ทรราชตัวน้อย ไม่อยากพบจุดจบแบบ BAD END - บทที่ 481: ฉันไม่ใช่เขา (1)
แผ่นดินไหวรุนแรงเขย่าหุบเขา ซึ่งเป็นที่ตั้งของป้อมปราการทาร์ก
ก่อนหน้านี้ ทําให้เหล่าทหารต้องหยุดงานก่อสร้างลงชั่วคราว สัตว์อสูร
ในภูเขาที่อยู่ใกล้เคียงต่างตื่นตระหนก จนทําให้ทุกคนสามารถมองเห็น
นกมากมายบินวนอยู่บนท้องฟ้าด้วยควานตื่นกลัว
เหล่าทหารที่กําลังตื่นตระหนกต่างแหงนมองดูรอยสีแดงบนขอบ
ฟ้าอันไกลโพ้น ด้วยความสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นตรงนั้นกันแน่
…
ภายในส่วนลึกของหุบเขาทาร์ก ร่างของกรันด้าได้ถูกเสริมให้
แข็งแกร่งขึ้น ด้วยผลกระทบจากคาถาเวทเสริมกองทัพเสียงคํารามแห่ง
อัสนีสีชาด และชิ้นส่วนมงกุฎทองคํา เขารวบรวมพลังเวทลงไปที่หมัด
และเหวี่ยงมันออกไป ทําลายม่านหมอกแห่งความชั่วร้ายสีเทาและเทพ
ผู้ชั่วร้ายที่อยู่ข้างหลังมัน รวมถึงสลายวิญญาณมากมายในม่านหมอกสี
เทาให้กระจัดกระจายออกไปรอบๆ กลับสู่พื้นดิน
ทําให้ไบรอัน เอลริกผู้ที่อยู่เบื้องหลังสงครามครั้งนี้ ให้ต้องเป็นฝ่าย
พ่ายแพ้ไป
เราแพ้แล้วหลังจากความคิดนี้ผุดขึ้นมาในหัวของไบรอัน แรงระเบิดจากหมัด
ของกรันด้าก็ถาโถมเข้าใส่เขา กลบร่างของเขาด้วยพลังเวทสีแดงเข้ม
สว่างจ้า และทําลายดาบสีเทาในมือของเขาจนแตกเป็นเสี่ยงๆ ก่อนจะ
ทําให้เขาสูญเสียประสาทสัมผัสในร่างกายทั้งหมดไป
ทว่าในช่วงเวลาสุดท้ายของไบรอัน เขากลับไม่มีร่องรอยของความ
สิ้นหวัง ความแค้น หรือแม้แต่ความเจ็บปวดบนใบหน้าแม้แต่น้อย มี
เพียงแค่ความสับสนงุนงง
ทันทีที่พลังเวทสีแดงเข้มปกคลุมวิสัยทัศน์ของเขา อัศวินผู้ภักดีใน
อดีตพลันได้เห็นผู้บังคับบัญชาเหนือหัวที่ตนให้คํามั่นสัญญาไว้ ชายคน
นั้นที่ปกคลุมไปด้วยสายฟ้าสีแดงเข้ม และรอยยิ้มที่พร้อมจะท้าทายทุก
สรรพสิ่ง เหมือนเมื่อสองศตวรรษก่อน
“ฝ่าบาท…”
เสียงครวญครางของไบรอันเลือนหายไปกับสายลม ก่อนจะถูก
เสียงระเบิดดังกึกก้องกลบไป
ตูม!
