ทรราชตัวน้อย ไม่อยากพบจุดจบแบบ BAD END - บทที่ 490: ข้าควรถอดไหม? (2)
หัวใจของนอร่าเต้นเร็วมากจนแทบจะหลุดออกจากอก เธอเงย
หน้าขึ้นและจ้องมองลึกเข้าไปในดวงตาของโรเอล ก่อนที่เธอจะรู้ตัว
ปากของเธอก็สั่นสะท้านด้วยความปรารถนา อย่างไรก็ตาม ความมีเหตุ
มีผลของเธอก็เข้ามาอย่างรวดเร็วและเตือนเธอถึงสภาพอันย�าแย่ของ
โรเอล ดังนั้นเธอจึงสูดหายใจเข้าลึกๆ เพื่อสงบสติอารมณ์ก่อนจะ
ทํางานต่อไป
หลังจากนั้นทุกอย่างก็เป็นไปอย่างราบรื่น
อาจเป็นเพราะร่างกายของเขารู้สึกสบายขึ้นมากหลังจากเช็ดตัว
ในไม่ช้าโรเอลก็ผล็อยหลับไปอีกครั้ง ตอนนั้นเองนอร่าก็ถอนหายใจลง
ด้วยความโล่งอก จิตใจของเธอล่องลอยไปกับสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้
และใบหน้าของเธอก็ร้อนผ่าวขึ้นอีกครั้ง
พวกผู้นับถือลัทธินอกรีตและเหล่าอัครสาวกที่ติดตามโรเอลมาที่
ป้อมปราการทาร์กเองก็ได้รับการพักผ่อนเช่นกัน แม้ว่ามันจะเป็นเพียง
ช่วงหยุดพักสั้นๆ หากพิจารณาถึงสิ่งที่พวกเขาได้เผชิญมา แต่ก็ไม่มี
การร้องเรียนใดๆ เนื่องจากพวกเขาส่วนใหญ่ล้วนกระตือรือร้นที่จะออก
จากหุบเขาทาร์กเช่นกันทว่าสิ่งหนึ่งที่ทําให้พวกเขาตกใจมากที่สุดก็คือการที่นอร่า เซไซต์
องค์หญิงของจักรวรรดิเซนต์เมซิทตัดสินใจรับหน้าที่ดูแลโรเอล แอส
คาร์ด เรียกได้ว่าเรื่องทํานองดังกล่าวเป็นสิ่งที่ไม่เคยมีมาก่อนใน
ประวัติศาสตร์ของจักรวรรดิเซนต์เมซิท
ความกังวลมักจะเกิดขึ้นเมื่อชายและหญิงถูกทิ้งให้อยู่ด้วยกันเพียง
ลําพังในห้องห้องหนึ่ง ทว่ากลับไม่มีใครคิดแบบนั้นเลย เพราะโรเอลนั้น
กําลังป่วยหนัก และต่อหน้าผู้อื่น นอร่าเองก็เป็นสมาชิกของราชวงศ์ที่
สง่างามที่สุดคนหนึ่ง
พวกเขาคงจะต้องประหลาดใจมากแน่ๆ หากได้รู้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้น
ภายในบ้านไม้หลังเล็กๆ
แม้จะไม่มียารักษาไข้อยู่ในเสบียง แต่เคาท์แฮงค์ก็พาแพทย์มากับ
เขาด้วย มันเป็นเรื่องปกติที่จะทําแบบนั้น เมื่อต้องออกเดินทาง
ระยะไกลเช่นนี้ แพทย์ได้ตรวจดูอาการของโรเอลแล้ว และผลลัพธ์ที่ได้
ก็ทําให้งงงัน
“ผลการวินิจฉัยเป็นยังไงบ้าง?”
โรเอลถาม“ร่างกายของคุณอยู่ในสภาพที่อ่อนแออย่างรุนแรง และนั่นทําให้
คุณเสี่ยงต่อผลข้างเคียงจากความสามารถของคุณมากขึ้น เมื่อคืนคุณ
รู้สึกหนาวสั่นใช่ไหม?”
