ทรราชตัวน้อย ไม่อยากพบจุดจบแบบ BAD END - บทที่ 513: การต่อสู้ของกําลังหลัก (1)
บนที่ราบท่ามกลางแสงตะวันยามเช้า ลูกบอลของเหลวเปล่งแสงที่ แตกต่างจากครั้งก่อนๆ พลังเวทจํานวนมากรวมตัวกันเป็นแรงดันสูง พร้อมที่จะทําลายทุกสิ่ง มันรวมตัวกันที่จุดหนึ่งแล้วพุ่งออกไป
มันเป็นเหมือนกระสุนน�าขนาดเท่านิ้ว ทว่าทันทีที่มันปล่อยพลัง ออกไป ความรุนแรงนั้นเหมือนกับการลงโทษจากสวรรค์ กลมกลืนไป กับแสงตะวัน เฉียบแหลมและไม่สามารถหยุดยั้งได้
การซุ่มโจมตีผู้บัญชาการฝ่ายตรงข้ามก่อนที่การต่อสู้จะเริ่มขึ้น นี่ คือความสามารถของดยุคเบิร์กลีย์ผู้โด่งดังในจักรวรรดิออสทีน บุรุษที่ สังหารผู้มีพลังเหนือธรรมชาตินับไม่ถ้วนด้วยการโจมตีที่แทบจะ หลีกเลี่ยงไม่ได้นี้ และวันนี้เป้าหมายของเขาก็คือเด็กสาวผมสีเงิน
อลิเซีย แอสคาร์ด ไม่ใช่ชื่อที่มีความพิเศษอะไรสําหรับเบิร์กลีย์ และทั้งสองก็ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน แต่ในช่วงเวลาที่เกิดเหตุการณ์นี้ จึง ไม่มีความรู้สึกผิดใดๆ ปรากฏขึ้นในหัวใจของเขา
แม้ว่าจะเคยมีเด็กผู้หญิงคนไหนเสียชีวิตจากการโจมตีนี้ และไม่ ควรจะมีเช่นกัน แต่ภายในสงครามนั้น ไม่มีใครมีตัวเลือก ต่อหน้าตัว แปรและหลักเหตุผลมากมาย ทุกคนล้วนแต่เป็นเพียงแค่ชีวิตที่พร้อม จะสูญสิ้นในสนามรบ
“ปัง!”
ดยุคเบิร์กลีย์โบกมือเบาๆ จากนั้นปืนน�าก็ยิงกระสุนอันแหลมคม ออกไป โดยที่ไม่มีใครสังเกตเห็นได้ทัน จนกระทั่งมันพุ่งเข้ากระทบกับ พื้น ทําให้ควันและฝุ่นฟุ้งไปทั่วแนวหน้าของสนามรบ ก่อนที่กองทัพ ตระกูลแอสคาร์ดจะไหวตัวได้ทัน
“ตูม!”
เกิดการระเบิดขึ้นอย่างกะทันหันในกองทัพของศัตรู เบิร์กลีย์ไม่คิด ที่จะรอสังเกตการเคลื่อนไหวจากอีกฝั่ ง เขาค่อยๆ ออกคําสั่งให้ทหาร บุกโจมตี
อลิเซีย แอสคาร์ด พวกเขาไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับเด็กสาวที่ยังไม่บรรลุ นิติภาวะคนนี้ นั่นทําให้เบิร์กลีย์อดสงสัยไม่ได้ว่าเด็กสาวอย่างเธอเป็นผู้ มีพลังเหนือธรรมชาติระดับนี้ได้อย่างไร ไหนจะเรื่องที่สามารถควบคุม สัตว์อสูรได้อีก
ความสามารถในการควบคุมสัตว์ มักจะมาพร้อมกับความอ่อนแอ ด้านการต่อสู้ นี่คือกฎของทวีปเซีย เบิร์กลีย์จึงไม่สงสัยเลยว่าเด็กที่สร้าง ปัญหาให้กับกองทัพของเขาได้สูญสิ้นไปแล้ว ทันทีที่ผู้บัญชาการสิ้นใจ กองทัพก็จะระส�าระส่าย ดังนั้นการบุกโจมตีในจังหวะนี้คือการตัดสินใจ ที่ดีที่สุด
อย่างไรก็ตามสิ่งที่ดยุคไม่คาดคิดก็คือภายใต้ควันและฝุ่น เด็กสาว ผมสีเงินนั้นจะยังไม่ตาย เลือดสีแดงสดก็ไหลเปรอะเปื้ อนแขนของอลิ เซีย อย่างไรก็ตามมันไม่ได้มาจากการโจมตีของเบิร์กลีย์ แต่เป็นเพราะ กริชในมือของเธอเอง
