ทรราชตัวน้อย ไม่อยากพบจุดจบแบบ BAD END - บทที่ 503: ความคิดที่ถูกเปิดเผย (1)
ดังคํากล่าวที่ว่า ‘ชัยชนะและความพ่ายแพ้เป็นเรื่องธรรมดายาม
สงคราม’ โรเอลที่ผ่านต่อสู้มานับครั้งไม่ถ้วนตลอดชีวิต เข้าใจประโยคนี้
อย่างถ่องแท้ แต่ไม่ว่าจะกําชัยหรือว่าปราชัย ต่างก็มีความสําคัญทั้งสิ้น
ชัยชนะหรือความพ่ายแพ้สําหรับใครสักคนอาจเป็นเรื่องของ
สุขภาพและชีวิตในอนาคต ในขณะที่ราคาของชัยชนะหรือความพ่าย
แพ้ในสงคราม หมายถึงชีวิตของทหารและผลประโยชน์ที่สูญเสียไป ซึ่ง
สถานะในปัจจุบันของจักรวรรดิเซนต์เมซิทจะเรียกว่าไร้เทียมทานก็คง
ไม่ผิด
ทว่าด้วยเหตุการณ์โศกนาฏกรรมที่ป้อมปราการทาร์ก การสูญเสีย
ทหารหลายแสนนายที่ประจําการอยู่ที่นั้นเป็นอะไรที่เกินจะรับได้จริงๆ
ต่อให้เป็นอาณาจักรที่แข็งแกร่งอย่างจักรวรรดิเซนต์เมซิทก็ตาม
สงครามกลางเมืองครั้งนี้จึงเป็นดั่งการเดิมพันอันสิ้นหวัง หากพวกเขา
สามารถเอาชนะตระกูลเอลริกได้อย่างราบรื่น จักรวรรดิเซนต์เมซิทก็จะ
สามารถตั้งตัวขึ้นมาใหม่ได้ แต่ถ้ามีผู้บาดเจ็บล้มตายเป็นจํานวนมาก
เกินไป ก็จะส่งผลให้เกิดความวุ่นวายขึ้นในอาณาจักรเช่นกัน
ดังนั้นทันทีที่โรเอลได้ข่าวว่าการบุกโจมตีเมืองเอ็ดการ์ครั้งที่สอง
ล้มเหลว หัวใจของเขาก็ตึงเครียดขึ้นมา สงครามปิดล้อม เป็นสงคราม
ประเภทที่ทําให้เกิดความสูญเสียทางการทหารได้มากที่สุด ยิ่งถ้าพ่ายแพ้อย่างน่าสังเวช ก็มีความเป็นไปได้สูงที่มันจะส่งผลกระทบรุนแรงต่อ
ภาพรวมในอนาคตของสงคราม และอาจจะเปลี่ยนผลของสงคราม
กลางเมืองครั้งนี้ให้กลายเป็นความพ่ายแพ้ได้เลยทีเดียว
เด็กหนุ่มผมดําไม่คิดที่จะซ่อนความกังวลในใจแต่อย่างใด เขา
ขมวดคิ้วก่อนจะเปิดรายงานออกอย่างรวดเร็ว หลังจากอ่านคร่าวๆ
หัวใจที่ขุ่นมัวของโรเอลก็ผ่อนคลายลงเล็กน้อย
แม้ว่าจะไม่มีตัวเลขผู้เสียชีวิตที่เฉพาะเจาะจง แต่จากคําอธิบายใน
รายงานผลการรบ การบุกโจมตีครั้งที่สองนี้ก็ยังคงดูเหมือนจะเป็นการ
บุกโจมตีเบื้องต้น ยังไม่ถึงจุดที่กองกําลังหลักเข้าต่อสู้เสี่ยงชีวิต ดังนั้น
มันจึงไม่ได้มีผลมากนักต่อขวัญกําลังใจของกองทัพ
หลังจากที่ได้เห็นเนื้อหาในรายงานผลการรบแล้ว โรเอลก็รู้สึกตงิด
ใจนิดๆ กับรูปแบบการรบที่ระบุไว้ในนั้น ในฐานะลูกชายของคาร์เตอร์
ที่ได้เล่นต่อสู้กันกับฝ่ายบิดามาหลายสิบครั้งสมัยเด็ก ทําให้เขาพอจะ
เข้าใจแนวคิดการวางแผนของพ่ออยู่บ้าง
โดยปกติแล้ว การบุกโจมตีเพื่อตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้นไม่ควรใช้
เวลานาน เพราะจุดมุ่งหมายนั้นอยู่ที่การรวบรวมข้อมูล และการบุก
