ทรราชตัวน้อย ไม่อยากพบจุดจบแบบ BAD END - บทที่ 50: การลดราคาอีกครั้ง !
บทที่ 50: การลดราคาอีกครั้ง !
ดูเหมือนจะถึงเวลาที่เราต้องซื้อของเพิ่มอีกครั้งแล้วสินะ
โรเอลคิดขณะมองลงไปยังกล่องไม้ที่เต็มไปด้วยเหรียญทองตรงหน้าเขา
ใช่แล้ว โรเอลในตอนนี้ร่ำรวยมาก
ตั้งแต่ตอนเช้าของเมื่อวาน ซึ่งเป็นวันหลังงานเลี้ยงวันคล้ายวันเกิดของนอร่า ถนนด้านนอกคฤหาสน์เขาวงกตของตระกูลแอสคาร์ดแออัดไปด้วยรถม้า กลุ่มขุนนางต่างกำลังต่อสู้กันเองเพื่อที่จะได้เข้าไปในคฤหาสน์อันน่าสะพรึงกลัวนี้ เพื่อแสดงความเป็นห่วงอย่างสุดซึ้งต่อโรเอลและอลิเซีย
ทว่าขุนนางเหล่านี้ไม่ใช่ผู้ใต้บังคับบัญชาของตระกูลแอสคาร์ดหรือเพื่อนของมาร์ควิสคาร์เตอร์แต่อย่างใด พวกเขาทั้งหมดล้วนเป็นผู้ปกครองของเด็ก ๆ ในกลุ่มลูกขุนนางตระกูลเอลริก
กลุ่มลูกขุนนางตระกูลเอลริกถูกเปิดเผยออกมาต่อสาธารณชนในเหตุการณ์วันนั้น หลังจากที่หัวหน้ากลุ่มอย่างบรอนถูกเคานต์ไบรอันฆ่าตายไปแล้ว จึงมีการประชุมวาระสำคัญว่าพวกเขาควรจัดการกับคนอื่น ๆ ในกลุ่มที่ได้ร่วมกระทำกดขี่ข่มเหงไปพร้อมกับบรอนอย่างไรดี
ไม่ใช่ตระกูลขุนนางทุกตระกูลจะเลือดเย็นแบบเดียวกับตระกูลเอลริก ขุนนางส่วนใหญ่เต็มใจที่จะจ่ายค่าชดเชยเพื่อช่วยลูก ๆ ของพวกเขา นอกจากนี้ขุนนางบางคนก็เพิ่งรู้เกี่ยวกับการมีอยู่ของกลุ่มลูกขุนนางตระกูลเอลริกด้วย พวกเขาจึงช่วยกันพยายามหาทุกวิถีทางเพื่อแก้ไข
พวกเขาไม่ได้ไร้เดียงสาเสียจนคิดว่าตัวเองจะรอดไปได้ด้วยการเก็บตัวเงียบ ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่ลูก ๆ ของพวกเขาได้ไปทำร้ายนายน้อยแห่งตระกูลแอสคาร์ด หากมีการสืบสาวราวเรื่องต่อไปล่ะก็ คนที่จะต้องทนทุกข์ก็คือลูก ๆ ของพวกเขาเอง
นี่ทำให้ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์เมื่อวานนี้ บรรดาตระกูลขุนนางเหล่านั้นต่างก็ต่อสู้แย่งชิงสิทธิ์ในการจ่ายค่ารักษาพยาบาลของโรเอล รวมถึงค่าทำขวัญ และทุก ๆ ค่าใช้จ่ายอีกมากมาย
ด้วยที่นี่เป็นแวดวงขุนนางซึ่งเต็มไปด้วยพวกผู้ดีที่ชอบแสดงท่าทีอันปลิ้นปล้อน ทำให้พวกขุนนางเหล่านั้นต่างก็แสดงละคร เล่นบทเศร้าเคล้าน้ำตาออกมากันอย่างสุดความสามารถ ทั้งแสดงถึงความรู้สึกเสียใจ คร่ำครวญว่าตนเองล้มเหลวในสั่งสอนบุตรของตนให้อยู่ในแนวทางที่ดี อีกสารพัดวิธีที่จะลงโทษลูกๆของพวกเขา กระทั่งคำสาบานอันโกรธเกรี้ยวว่าจะหักขาลูก ๆ ของตน
