ทรราชตัวน้อย ไม่อยากพบจุดจบแบบ BAD END - บทที่ 505: ตํานานที่ถูกลืม
แผนการของจักรวรรดิออสทีนจะไม่มีทางประสบความสําเร็จ
ทันทีที่ความคิดนี้ถูกป่าวประกาศออกมา สาวใช้ผมสีน�าตาลก็แสดงสี
หน้าประหลาดใจ ราวกับถูกเด็กสาวผมดําขลับหยุดการเคลื่อนไหวไว้
ด้วยคําพูด
“ฝ่าบาท…ดิฉันไม่มีเจตนาจะหักล้างท่าน แต่สถานการณ์ปัจจุบัน
ของจักรวรรดิเซนต์เมซิทนั้นดูจะย�าแย่พอสมควรนะคะ”
หลังจากครุ่นคิดอยู่นาน ออเดรย์ก็กล่าวขึ้นมาด้วยน�าเสียงที่มี
ความลังเลปนเปอยู่ มือที่กําลังถือเอกสารของเจ้าตัวกําแน่นขึ้นเล็กน้อย
จากนั้นเธอก็เรียบเรียงคําพูดแล้วอธิบายใหม่อีกครั้ง
“หลังจากเหตุการณ์ที่ชายแดนตะวันออก สถานการณ์ในจักรวรรดิ
เซนต์เมซิทนั้นดูจะวุ่นวายกว่าที่ประเมินไว้มาก จากการตรวจสอบของ
ทางเรา ดูเหมือนว่าในบรรดาตระกูลขุนนางทั้งห้ามีเพียงตระกูลแอส
คาร์ดเท่านั้นที่ออกตัวสนับสนุนราชวงศ์อย่างเต็มที่ อีกสามตระกูลที่
เหลือ ตระกูลลูซีนและตระกูลเบลฟาสต์ ดูเหมือนจะสนับสนุนกองกําลัง
เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ส่วนตระกูลไวส์ดีกว่าเล็กน้อย แต่ก็ยังสนับสนุน
กําลังพลมาน้อยกว่าหนึ่งหมื่นนาย”“แม้ว่าจนถึงตอนนี้กองทัพพันธมิตรจะทําผลงานได้ดี แต่ส่วนใหญ่
เป็นเพราะการสั่งการที่ถูกต้องของมาร์ควิสจากตระกูลแอสคาร์ด หาก
สถานการณ์การต่อสู้ไม่เอื้ออํานวย พันธมิตรที่ไม่มั่นคงนี้ก็มีแนวโน้มที่
จะสลายกลายเป็นกลุ่มคนจํานวนมาก ในขณะที่ฝ่ายตรงข้ามคือตระกูล
ไซส์”
ออเดรย์พูดด้วยสีหน้ากังวล สาวใช้ผู้นี้ไม่เคยคิดเลยว่าสักวันหนึ่ง
ตัวเองจะต้องมากังวลเกี่ยวกับกองทัพของอาณาจักรอื่น เมื่อได้ยินแบบ
นั้น ท่าทีของเด็กสาวผมดําขลับก็มีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย
โดยเฉพาะในประโยคสุดท้าย
ตระกูลดยุคไซส์เป็นชื่อที่มีความหมายเฉพาะเจาะจงเป็นพิเศษ
และมีตําแหน่งที่สําคัญอย่างยิ่งในจักรวรรดิออสทีน แต่หลังจาก
พิจารณาซ�าแล้วซ�าเล่า ลิเลียนก็ยังไม่เปลี่ยนใจ
“ตระกูลไซส์นั้นแข็งแกร่งและเต็มไปด้วยตัวแปรมากมาย ในฐานะ
ผู้ริเริ่มแผนนี้ ดยุคเบิร์กลีย์อาจจะได้รับคําสัญญาเกี่ยวกับผลประโยชน์
มหาศาลมา แต่ถึงกระนั้นทัศนคติที่เขามีต่อสงครามครั้งนี้ก็ค่อนข้าง
แปลก”
“การเข้ามาแทนที่จักรวรรดิเซนต์เมซิท ในฐานะผู้นําของ
มนุษยชาติ และทําให้มนุษยชาติรวมตัวกันเป็นอาณาจักรเดียวอีกครั้ง
มันดูเหมือนเป้าหมายอันยิ่งใหญ่และรุ่งโรจน์ ที่ทุกคนพยายามอย่างหนักเพื่อให้เป็นจริง แต่ในความเป็นจริงแล้ว มันเป็นอย่างไรกันแน่?