ความรู้สึกที่ถูกสิ่งของแปลกปลอมที่เจาะผิวหนังทําให้อลิเซียรู้สึก ไม่สบายใจ ของเหลวเหนียวเหนอะหนะที่หยดลงมาตามร่างกายและ ไหลไปตามพื้นเป็นอะไรที่ยากจะทน ทหารของกองทัพแอสคาร์ดรู้สึก สับสนเล็กน้อย แต่ท่าทางที่เด็กสาวผมสีเงินแทงตัวเองนั้นดูมั่นคง ดวงตาสีแดงคู่จ้องไปที่ศัตรู ผู้บัญชาการผู้โด่งดังของจักรวรรดิออสทีน เบิร์กลีย์ ไซส์ ผู้มีชื่อเสียงในการฆ่าสังหารผู้บัญชาการและพลิกกระแส สงครามจากระยะไกล ในฐานะหัวหน้าหน่วยข่าวกรอง อลิเซียได้อ่าน เอกสารเกี่ยวกับเขามามากกว่าสิบครั้ง ทําให้สามารถเข้าใจได้ถึงการ กระทําของอีกฝ่ายล่วงหน้า และเตรียมการรับมือกับมัน
พลังและค่าใช้จ่าย นี่คือสมการที่จอมเวทของทวีปเซียทุกคนต้อง เผชิญ ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มในด้านใดอีกด้านหนึ่งก็จะเปลี่ยนแปลงตาม ในสายตาของเบิร์กลีย์ ความแข็งแกร่งของอลิเซียอยู่ในระดับแก่นแท้ 4 ซึ่งแทบจะไม่มีค่าพอให้พูดถึง แต่ด้วยราคาที่มหาศาลและพลังทาง สายเลือด อลิเซียก็สามารถใช้คาถาเวทที่เกินระดับแก่นแท้ของตัวเอง ได้เช่นกัน
[คําสาบานแห่งการอุทิศ] คาถาเวทต้องห้ามที่จะดึงดูดคาถาเวทใน ขอบเขตที่กําหนดเข้ามาที่ตนเอง โดยทั่วไปแล้วมันเป็นคาถาเวทที่ใช้ใน การปกป้องคนสําคัญในตระกูล ทําให้มีจอมเวทไม่กี่คนที่สามารถใช้มัน ได้ในกองทัพ
ในอดีตคาถาเวทนี้มักจะถูกใช้โดยข้ารับใช้ผู้ภักดี เพื่อปกป้อง เจ้านายที่ตนสาบานว่าจะจงรักภักดีด้วย แม้ต้องแลกด้วยชีวิต อย่างไรก็ ตามไม่ว่าจะสําเร็จหรือไม่ ผลของคาถาเวทนี้จะนําความตายมาสู้ผู้ใช้ อย่างไม่ต้องสงสัย
ค่าใช้จ่ายมหาศาลย่อมหมายถึงพลังชีวิตที่ต้องสูญเสียไป และด้วย ที่พลังชีวิตของมนุษย์นั้นมีจํากัด ทําให้หลังจากใช้คาถาเวทต้องห้าม ไม่ ว่าจะเป็นผู้มีพลังเหนือธรรมชาติระดับสูงหรือทหารธรรมดา นี่คือ ขีดจํากัดของมนุษย์ แต่ในฐานะเจ้าของพลังสายเลือดหายาก อลิเซีย นั้นมีพลังชีวิตแทบจะไร้ขีดจํากัด
หลังจากแทงแขนแล้วปล่อยให้เลือดไหลออกมาก ราคาของพลัง ชีวิตก็ได้ถูกจ่ายไปจนครบ เธอเปลี่ยนนกสีขาวให้กลายเป็นเป้าหมาย ของ [คําสาบานแห่งการอุทิศ] หักล้างการโจมตีของเบิร์กลีย์ไปสู่ความ ว่างเปล่า
ควันและฝุ่นสลายไป เด็กสาวผมสีเงินเผยร่างของเธอขึ้นอีกครั้ง พร้อมกับสีหน้าอันตกตะลึงของเบิร์กลีย์ นับตั้งแต่การโจมตีอันรุนแรงนี้
ได้ถูกคิดค้นขึ้น ศัตรูที่ทรงพลังมากมายในสนามรบก็ได้ถูกสังหารอย่าง ไม่มีข้อยกเว้น ทําให้ดยุควัยกลางคนคิดไม่ถึงและแทบจะไม่เชื่อสายตา ว่าอลิเซียจะหลีกเลี่ยงการโจมตีนี้ได้ และส่งผลให้เขายกระดับการ ประเมินเธออีกครั้ง