ระเบิดนั้นใหญ่มากจนทําให้ทุกคนในบริเวณใกล้เคียงตาพร่า และ
บังคับให้พวกเขาต้องหยุดลง พวกลัทธินอกรีตต่างก้มลงหลบข้างหลัง
โล่ ส่วนเหล่าอัครสาวกก็ล้มตัวลงนอนคว�าราบไปกับพื้นพวกลัทธิชั่วร้ายตระหนักได้ในทันทีว่ามีบางอย่างผิดปกติ พวกเขา
ตะเกียกตะกายหนีออกไปทั้งๆ ที่สายตาปราศจากวิสัยทัศน์ แต่มันก็
สายเกินไปแล้ว สายฟ้าสีแดงเข้มก็ผ่าลงมากําจัดผู้ที่ไม่ได้รับผลกระทบ
จากคาถาเวทเสริมกองทัพ และแผดเผาพวกผู้นับถือลัทธิชั่วร้ายส่วน
ใหญ่จนกลายเป็นเถ้าถ่าน
หลังจากที่สายฟ้าสีแดงเข้มผ่าลงมา ก็เกิดคลื่นกระแทกที่แผดเผา
กระจายออกไปเป็นระลอกๆ
การปะทะกันของโรเอลและไบรอันทําให้พลังเวทที่ไหลเวียนอยู่
โดยรอบโกลาหลวุ่นวาย ส่งผลให้พวกมันคลุ้มคลั่ง จนกลายเป็นพายุ
ความร้อนพัดผ่านทําลายล้างทําลายสภาพแวดล้อมในสนามรบ และ
โจมตีผู้ที่อยู่ในขอบเขตดังกล่าว
ต่อหน้าพลังทําลายที่เกิดขึ้นทั้งพวกนอกรีตและอัครสาวกทําได้
เพียงแค่ป้องกัน และรักษาตําแหน่งของตนเอาไว้ โชคดีที่พลังทําลาย
ล้างกระจัดกระจายออกไปโดยรอบจึงไม่ได้พุ่งมาที่พวกเขาตรงๆ ทําให้
ยังพอรับมือได้บ้าง
แม้แต่โรเอลก็ยังทําอะไรไม่ถูก เมื่อต้องเผชิญกับพายุพลังเวทนี้
เขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากรอให้พายุสงบลงต้องใช้เวลานานพอสมควร ก่อนที่พายุพลังเวทที่โหมกระหน�าจะ
เริ่มสงบลงมากพอที่โรเอลจะลืมตาขึ้นอีกครั้ง
ปฏิกิริยาแรกของเด็กหนุ่มคือการก้มหน้าลงตรวจสอบสภาพ
ร่างกายของตัวเอง ร่างกายที่เลือนรางจนเกือบจะสูญสลายไปก่อนหน้า
นี้ ตอนนี้ได้กลับมาเป็นร่างที่สมบูรณ์แล้ว หลังจากยืนยันความปลอดภัย
ของตนได้ โรเอลก็สํารวจบริเวณโดยรอบ และเห็นว่าม่านหมอกสีเทา
และวิญญาณมากมายที่อยู่ภายในได้หายไปอย่างไร้ร่องรอยแล้ว
การต่อสู้ครั้งนี้เป็นชัยชนะของเขา
อย่างไรก็ตาม โรเอลก็ยังไม่สามารถยิ้มออกมาได้ เขาเงยหน้าขึ้น
อย่างเงียบๆ และจ้องมองไปยังพื้นที่อันห่างไกล
หลังจากเกิดพายุรุนแรง ผืนดินโดยรอบก็กลายเป็นทะเลทราย ไบร
อันนั้นกําลังนอนหมดสภาพอยู่บนผืนทราย กระแสพลังเวทอันทรงพลัง
ของเขาไม่มีอีกต่อไป ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยบาดแผล หลังจาก
สูญเสียการปกป้องจากเทพเจ้าชั่วร้ายและวิญญาณ เขาก็ไม่สามารถ
ฟื้ นฟูร่างกายจากอาการบาดเจ็บได้อีก