ซึ่งโรเอลรู้สึกว่ามันไม่จำเป็นเท่าไหร่ที่จะต้องทำแบบนั้น เนื่องจากก่อนหน้านี้เขาได้หัก ‘ขา’ ของเด็ก ๆ เหล่านั้นไปแล้วเรียบร้อย
ไม่ว่าจะในกรณีใดก็ตามตระกูลแอสคาร์ดได้เลือกที่จะรับของขวัญและเงินชดเชยบางส่วนที่ตระกูลขุนนางเหล่านั้นนำมาให้ อีกทั้งยังแสดงความเต็มใจที่จะคืนดีกับตระกูลต่าง ๆ บางตระกูลที่ก่อนหน้านี้ถูกกีดกันเนื่องจากอยู่ในฝ่ายของตระกูลเอลริกอีกด้วย
นี่ไม่ได้หมายความว่าตระกูลแอสคาร์ดยอมอ่อนข้อให้พวกเขาแต่อย่างใด ตระกูลแอสคาร์ดเพียงแต่ใช้โอกาสนี้ในการเดินหมากทางการเมือง
ตระกูลขุนนางเหล่านี้เดิมทีเคยอยู่กับฝั่งของตระกูลเอลริก แต่เนื่องจากตระกูลเอลริกสูญเสียบุตรชายคนสำคัญของพวกเขาไป และยังตกต่ำจากชื่อเสียงที่เสียหาย มันจึงเป็นโอกาสอันดีสำหรับตระกูลแอสคาร์ดในการแย่งชิงคนในฝั่งของพวกเขามา
ตระกูลเซไซต์และตระกูลแอสคาร์ดได้หารือเกี่ยวกับแผนการแบ่งแยกบ่อนทำลายอิทธิพลของตระกูลเอลริก การปะทะกันโดยไม่ได้ตั้งใจระหว่างโรเอลและบรอน ทำให้พวกเขามีแรงผลักดันที่จะกำจัดอิทธิพลทั้งหมดของตระกูลเอลริก
ส่วนในเรื่องของขวัญชดเชยต่าง ๆ นั้น มาร์ควิสคาร์เตอร์ได้มอบให้กับโรเอลและอลิเซียโดยอ้างเหตุผลว่าพวกเขาเป็นเหยื่อและสมควรได้รับการชดเชยนี้
โรเอลดีใจมากกับการตัดสินใจของบิดา เพราะตอนแรกเขาคิดว่าพวกมันทั้งหมดจะถูกยึดส่งเข้ากองทุนสาธารณะของตระกูลแอสคาร์ดไป มันจึงเป็นเรื่องที่น่าดีใจมากเมื่อสิ่งต่าง ๆ กลับกลายเป็นเช่นนี้แทน เพราะสิ่งที่โรเอลต้องการมากที่สุดในตอนนี้ก็คือเงิน
นั่นก็เพราะระบบที่เขามีในครอบครองนั้นเป็นตัวผลาญเงินชั้นดี!
และเมื่อวานนี้ โรเอลก็สังเกตเห็นว่าระบบนั้นได้เริ่มเทศกาลโปรโมชั่นส่วนลดอีกครั้ง
【กิจกรรมพิเศษ: สงครามแห่งความโกรธ
ในห้องอันมืดสลัว ต่อหน้าใบมีดอันเย็นเฉียบ คุณได้เลือกที่จะยืนหยัดปกป้องความยุติธรรมในหัวใจ
สินค้าทุกอย่างในร้านค้าพิเศษ ลด 30%! 】
【กิจกรรมพิเศษ: ปีกสีเงินแห่งเสรีภาพ
นกสีเงินได้ถูกปลดปล่อยออกจากกรง สยายปีกบินไปสู่ท้องฟ้าโดยที่ไม่มีใครสามารถหยุดยั้งได้ !
