ทรราชตัวน้อย ไม่อยากพบจุดจบแบบ BAD END - บทที่ 486: เจ้าจะจําข้าได้ไหม (2)
จู่ๆ โรเอลก็นึกขึ้นได้ว่าการกระทําของตนเองช่างไร้ความคิดเสียนี่
กระไร เขาหมกมุ่นอยู่กับการเอาชนะวิกฤตครั้งนี้มากเกินไป จน
ล้มเหลวที่คิดถึงผลกระทบที่จะตามมา เป็นผลให้เขาไม่สามารถหักล้าง
ประเด็นใดๆ ที่นอร่ากล่าวขึ้นมาได้
“ต…ตรวนข้อมือนี้เป็นของเธอ แต่เธอไม่จําเป็นจะต้องล่ามฉันติด
กับมันนี่นา? เธอสามารถใช้มันเป็นอาวุธแทนก็ได้…”
“ขอโทษด้วย แต่ข้าไม่เข้าใจว่าเจ้ากําลังจะพยายามจะสื่อถึงอะไร
เจ้าเป็นคนเอาตรวนข้อมือมาใส่พวกเราไว้ด้วยกันเองไม่ใช่เหรอ? เจ้าไม่
คิดว่าข้าควรจะตีความการกระทําของเจ้าเป็นสํานวนว่าบุคคลที่
เชื่อมต่อกับปลายอีกด้านของตรวนเองก็เป็นส่วนหนึ่งของของขวัญวัน
เกิดงั้นเหรอ?”
“…”
มันเป็นข้อโต้แย้งที่มีเหตุผลมากเสียจนโรเอลพบว่าตัวเองสูญเสีย
คําพูด ดวงตาสีไพลินของนอร่าขดอย่างมีความสุข จากนั้นเธอก็ค่อยๆ
วางมือลงบนแก้มของโรเอล
“สีหน้าแบบนี้ เจ้าพยายามจะยั่วยวนข้างั้นเหรอ? ”“ฉันยังไม่ได้ทําอะไรสักหน่อย!”
โรเอลตวาดด้วยความหงุดหงิด
แต่นั่นไม่ได้ช่วยระงับสายตานักล่าของนอร่าเลย ทันทีที่เห็นว่าเธอ
กําลังจะทําอะไรบางอย่างนั้นเอง เด็กหนุ่มก็รีบคว้าไหล่ของเธอไว้และ
ทําให้เธอสงบลง
“ใจเย็นก่อนสิ ตอนนี้มีคนมองเราอยู่เต็มไปหมดเลยนะ”
“!”
นอร่าสะดุ้งกับการเตือนของโรเอล เธอยืดเส้นยืดสายก่อนจะ
ตรวจดูบริเวณโดยรอบอย่างรวดเร็ว ตอนนี้มีพวกผู้นับถือลัทธินอกรีต
และอัครสาวกหลายคนแอบมองมาทางพวกเขา
เมื่อตระหนักได้ถึงสิ่งที่ตัวเองเพิ่งทําลงไปต่อหน้าคนมากมาย
ใบหน้าของนอร่าก็เริ่มร้อนผ่าว
“แค่ก! ข้าขอเลื่อนเรื่องเกี่ยวกับตระกูลเอลริกออกไปก่อนก็แล้วกัน
ตอนนี้พูดถึงเรื่องการต่อสู้ก่อนหน้านี้ของพวกเรากันก่อนดีกว่า”
“…”
ยัยนี่เปลี่ยนสีได้เร็วชะมัดเรียกได้ว่าโรเอลรู้สึกประทับใจกับการเปลี่ยนเข้าสู่โหมดทํางานใน
เวลาเสี้ยววินาทีของนอร่ามาก จนสงสัยว่าเธอเป็นคนกล้าๆ หรือว่าขี้
อายกันแน่ แต่ไม่ว่าจะด้วยกรณีใด เขาก็ตัดสินใจที่จะเล่นไปตามน�าและ
ตั้งใจกับงาน
ปัญหาก็คือโรเอลรู้สึกลังเลเล็กน้อย เมื่อถูกขอให้อธิบายเพิ่มเติม
เกี่ยวกับการต่อสู้กับไบรอัน
มันอาจจะเป็นการต่อสู้ที่ตึงมือที่สุดเท่าที่โรเอลเคยเผชิญมาเลยก็
ว่าได้ แต่คนที่เป็นปัญหากับเขามากที่สุดไม่ใช่ตัวไบรอัน แต่เป็นชาย
ลึกลับในชุดคลุม เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะมีใครในโลกที่สามารถ
แทรกแซงพลังสายเลือดและคุณสมบัติแก่นแท้ต้นกําเนิดได้