“…”
โรเอลถอนหายใจเบาๆ เพราะเขาไม่คิดว่าตัวเองจะติดหวัดมาจาก
ผลข้างเคียงของสัมผัสแห่งธารน�าแข็ง
กลับกันแล้ว นอร่าก้มหน้าพร้อมประณามตนเอง เธอรู้ดีว่าสาเหตุ
ที่ร่างกายของโรเอลอ่อนแอนั้นมาจากอาการบาดเจ็บที่หน้าอกของเขา
โรเอลไม่ได้เปิดใช้งานสถานะการฟื้ นคืนชีพของอันเดธ เมื่อราชา
ทูตสวรรค์คิดว่าเขาเปิดช่องโหว่ จึงเป็นผลให้เขาต้องรับการโจมตีเต็มๆ
ในตอนที่มือของนอร่าเสียบเข้าที่หน้าอกของเขา นําไปสู่ความยุ่งยาก
หลายๆ อย่าง เช่น พลังเวทสีทองที่ซึมซาบเข้าสู่ร่างกายและอาการ
บาดเจ็บที่ทวีคูณขึ้นจากการต่อสู้หลังจากนั้น…
นอร่าถอนหายใจเฮือกใหญ่
เธอมองไปที่โรเอลอย่างอ่อนโยนขณะเปลี่ยนผ้าเช็ดตัวเปียกที่วาง
อยู่บนหน้าผากของเขา เพื่อลดอุณหภูมิ ต้องขอบคุณการดูแลอย่าง
พิถีพิถันของเธอ ที่ทําให้โรเอลสามารถฟื้ นตัวได้อย่างรวดเร็ว ร่างกายอันทรงพลังของเขาในฐานะผู้มีพลังเหนือธรรมชาติได้กลับมาทํางาน
อีกครั้ง และไข้ของเขาก็ลดลงในเช้าวันรุ่งขึ้น
หลังจากปรึกษาหารือกัน พวกเขาก็ตัดสินใจที่จะออกเดินทางกลับ
ตอนนี้ก็เข้าสู่ช่วงฤดูหนาวแล้ว อุณหภูมิของหุบเขาทาร์กจึงลดลง
ไปมาก แม้แต่สายลมก็ยังรู้สึกเย็นยะเยือกเมื่อสัมผัสของมันพัดมา
ปะทะกับร่างกาย และเนื่องด้วยกลุ่มของพวกเขามีขนาดค่อนข้างใหญ่
การเดินทัพจึงช้าลงไปมาก
พวกเขาใช้เวลาครึ่งวันก่อนจะกลับไปถึงหุบเขาที่ซึ่งเคยมีป้อม
ปราการทาร์กตั้งอยู่
ทางเข้าหุบเขาไม่ว่างเปล่าเหมือนเมื่อก่อน หลังจากใช้เวลาเกือบ
หนึ่งสัปดาห์ของการซ่อมแซมฉุกเฉิน โครงสร้างที่ทําจากไม้และหินก็
เริ่มเป็นรูปเป็นร่าง แม้ว่ามันจะเทียบไม่ได้กับป้อมปราการทาร์ก แต่มัน
ก็พอจะช่วยอุดช่องว่างเอาไว้ได้
โรเอล แฮงค์ และคนอื่นๆ ต่างรู้สึกประทับใจกับความคืบหน้าใน
การก่อสร้าง มีเพียงนอร่าที่ยังคงเคร่งขรึม เธอไม่ได้พูดอะไรเลยแม้แต่
คําเดียวตั้งแต่เดินทางมาถึงหุบเขา เธอเพียงแต่จับมือของโรเอลแน่น
กว่าที่เคยความโศกเศร้า ความกลัว และอารมณ์ด้านลบทุกรูปแบบผุดขึ้นใน
ใจนอร่า แต่เธอก็กัดฟันแน่นและบังคับตัวเองให้เข้มแข็ง เธอไม่ได้เป็น
แค่ลูกสาวขององค์ชายเคนเท่านั้น แต่ยังเป็นถึงองค์หญิงผู้สืบทอด
บัลลังก์เพียงคนเดียวของจักรวรรดิเซนต์เมซิทอีกด้วย
โรเอลสังเกตเห็นอาการของนอร่า แต่เขาก็ไม่ได้กล่าวคําปลอบโยน
ใดๆ ความเศร้าโศกจากการสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักไม่ได้ตื้นเขินจน
สามารถขจัดออกไปได้ด้วยคําพูดเพียงไม่กี่คํา สิ่งที่เขาทําได้ในตอนนี้
คือการอยู่เคียงข้างเธอและช่วยให้เธอผ่านพ้นมันไปได้
ตลอดวันเวลาที่พวกเขาอยู่ด้วยกัน นอร่าไม่เคยพูดถึงการหายไป
ของป้อมปราการทาร์กเลยแม้แต่ครั้งเดียว ราวกับว่าเธอพยายามจะลืม
มัน และโรเอลเองก็ไม่คิดที่จะย�าเตือนเธอถึงเหตุการณ์อันเจ็บปวดนั้น
ด้วยเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม เมื่อต้องเผชิญกับรอยแผลเป็นในอดีต นอร่าก็อด
ไม่ได้ที่จะหันไปหาโรเอลเพื่อตรวจสอบอีกครั้ง
“เจ้าบอกข้าว่ามันมีความหวังที่จะพาพวกเขากลับมา นั่นเป็นเรื่อง
จริงใช่ไหม? หรือเป็นเพียงข้ออ้างเพื่อรักษาอารมณ์ของข้าคงที่?”
