ทรราชตัวน้อย ไม่อยากพบจุดจบแบบ BAD END - บทที่ 506: ลางสังหรณ์อันคลุมเครือ
“…”
กลางดึก ภายในค่ายทหารชั่วคราว เด็กหนุ่มผมดําขมวดคิ้วขณะ
อ่านข้อมูลในมือ ข้างหน้าเขามีแม่ทัพสามคนของกองทัพลัทธินอกรีต
ซินเทีย และคนอื่นๆ ต่างก็ได้ฟังคําบรรยายของโรเอลแล้ว และตอนนี้
พวกเขาก็กําลังแยกแยะข้อมูลอยู่
การประชุมทางการทหารเป็นวิธีแก้ปัญหาที่โรเอลเลือกใช้
ประสบการณ์จากเมื่อชาติที่แล้วบอกเขาว่าเมื่อประสบปัญหา การ
วิเคราะห์สถานการณ์ ประเมินปัญหาที่ต้องเผชิญ โดยพูดคุยกับทุกๆ
คน มีแนวโน้มที่จะช่วยให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้น และตอนนี้ก็เป็นเวลาที่เขา
จะต้องคิดเกี่ยวกับปัญหาอย่างรอบคอบ
หลังจากอ่านข้อมูลของเลย์ตัน ไซส์แล้ว คําถามก็ผุดขึ้นในใจโรเอล
นั่นก็คือวีรชนในตํานานอายุสี่ร้อยปีผู้นี้ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่
สงครามกับพวกกลายพันธุ์ครั้งสุดท้ายก็ผ่านมาเป็นเวลากว่แปด
สิบปีแล้ว โลกภายนอกไม่เคยได้ยินข่าวคราวใดๆ เกี่ยวกับเลย์ตันเลย
แม้ว่าจะผ่านไปหลายชั่วอายุคนแล้ว มีการคาดเดามากมายเกี่ยวกับ
ประเด็นนี้ หลายคนก็คิดว่าเลย์ตันยังมีชีวิตอยู่ เขากลับไปยังที่ที่เขาเคย
อาศัยอยู่ในอดีตใช้ชีวิตอย่างสันโดษ ในขณะที่บางคนคิดว่าชายชราในตํานานคนนี้สิ้นใจไปแล้ว เพราะเขาได้รับบาดเจ็บสาหัสจากสงครามกับ
พวกกลายพันธุ์ครั้งล่าสุด
การคาดเดามากมายเหล่านี้เป็นที่นิยมในจักรวรรดิออสทีน แต่
พวกมันก็ไม่มีหลักฐานยืนยันใดๆ หลังจากพิจารณาอย่างถี่ถ้วนแล้ว โร
เอลก็คิดว่าวีรชนในตํานานคนนี้น่าจะยังมีชีวิตอยู่ เหตุผลนั้นง่ายมาก
เขาเคยเจอผู้มีพลังเหนือธรรมชาติระดับแก่นแท้ 1 มาแล้ว และแอนโต
นิโอที่มีอายุใกล้เคียงกับเลย์ตันก็ยังมีชีวิตอยู่
แม้ว่าแอนโตนิโอจะได้รับทรัพยากรมากมายจากสถานะผู้มีอํานาจ
ในสังคมมนุษยชาติ แต่ตระกูลไซส์เองก็เป็นชนชั้นสูงเช่นกัน และเลย์
ตันก็ยังอาศัยอยู่อย่างสันโดษ นอกจากนี้ด้วยความแข็งแกร่งของ
ระดับแก่นแท้ 1 ที่เรียกได้ว่าเป็นดั่งราชาแห่งเผ่าพันธุ์ ทําให้มันจึงยากที่
จะจินตนาการว่าเขาได้ตายไปแล้ว นอกจากโรเอลแล้ว วู้ดกับคนอื่นๆ
เองก็เห็นด้วยกับความคิดเห็นนี้
มันยากที่จะจินตนาการว่าบุคคลในตํานานเช่นนี้จะจากไปอย่าง
เงียบๆ แม้ว่าตระกูลไซส์จะสามารถปกปิดข่าวการเสียชีวิตของเลย์ตัน
ได้ แต่ตระกูลดยุคที่แยกออกจากบรรพบุรุษมาช้านานแล้ว คงไม่มี
ความจําเป็นที่จะต้องทําอะไรแบบนั้นหลังจากสรุปได้ว่าเลย์ตันน่าจะยังมีชีวิตอยู่ โรเอลก็นึกถึงคําถามที่
สอง นั่นก็คือชายชราในตํานานคนนี้จะปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าเขาหรือไม่
ซึ่งเป็นคําตอบที่เด็กหนุ่มและเหล่านายพลของเขาไม่มั่นใจ
“เลย์ตัน ไซส์แห่งจักรวรรดิออสทีน เป็นถึงวีรบุรุษในตํานาน คน
ระดับนั้นไม่น่าจะลงมาเข้าร่วมในสงครามระดับขุนนางแบบนี้หรอกใช่
ไหม?”