นอกจากนี้โรเอลยังกังวลเกี่ยวกับพื้นที่มืดที่มีเปลวเทียน ซึ่งระบบ
เรียกว่า ‘มิติแห่งจิตใจ’ มันดูไม่เหมือนสถานที่ที่ใครๆ จะสามารถเข้าไป
ได้อย่างอิสระ แต่ชายในชุดคลุมกลับสามารถเอื้อมมือเข้าไปได้อย่าง
สบายๆ อีกทั้งยังมีคําพูดที่ไบรอันพูดตอนกําลังจะตายอีก…
“โรเอล? เจ้าบอกว่าไบรอันมีผู้ช่วยที่น่ากลัว แล้วมันเกิดอะไรขึ้น
หลังจากนั้นงั้นเหรอ? ”
“…ฉันเดาว่าสื่อเวทนั่นสามารถใช้ได้เพียงครั้งเดียว ทําให้หลัง
จากนั้นเขาก็ไม่ปรากฏตัวออกมาอีก”“เข้าใจแล้ว”
โรเอลอธิบายการเผชิญหน้าของตนกับไบรอันและชายในชุดคลุม
อย่างกระชับ โดยเลือกที่จะไม่อธิบายรายละเอียดทั้งหมดอย่างละเอียด
เพราะเขาไม่แน่ใจว่าใครคือศัตรู ดังนั้นเขาจึงไม่ค่อยมั่นใจนักหากจะ
พูดเรื่องนี้ในที่สาธารณะ ประกอบกับเขากลัวว่านอร่าจะกังวลกับเรื่องนี้
และไม่อยากให้เธอรู้สึกผิดเกี่ยวกับอันตรายที่เขาต้องเผชิญด้วยเช่นกัน
“ชายในชุดคลุมคนนั้นแข็งแกร่งมากงั้นหรือ? พวกเราจับผู้นับถือ
ลัทธิชั่วร้ายได้มาหลายคน เราพอจะทําให้พวกเขาสารภาพตัวตนของ
ชายในชุดคลุมได้หรือเปล่า?”
“ฉันไม่แน่ใจเท่าไหร่ มันเป็นแค่การเผชิญหน้ากันสั้นๆ แต่พลัง
ของเขาไม่เหมือนกับอะไรที่ฉันเคยเห็นมาก่อน พวกลัทธิชั่วร้ายที่ถูกจับ
ได้ต่างบอกกันว่าชายในชุคคลุมคนนั้นเป็นผู้นําของสมาคมนักปราชญ์
แต่เขากลับไม่ได้มีส่วนร่วมในการบริหารจัดการ งานส่วนใหญ่เป็น
หน้าที่ของไบรอันที่เป็นรองหัวหน้า เขาเป็นที่รู้จักกันในฉายา นักสะสม
แต่ชื่อและรูปลักษณ์ของเขายังคงเป็นปริศนาแม้แต่ภายในองค์กร”
“…นักสะสมงั้นเหรอ? เข้าใจแล้ว”แววตาอาฆาตแล่นผ่านสายตาของนอร่าขณะที่พึมพําฉายาของ
ชายในชุดคลุม เธอได้บันทึกชื่อคนร้ายที่กล้าคุกคามชีวิตคนรักของเธอ
ลงในรายชื่อเป้าหมายแล้ว
ส่วนโรเอลก็ตกลงไปในห้วงภวังค์ความคิดอีกครั้ง
…
ในขณะเดียวกัน อีกด้านหนึ่ง ชายปริศนาในความคิดของพวกเขา
กําลังนั่งอยู่ท่ามกลางห้องมืด ทบทวนทุกสิ่งที่เกิดขึ้นจนถึงตอนนี้ด้วย
เช่นกัน
‘โรเอล แอสคาร์ด’ เดิมทีแล้วมันไม่น่าจะเป็นชื่อที่มีความสําคัญ
สําหรับนักสะสม
ภายในห้องมืด ชายคนหนึ่งในชุดคลุมจ้องไปยังแขนที่แตกเป็น
เสี่ยงๆ ของตนอย่างครุ่นคิด
เขาจับตาเฝ้าดูตระกูลแอสคาร์ดมาเป็นเวลานาน และโรเอล แอส
คาร์ดก็ไม่ได้สลักสําคัญมากพอที่จะกระตุ้นความสนใจของเขา เขา
สามารถยืนยันได้เลยว่า โรเอล แอสคาร์ดมีพรสวรรค์แค่ในระดับกลางๆ
จึงแทบไม่ควรค่าแก่การเอ่ยถึง หากเปรียบเทียบกับบรรพบุรุษผู้มี
