ทรราชตัวน้อย ไม่อยากพบจุดจบแบบ BAD END - บทที่ 485: เจ้าจะจําข้าได้ไหม (1)
มันเป็นค�าคืนที่อันตรายเสี่ยงภัยจนน่าใจหาย แต่ทั้งโรเอลและนอ
ร่าก็ได้สามารถเอาชนะอุปสรรคของตนเอง และเอาชนะศัตรูของพวก
เขาลงได้ ทั้งสองกลับไปถึงบ้านไม้อันคุ้นเคยและสบตากัน ด้วยอารมณ์
มากมายผุดขึ้นในใจ
ขณะที่นอร่าจ้องมองไปที่โรเอล เธอก็สังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลง
บางอย่างที่ทําให้ตัวเธอเองก็ต้องประหลาดใจ
“เจ้าไปถึงระดับแก่นแท้ 3 แล้วงั้นหรือ? ”
“ใช่ เพราะแบบนั้น ฉันถึงสามารถเอาชนะศัตรูได้”
“อ่า…ข้าอุตส่าห์คิดว่าจะชนะเจ้าได้แล้วแท้ๆ แต่ดูเหมือนว่าพวก
เราจะเสมอกันอีกแล้วสินะ”
นอร่าแก้มพองขึ้นอย่างนึกเคือง แต่ถึงอย่างนั้นสิ่งที่โรเอลเพิ่งพูด
มาก็ทําให้เธอรู้สึกโล่งอก เด็กสาวจึงถอนหายใจและแสดงความยินดี
ด้วยกับเขา
“สิ่งที่สําคัญที่สุดคือพวกเราทั้งคู่ปลอดภัยดี ยินดีด้วยกับ
ความก้าวหน้าของเจ้า”“ฉันต่างหากที่ควรจะเป็นคนพูดแบบนั้น ระดับแก่นแท้ 3 อาจเป็น
อุปสรรคที่ยากก็จริง แต่มันเทียบกับสายเลือดระดับทองของเธอไม่ได้
หรอก นอกจากนี้เธอยังเพิ่มพลังเวทของตัวเองเป็นสองเท่าอีก”
โรเอลตอบขณะที่ส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้
ความก้าวหน้าของนอร่าจากพลังทางสายเลือดและระดับแก่นแท้
ของเธอ ทําให้ความเข้าใจของโรเอลต้องปรับความเข้าใจของตน
เกี่ยวกับ ‘ผู้ถูกเลือก’ เสียใหม่ ความสามารถในการต่อสู้ของเธอเพิ่มขึ้น
ถึงระดับที่เหนือมนุษย์ จนโรเอลไม่มั่นใจว่าเขาจะสามารถเอาชนะเธอ
ได้อีก
คุณลักษณะการดูดกลืนและพลังการทําลายล้างอันทรงพลังของ
ราชาทูตสวรรค์ เป็นสิ่งที่แม้แต่เทพเจ้าโบราณของโรเอลก็ไม่สามารถ
ปัดเป่าได้ หรือก็คือไม่มีสิ่งใดที่จะต่อต้านมันได้ ต่อหน้าพลัง
ความสามารถของนอร่า การป้องกันใดๆ ก็ล้วนไร้ความหมาย
การที่ได้รู้ว่านอร่าแข็งแกร่งขึ้นเพียงใด ทําให้โรเอลรู้สึกสบายใจ
ขึ้นมาก
อย่างไรก็ตาม คําถามหนึ่งก็ได้ผุดขึ้นมาอย่างรวดเร็วในหัวของเด็ก
หนุ่ม เขาจําได้ลางๆ ว่าพลังทางสายเลือดของนอร่าไม่ได้ทรงพลังขนาด
นี้ในอายออฟโครนิเคิลไม่มีคําอธิบายโดยละเอียดเกี่ยวกับการปลุกพลังสายเลือดของนอ
ร่าในเกม แต่โรเอลก็มั่นใจว่าเธอน่าจะไม่ได้รับความสามารถที่โกงถึง
ระดับนี้ หลักฐานก็คือการที่นอร่าในเกมอายออฟโครนิเคิล หลังจากที่