หลังจากได้ยินคําถามของโรเอล ร็อดนีย์ผู้เคยเดินทางไปยัง
จักรวรรดิออสทีนในอดีตก็ได้แสดงความคิดเห็นออกมา ซึ่งซินเทียก็
พยักหน้าเห็นด้วยกับเขา
“กลุ่มทหารรับจ้างของพวกเราเองก็เคยไปที่จักรวรรดิออสทีน
เช่นกัน เรื่องราวของเลย์ตันเป็นตํานานที่โด่งดังมาก หากไม่มีคู่ต่อสู้ที่
เหมาะสมสําหรับแล้วละก็ เขาก็คงจะไม่ปรากฏตัวออกมาแน่”
หญิงสาวร่างสูงวิเคราะห์ความคิดของผู้แข็งแกร่ง ซึ่งคราวนี้วู้ดก็
พยักหน้าเห็นด้วยพลางลูบเคราสีขาวของเขา มีเพียงโรเอลที่ไม่ได้พยัก
หน้าให้กับข้อสรุปอันเป็นเอกฉันท์ของทุกคน
“สิ่งที่พวกนายพูดอาจจะฟังดูมีเหตุผล แต่พวกนายกําลังเพิกเฉย
ต่อสถานการณ์พื้นหลังในปัจจุบัน”
“พื้นหลัง?”“ใช่ นี่เป็นช่วงที่จักรวรรดิเซนต์เมซิทกําลังอ่อนแอ และพวกกลาย
พันธุ์เองก็เริ่มเคลื่อนไหวอีกครั้ง ครั้งสุดท้ายที่เลย์ตันกลับมาคือตอนที่
พวกกลายพันธุ์กําลังบุกในสงครามครั้งก่อน หากอ้างอิงจากครั้งก่อน
แล้วล่ะก็ ไม่แน่ว่าครั้งนี้เขาก็อาจจะกลับมาอีกไม่ใช่หรอ??”
“…”
คําถามของโรเอลทําให้พวกร็อดนีย์ไม่รู้ว่าควรจะตอบอย่างไรดี
“ไม่ว่าตระกูลไซส์จะมองสงครามครั้งนี้ยังไง แต่ถ้าเลย์ตันคัดค้าน
มันก็จะไม่เกิดขึ้น หากพิจารณาจากการที่เขามาเข้าร่วมสงครามกับ
พวกกลายพันธุ์ครั้งที่แล้ว ฉันคิดว่าที่ตระกูลไซส์ไม่รีบส่งกองทัพเข้ามา
บุกโจมตี เพราะมันอาจส่งผลให้เกิดความเสียหายต่อกองกําลังของ
มนุษยชาติโดยรวมได้ และเลย์ตันก็คงจะถูกกล่าวโทษว่าเป็นสาเหตุแน่
หากเรื่องแบบนั้นเกิดขึ้น”
“ดังนั้น คําอธิบายที่สมเหตุสมผลเพียงอย่างเดียวก็คือด้วยเหตุผล
บางอย่าง เลย์ตันจึงตกลงที่จะอนุมัติแผนนี้ และตัดสินใจส่งทหารเข้า
มา หากเป็นกรณีนี้แล้ว มันก็เป็นไปได้ที่เขาจะปรากฏตัวขึ้นในสนาม
รบ”
เด็กหนุ่มผมดําถอนหายใจขณะอธิบาย ทําให้ร็อดนีย์และคนอื่นๆ
ขมวดคิ้ว พวกเขามองหน้ากันด้วยกังวลเล็กน้อยระดับแก่นแท้ 1 คือระดับความแข็งแกร่งที่ร็อดนีย์กับคนอื่นๆ ไม่
เคยเห็นเผชิญมาก่อน แต่การได้เห็นไบรอันที่เป็นระดับแก่นแท้ 2 ก็
เพียงพอแล้วที่จะทําให้พวกเขาเข้าใจความแข็งแกร่งของตัวตน
ระดับแก่นแท้ 1 ที่ไปถึงขีดจํากัดของมนุษยชาติได้
แตกต่างจากร็อดนีย์และคนอื่นๆ โรเอลมีความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง
ถึงความแข็งแกร่งของระดับแก่นแท้ 1 อย่างน้อยๆ ที่สุดก็เป็นความ
แข็งแกร่งของราชาจอมเวท เมื่อหลายร้อยปีก่อน กองทัพใดๆ ล้วนไร้
ความหมายต่อหน้าตัวตนระดับนั้น อย่าว่าแต่กองทัพทั่วๆ ไปเลย
แม้แต่กองทัพในตํานานของจักรวรรดิออสทีนโบราณที่ถูกเรียกขึ้นมา
โดยลิเลียนก็ยังพ่ายแพ้อย่างหมดรูป
กองทัพมีผลเพียงเล็กน้อยต่อผู้มีพลังเหนือธรรมชาติระดับแก่นแท้