สินค้าทุกอย่างในร้านค้าพิเศษลด 40% (สามารถซ้อนทับกับส่วนลดอื่น ๆ ได้) 】
พูดตามตรง ตอนแรกโรเอลนั้นไม่ได้สนใจอะไรเกี่ยวกับส่วนลด 30% เลยสักนิด แต่เมื่อเด็กชายเห็นว่ากิจกรรมพิเศษครั้งที่สองนั้นเป็นส่วนลดเพิ่มเติมอีก 40% ที่ซ้อนทับกันได้ ทำให้เขารู้สึกราวกับว่ามีกระแสไฟฟ้าไหลผ่านร่างกายจนเขาตื่นตัวขึ้นมา
ส่วนลด 30% ซ้อนทับกับส่วนลดอีก 40% … กลายเป็นส่วนลด 58% ทุกรายการเลยเรอะ!
นี่มันมากกว่าโปรโมชั่นรายเดือนที่ให้ส่วนลดถึง 50% เสียอีก!
โอ้ พระเจ้า ! เจ้าของร้าน ช่วยทีฉันอยากได้ทุกอย่างตั้งแต่แถวนี้จนถึงแถวนี้!
โรเอลรีบเลื่อนเปิดเข้าไปดูในร้านค้าพิเศษ แม่เจ้าโว้ย! ยังมีอะไรที่น่าตกใจกว่านั้นอีก! มีสินค้าอยู่มากมายภายในร้านค้าพิเศษจนน่าประหลาดใจ ปกติแล้วระบบจะมีสินค้าเพียง 2 ชิ้นในร้านค้าพิเศษของทุก ๆ เดือน แต่คราวนี้มันมีถึง 10 รายการ!
ทว่าเนื่องจากนี่เป็นกิจกรรมพิเศษ ทำให้สินค้าจะยังคงอยู่ในร้านเป็นระยะเวลาเพียงแค่หนึ่งสัปดาห์เท่านั้น แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ความตื่นเต้นของโรเอลลดลงเลยแม้แต่น้อย เพราะตอนนี้เขากลายเป็นเศรษฐีแล้ว!
เพื่อที่จะช่วยลูกหลานของพวกเขาจากเรื่องอื้อฉาวครั้งใหญ่ ตระกูลของขุนนางต่าง ๆ จึงพากันไปมอบเงินจำนวนมากให้กับตระกูลแอสคาร์ด ตั้งแต่หลักร้อยเหรียญทองไปจนถึงหลักพันเหรียญทอง ทำให้ท้ายที่สุดเงินที่โรเอลได้รับมานั้นรวมกันมากถึง 10,000 เหรียญทองเลยทีเดียว
แต่นั่นยังไม่ใช่ทั้งหมด
ในวันนี้เพื่อนเก่าก็ได้มาเยี่ยมเยียนเขาด้วยเช่นกัน นั่นก็คือ อาร์เว่น
เป็นเวลาหลายเดือนแล้วนับจากที่อาร์เว่นได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้จัดการสำนักงานใหญ่ของสมาคมพ่อค้าโซโรฟยาร์ในจักรวรรดิเซนต์เมซิท ทันทีที่เขาได้รับรู้ถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นในงานเลี้ยงวันคล้ายวันเกิดขององค์หญิงนอร่า