ความสามารถสูงคนอื่นๆนักสะสมเริ่มสังเกตการณ์เด็กคนนี้ เนื่องจากคําทํานายโบราณที่
บอกไว้ว่า โรเอล แอสคาร์ดจะนําความพินาศมาสู่สายเลือดโบราณของ
ตระกูลแอสคาร์ด และทําให้สายเลือดอันยาวนานของพวกเขาสิ้นสุดลง
ทีแรกนักสะสมก็ตั้งข้อสงสัยต่อคําทํานายนี้ นั่นก็เพราะเขาได้เห็น
ผู้มีพลังเหนือธรรมชาติที่ทรงพลังมากมายในตระกูลแอสคาร์ด ที่
สามารถเปลี่ยนชะตากรรมของพวกเขาได้ด้วยความหัวขบถ สร้าง
เส้นทางใหม่สําหรับตัวเองขึ้นมาอย่างเข้มแข็ง อย่างไรก็ตามยิ่งเขาเฝ้า
มองโรเอล แอสคาร์ดมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งเชื่อมั่นในคําทํานายมากขึ้น
เท่านั้น
ในวัยเด็กโรเอล แอสคาร์ดแสดงนิสัยอันโหดร้ายที่เลวร้ายลงไป
เรื่อยๆ เมื่อเวลาผ่านไป จนเกือบจะแน่ใจได้แล้ว ว่าเขาจะกลายเป็นภัย
คุกคามต่อตระกูลแอสคาร์ด ทว่าทุกอย่างก็เปลี่ยนไปเมื่อถึงจุดๆ หนึ่ง
ทันใดนั้น โรเอลก็ได้เปิดเผยให้เห็นศักยภาพที่มี แม้ว่าจะขาด
พรสวรรค์ แต่เขตการปกครองแอสคาร์ดก็เริ่มมีแนวโน้มการเติบโต
อย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นสิ่งที่แทบจะไม่เคยเกิดขึ้นเลยในระยะเวลา
ประวัติศาสตร์อันยาวนาน แม้แต่การซุ่มโจมตีที่วางแผนไว้อย่าง
พิถีพิถันก็ยังล้มเหลว และไบรอันก็ต้องมาเสียชีวิตลง
คําทํานายโบราณล้มเหลวนักสะสมเข้าใจดีว่าผู้ปลุกพลังสายเลือดของตระกูลแอสคาร์ดมี
แนวโน้มที่จะได้รับพลังมหาศาลแบบปุบปับ ด้วยธรรมชาติของ
สายเลือดแห่งผู้แสวงหาราชาและสถานะผู้เฝ้ามอง แต่เขาก็ยังไม่เคย
เห็นใครที่สามารถเติบโตเร็วเท่าๆ กับโรเอลมาก่อนโดยไม่มีสัญญาณ
บอกล่วงหน้า
เขาพบว่ามันยากที่จะเชื่อว่าเด็กชายที่เติบโตอย่างรวดเร็วจะ
สามารถปกปิดตัวเองได้ในระดับนี้ เขาจึงไม่คิดที่จะโอ้อวดความ
แข็งแกร่งของตน หรือออกไปต่อสู้ ทําให้องค์กรส่วนใหญ่มักจะประเมิน
โรเอล แอสคาร์ดต�าเกินไป แม้แต่อาณาจักรแห่งภาคีอัศวิน
จนกระทั่งการต่อสู้ครั้งสุดท้ายในศึกชิงถ้วย การต่อสู้ระหว่างโรเอล
และ วิลเลียมทําให้ในที่สุดโลกก็มองเห็นความแข็งแกร่งที่แท้จริงของโร
เอล แอสคาร์ด หลายคนตกตะลึงอย่างมากต่อสิ่งนี้ และในที่สุดพวกเขา
ก็นึกขึ้นได้ว่าสถานการณ์กําลังลุกลามไปจนเลยจุดที่จะควบคุมได้อีก
แม้แต่นักสะสมที่คุ้นเคยกับความแข็งแกร่งของตระกูลแอสคาร์ดก็
ยังต้องตกตะลึงต่อความสามารถของโรเอล แอสคาร์ดที่สามารถทําลาย
โชคชะตาได้ครั้งแล้วครั้งเล่า เขาต้องยอมรับว่าสิ่งต่างๆ เริ่มยุ่งยากเกิน
กว่าจะจัดการได้แล้วจริงๆ
การเลื่อนขึ้นเป็นระดับแก่นแท้ 3 จะทําให้พลังมหาศาลของผู้ปลุก
