ทรราชตัวน้อย ไม่อยากพบจุดจบแบบ BAD END - บทที่ 487: จะนอนลงดีๆ หรือต้องให้บังคับ? (1)
โรเอลพบว่าตัวเองกําลังยืนอยู่กลางถนนเบื้องหน้าปราสาทอันโอ่
อ่า ทุกอย่างล้วนเป็นทิวทัศน์ที่เขาจดจําได้ดี รวมถึงลมร้อนที่พัดผ่าน
ใบหน้าของเขาด้วย ทําให้เขาไม่คิดที่จะเสียเวลาสํารวจสภาพแวดล้อม
เหมือนครั้งอื่นๆ และเดินเข้าไปในปราสาท
ไม่มีทางที่เขาจะหลงทางแน่ เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่โรเอลถูกเรียก
เข้ามาในมิติของอาร์เทเชีย
ราชินีแม่มดมีความสามารถในการเคลื่อนย้ายสิ่งของต่างๆ ที่นี่ได้
เพียงแค่ขยับปลายนิ้ว แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง เธอย�าว่าเขาต้องเดิน
เข้ามาในปราสาทด้วยตัวเองให้ได้ โรเอลไม่เข้าใจความคิดของเธอเลย
แต่ดูเหมือนอาร์เทเชียก็ยังยืนกรานหนักแน่นที่จะให้เขาทําแบบนี้
“มันก็จริงอยู่ที่ข้าให้ความสําคัญกับประสิทธิภาพ แต่ระเบียบ
ปฏิบัติบางอย่างก็ไม่สามารถละเลยได้ แม้แต่คู่รักก็ยังต้องการโอกาส
เหมาะสมในการสารภาพรัก ดังนั้นมันจึงเหมาะแล้วที่สิ่งต่างๆ ควรจะ
เป็นไปทีละขั้นตอน”
จากบัลลังก์อันสูงส่ง อาร์เทเชียตอบคําถามของโรเอลด้วยรอยยิ้ม
อันร่าเริงตามปกติ ซึ่งเด็กหนุ่มก็เลิกคิ้วกลับไปแทน“ฉันเข้าใจสิ่งที่เธอพยายามจะสื่อนะ แต่เธอยกตัวอย่างได้ไม่ดี
เท่าไหร่”
“เข้าใจแล้วสินะ~ เจ้าไม่คิดว่าตอนนี้พวกเราใกล้ชิดกันมากกว่าแต่
ก่อนงั้นเหรอ? สัญญาที่ขัดขืนไม่ได้ของพวกเรา ทําให้ความสัมพันธ์
ชัดเจนและใกล้ชิดกันมากขึ้นยังไงล่ะ”
“…”
ความคิดของอาร์เทเชียดูกระจัดกระจายไปทั่ว แต่โรเอลก็พอจะ
เข้าใจสิ่งที่เจ้าตัวกําลังสื่อได้คร่าวๆ ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเทพ
เจ้าโบราณอยู่ในรูปแบบของสัญญา มันได้ผูกมัดชะตากรรมของพวก
เขาไว้ด้วยกันอย่างแน่นหนา ผสมผสานความรุ่งโรจน์และความอัปยศ
เข้าด้วยกัน
เรียกได้ว่าเหมือนเป็นครอบครัวเดียวกันก็ว่าได้
“เธอเรียกฉันมาที่นี่เพื่อฉลองงั้นเหรอ?”