โจมตีเบื้องต้นครั้งที่สองก็มักจะมีความสําคัญน้อยกว่าการบุกโจมตีครั้ง
แรกมาก นอกจากนี้มันยังไม่ใช่ขั้นตอนที่จําเป็นจะต้องดําเนินการหลายครั้ง รายงานฉบับนี้จึงขัดกับลักษณะนิสัยการวางแผนของคาร์เตอร์
และความต้องการของอาณาจักร
การยุติสงครามโดยเร็วที่สุด ขจัดปัญหาภายใน และสร้างสมกอง
กําลังขึ้นมาใหม่ นี่คือจุดประสงค์ของสงครามครั้งนี้ และเป็นหนทาง
เดียวที่จักรวรรดิเซนต์เมซิทจะฟื้ นสภาพกลับมาได้ แม้ว่าในปัจจุบัน
จักรวรรดิเซนต์เมซิทจะดูสงบสุขดี แต่ในความเป็นจริงแล้ว ผู้คนนับไม่
ถ้วนต่างก็กําลังจับตาดูสถานการณ์นี้ หากการบุกโจมตีครั้งที่สองไม่
สามารถแสดงแสนยานุภาพออกมาได้อย่างเต็มที่และจบสงครามได้
อย่างรวดเร็ว บรรดาขุนนางก็จะเริ่มคิดว่าราชวงศ์กําลังตกต�า และลด
ความเคารพที่มีต่อราชสํานักไป
ในสถานการณ์เช่นนี้ อะไรที่ทําให้พวกคาร์เตอร์ต้องตรวจสอบซ�าๆ
กัน?
“นายน้อย มีอะไรเกิดขึ้นที่แนวหน้ารึเปล่าคะ?”
“…ไม่มีอะไรหรอก พวกนายก็เอาไปอ่านดูด้วยสิ”
การแสดงออกทางสีหน้าของโรเอลนั้นจริงจังเกินไป จนซินเทีย
และคนอื่นๆ อดใจที่จะเข้ามาสอบถามรายละเอียดไม่ได้ หลังจาก
พิจารณาอยู่นาน เพื่อรักษาเสถียรภาพของกองทัพ โรเอลก็ส่งรายงานผลการรบให้กับซินเทียและนายพลคนอื่นๆ แต่พวกซินเทีย และคน
อื่นๆ ก็ไม่ได้พูดคุยอะไรที่มีประโยชน์ใดๆ
การไม่มีข้อมูลทําให้โรเอลทําอะไรไม่ถูก โชคดีที่สถานการณ์นี้คง
อยู่ไม่นานเท่าไร เพราะในคืนนั้นรายงานผลการรบจากแนวหน้าก็ถูกส่ง
มาอีกฉบับ ซึ่งเนื้อหาบางส่วนก็ได้ดึงดูดความสนใจของโรเอลในทันที
ทําให้เขาเข้าใจความคิดของบิดาในที่สุด
รายงานฉบับนี้ได้ระบุไว้ว่า ระหว่างการบุกโจมตีครั้งที่สองของกอง
กําลังพันธมิตรจักรวรรดิเซนต์เมซิท พวกเขาก็สังเกตเห็นการ
เคลื่อนไหวจากทางกองทัพของจักรวรรดิออสทีนได้ในทันที กองทัพ
ของตระกูลไซส์ได้ข้ามพรมแดนและเข้าสู่เขตการปกครองตระกูลเอ
ลริก ซึ่งต่อมาพวกเขาก็พบว่านี่เป็นเพียงการบุกโจมตีเบื้องต้น ก่อนที่
จะถอยกลับไป
เมื่อเห็นรายงานดังกล่าว โรเอลก็เข้าใจความคิดของคาร์เตอร์
สาเหตุที่พวกเขาบุกโจมตีเบื้องต้นเป็นครั้งที่สอง ไม่ใช่เพื่อหลอกล่อ
ตระกูลเอลริก แต่เป็นการทําเพื่อหลอกล่อกองทัพของจักรวรรดิออ
สทีนที่มีทีท่าเหมือนกําลังจะเคลื่อนไหว ข้อเท็จจริงได้พิสูจน์แล้วว่าคาร์
เตอร์นั้นคิดถูก จักรวรรดิออสทีนกําลังวางแผนการอะไรบางอย่าง
ปฏิกิริยาของจักรวรรดิออสทีนทําให้โรเอลค่อนข้างงงงวยในตอน