เธอคิดว่ายังไงล่ะ?”
ลิเลียนถามอย่างเยือกเย็นด้วยแววตาสีอเมทิสต์อันเย็นชา ทําให้
ฝ่ายสาวใช้เงียบไปครู่หนึ่ง แน่นอนว่าในฐานะที่เป็นบุตรสาวตระกูล
เอิร์ลและสมาชิกแวดวงชนชั้นสูง ออเดรย์ย่อมรู้ความหมายในคําพูด
ของเจ้านายดี
เพื่อฟื้ นคืนความรุ่งโรจน์ของจักรวรรดิออสทีนโบราณในอดีต
แม้ว่านี่จะเป็นผลดีสําหรับผู้คนทั้งอาณาจักร แต่มันก็มีลําดับชั้นเช่นกัน
คนทั่วไปอาจได้ทรัพยากรมากขึ้น ร�ารวยขึ้นเล็กน้อย ส่วนขุนนางก็
ร�ารวยขึ้น ดินแดนที่เปิดกว้างมากขึ้นจะช่วยให้สถานะของพวกเขาดีขึ้น
แต่สําหรับราชวงศ์แล้ว มันเป็นการเปลี่ยนแปลงเชิงคุณภาพครั้งใหญ่
ในจักรวรรดิออสทีนโบราณ ตระกูลแอคเคอร์มันน์มีฐานะเป็น
ผู้ปกครองของมนุษยชาติทั้งหมด เทียบเคียงได้กับเหล่าทวยเทพ หาก
ย้อนกลับไปในสมัยนั้นได้อํานาจของราชวงศ์จะขยายตัวอย่างรวดเร็ว
ราชวงศ์และขุนนางชั้นสูงจะถูกแยกออกจากขุนนางทั่วๆ ไป โดยสิ้นเชิง
สมดุลจะพังทลายและชนชั้นจะห่างกันคนละขั้นอย่างสมบูรณ์
ตระกูลไซส์น่าจะได้รับผลประโยชน์มหาศาลจากการส่งกองทัพ
ออกไปในครั้งนี้ แต่ถึงกระนั้นการส่งทหารออกไปรบก็มีระดับต่างๆ
ตามสถานการณ์ในสนามรบเช่นกัน ถ้าสามารถเอาชนะอีกฝ่ายได้อย่างง่ายดายพวกเขาก็จะไม่ต้องสูญเสียมาก ทว่าหากพวกเขาติดอยู่ใน
สงครามยืดเยื้อ ตระกูลไซส์ก็มีสิทธิ์ที่จะชั่งน�าหนักข้อดีและข้อเสีย และ
อ้างว่าเป็นการหาผลลัพธ์ที่ดีที่สุด เพื่อตระกูลแอคเคอร์มันน์
สีหน้าของออเดรย์ดีขึ้นมากเมื่อเข้าใจถึงเรื่องนี้ ตราบใดที่องค์ชาย
ลําดับที่ 1 ล้มเหลว ผลลัพธ์ก็จะเป็นไปด้วยดี โดยที่ไม่ได้สังเกตเลยว่า
หลังจากถามคําถามดังกล่าวด้วยวาทศิลป์ลิเลียนก็ไม่ได้พูดอะไรอีก
และเหตุผลนั้นก็คือเธอกําลังนึกถึงใครบางคน
ตระกูลไซส์จะไม่ยอมบุกอย่างเต็มกําลังแน่ๆ พวกเขาจะอ้างว่า
ตนเองต้องจ่ายราคามหาศาลเพื่อชัยชนะ นี่คือสิ่งที่ลิเลียนคาดเอาไว้
แต่ในความเป็นจริงแล้ว พวกเขาก็ยังมีวิธีอื่นที่สามารถการันตีชัยชนะ
ได้อยู่
ตําแหน่งของตระกูลไซส์ในจักรวรรดิออสทีนนั้นเป็นอะไรที่พิเศษ