พลังสายเลือดของเธอตื่นขึ้น เธอได้เน้นไปที่การใช้วิชาดาบ แต่สําหรับ
นอร่าในปัจจุบันแล้ว อาวุธนั้นไม่ต่างอะไรไปจากเครื่องประดับ
ภายนอกเลย
การที่นอร่ามีพลังมากกว่าที่คาดไว้ ถือเป็นข่าวดีอย่างไม่ต้องสงสัย
แต่โรเอลก็ยังคงกังวลอยู่เล็กน้อย เพราะเขาไม่แน่ใจเกี่ยวกับสาเหตุ
เบื้องหลังความแตกต่างนี้ ซึ่งเป็นไปได้สูงว่าสาเหตุจะมาจากการกระทํา
ของเขา แต่เขาก็จําไม่ได้ว่าตัวเองทําอะไรลงไปเกี่ยวกับเรื่องนั้น
เพราะไม่สามารถเข้าใจอะไรกับเรื่องดังกล่าวได้ เขาจึงส่ายหัวและ
ปัดคําถามนี้ทิ้งไป
ทั้งโรเอลและนอร่าต่างก็ค่อยๆ รับรู้ถึงสภาพแวดล้อมของตนเอง
บ้านพักที่พวกเขาเคยอาศัยอยู่ก่อนหน้านี้ได้กลายซากปรักหักพังไป
แล้วเนื่องจากพลังเวทที่ปะทุขึ้นมาของนอร่า แต่ที่ทําให้พวกเขาตื่นตัว
ก็คือกระแสพลังเวทมากมายจากภายนอก
ทั้งคู่จัดเสื้อผ้าของตนอย่างรวดเร็วแล้วเดินออกมาจากบ้านพัก
ทันทีที่พวกเขาปรากฏตัวขึ้นในสภาพที่ปลอดภัยดี เสียงโห่ร้องก็ดัง
ออกมาจากฝูงชนโดยรอบใบหน้าของผู้นับถือลัทธินอกรีตและเหล่าอัครสาวกต่างเต็มไปด้วย
ความปีติยินดีและความโล่งใจ การที่นอร่ากลับมาได้อย่างปลอดภัย
หมายความว่าภารกิจของพวกเขาประสบความสําเร็จ
ตอนนี้จักรวรรดิเซนต์เมซิทรอดพ้นจากสงครามภายในแล้ว และ
โบสถ์แห่งเทพีผู้สร้างจะยังคงอยู่ภายใต้การควบคุมของตระกูลเซไซต์
อย่างมั่นคง เหล่าสหายผู้ล่วงลับในศึกนี้จะได้พักผ่อนอย่างสงบสุข ด้วย
ที่การเสียสละของพวกเขาไม่ได้เปล่าประโยชน์
นอร่าโบกมือให้กับฝูงชน ทุกคนต่างคุกเข่านั่งลงด้วยความเคารพ
อย่างรวดเร็ว จากนั้นแฮงค์ก็ก้าวออกมาข้างหน้าในฐานะตัวแทนของ
กลุ่ม เพื่อรายงานผลการต่อสู้
การต่อสู้อันดุเดือดระหว่างกลุ่มของโรเอลกับลัทธิผู้ชั่วร้ายของ
สมาคมนักปราชญ์ก่อนหน้านี้ ทําให้มีผู้บาดเจ็บล้มตายเป็นจํานวนมาก
นอร่าจึงอารมณ์เสียมากเมื่อได้ยินข่าวนี้ แต่แฮงค์กับโรเอลที่เป็นผู้นํา
ทัพนั้นกลับสงบนิ่งอย่างเห็นได้ชัด
ในมุมมองของพวกเขา มันถือเป็นปาฏิหาริย์ที่พวกเขายังมีชีวิตอยู่
เมื่อพิจารณาจากกองกําลังของศัตรูที่พวกเขาต้องเผชิญ นี้คือผลลัพธ์ที่
ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้แล้วกองกําลังลัทธิชั่วร้ายของสมาคมนักปราชญ์ เป็นกลุ่มคนที่ไม่มีการ
ประสานงานใดๆ ระดับที่ว่าแม้แต่ผู้บัญชาการทางการทหารที่มีทักษะ