1 และโรเอลในปัจจุบันก็ไม่มีทางที่จะต้านทานศัตรูระดับแก่นแท้ 1 ได้
เลย
โรเอลสังหารพริสเลย์ในสถานะผู้เฝ้ามองได้ก็จริง แต่นั่นเป็นเพราะ
เงื่อนไขมากมายและยุทธวิธีพิเศษ ในเวลานั้นเขาสามารถใช้พลังของ
อาร์เทเชียได้เต็มที่ ต่างจากในโลกแห่งความเป็นจริง โรเอลในปัจจุบัน
ไม่มีข้อได้เปรียบเหล่านั้น มีเพียงความพ่ายแพ้เท่านั้นที่รอเขาอยู่หาก
ต้องปะทะกับอีกฝ่ายซึ่งๆ หน้าหลังจากพูดคุยกันมาเป็นเวลานาน สถานการณ์ความเป็นไปได้ที่
จะมีศัตรูระดับแก่นแท้ 1 ส่งผลให้โรเอลและคนอื่นๆ พูดคุยกันซ�าแล้ว
ซ�าเล่า จนทราบว่าพวกเขายังไม่มีกลยุทธ์ใดๆ ในการรับมือ ช่องว่าง
ระหว่างความแข็งแกร่งนี้จึงทําให้ทุกคนรู้สึกเศร้า แต่ก็ทําอะไรไม่ถูก
พวกเขาได้แต่หวังว่าพระสังฆราชจอห์นจะช่วยพวกเขาได้ในเรื่องนี้
กลยุทธ์อันเจ้าเล่ห์ของตระกูลไซส์ไม่ได้ทําให้โรเอลเท่านั้นที่ต้อง
ปวดหัว แต่ทางด้านตระกูลเซไซต์ที่ลงเดิมพันไปเยอะเองก็น่าจะลําบาก
ใจต่อเรื่องนี้เช่นกัน พระสังฆราชจอห์น ผู้เคยต่อสู้ร่วมกับเลย์ตันใน
สงครามกับพวกกลายพันธุ์ ย่อมตระหนักดีถึงอิทธิพลและความ
แข็งแกร่งของเขา ดังนั้นก่อนที่ทั้งสองฝ่ายจะเข้าสู่สงคราม น่าจะมีการ
ส่งทูตไปยังตระกูลดยุคไซส์แล้ว
จุดประสงค์หลักของทูตคือการป้องกันไม่ให้ตระกูลไซส์ลงมือเต็ม
รูปแบบในฐานะแนวหน้าของตระกูลแอคเคอร์มันน์ หากวิธีทางการทูต
ไม่สามารถบรรลุผลได้ เป้าหมายที่สองก็คือการพยายามอย่างถึงที่สุด
ในการต่อรองไม่ให้เลย์ตันที่อาจยังมีชีวิตอยู่เข้าร่วมสงครามครั้งนี้
ตามข้อมูลที่ได้รับมาจากแนวหน้า ภารกิจการทูตนี้เป็นไปได้ยาก
มาก แม้ว่าจะอธิการที่มีชื่อเสียงมากมายเข้าร่วมก็ตาม โรเอลก็ไม่คิดว่า
พวกเขาจะทํามันได้สําเร็จ เพราะจักรวรรดิออสทีนนั้นแตกต่างจาก
อาณาจักรอื่นๆ ที่นับถือโบสถ์แห่งเทพีผู้สร้าง ศรัทธาของพวกเขาสืบทอดมาจากในสมัยจักรวรรดิออสทีนโบราณ และนับถือเทพเจ้าหลาย
องค์
แม้ว่าเทพเจ้าสูงสุดจะเป็นเทพีเซีย แต่ด้วยที่ความศรัทธาถูก
แบ่งย่อยกระจายออกไป ความศรัทธาของพวกเขาจึงเจือจางลงไปมาก
ทําให้สถานการณ์ดูไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่ เมื่อพวกเขาสามารถเปลี่ยนเทพ
เจ้าที่ตนเองเคารพได้ ความศรัทธานับถือในใจก็จะลดลงไปมาก
จักรวรรดิออสทีนโบราณจึงใช้จุดนี้ในการเจือจางอิทธิพลของเหล่าทวย
เทพ และเสริมความแข็งแกร่งทางด้านศรัทธาให้กับอํานาจอิทธิพลของ
จักรวรรดิ
โรเอลไม่รู้มุมมองทางความศรัทธาของตระกูลไซส์ แต่มันน่าจะ
เป็นไปไม่ได้ที่อธิการคนเดียวจะโน้มน้าวพวกเขาได้สําเร็จ ทว่าเด็กหนุ่ม
นั้นไม่รู้เลยว่า ระหว่างที่เขากําลังกังวลเกี่ยวกับผลการเจรจา และ
สถานการณ์อันซับซ้อน การเคลื่อนไหวใหม่ก็ได้ปะทุขึ้น