มาก พวกเขาไม่ได้มีแค่อํานาจอิทธิพลของตระกูลเพียงอย่างเดียว
เท่านั้น แต่ยังเป็นบุคลากรในตระกูลอีกด้วย หากบุคคลนั้นไม่ได้
เคลื่อนไหว มันก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร แต่ถ้าหากเขาคิดที่จะเคลื่อนไหว
ล่ะก็…
ลิเลียนคิดถึงเหตุการณ์ที่มีความเป็นไปได้ต�ามากๆ ดังกล่าว ก่อน
จะขมวดคิ้วเล็กน้อย เธอยืนขึ้นและเดินไปที่หน้าต่างอีกครั้ง มองออกไป
ยังสายลมและหิมะนอกหน้าต่าง ด้วยลางสังหรณที่ไม่ดีในใจ“ไม่หรอก มันเป็นไปไม่ได้…”
ด้วยเสียงกระซิบอันแผ่วเบา เด็กสาวนึกถึงใบหน้าของเด็กหนุ่มผม
ดําและอธิษฐานในใจอย่างเงียบๆ
——————————
ณ ต่างอาณาจักรอันห่างไกล ขณะที่เด็กสาวผมดําขลับลูบชื่อบน
โต๊ะด้วยความคิดที่ล่องลอย ใต้เชิงเทียนของอีกฟากหนึ่ง โรเอลอ่าน
ข้อมูลข่าวสารในมือของเขาและครุ่นคิดเงียบๆ เกี่ยวกับเรื่องซับซ้อน
มากมาย
เกือบหนึ่งสัปดาห์แล้วนับตั้งแต่ที่เขาเดินทางออกมาจากเมือง
หลวงศักดิ์สิทธิ์ หลังจากที่ตระกูลดยุคไซส์ข้ามพรมแดนมาอย่างชัดเจน
เครือข่ายข่าวกรองของจักรวรรดิเซนต์เมซิทก็เริ่มเผยแพร่ข้อมูลที่
เกี่ยวข้องกับกองทัพดังกล่าวเป็นจํานวนมาก ด้วยข้อมูลมากมายในมือ
โรเอลก็เริ่มเผชิญหน้ากับศัตรูด้วยความเข้าใจที่มีมากขึ้น
ตระกูลไซส์ไม่ใช่ศัตรูที่จะประมาทได้เลยจริงๆ
ในจักรวรรดิออสทีน ขุนนางชั้นสูงส่วนใหญ่มีประวัติศาสตร์อัน
ยาวนาน ซึ่งโดยพื้นฐานแล้วพวกเขาคือตระกูลโบราณที่สืบทอดมาจาก
ในยุคที่สอง ตระกูลดยุคไซส์เองก็เป็นหนึ่งในดยุกผู้ยิ่งใหญ่ของ
จักรวรรดิ ที่มีประวัติศาสตร์สืบย้อนกลับไปถึงยุคที่สอง หนึ่งในสมาชิกตระกูลไซส์ โรเวล ไซส์เองก็เป็นนายพลที่มีชื่อเสียงในประวัติศาสตร์
ของจักรวรรดิออสทีนโบราณ
เมื่อบรรพบุรุษเป็นนายพลที่มีชื่อเสียง ทําให้ลูกหลานเองก็ก้าวเท้า
ตามเข้าสู่กองทัพเช่นกัน มันเป็นเรื่องปกติทั่วๆ ไปที่ลูกหลานตระกูลขุน
นางจะสืบทอดธุรกิจตามบรรพบุรุษของตน ตระกูลไซส์เองก็
เช่นเดียวกัน สมาชิกตระกูลหลายคนมีความเชี่ยวชาญด้านการรบ พวก