อย่างไบรอัน เอลริกก็ยังไม่สามารถสอนให้พวกเขาร่วมมือกันได้
อย่างไรก็ตามพลังในการต่อสู้ของพวกเขาก็ไม่สามารถที่จะประมาทได้
เพราะมีผู้มีพลังเหนือธรรมชาติระดับสูงมากมายในหมู่พวกเขา ดังนั้น
ความแข็งแกร่งโดยรวมของสมาคมนักปราญ์จึงเหนือกว่ากองกําลังของ
ผู้นับถือลัทธินอกรีตและเหล่าอัครสาวกรวมกัน
นี่แสดงให้เห็นว่าสมาคมนักปราชญ์ที่สั่งสมกองกําลังภายใต้เงามืด
ของจักรวรรดิเซนต์เมซิทนั้นแข็งแกร่งเพียงใด
โชคดีที่ตอนนี้ทุกอย่างได้จบลงไปแล้ว
ผู้ที่เกี่ยวข้องกับการโจมตีครั้งนี้ รวมถึง ไบรอัน เอลริกมีแนวโน้มว่า
จะเป็นสมาชิกระดับสูงของสมาคมนักปราชญ์ มันจึงเป็นการโจมตีแบบ
ทุ่มสุดตัวได้ทุกอย่างหรือสูญเสียทุกอย่าง ที่แม้แต่ไบรอัน เอลริกก็ไม่
สามารถหลีกเลี่ยงได้
ผลที่ตามมาก็คือ ความพ่ายแพ้ของพวกเขาทําให้สมาคม
นักปราชญ์ล่มสลายนอกจากนี้ เหตุผลสําคัญที่ทําให้สมาคมนักปราชญ์สามารถเติบโต
สั่งสมขุมกําลังได้ภายใต้สายตาของโบสถ์แห่งเทพีผู้สร้างก็เป็นเพราะ
อิทธิพลของตระกูลเอลริก
ตระกูลเอลริกได้ปกปิดร่องรอยของสมาคมนักปราชญ์โดยใช้
เครือข่ายอิทธิพลที่เชื่อมโยงกันอย่างกว้างขวางของพวกเขา ทําให้เป็น
เรื่องยากสําหรับโบสถ์แห่งเทพีผู้สร้างที่จะติดตามพวกลัทธิชั่วร้าย
เหล่านี้
ทว่าตอนนี้ สมาคมนักปราชญ์ได้สูญเสียเกราะป้องกันที่ยิ่งใหญ่
ที่สุดนั้นไปแล้ว ซึ่งอีกไม่นานโบสถ์แห่งเทพีผู้สร้างก็คงจะถอนรากถอน
โคนส่วนที่เหลือ
ความคิดเหล่านี้ทําให้โรเอลนึกถึงเรื่องหนึ่ง หลังจากที่ได้ฟัง
รายงานของแฮงค์แล้ว เขาก็พานอร่าไปยังที่ที่ไบรอันเสียชีวิตและบอก
เธอเกี่ยวกับการสนทนาครั้งสุดท้ายระหว่างพวกเขา
โรเอลไม่ได้ทําแบบนี้เพราะสงสารไบรอัน คําพูดจากลาของไบรอัน
ไม่อาจแก้ไขความโหดร้ายที่ตระกูลเอลริกทําภายในเงามืดมาตลอด
หลายปีได้ เขาเพียงแค่คิดว่านอร่าควรจะได้รู้ชะตากรรมของอัศวินที่
ครั้งหนึ่งเคยรับใช้บรรพบุรุษของเธออย่างซื่อสัตย์นอร่าจ้องไปที่ศพของไบรอัน ด้วยใบหน้าที่ปราศจากอารมณ์ใดๆ
ปฏิกิริยานี้ของเธอทําให้โรเอลทึ่ง
“เธอไม่สงสารเขางั้นเหรอ? ”
“สงสาร? ข้าหมดความสงสารไปแล้วล่ะ ตั้งแต่ตอนที่เขากล้าหัน
ดาบหาเจ้า ข้าแค่รู้สึกโหยหานิดหน่อย… สองร้อยปีงั้นสินะ…”
นอร่าพูดพร้อมกับถอนหายใจ
เธอเงยหน้าขึ้นและมองไปที่โรเอล
“เจ้าจะจําข้าได้นานขนาดนั้นหรือเปล่า?”