เขาก็เข้าไปในเครือข่ายข้อมูลของสมาคมพ่อค้าโซโรฟยาร์ทันทีเพื่อเปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องนี้ ก่อนที่จะรีบไปเยี่ยมโรเอลพร้อมกับยาฟื้นฟูทุกประเภทและยาชูกำลัง โดยไม่ลืมที่จะพกเหรียญทองมาด้วย
นอกจากหนี้บุญคุณที่โรเอลมีต่ออาร์เว่นเกี่ยวกับเรื่องตะเกียงสงบวิญญาณแล้ว โรเอลก็ยังเป็นหุ้นส่วนคนสำคัญในอนาคตของเขาอีกด้วย ดังนั้นหากมีบางอย่างเกิดขึ้นกับตระกูลแอสคาร์ดล่ะก็ อาร์เว่นจะต้องสูญเสียผลกำไรเป็นจำนวนมาก
แน่นอนว่าการที่อาร์เว่นเข้าข้างตระกูลแอสคาร์ดเช่นนี้ อาจจะทำให้คนของฝั่งตระกูลเอลริกไม่พอใจเขาเท่าไหร่ …
… แต่แล้วใครมันจะสนล่ะ? เขาเป็นชาวโรซ่า ผู้มีอำนาจเพียงกลุ่มเดียวที่เขาต้องสนใจมีแค่สมาคมพ่อค้าโซโรฟยาร์ ตระกูลเอลริกอยากจะเกลียดชังเขาก็ตามสบายเลย ยังไงซะพวกเขาก็ไม่สามารถทำอะไรอาร์เว่นได้อยู่ดี
โรเอลลุกขึ้นจากเตียงเพื่อมาต้อนรับอาร์เว่นด้วยตัวเอง เมื่อคนรู้จักสองคนได้มาพบกันในต่างแดน ย่อมมักจะทำให้เกิดความรู้สึกใกล้ชิด ทั้งสองคนพูดคุยกันอย่างผ่อนคลายในห้องรับรอง ทำให้ความสัมพันธ์ของพวกเขาสนิทสนมกันมากขึ้น แม้ว่าโรเอลจะได้รับข้อมูลอันเป็นประโยชน์บางอย่างจากการสนทนานี้มาด้วยก็ตาม
“ตระกูลเอลริกงั้นเหรอ? อา…นายน้อยโรเอล ท่านน่าจะทราบดีว่าพนักงานของสมาคมพ่อค้าโซโรฟยาร์ จะต้องรักษาข้อมูลความลับของลูกค้าเป็นอย่างดีนะครับ”
“แน่นอนข้ารู้เรื่องนั้นดี แต่มีอะไรบ้างล่ะที่ไม่ถือว่าเป็นความลับ? ช่วยบอกข้าทุกอย่างเท่าที่ท่านจะบอกได้เกี่ยวกับตระกูลเอลริกที”
“ตระกูลเอลริกเหรอครับ? อืม ขอเวลาผมคิดสักหน่อย…”
อาร์เว่นขมวดคิ้วครุ่นคิดอยู่นาน ก่อนจะพูดขึ้นมาอย่างช้า ๆ
“ข้อมูลในปัจจุบันเกี่ยวกับตระกูลเอลริกมันค่อนข้างจะ … ผิดปกติ”
“โอ้? ท่านหมายความว่ายังไง?”
“โดยรวมแล้ว มันมีข้อสงสัยหลาย ๆ อย่างเกี่ยวกับวิธีการที่ตระกูลเอลริกใช้ในการหวนคืนสู่อำนาจอีกครั้ง นายน้อยโรเอลเคยได้ยินเรื่องการต่อสู้ระหว่างฝาแฝดราชวงศ์เซไซต์เมื่อร้อยปีก่อนแล้วใช่ไหมครับ?”