โรเอลจ้องไปที่ชายผู้ร่วงหล่นอย่างเย็นชา ไม่มีความรู้สึกเห็นอก
เห็นใจแม้แต่น้อยต่ออัศวินผู้พ่ายแพ้ตรงหน้าไบรอันไม่ใช่คนน่าสงสาร เขาพรากชีวิตผู้คนมานับไม่ถ้วนตลอด
ช่วงชีวิตอย่างไม่ลังเล อีกทั้งยังกล้าที่จะลงมือฆ่าแม้แต่ลูกชายของ
ตัวเอง ฉะนั้นคนชั่วอย่างเขาสมควรตายแล้ว
แต่โรเอลนั้นมีข้อสงสัยบางอย่างในการปะทะกันครั้งสุดท้ายของ
เขากับอีกฝ่าย
ไบรอันไม่คิดที่จะหลีกเลี่ยงหรือตอบโต้สวนกลับสายฟ้าสีแดงเข้ม
เลย แต่เขากลับเลือกที่จะยอมรับความตายของตัวเองแบบเงียบๆ ราว
กับว่ามันเป็นผลลัพธ์ที่ยอมรับได้สําหรับเขาที่จะถูกจัดการลงด้วยการ
โจมตีนั้น
โรเอลสับสนกับเรื่องนี้ จนในที่สุดเขาก็เห็นแววตาของไบรอัน
ร่างกายของไบรอันเหี่ยวแห้งลงไปพร้อมกับควันดําที่พ่นออกมา
จากร่างกาย ทว่าดวงตาของเขากลับสงบนิ่ง แหงนมองท้องฟ้าราวกับ
ชายชราคนหนึ่งที่ได้เติมเต็มความปรารถนาสุดท้ายของตน แม้ว่าโรเอล
จะเข้ามาในระยะสายตาของเขา ไบรอันก็ไม่มีความโกรธหรือความ
เกลียดชังบนใบหน้าเลยแม้แต่น้อย เขาเพียงแค่ถามคําถามเรียบๆ ซึ่ง
เป็นคําถามที่โรเอลคาดเอาไว้แล้ว
“เสียงคํารามแห่งอัสนีสีชาด มันคือคาถาเวทของฝ่าบาทเวต หรือ
ว่าเจ้าคือ…”อัศวินที่กําลังจะตายจดจ้องไปยังโรเอลโดยหวังว่าจะได้รับคําตอบ
สําหรับคําถามสุดท้ายของตน เมื่อเห็นแววตาอ้อนวอนในดวงตาของ
ไบรอัน โรเอลก็ถอนหายใจเบาๆ และตอบข้อสงสัยสุดท้ายของอีกฝ่าย
“ฉันไม่ใช่เขา”
“อา…”
ไบรอันถอนหายใจอย่างแผ่วเบา ดวงตาพร่ามัวด้วยความผิดหวัง
“แต่คาถาเวทที่ฉันร่ายออกมาเป็นของเวต เซไซต์จริงๆ ฉันได้พบ
กับเขาด้วยพลังทางสายเลือดของตระกูลแอสคาร์ด และเอาชนะเขาลง
ได้ นี่คือของขวัญจากลาของเขาที่ให้กับฉัน”
“เข้าใจแล้ว”
แววตาแห่งการตระหนักรู้วูบผ่านดวงตาของไบรอัน วินาทีต่อมา
ริมฝีปากของเขาก็ยิ้มจางๆ ออกมา ฝ่ายโรเอลที่เห็นดังนั้นก็เกิดอาการ
สับสนไม่เข้าใจ
“นายไม่โกรธที่ฉันโค่นเขาหรอกเหรอ?”
“นั่นไม่ใช่สิ่งที่ข้าสนใจ… ดูเหมือนว่าฝ่าบาทจะถูกใจเจ้า ท่านไม่ใช่
คนที่จะโกรธเคืองคนอื่นด้วยเหตุผลส่วนตัว ท่านจึงมอบคาถาเวทนี้
ให้กับเจ้า มันเป็นสัญลักษณ์ว่าท่านยอมรับในตัวเจ้า ในฐานะอัศวินของฝ่าบาท ข้าเชื่อมั่นในความประสงค์ของฝ่าบาท บางทีอาจจะเป็นชะตา
กรรมของข้าก็ได้ที่จะต้องตายด้วยมือของเจ้า”
“…อย่างนั้นเหรอ?”