“ใช่แล้ว วีรบุรุษของข้า มันไม่ง่ายที่คนเราจะสามารถพลิก
กระแสน�าและเอาชีวิตรอดจากหายนะได้ นี่อาจจะเป็นสถานการณ์ที่
อันตรายที่สุดเท่าที่เจ้าเคยเผชิญมา เจ้าบรรลุตามความคาดหวังของข้า
ฉะนั้นแล้วมันก็ไม่แปลกอะไรที่ข้าจะต้องกล่าวคําชมและมอบรางวัล
ให้กับเจ้าเมื่อทุกอย่างจบลงแล้ว”อาร์เทเชียยิ้มจนตาสีแดงหยีและเผยรอยยิ้มอันสดใสที่หาได้ยาก
“ที่สําคัญที่สุด เจ้าสามารถสังหารสวะนั่นที่หยามเกียรติของข้าลง
ได้อีกด้วย ทั้งๆ ที่ไม่เคยมีใครสามารถเอาชนะราชาทูตสวรรค์แบบนั้น
ได้มาก่อน แม้ว่าจะเป็นในสมัยโบราณก็ตาม”
เธอกล่าวอย่างยินดี
“นั่นมันเป็นความดีความชอบของนอร่า ไม่เกี่ยวอะไรกับฉัน
นอกจากนี้ตรวนข้อมือเองก็ไม่ได้จําเป็นเลยด้วยซ�า”
“วีรบุรุษของข้า เจ้าไร้เดียงสาขนาดเชื่อว่าเธอสามารถบรรลุ
ทั้งหมดนี้ได้ด้วยตัวเองจริงๆ เหรอ? เจ้าต่างหากที่เปลี่ยนแปลงชะตา
กรรมของเด็กสาวคนนั้น ช่างเป็นการแสดงที่สนุกสนานจริงๆ ”
“นั่นนับเป็นคําชมงั้นเหรอ?”
“ใช่แล้ว เจ้าไม่เคยทําให้ข้าผิดหวังเลย วีรบุรุษของข้า”
อาร์เทเชียตอบอย่างร่าเริง
โรเอลตอบกลับไปด้วยการยักไหล่อย่างช่วยไม่ได้ พลางมองดู
ราชินีแม่มดที่กําลังตื่นเต้นอย่างเงียบๆ ก่อนจะเกริ่นเข้าสู่หัวข้อหลัก
“เธอไม่ได้เรียกฉันมาที่นี่เพราะเรื่องแค่นั้นใช่ไหม?”“แน่นอน…ตั้งแต่ที่เจ้ากลับมาจากที่นั่น ก็มีกลิ่นอันไม่พึงประสงค์
ติดมาด้วย”
อาร์เทเชียหยุดลงชั่วครู่พร้อมรอยยิ้มที่เลือนหายไปจากใบหน้า ซึ่ง
โรเอลก็พยักหน้าด้วยความเข้าใจ
หลังจากที่นอร่าได้กําจัดพลังเวทสีทองออกจากร่างกายของเขาไป
แล้ว หน้าต่างสัญญาแห่งการเชื่อมต่อของอาร์เทเชียและเปตราก็ฟื้ น
กลับมา โรเอลคงไม่รู้สึกแปลกใจเท่าไหร่ หากเป็นเปตราที่เรียกเขาเข้า
มาในมิติของเธอเพื่อเฉลิมฉลอง แต่เมื่อเป็นราชินีแม่มดที่ทําเช่นนั้น
เขาก็รู้สึกได้ว่าน่าจะมีปัญหาบางอย่าง
เปตรารักโรเอลเหมือนมารดาที่หวงแหนบุตรชายของตน มันจึงไม่
แปลกอะไรที่เธอจะแสดงความกังวลเป็นห่วงเป็นใยต่อเขาหลังจากการ
ต่อสู้สิ้นสุดลง กลับกันแล้ว ความสัมพันธ์ระหว่างอาร์เทเชียกับโรเอล
นั้นซับซ้อนกว่ามาก พวกเขาไม่ได้ใกล้ชิดกันมากพอที่จะจัดงานเฉลิม
ฉลองเช่นนี้
เหตุผลเดียวเท่านั้นที่อาร์เทเชียจะเรียกโรเอลมาพบก็คือ เธอ
ต้องการเตือนเขาถึงบางสิ่ง ซึ่งเด็กหนุ่มก็พอจะเดาได้ว่า ‘บางสิ่ง’ นั้นคือ
อะไร“เจ้ามีกลิ่นเหม็นของผู้ร่วงหล่นที่รุนแรงมาก เจ้าไปสัมผัสกับอะไร
กันแน่ในการต่อสู้ก่อนหน้านี้?”
อาร์เทเชียถามขณะมองโรเอลอย่างทะลุปรุโปร่ง
โรเอลใช้เวลาครู่หนึ่งนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ก่อนจะสรุปเป็น
คําตอบสั้นๆ
“ฉันเจอศัตรูที่สามารถเข้าสู่มิติแห่งจิตใจของฉัน และผนึกพลัง
ทางสายเลือดกับคุณสมบัติแก่นแท้ต้นกําเนิดของฉันได้”
“อะไรนะ?!”