“แน่นอนสิ มันเป็นเรื่องเกี่ยวโยงกับท่านพอนเต้บรรพบุรุษของข้า ข้ารู้เรื่องนี้มาตั้งแต่ข้ายังเด็ก”
โรเอลโกหกหน้าด้าน ๆ โดยไม่รู้สึกลำบากใจเลยแม้แต่น้อย
อาร์เว่นพยักหน้าก่อนจะพูดต่อไป
“การต่อสู้ระหว่างฝาแฝดราชวงศ์เซไซต์ ทำให้ตระกูลเอลริกต้องถูกเนรเทศไปยังชายแดนอันห่างไกลและต้องคอยปกป้องมัน ทำให้พวกเขาตั้งอยู่ระหว่างสามอาณาจักร ได้แก่ จักรวรรดิออสทีน อาณาจักรแห่งภาคีอัศวินเพนเดอร์ และ จักรวรรดิเซนต์เมซิท
ผมเคยได้ไปเยือนที่นั่นด้วยตัวเองครั้งหนึ่ง และมันไม่ใช่สถานที่ที่ดีเลย มันเป็นเขตกันชนระหว่าง 3 อาณาจักร ทำให้มักจะเกิดการต่อสู้อยู่ตลอดเวลา ช่างเป็นสถานที่แห่งความสับสนวุ่นวายจริง ๆ”
“ความตั้งใจเบื้องหลังการตัดสินใจของราชวงศ์ในการเนรเทศตระกูลเอลริก คงจะเพราะต้องการลดทอนอำนาจของพวกเขาและลบล้างพวกเขาให้หายไปจากโลกใบนี้ ทว่าหลังจากต่อสู้ดิ้นรนมานานกว่าร้อยปีตระกูลเอลริกก็กลับมามีอำนาจได้อย่างน่าอัศจรรย์
สิ่งที่แปลกประหลาดเกี่ยวกับเรื่องทั้งหมดนี้ ก็คือการพัฒนาของตระกูลเอลริกนั้นเป็นไปได้อย่างแนบเนียนโดยที่ไม่มีอะไรน่าสงสัยเลย ซึ่งสมาคมพ่อค้าโซโรฟยาร์ของพวกเราก็ไม่ได้เอะใจอะไรในทีแรก จนกระทั่งมันเกิดขึ้นแล้ว”
“ท่านหมายความว่ายังไง?”
โรเอลรู้สึกสับสน ดังนั้นอาร์เว่นจึงใช้เวลาพอสมควรในการเรียบเรียงคำพูดของเขาใหม่ ก่อนที่เขาจะอธิบายด้วยเสียงที่นุ่มนวลกว่าเดิมมาก
“นายน้อยโรเอล สมาคมพ่อค้าโซโรฟยาร์ของพวกเราเป็นองค์กรการค้า พวกเราได้ลงทุนมหาศาลไปกับเครือข่ายข่าวกรองของเรา เพื่อให้แน่ใจว่าเราสามารถตัดสินใจเรื่องต่าง ๆ ได้อย่างถูกต้อง
อา แต่พวกเราไม่ได้มีส่วนร่วมในเรื่องการสอดแนมหรือการจารกรรมแต่อย่างใดนะ! พวกเราจะไม่ลดตัวไปทำเรื่องต่ำตมเช่นนั้นแน่! โดยสิ่งที่พวกเราทำส่วนใหญ่มีเพียงการรวบรวมจัดเรียง จัดตารางข้อมูลเท่านั้น “
“การจัดเรียง การจัดตารางข้อมูล? เดี๋ยวก่อนนะ หรือว่าสิ่งที่ท่านจะสื่อ…”
“ใช่แล้ว พวกเราได้ทำการรวบรวมข้อมูล ประมาณการเกี่ยวกับการผลิตและการไหลเวียนของสินค้าในพื้นที่แต่ละภูมิภาค ด้วยวิธีนี้พวกเราจึงสามารถวัดอำนาจทางการเงินของตระกูลขุนนางต่าง ๆ ได้ เพื่อใช้ในการตัดสินใจลงทุนอย่างเหมาะสม นี่เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพและแม่นยำที่สุดในการเลือกพันธมิตรทางการค้า ทว่ากับตระกูลเอลริกแล้ว การสืบสวนของพวกเรานั้นดูเหมือนจะล้มเหลว”
เมื่อพูดถึงจุดนี้ใบหน้าของอาร์เว่นก็ดูสับสนงุนงงกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
“ข้อมูลที่เรารวบรวมเกี่ยวกับเขตการปกครองของตระกูลเอลริกนั้น พวกเขาไม่มีการเปลี่ยนแปลงด้านประชากรเลยในช่วงสองสามทศวรรษที่ผ่านมา”