เขาคือหนึ่งในชนชั้นผู้นําที่นํามนุษยชาติอพยพมาทางทิศตะวันตก หนึ่ง
ในตระกูลใหญ่ที่ร่วมก่อตั้งจักรวรรดิออสทีนในปัจจุบัน
ตระกูลไซส์นั้นต่างจากตระกูลขุนนางอื่นๆ เนื่องจากไม่ได้มีส่วน
ร่วมในการต่อสู้แย่งชิงอํานาจมาเป็นเวลาหลายพันปีแล้ว อย่างไรก็ตาม
กองทัพของตระกูลนี้ก็ได้พัฒนาฝึกฝนอย่างรอบคอบระมัดระวังมาก
อาจกล่าวได้ว่าพวกเขาเป็นตระกูลขุนนางที่มีอํานาจมากที่สุดใน
จักรวรรดิออสทีนเลยก็เป็นได้ นี่อาจเป็นสาเหตุที่ทําให้จักรพรรดิลูคัส
จึงมอบหมายภารกิจนี้ให้กับพวกเขา
เมื่อตรวจดูข้อมูลของตระกูลไซส์แล้ว โรเอลก็สัมผัสได้ถึง
ความรู้สึกแปลกๆ บางอย่าง มันคล้ายคลึงกับประวัติของตระกูลแอส
คาร์ดมาก ทั้งสองตระกูลมีความคล้ายกันอย่างสุดโต่ง โดยเฉพาะเรื่อง
ความระแวดระวังพวกเขาไม่ใช่แค่ทหารทั่วๆ ไป หรือขุนนางผู้สูงศักดิ์ พวกเขา
เหล่านี้คือนักรบที่ถูกฝึกมาอย่างดีในฐานะแนวหน้าของจักรวรรดิออ
สทีน นี่เป็นการประเมินจากทั้งตัวโรเอลเองและเหล่าผู้บัญชาการ
กองทัพแนวหน้า
อย่างไรก็ตาม หากปัญหามีแค่นี้ละก็ โรเอลก็คงจะระมัดระวังแต่ก็
ไม่ได้เก็บมาคิดเอาจริงเอาจังขนาดนี้ แต่สิ่งที่ทําให้เขารู้สึกว่าอาจมี
บางอย่างผิดปกติ คือข้อมูลอีกชิ้นหนึ่ง
แม้ว่าตระกูลไซส์จะเป็นตระกูลใหญ่ แต่มันก็มีช่วงขาขึ้นๆ และขา
ลงๆ เช่นกัน ประมาณสี่ร้อยปีที่แล้ว ตระกูลไซส์ได้ประสบวิกฤตครั้ง
ใหญ่ ซึ่งคนที่นําพวกเขาออกมาจากวิกฤตนั้นก็คือ เด็กหนุ่มคนหนึ่งที่มี
ชื่อว่า เลย์ตัน ไซส์ เขาได้รับการกล่าวขานว่าเป็นอัจฉริยะรุ่นเยาว์ที่มี
ชื่อเสียงดังไปทั่วจักรวรรดิออสทีน ผู้ได้ออกเดินทางท่องโลกและสร้าง
ตํานานเอาไว้มากมาย
ภายใต้การชี้นําของอัจฉริยะดังกล่าว ตระกูลไซส์ก็ค่อยๆ ฟื้ นคืน
ชีพกลับมาทีละน้อย ความแข็งแกร่งของเลย์ตัน ไซส์เองก็พัฒนาขึ้น
อย่างต่อเนื่อง จนในที่สุดเขาก็ไปถึงระดับแก่นแท้ 1 จุดสูงสุดของมวล
มนุษยชาติ และกลายเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในจักรวรรดิออสทีน
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่น่าสงสัยก็คือ หลังจากได้รับการเลื่อนขั้นเป็น
ระดับแก่นแท้ 1 แล้ว เลย์ตันที่เป็นผู้นําตระกูลมานานกว่าร้อยปี กลับไม่ได้ทําหน้าที่เป็นผู้นําของมนุษยชาติเฉกเช่นแอนโตนิโอและผู้มีพลัง
เหนือธรรมชาติระดับแก่นแท้ 1 คนอื่นๆ เขากลับเกษียณอายุและก้าว
ลงจากตําแหน่งผู้นําตระกูล ก่อนจะค่อยๆ เลือนหายไปจากสายตาของ
ผู้คน
มีความคิดเห็นที่แตกต่างกันมากมายเกี่ยวกับเหตุผลที่เขาทําเช่นนี้
บางคนบอกว่าเพื่อเป็นการให้โอกาสให้ลูกหลานได้สานต่อ หากเลย์ตัน
เป็นผู้นําตระกูลต่อไปเรื่อยๆ ลูกหลานของเขาก็จะไม่มีโอกาสได้แสดง
ฝีมือเลย นอกจากนี้ถ้าเขาหายไปตระกูลก็คงจะล่มสลายในทันที อีก
แนวคิดหนึ่งก็คือเขาเบื่อหน่ายกับการกลอุบายมากมายในแวดวงชน
ชั้นสูง เพราะในช่วงเวลานั้นความสัมพันธ์ระหว่างจักรวรรดิออสทีนกับ
จักรวรรดิเซนต์เมซิทเองก็ตึงเครียดมาก จนจะทําสงครามกันอยู่รอมร่อ
ระดับแก่นแท้ 1 ที่มีพลังการต่อสู้สูงที่สุดในหมู่มนุษย์ เลือกที่จะอยู่
อย่างสันโดษ โดยที่ไม่มีใครกล้าบังคับให้เขากลับมา ชีวิตของเขาจึง
ดําเนินต่อไปเรื่อยๆ แบบนั้น ในฐานะบรรพบุรุษตระกูลไซส์ที่อาวุโส
ที่สุด แน่นอนว่าไม่มีใครกล้าหือกับเขา หลังจากนั้นเมื่อเวลาผ่านไปก็ผู้มี
พรสวรรค์หน้าใหม่ๆ เริ่มปรากฏตัวขึ้นมาในตระกูล
ในชาติที่แล้วของโรเอล ผู้คนต่างล้อเลียนว่าความทรงจําของ
ชาวเน็ตมีเพียงเจ็ดวินาทีเท่านั้น นี่เป็นผลมาจากเผยแพร่ข้อมูล
อันรวดเร็ว ต่างจากทวีปเซียซึ่งระบบสารสนเทศยังไม่ได้รับการพัฒนาความทรงจําของผู้คนจึงยาวนาน ถึงกระนั้นหลังจากที่เลย์ตันใช้ชีวิต
อย่างสันโดษ อิทธิพลของเขาก็ค่อยๆ หายไปทีละน้อย
ตลอดระยะเวลากว่าสองร้อยปี ผู้คนจึงค่อยๆ ลืมเลือนชื่อนี้ไป คํา
เชิญของจักรวรรดิไม่ได้เขียนเกี่ยวกับบุคคลในตํานานคนนี้อีก คํา
ทักทายระหว่างขุนนางไม่ได้กล่าวถึงเขาอีกต่อไป เด็กๆ ในหมู่บ้านพา
กันโห่ร้องชื่อของวีรชนคนใหม่ นอกจากภายในหนังสือประวัติศาสตร์
แล้ว เลย์ตัน ไซส์ก็ดูเหมือนจะไม่ได้ปรากฏออกมาในชีวิตของผู้คนคน
ใดอีก