อาร์เทเชียลุกขึ้นยืนเมื่อได้ยินคําพูดของโรเอล แสดงให้เห็นท่าทาง
ตกใจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เมื่อสังเกตเห็นการตอบสนองครั้งใหญ่
ของเธอ สายตาของโรเอลก็แสดงถึงความกลัว
นี่เป็นครั้งแรกที่อาร์เทเชียเปิดเผยท่าทางตกตะลึงแบบนี้ออกมา
นับตั้งแต่ที่พวกเขาพบกัน แม้แต่ในสถานการณ์ที่มีชีวิตและความตาย
เป็นเดิมพันหรือสุ่มเสี่ยงแค่ไหน ราชินีแม่มดก็ไม่เคยแสดงอาการวิตก
หรือตกใจใดๆ ออกมา ทว่าคําพูดของโรเอลในตอนนี้กลับทําให้จิตใจ
ของเธอสั่นไหวได้
“ดูเหมือนว่าเธอจะรู้ว่ามิติแห่งจิตใจคืออะไรสินะ”โรเอลกล่าวอย่างมั่นใจ
อาร์เทเชียค่อยๆ กลับมานั่งลงบนบัลลังก์อย่างช้าๆ ถึงจะอุทาน
เช่นนั้น แต่ท่าทางของเธอนั้นยังคงเคร่งขรึม
ราชินีแม่มดผู้นี้รู้ดีว่ามิติแห่งจิตใจคืออะไร
เทพเจ้าโบราณย่อมมีความรู้มากมายเหนือจินตนาการจากช่วง
ชีวิตของพวกตน และอาร์เทเชียเองก็ได้ทําการวิจัยอย่างละเอียด
เกี่ยวกับสายเลือดแห่งผู้แสวงหาราชา มันจึงเป็นเรื่องปกติที่เธอจะเคย
ได้ยินเรื่องของมิติแห่งจิตใจ
ดวงตาของราชินีแม่มดฉายแววครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะเริ่มพูด
ในที่สุด
“มิติแห่งจิตใจเป็นพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ของผู้ครอบครองสายเลือดแห่งผู้
แสวงหาราชาในตํานาน คนที่จะเข้าถึงมันได้มีเฉพาะผู้ที่มีคุณสมบัติ
เท่านั้น”
“ผู้ที่มีคุณสมบัติ?”
“ถูกต้อง ข้าเองก็ไม่รู้ว่าเงื่อนไขของมันคืออะไร มันอาจเป็นความรู้
เกี่ยวกับคาถาเวทบางอย่างหรือความบริสุทธิ์ทางสายเลือด สิ่งที่ข้าพยายามจะสื่อก็คือมันไม่ใช่สถานที่ที่คนอื่นจะสามารถเข้ามาได้ตามที่
ต้องการ”
อาร์เทเชียตอบด้วยน�าเสียงที่เคร่งเครียดอย่างไม่เคยมีมาก่อน
“…”
โรเอลสามารถเข้าใจความหมายของสิ่งที่อาร์เทเชียเพิ่งกล่าวถึงได้
อย่างรวดเร็ว
ก่อนจะสิ้นลมหายใจไบรอันบอกว่านักสะสมนั้นได้ติดตามเฝ้าดู
ตระกูลแอสคาร์ดมานานแล้ว บางทีระหว่างการสังเกตการณ์ของนัก
สะสม เขาอาจจะพบช่องโหว่ในการเข้าสู่มิติแห่งจิตใจ…หรือไม่ บางที
เขาก็อาจจะสามารถเข้าถึงมิติแห่งจิตใจได้ตั้งแต่แรกแล้วก็เป็นได้?
