพวกเขาได้เข้ามาเสี่ยงภัยในหุบเขาทาร์กอันกว้างใหญ่และอันตราย ถ้าเป็นเช่นนั้นแล้ว มันก็คงถามออกไปได้ว่าทําไมศัตรูถึงยังไม่
เคลื่อนไหว
แม้ในขณะนี้นอร่ากําลังอยู่ในช่วงที่เปราะบางมาก แต่เธอก็
สามารถฟื้ นกลับมาได้ถ้าเธอสามารถรอดจากการทดสอบครั้งนี้ไปได้
เวลาจึงไม่ใช่ข้อได้เปรียบของตระกูลเอลริก
คําอธิบายที่น่าเชื่อถือที่สุดที่โรเอลคิดได้ก็คือ พวกเขาเข้าใจอย่าง
ถ่องแท้ถึงเวลาที่สถานะอวตารทูตสวรรค์ในตัวนอร่าจะรุนแรงถึงขีดสุด
เพราะนั่นคือช่วงเวลาที่นอร่ากําลังอ่อนแอที่สุดเช่นกัน ดังนั้นมันจึงเป็น
ช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดสําหรับพวกเขาในการซุ่มโจมตี
โรเอลบอกนอร่าเกี่ยวกับศัตรูที่กําลังใกล้เข้ามา ซึ่งใบหน้าของเธอ
ก็ซีดเผือดทันทีแทนคําตอบ นั่นเป็นสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดในใจเธอ
อย่างไรก็ตามโรเอลก็ได้บีบมือของนอร่าไว้พร้อมกล่าวให้ความมั่นใจ
“เธอสนใจแค่การพัฒนาพลังทางสายเลือดของตัวเองก็พอ ที่เหลือ
ให้เป็นหน้าที่ของฉันเถอะ”
“แต่…”
“เหตุผลที่ฉันมาที่นี่ก็เพื่อปกป้องเธอ”
“…”