แรก ในมุมมองของเด็กหนุ่ม มันเป็นเรื่องเร่งด่วนที่สงครามกลางเมืองนี้จะต้องถูกยุติลง เพื่อให้กําลังหลักของจักรวรรดิเซนต์เมซิทเคลื่อนตัวไป
ทางทิศตะวันออกได้ นี่เป็นวิธีเดียวที่จะช่วยรับรองความปลอดภัยของ
มนุษยชาติ แต่เขาคิดตื้นเกิดไป หลังจากได้ลองทบทวนประวัติศาสตร์
อีกครั้ง โรเอลก็เริ่มที่จะเข้าใจเหตุผลเบื้องหลังการตัดสินใจของ
จักรวรรดิออสทีน
พวกเขาทําแบบนี้ก็เพื่อเข้ายึดอํานาจ
วิธีการของจักรวรรดิออสทีนอาจจะดูสับสนย้อนแย้ง แต่ถ้าศึกษา
ประวัติศาสตร์ในอดีตแล้วละก็ ความขัดแย้งแบบเดียวกันก็เคยเกิดขึ้น
ในสงครามกับพวกกลายพันธุ์ครั้งที่แล้ว และจุดประสงค์ก็ยังคง
เหมือนเดิม นั่นก็คือเพื่อปล้นอํานาจความเป็นผู้นําในการทําสงครามกับ
พวกกลายพันธุ์
นอกจากอาณาจักรใหญ่ไม่กี่อาณาจักรแล้ว ปัจจุบันทวีปเซียมี
อาณาจักรเล็กๆ อีกมากมายหลายอาณาจักร พวกเขามีภูมิภาคและ
วัฒนธรรมที่แตกต่างกัน และบางทีก็อาจจะมีความเป็นปฏิปักษ์ระหว่าง
กัน เหตุผลที่ทุกคนสามารถรวมพลังเพื่อทําสงครามกับพวกกลายพันธุ์
ได้นั้นเป็นเพราะความนับถือที่มีต่อโบสถ์แห่งเทพีผู้สร้างและนามของ
เทพีเซีย ตลอดเวลาที่ผ่านมาโบสถ์แห่งเทพีผู้สร้างมักจะเป็นแกนนํา
รวมพลังของมนุษยชาติ เพื่อฝ่าฟันอุปสรรคทุกครั้งที่เกิดความโกลาหลไม่ต้องสงสัยเลยว่าโบสถ์แห่งเทพีผู้สร้างมีบทบาทชี้ขาดในการสืบ
สานของเผ่าพันธุ์มนุษย์ ซึ่งทําให้อํานาจของโบสถ์แห่งเทพีผู้สร้าง
ขยายตัวออกไปตามธรรมชาติ และจํานวนผู้ศรัทธาเองก็จะเพิ่มขึ้น
อย่างรวดเร็วเช่นกัน โดยหลังจากสงครามกับพวกกลายพันธุ์จบลงใน
ทุกๆ ครั้ง โบสถ์แห่งเทพีผู้สร้างจะมีช่วงเวลายุคทองยาวนานหลาย
ทศวรรษ ทําให้อิทธิพลของจักรวรรดิเซนต์เมซิทเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก
ในฐานะที่เป็นคู่ต่อสู้เก่าแก่มานานหลายพันปี สถานการณ์นี้ไม่ใช่
สิ่งที่จักรวรรดิออสทีนต้องการแน่ ปัจจุบัน อาณาจักรแห่งการศึกษาโบร
เนลได้มีหน้าที่ในการปลูกฝังผู้มีพรสวรรค์ ทุกคนที่จ่ายเงินย่อมได้รับ
ผลประโยชน์ ส่วนอาณาจักรแห่งภาคีอัศวินเพนเดอร์แม้ว่าจะทรงพลัง
แต่ก็เก็บตัวเงียบ ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด และไม่มีส่วนร่วมในการแย่งชิงอํานาจ
ใดๆ ด้วยเช่นกัน
กล่าวก็คือตอนนี้มีเพียงจักรวรรดิเซนต์เมซิทเท่านั้นที่ปิดกั้น
หนทางไปสู่อํานาจของจักรวรรดิออสทีน และตอนนี้จักรวรรดิเซนต์
เมซิทก็กําลังอ่อนแออย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน ซึ่งถือเป็นโอกาสที่ดีที่
จักรวรรดิออสทีนจะเข้ามายึดอํานาจไป
ตราบใดที่พวกเขาสามารถฉวยโอกาสชิงอํานาจในฐานะผู้นําของ