โรเอลตอบอย่างใจเย็น
มันเป็นไปไม่ได้เลยที่เด็กหนุ่มจะรู้สึกเห็นใจชายตรงหน้าหลังจาก
ทุกสิ่งทุกอย่างที่อีกฝ่ายทํา แต่เขาอดคิดไม่ได้ว่าชะตากรรมนั้นช่าง
แปลกประหลาดเสียนี่กระไร
อัศวินผู้สูงศักดิ์ที่ครั้งหนึ่งได้เลือกที่จะร่วงหล่นและกลายเป็น
อาชญากรผู้เลวทราม เปื้ อนดาบของตนด้วยบาป แต่ถึงกระนั้น ไบรอัน
ก็ยังคงยึดมั่นในนายเหนือหัวของตนเองจนถึงวินาทีสุดท้าย ซึ่งโดยปกติ
แล้วผู้ที่มีชีวิตอยู่เป็นเวลานานมักจะกลัวความตายเป็นพิเศษ แต่เขา
กลับไม่ได้แสดงอาการอะไรแบบนั้นออกมา เขาสงบนิ่งจนผิดปกติ ราว
กับว่ามันเป็นเรื่องสมควรแล้วที่เขาจะต้องตายลงด้วยคาถาเวทที่ครั้ง
หนึ่งเคยเป็นของนายเหนือหัว
โรเอลไม่รู้ว่าอะไรเป็นแรงผลักดันที่ทําให้ไบรอันกลายเป็นสัตว์
ประหลาดในวันนี้อาจเป็นเพราะต้องการแก้แค้นให้กับนายเหนือหัวของตน หรืออาจ
เป็นเพราะความเสียใจที่ตนทําให้ตระกูลเอลริกอันยิ่งใหญ่ต้องเสื่อม
โทรม หรืออาจเป็นเพียงความหลงใหลในความสําเร็จ
ทว่าสิ่งหนึ่งที่แน่นอนก็คือ ไบรอันได้สูญเสียอุดมคติที่เขาเคย
ภาคภูมิใจไปแล้ว จะบอกว่าเขาหยุดเป็นตัวของตัวเองในทันทีที่
ตัดสินใจเลือกเดินทางนี้ก็คงไม่ผิด
สายลมยามค�าคืนอันหนาวเหน็บพัดผ่านทะเลทรายทําให้เกิดเสียง
กรอบแกรบเบาๆ ทั้งคู่เงียบกันไปครู่หนึ่ง ขณะที่โรเอลจ้องไปที่ไบรอัน
ที่ล้มลงอยู่บนพื้นก่อนจะพูด
“นอร่าเป็นทายาทของเขา”
“!”
ดวงตาของไบรอันที่กําลังจะปิดลงเมื่อเบิกตาขึ้นมาเมื่อเขาได้ยิน
คําพูดเหล่านั้น เขาบังคับตัวเองให้ลืมตาอีกครั้ง และจ้องไปที่เด็กหนุ่มที่
ยืนอยู่เหนือเขา ภายในช่วงเวลาอันสับสนงุนงงนี้ เขาเห็นร่างของอัศวิน
ผมทองผู้ภาคภูมิถือดาบแวววาวซ้อนทับกับโรเอล
เฟลเดอร์ เอลริก ตัวเขาในอดีต
“อัศวินเก่าแพ้อัศวินคนใหม่แล้วสินะ”ไบรอันบ่นอย่างขมขื่น
เมื่อมองดูเด็กหนุ่มที่เข้ารับตําแหน่งผู้พิทักษ์คนใหม่ของตระกูลเซ
ไซต์ จู่ๆ ไบรอันก็นึกขึ้นได้ว่าตัวเองไม่ได้แพ้โรเอลเพียงคนเดียว แต่ยัง
แพ้ตัวเองในอดีตด้วยเช่นกัน
“ระวังชายคนนั้นไว้ เขารู้จักตระกูลของเจ้าเป็นอย่างดี…”
อาจเป็นเพราะอยากจะตอบแทนโรเอล หรือบางทีอาจเป็นเพราะ
เป็นต้องการมอบของขวัญแก่ผู้สืบทอดของตน ไบรอันจึงได้ให้
คําแนะนําสุดท้ายกับเด็กหนุ่ม นี่ดึงดูดความสนใจของโรเอลมาก เขา
หวนนึกถึงร่างในชุดคลุมและมือที่ดับเปลวเพลิงของเขาขึ้นมา
“คนคนนั้นเป็นใคร?”
“ไม่มีใครรู้ เขาเฝ้าดูเจ้ามาเป็นเวลานานมากแล้ว นี่มันยังไม่จบ
หรอก บางทีมันอาจจะเป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นด้วยซ�า…”
“…”
สายตาของโรเอลจริงจังขึ้นมา
ไบรอันมองเขาเงียบๆ ก่อนจะค่อยๆ หลับตาลง พลังเวทยังคง
รั่วไหลออกจากร่างกายของเขาจนกระทั่งหมดลมหายใจ วิญญาณของ
เขากระจัดกระจายไปตามสายลมยามค�าคืนไปสู่ดินแดนที่ไม่มีใครรู้จักในที่สุด ไบรอัน เอลริกก็ได้หมดลมไป