พลังสายเลือดของตระกูลแอสคาร์ดตื่นขึ้น นักสะสมจึงวางแผนที่จะจัดการสังหารโรเอล แอสคาร์ด ก่อนที่อีกฝ่ายจะเอาชนะอุปสรรคใน
การเลื่อนขั้นได้ แต่แล้วแผนของเขาก็ล้มเหลวอีกครั้ง
มันเป็นแผนที่เตรียมการเป็นอย่างดี ระดับที่ว่าเขาถึงกับเข้าไป
แทรกแซงเพื่อทําให้แน่ใจว่ามันจะสําเร็จ แต่แล้วมันก็ยังจบลงด้วย
ความล้มเหลว อีกทั้งยังกลายเป็นตัวแปรช่วยเร่งการเติบโตของโรเอล
แอสคาร์ดขึ้นไปอีกต่างหาก
นักสะสมจ้องมองอย่างเงียบๆ ไปสื่อเวทที่หมดสภาพแล้ว พลางรอ
ให้แขนที่แตกสลายของเขาฟื้ นตัวอย่างช้าๆ
เขารู้ว่าตอนนี้โรเอล แอสคาร์ด ได้รับพลังในการควบคุมคุณสมบัติ
แก่นแท้ต้นกําเนิดมาแล้ว จากพัฒนาการครั้งล่าสุด ทําให้เขาไม่สามารถ
แทรกแซงมิติภายในจิตใจของโรเอลอย่างอิสระได้อีก มันจึงไม่ใช่เรื่อง
ง่ายเลยที่จะกําจัดอีกฝ่ายในตอนนี้
ที่แย่ลงไปอีกก็คือ ดูเหมือนว่าโรเอล แอสคาร์ดจะได้รับ
ความสามารถใหม่มาเพิ่มอีกระหว่างการพัฒนาของเขา
“ไม่เคยคิดเลยว่าจะมีตัวแปรที่น่ารําคาญคนอื่นปรากฏตัวขึ้นมา
อีก นี่มันเกือบจะเหมือนกับเหตุการณ์เมื่อสี่ร้อยปีที่แล้วเลย”
นักสะสมนึกถึงชายคนหนึ่งในอดีตที่ทําให้เขาต้องลําบาก ก่อนจะ
ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา คนที่มีชีวิตอยู่มาเป็นเวลานาน มักจะมีมุมมองต่อโลกที่แตกต่างไปจากคนอื่นๆ สําหรับนักสะสมแล้ว ชีวิตนั้น
ไม่มีอะไรมากไปกว่าการทําซ�าประวัติศาสตร์อย่างไม่รู้จบ
ทั้งหมดนี้เป็นเพียงการเริ่มต้นของวงจรใหม่
มีความผิดปกติเพียงอย่างเดียว
โรเอล แอสคาร์ดต่างจากบรรพบุรุษคนอื่นๆ ในตระกูลแอสคาร์ด
เขามีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับโลกพื้นผิวมาก ซึ่งทําให้นักสะสมสับสน
และยังทําให้สิ่งต่างๆ ซับซ้อนขึ้นด้วย อย่างไรก็ตามนั่นเป็นเหตุให้
สมดุลโดยการเปลี่ยนแปลงต่างๆ เกิดขึ้นก่อนเวลาอันควร
“ช่างเป็นที่น่าตื่นเต้นจริงๆ แต่ก่อนที่เราจะดําดิ่งลงไป เราควรจะ
กําจัดตัวแปรที่ไม่รู้จักไปก่อนว่าไหม พวกเจ้าคิดอย่างไรกันบ้างล่ะ? ”
นักสะสมค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมองไปรอบๆ จากนั้นความมืดที่ปก
คลุมห้องก็ค่อยๆ หายไป เผยให้เห็นส่วนลึกของห้องที่ไบรอันไม่เคยเห็น
มาก่อน พร้อมเงาที่เริ่มปรากฏขึ้นมาทีละคน
เมื่อมองไปที่เงาเหล่านั้น นักสะสมก็ลุกขึ้นยืนพร้อมกับหัวเราะ
จากนั้นพื้นที่ด้านหลังเขาก็เริ่มทรุดตัวลงหายไปในความมืด
ยุคสมัยได้ผ่านพวกเขาไปอย่างรวดเร็ว เปิดม่านสู่ยุคสมัยใหม่