“…”
คําถามแบบไม่ทันตั้งตัวนี้ทําให้โรเอลไม่ทันระวัง เขาใช้เวลา
ครุ่นคิดก่อนจะส่ายหัว ดวงตาของนอร่าแสดงความแปลกใจกับคําตอบ
ของเขา ซึ่งเด็กหนุ่มก็อธิบายอย่างใจเย็น
“ความทรงจํามีไว้สําหรับคนที่ต้องจากกันเท่านั้น มันไม่จําเป็น
สําหรับพวกเรา ฉันจะอยู่เคียงข้างเธอเสมอ”
“!”หัวใจของนอร่าเต้นระรัวกับคําตอบนี้ แก้มของเธอค่อยๆ
เปลี่ยนเป็นสีแดง และริมฝีปากของเธอสั่นนิดๆ ด้วยความประหม่า เธอ
รู้สึกว่าตัวเองควรจะพูดอะไรบางอย่างตอบกลับไป แต่ก็คิดอะไรดีๆ ไม่
ออก
เด็กสาวรีบตรวจสอบสภาพแวดล้อมรอบๆ ก่อนจะถอนหายใจด้วย
ความโล่งอก เมื่อเห็นว่าไม่มีใครอยู่ในบริเวณใกล้เคียง
วินาทีต่อมา โซ่ตรวนสีขาวบริสุทธิ์ก็ปรากฏขึ้นในมือของนอร่าอีก
ครั้ง เธอดึงโรเอลให้เข้ามาใกล้ใบหน้าของเธอซึ่งขึ้นสีแดงจัดชัดเจน
ดวงตาที่กําลังจ้องมองเด็กหนุ่มของเจ้าตัวเต็มไปด้วยความเขินอายและ
กระวนกระวาย
“…เจ้ารู้ใช่ไหมว่าคําพูดบางคําหากพูดออกไปแล้ว จะไม่สามารถ
เรียกคืนได้นะ”
“ฉันไม่คิดที่จะถอนคําพูดอยู่แล้ว…แล้วทําไมโซ่นี่ถึงยังอยู่ล่ะเนี่ย”
โรเอลเหลือบมองที่ตรวนข้อมือขณะที่เขาถามด้วยความสงสัย
ตามที่อาร์เทเชียอธิบายตอนให้มันมา ตรวนข้อมือนี้น่าจะหายไป
โดยอัตโนมัติเมื่อนอร่าสลายพลังของราชาทูตสวรรค์ออกไปจาก
ร่างกายของเขา…แต่ด้วยเหตุผลบางประการ ตรวนข้อมือนั้นกลับเปล่ง
ประกายกว่าที่เคยกลับกันแล้ว นอร่าทําหน้าราวกับว่าเธอไม่เข้าใจว่าทําไมโรเอลถึง
ถามคําถามนั้นออกมา
“ข้าว่าข้าบอกไปแล้วนะว่าข้ายังไม่ได้ยกโทษให้เจ้าที่ล่วงล�าเข้ามา
ในหัวใจของข้าด้วยตรวนข้อมือนี้ เจ้าไม่คิดหรือว่ามันเหมาะสมแล้ว
สําหรับคนบาปเช่นเจ้าที่จะถูกใส่ตรวนข้อมือ? นอกจากนี้ ตรวนข้อมือนี้
ยังเป็นหลักฐานชิ้นสําคัญในการก่ออาชญากรรมของเจ้าอีกด้วย”
“ฉันบอกไปแล้วนี่ว่ามันก็แค่หลักประกันในกรณีที่มีอะไรผิดพลาด
เฮ้อ ช่างมันเถอะ เธอจะปลดมันหลังจากลงโทษฉันแล้วสินะ? ”
“หืม? เจ้ากําลังพูดถึงเรื่องอะไร?”
“หา?”
เพราะรู้ว่านอร่าดื้อรั้นแค่ไหน โรเอลจึงคิดที่จะยอมให้เธอทําทุก
อย่างตามที่ต้องการจนจบ แต่คําพูดของเธอกลับทําให้เขาต้อง
ประหลาดใจ นอร่าลูบสายพันธนาการที่ข้อมือด้วยความรัก ก่อนจะมอง
มาที่โรเอลด้วยรอยยิ้มอันสดใส
“ลืมไปแล้วเหรอ? ตรวนข้อมือนี้เป็นของขวัญวันเกิดของข้า มัน
เป็นของขวัญชิ้นเดียวที่ข้าได้รับในปีนี้ และข้าก็ชอบมันมาก ในฐานะ
ขุนนาง ข้าเชื่อว่าเจ้าคงจะมีสามัญสํานึกมากพอที่จะไม่ทวงของขวัญที่
เจ้าให้ไปแล้วกลับคืน”“…”