นอร่ามองโรเอลด้วยความรู้สึกลึกล�าในดวงตาขณะกล่าวถาม
คําถามนี้“มีความหวัง แต่ก็ไม่มาก”
โรเอลตอบอย่างตรงไปตรงมา
“เข้าใจแล้ว…”
นอร่ารู้สึกเซื่องซึมในหัวใจ ตามมาด้วยอารมณ์ที่ตีตื้นขึ้น อย่างไรก็
ตามเธอก็ได้ปิดบังทุกอย่างเอาไว้อย่างแน่นหนา และบังคับตัวเองให้
ยอมรับความจริงเงียบๆ
เมื่อกลุ่มของพวกโรเอลเข้าใกล้ป้อมปราการ เสียงอุทานอันตื่นเต้น
ก็ดังมาจากภายใน จากนั้นก็มีเสียงร้องเชียร์เพิ่มเข้ามา เมื่อเห็นร่างของ
นอร่าปรากฏขึ้นมา
การกลับมาของผู้สืบทอดบัลลังก์แห่งจักรวรรดิเซนต์เมซิท ถือเป็น
ข่าวดีที่ช่วยปลุกขวัญกําลังใจของทหารทุกคน
เหล่าทหารได้พยายามอย่างเต็มที่เพื่อรักษาจิตวิญญาณของพวก
เขาไว้ แต่ความจริงนั้นการหายตัวไปอย่างกะทันหันของป้อมปราการ
ทาร์ก ได้ทําให้การตัดสินใจและเจตจํานงของพวกเขาสั่นคลอน
การกลับมาอย่างปลอดภัยของนอร่าแพร่สะพัดไปอย่างรวดเร็วใน
ช่วงเวลาแห่งความสิ้นหวังนี้ และได้มอบเสาหลักทางจิตใจที่พวกเขาต้องการ ผู้ศรัทธาที่เลื่อมใสศรัทธาในโบสถ์แห่งเทพีผู้สร้างหลายคน
มองว่าสิ่งนี้เป็นพรจากเทพีเซีย
ในที่สุดฝูงชนที่กระวนกระวายใจก็สามารถปลดปล่อยอารมณ์ที่
กักขังเอาไว้ได้ในที่สุด อัศวินบนกําแพงป้อมปราการเริ่มร�าไห้ด้วยความ
ปลื้มปีติ ขณะที่คนงานก่อสร้างก็เต้นอย่างสนุกสนานด้วยอุปกรณ์ของ
พวกเขา ทหารบางคนถึงกับกอดกันแน่นและตะโกนด้วยความโล่งใจว่า
เทพีเซียนั้นยังไม่ได้ละทิ้งพวกเขา
สายตาเหล่านั้นกระตุ้นอารมณ์ของนอร่า เธอจับมือโรเอลไว้แน่น
ด้วยน�าตานองหน้า ซึ่งเขาก็บีบมือของเธอกลับอย่างเงียบๆ
ในไม่ช้าคาร์เมนและผู้บัญชาการคนอื่นๆ ซึ่งทําหน้าที่เป็นผู้นําของ
ป้อมปราการชั่วคราวนี้ ก็รีบออกมาต้อนรับโรเอลและนอร่า ใบหน้าของ
พวกเขาเต็มไปด้วยความสุขและความโล่งใจ ราวกับว่าในที่สุดพวกเขา
ก็ได้รับการปลดปล่อยจากภาระอันหนักอึ้งที่แบกรับไว้
ภายใต้ดวงอาทิตย์อัสดง ทั้งสองกลุ่มรีบไปที่ศูนย์บัญชาการ
ชั่วคราวเพื่อจัดการประชุมฉุกเฉิน
สายการบังคับบัญชาในชายแดนตะวันออกได้พังทลายลงหลังจาก
การหายตัวไปของป้อมปราการทาร์ก แม้ว่าหน่วยงานส่วนใหญ่จะ
พยายามอย่างดีที่สุดเพื่อทํางานร่วมกันและเอาชนะวิกฤตในครั้งนี้ แต่การขาดซึ่งผู้บังคับบัญชาสูงสุดก็ได้บ่อนทําลายความพยายามในการ
ฟื้ นฟูของพวกเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีความคิดเห็นที่ขัดแย้งกัน
เกิดขึ้น
โชคดีที่การกลับมาของนอร่าได้แก้ปัญหานี้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ
โรเอลยังมีปัญหาของตัวเองที่ต้องดูแล เขาต้องไปบริหารจัดการ