ความคิดดังกล่าวทําให้เกิดลางสังหรณ์ที่ไม่ดีเท่าไหร่ในใจของโร
เอล
นอกจากนี้ยังมีรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ อีกประการหนึ่งด้วย
เช่นกัน อาร์เทเชียนั้นทําตัวแตกต่างไปจากปกติมาก ราชินีแม่มดไม่เคย
สนใจสิ่งใดเป็นพิเศษมาก่อน แต่ดูเหมือนคราวนี้เธอจะกังวลเรื่องที่ผู้
ร่วงหล่นปรากฏตัวเป็นพิเศษ ถึงขั้นซักไซ้ไล่เลียงถึงศัตรูที่เขาต้องเผชิญความระแวดระวังและความเกลียดชังที่เธอแสดงออกมานั้นไม่
ธรรมดา
“ดูเหมือนเธอจะกังวลเกี่ยวกับผู้ร่วงหล่นเป็นพิเศษนะ อาร์เทเชีย”
“กังวลงั้นเหรอ? นั่นก็เป็นไปได้ บางทีอารมณ์พวกนั้นอาจจะฝัง
แน่นในตัวตนของข้า เพราะพวกผู้ร่วงหล่นเป็นศัตรูตัวฉกาจของเผ่า
เรา”
“ศัตรูตัวฉกาจเหรอ?”
“วีรบุรุษของข้า เจ้าไม่เคยสงสัยมาก่อนเลยงั้นเหรอ? ตระกูลของ
เจ้าเร้นตัวอยู่ในเงามืดมาตลอดช่วงเวลาประวัติศาสตร์อันยาวนาน เจ้า
ไม่คิดเลยเหรอว่ามันเป็นเพราะความแค้นฝังลึกระหว่างตระกูลของเจ้า
กับผู้ร่วงหล่นที่น่ารังเกียจพวกนั้น?”
อาร์เทเชียถาม
โรเอลใช้เวลารวบรวมความคิดก่อนจะตอบกลับไป
“มันเป็นเพราะตระกูลของพวกเราเลือกที่จะต่อต้านผู้กอบกู้และ
ขัดขวางการฟื้ นคืนชีพของเขาไม่ใช่เหรอ?”
“นั่นมันก็ใช่ แต่นั่นไม่ใช่สาเหตุหลักที่ทําให้เกิดความขัดแย้ง ทั้งผู้
ครอบครองสายเลือดแห่งผู้แสวงหาราชาและแม่มดอย่างพวกข้า ต่างก็มีสถานะพิเศษในยุคโบราณ บางคนคิดว่าเราเป็นผู้ช่วยที่สนิทสนมกับ
เทพีเซีย ตัวตนของพวกเราก็ย่อมนํามาซึ่งความระแวดระวังของผู้อื่น
ด้วยเหตุนี้ผู้กอบกู้จึงพยายามลบการมีอยู่ของพวกเรา ทันทีที่ร่วงหล่น
ลงสู่ความบ้าคลั่ง”
อาร์เทเชียวางมือบนเข่า ก่อนจะเริ่มเล่าเรื่องราวในอดีตอย่างเยือก
เย็น ด้วยคําพูดที่เต็มไปด้วยจิตสังหาร
สีหน้าของโรเอลกระชับขึ้นจากการเปิดเผยอดีตอย่างกะทันหัน
เตือนให้เขานึกถึงความก้าวหน้าของตนสู่ระดับแก่นแท้ 3 ซึ่งทําให้เกิด
การปรากฏตัวขึ้นของเทพีเซีย
มีแนวโน้มว่าผู้ครอบครองสายเลือดแห่งผู้แสวงหาราชา เคยมี
ความสัมพันธ์อันลึกซึ้งกับเทพีเซียในสมัยโบราณ แต่ในช่วงหลายปีที่
ผ่านมาเทพีเซียได้หยุดพัก และมรดกสายเลือดแห่งผู้แสวงหาราชาก็ถูก
ตัดขาดออกไปในบางยุคสมัย หากไม่ใช่เพราะอาร์เทเชียเล่าเรื่องนี้ เขา
ก็อาจจะไม่เคยได้รู้ถึงเรื่องนี้เลยก็เป็นได้
“จงก้าวเดินอย่างระมัดระวังวีรบุรุษของข้า พวกมันกําลังเพ่งเล็ง
มาที่เจ้าโดยเฉพาะชายผู้นั้นที่เข้ามาแทรกแซงภายในมิติแห่งจิตใจของ
เจ้า”
“อืม เข้าใจแล้