จักรวรรดิเซนต์เมซิทได้ จักรวรรดิออสทีนก็จะได้เป็นผู้นําของเผ่าพันธุ์ทั้งหมด ด้วยธงชาติดั้งเดิมของมนุษยชาติ แทนที่ระบบที่นําโดยศรัทธา
จากโบสถ์แห่งเทพีผู้สร้าง
เมื่อประสบความสําเร็จ นอกจากความแข็งแกร่งของจักรวรรดิออ
สทีนจะเพิ่มขึ้นแล้ว ในฐานะอาณาจักรที่มีอาณาเขตและจํานวน
ประชากรมากที่สุด นี่อาจเป็นจุดเริ่มต้นการหลอมรวมมนุษยชาติให้
เป็นหนึ่งอีกครั้งเฉกเช่นจักรวรรดิออสทีนโบราณเมื่อหลายพันปีก่อน ซึ่ง
เป็นสิ่งที่จักรพรรดิแห่งตระกูลแอคเคอร์มันน์ล้วนปรารถนามานาน
สําหรับความเสี่ยงจากพวกกลายพันธุ์ เมื่อเทียบกับผลประโยชน์
มหาศาลแล้ว มันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่เลย อย่างไรแล้วมนุษยชาติก็รอดพ้น
จากการรุกรานของพวกกลายพันธุ์มาได้หลายต่อหลายครั้งในอดีต ใน
สายตาของใครหลายๆ คน คราวนี้เองก็คงไม่ต่างกัน นอกจากนี้บางที
จักรวรรดิออสทีนอาจจะมีวิธีการบางอย่างที่สามารถรับประกันได้ว่า
พวกกลายพันธุ์จะไม่รุกรานมนุษยชาติในตอนนี้
“ชักเริ่มจะเป็นปัญหาซะแล้วสิ”
เด็กหนุ่มผมดําอดถอนหายใจยาวออกมาไม่ได้ขณะอ่านข่าวสาร
ต่างๆ ที่ได้รับมา ด้วยที่ตอนนี้จักรวรรดิออสทีนอาจจะเคลื่อนทัพมาได้
ทุกเมื่อ ทําให้คาร์เตอร์ไม่สามารถบุกโจมตีได้เต็มกําลัง และที่สําคัญ
ที่สุด ถ้าโรเอลเดาไม่ผิดไปละก็ นี่อาจจะทําให้พระสังฆราชจอห์นต้อง
เดินทางกลับไปแม้ว่าเมืองเอ็ดการ์จะแข็งแกร่ง แต่ก็คงจะต้องถึงจุดจบหากต้อง
เผชิญกับผู้มีพลังเหนือธรรมชาติระดับแก่นแท้ 1 แผนการต่อสู้ดั้งเดิม
คือการส่งพระสังฆราชจอห์นออกไปสู่สนามรบ แต่เนื่องจากกองทัพ
ของตระกูลไซส์ได้เข้ามาแทรกแซงสงครามครั้งนี้ โดยอ้างว่า ‘มี
ความสัมพันธ์ทางสายเลือดและทําสนธิสัญญาพันธมิตรกับตระกูลเอ
ลริก’ ทําให้พระสังฆราชจอห์นไม่สามารถลงมือเองได้อีก เพราะนี่เป็น
กับดักของจักรวรรดิออสทีน
พระสังฆราชจอห์นเป็นตัวแทนของจักรวรรดิเซนต์เมซิทและโบสถ์
แห่งเทพีผู้สร้าง ตราบใดที่เขาไม่ออกมาสู่สนามรบ สงครามนี้ก็จะเป็น
สงครามระหว่างขุนนาง ทว่าหากพระสังฆราชจอห์นก้าวออกมา
สถานการณ์จะถูกยกระดับเป็นสงครามระหว่างอาณาจักรในทันที ซึ่ง
สร้างความชอบธรรมให้จักรวรรดิออสทีนกรีฑาทัพออกมาได้อย่างเต็ม
รูปแบบ
“การที่พระสังฆราชจอห์นไม่สามารถออกมาเปิดฉากสงครามเต็ม
กําลังได้ จึงทําให้มีทางเลือกไม่มาก และยิ่งสงครามนี้ยืดเยื้อออกไป ฝั่ ง
ของเมืองเอ็ดการ์ก็ยิ่งได้เปรียบ แถมยังทําให้จักรวรรดิเซนต์เมซิทฟื้ น
ตัวกลับมาได้ยากขึ้นด้วยเช่นกัน…นี่มันเป็นการสมคบคิดแบบโจ่งแจ้ง
ชัดๆ