กับกําลังเสริมที่เขาได้ร้องขอมาจากอาณาจักรอื่นๆ เพื่อสนับสนุนการ
ป้องกันของพวกเขา
กองทหารโรซ่าที่ประจําการอยู่ที่ชายแดนตะวันออกได้ส่งกําลัง
เสริมเข้ามาทันทีที่พวกเขาได้รับจดหมายของโรเอล เป็นที่ทราบกันดี
อยู่แล้วว่า เขตการปกครองแอสคาร์ดเป็นพันธมิตรกับเมืองโรซ่ามา
นานแล้ว นอกจากนี้โรเอลและชาร์ล็อตก็ยังสนิทสนมกันมาก ต้อง
ขอบคุณเหตุผลดังกล่าว นายพลของฝั่ งโรซ่าจึงสามารถระดมกําลังพล
เข้ามาช่วยเหลือได้โดยไม่ลังเล ด้วยที่รู้ว่าตระกูลโซโรฟยาจะต้อง
สนับสนุนการตัดสินใจนี้
ในทํานองเดียวกัน กําลังเสริมจากอาณาจักรแห่งภาคีอัศวินเพน
เดอร์เองก็มาถึงอย่างรวดเร็วเช่นกัน มันเป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจ
สําหรับโรเอล เพราะแม้ว่าเขาจะมีความสัมพันธ์ที่ดีกับวิลเฮลมินาและ
คนอื่นๆ แต่โดยปกติแล้วก็น่าจะต้องใช้นานพอสมควรกว่าพวกเขาจะ
ยืนยันเนื้อความในจดหมายและระดมกําลังทหารมาสนับสนุนโรเอลได้เข้าไปพบกับผู้บัญชาการของกองทัพทั้งสองเพื่อแสดง
ความขอบคุณอย่างสุดซึ้งต่อพวกเขาสําหรับการตอบรับการขอความ
ช่วยเหลือของเขา ขณะเดียวกัน เขาก็ได้เขียนจดหมายถึงผู้บริหาร
ระดับสูงของทั้งสองอาณาจักรเป็นการส่วนตัวเพื่อขอบคุณพวกเขา
เช่นกัน
ทางด้านนอร่า เธอก็ได้สวมบทบาทเป็นผู้บัญชาการสูงสุดและเริ่ม
ตัดสินใจเรื่องต่างๆ ในระดับสูงที่ผู้บัญชาการทหารคนอื่นๆ ยังไม่
สามารถบรรลุฉันทามติได้
การหายตัวไปอย่างฉับพลันของป้อมปราการทาร์กทําให้ทุกคนตก
อยู่ในความสิ้นหวัง แต่ก็มีข่าวดีเช่นกัน ประการแรกจะมีการหมุนเวียน
บุคลากรในป้อมปราการทาร์ก ทุกๆ ห้าปี และครั้งล่าสุดถูกจัดขึ้นเมื่อ
หลายวันก่อน กล่าวอีกนัยหนึ่งมีทหารผ่านศึกจํานวนมากที่สามารถ
รอดพ้นจากหายนะนี้
นั่นเป็นความโล่งใจอย่างมากเนื่องจากป้อมปราการทาร์กที่สร้าง
ขึ้นใหม่ ต้องการกําลังเสริมอย่างมาก และทหารผ่านศึกเหล่านั้นก็
สามารถถูกเรียกกลับมาที่นี่เพื่อสนับสนุนการป้องกันของป้อมปราการ
ได้
ภายใต้คําสั่งของนอร่า จักรวรรดิเซนต์เมซิทจึงสามารถรวบรวม
กองกําลังขนาดใหญ่เพื่อปกป้องป้อมปราการทาร์กที่สร้างขึ้นใหม่ได้ ซึ่งทําให้สถานการณ์กลับมามีเสถียรภาพอีกครั้ง อย่างน้อยๆ แนวป้องกัน
ในปัจจุบันก็น่าจะเพียงพอแล้ว ที่จะซื้อเวลาสําหรับเรียกกําลังเสริม
เพิ่มเติม
ในช่วงนั้นก็มีข่าวสารส่งมาจากเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์ด้วยเช่นกัน
ณ เมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์ ตระกูลเซไซต์และตระกูลแอสคาร์ดได้
ประกาศสงครามกับตระกูลเอลริกแล้ว