สถานการณ์นี้ยังคงดําเนินต่อไป ตระกูลไซส์ไม่เคยจัดงานศพเขา
เพราะถึงอย่างไรก็ไม่มีใครสนใจชีวิตและความตายของเลย์ตันมานาน
แล้ว อย่างไรก็ตามสิ่งที่ทุกคนคาดไม่ถึงก็คือตํานานเองก็มีเวลาที่จะตื่น
ขึ้นมาอีกครั้ง
เมื่อแปดสิบปีที่แล้ว ในช่วงที่สงครามกับพวกกลายพันธุ์ครั้งที่สี่ถึง
จุดเดือด เมื่อเผ่าพันธุ์มนุษย์ก้าวขึ้นไปบนขอบหน้าผา เลย์ตัน ไซส์นั้นก็
หวนกลับมา
เวลาผ่านไปกว่าสองร้อยปี ชายชราผมหงอกคนนี้ได้ก้าวข้ามผ่าน
ความผันผวนของชีวิตและกลายเป็นเสาหลักที่ค�าจุนมนุษยชาติ
กลับมายืนต่อหน้าทหารที่ลืมเขาไปแล้ว ยกกําปั้ นขึ้นอย่างเงียบๆ และ
ทุบศัตรูแหลกเป็นชิ้นๆ ทําลายความกลัว ความสิ้นหวัง และทําลายความทะเยอทะยานของพวกกลายพันธุ์ เขาได้นําพาผู้คนออกจาก
สถานการณ์อันสิ้นหวัง และกลายเป็นวีรบุรุษอีกครั้ง
ถึงแม้ว่าโรเอลจะเป็นคนที่มีจิตใจสงบนิ่ง แต่เมื่อได้เห็นบันทึกนี้
หัวใจของเขาก็พลุ่งพล่านไปด้วยเลือดและอารมณ์ ตามที่กล่าวไว้ ทหาร
ผ่านศึกคนนี้ยังมีชีวิตอยู่ แม้จะชราภาพแต่ก็ยังคงสง่างาม
แม้ว่าเขาจะถูกลืมเลือน และไม่มีใครคาดหวัง แต่เลย์ตันก็ยังยืน
หยัดขึ้นมาในวินาทีที่มนุษยชาติต้องเผชิญหน้ากับวิกฤตการณ์ครั้ง
สําคัญ จิตวิญญาณนี้ได้กระตุ้นทหารมากมาย การกลับมาของเขาได้
เปลี่ยนสถานการณ์ในสนามรบ เพิ่มขวัญกําลังใจ และดึงมนุษยชาติ
ขึ้นมาจากขอบหน้าผา
หลังจากสิ้นสุดสงครามกับพวกกลายพันธุ์ เลย์ตันก็ได้รับฉายาว่า
เทพสงคราม จากทั้งพันธมิตรของมนุษยชาติ และในจักรวรรดิออสทีน
อย่างไรก็ตามที่น่าแปลกใจก็คือเลย์ตันนั้นเลือกที่จะกลับสู่ความสันโดษ
อีกครั้ง และจางหายไปจากสายตาของผู้คน
แน่นอนว่าไม่มีใครสามารถคัดค้านการตัดสินใจของชายชราได้
ทว่าคราวนี้ไม่มีใครลืมเลือนเลย์ตันอีกแล้ว ทุกคนต่างเขียนบันทึก
เกี่ยวกับเขา ยกย่องนามของเขาด้วยฉายาเทพสงคราม นี่เป็นเหตุผลที่
โรเอลมีข้อมูลเกี่ยวกับเขามากมาย น่าเสียดายที่สิ่งนี้ไม่ใช่เรื่องดีสําหรับ
โรเอลเพราะตอนนี้เขาไม่ใช่พันธมิตรของตระกูลไซส์ แต่เป็นศัตรู