“เด็กคนนี้…”
เบิร์กลีย์เบิกตากว้าง ก่อนจะถอนหายใจ แม้ว่าเขาจะทราบมานาน แล้วว่าตระกูลแอสคาร์ด เป็นตระกูลขุนนางที่มีฝีมือไม่ธรรมดาจน มักจะถูกเรียกว่าอัจฉริยะ แต่เขาก็ไม่ได้คิดว่าบุตรสาวบุญธรรมจะไปถึง ระดับนี้ได้
ความประหลาดใจแวบเข้ามาในหัวใจของเบิร์กลีย์ แต่ไม่นานนัก มันก็ถูกระงับด้วยประสบการณ์เจนศึกอันยาวนานของเขา จิตสังหาร อันที่รุนแรงปะทุขึ้นมาในตัวของเขา บอกให้ต้องรีบจัดการกับเด็กสาวที่ เป็นผู้บัญชาการของทัพศัตรู จิตวิญญาณแห่งการต่อสู้เริ่มลุกไหม้ขึ้นมา ในตัวของดยุค พร้อมลูกบอลน�าที่เปล่งแสงสีซีดสว่างไสวขึ้นอีกครั้ง อีก ด้านหนึ่ง นกสีขาวก็ปรากฏขึ้นทีละตัว เพื่อเตรียมรับมือกับการโจมตี นั้น ก่อให้เกิดความผันผวนทางกระแสพลังเวทอันยิ่งใหญ่
ทันทีที่เห็นผู้บัญชาการถูกโจมตี เหล่าอัศวินของตระกูลแอสคาร์ด ก็คํารามและเริ่มการจู่โจม ซึ่งในอีกด้านหนึ่งทหารม้าที่นําโดยตระกูล
ไซส์เองก็เช่นกัน ทั้งสองฝ่ายไม่มีใครยอมใคร เสียงทื่อๆ ดังขึ้นพร้อมๆ กันจากทั้งสองด้านของสนามรบ
คาถาเวทต่างๆ บนท้องฟ้ากระจายออกเป็นดอกไม้ไฟอันงดงาม ทั้งสองฝ่ายต่างพรากชีวิตของฝ่ายตรงข้าม กระสุนน�าและนกสีขาวบิน ไล่ตามกัน กองทัพขุนนางที่ทรงอํานาจที่สุดของทั้งสองอาณาจักรได้ ปะทะกันอย่างสมบูรณ์ ต่อสู้เพื่อเกียรติยศของตัวเองและอนาคตของ อาณาจักร
ภายในสนามรบอันวุ่นวายนี้ทุกคนต่างชิงไหวพริบกันอย่างไม่ ลดละ เบิร์กลีย์ไม่สามารถฝ่าการป้องกันของเหล่าอัศวินผู้มีพลังเหนือ ธรรมชาติระดับแก่นแท้ 3 จากตระกูลแอสคาร์ดเข้าไปสังหารอลิเซียได้ ส่วนอีกฟากอลิเซียก็ได้ใช้พลังเวทไปมากมหาศาลจนอัตราการฟื้ นฟู พลังงานชีวิตลดลงเหลือครึ่งหนึ่ง จึงไม่สามารถใช้คาถาเวทต้องห้ามได้ เต็มกําลัง ทําให้ทิศทางของสงครามก็กลับมาเป็นปกติในที่สุด เสียงดาบ กระทบกันพร้อมกับลูกธนูที่พุ่งไปมาทั่วสนามรบ
กลยุทธ์ของอลิเซีย คือสงครามการยืดเยื้อ และเธอเองก็ไม่ได้ชื่น ชอบการทําสงคราม สถานการณ์นี้จึงไม่ได้ราบรื่นเท่าไหร่นัก เพราะดู เหมือนว่าอีกฝ่ายจะมองกลยุทธ์ของเธอออก อีกทั้งอัศวินแห่งตระกูล ไซส์ก็ยังคงฮึดสู้อยู่ แม้ว่าจะผ่านศึกในช่วงกลางคืนมาแล้ว
ทางด้านเบิร์กลีย์ เมื่อเขาพบว่าตัวเองไม่สามารถสังหารอลิเซียได้ กลยุทธ์ของเขาก็ได้เปลี่ยนไปกัน
พลังเวทมหาศาลหลอมรวมกัน ทําให้เกิดความผันผวนขึ้นในสนาม รบ แสงสีซีดรอบๆ ชายวัยกลางคนสั่นไหว วินาทีต่อมา เขาก็เทมันไหล ไปตามฝ่ามือลงบนพื้นดิน พลังเวทอันบ้าคลั่งได้ทําลายโครงสร้างทาง ธรณีวิทยาที่อยู่ใกล้เคียงอย่างรวดเร็ว ราวกับธรรมชาติกําลังต่อสู้กัน เปลี่ยนแปลงสนามรบที่เหล่าทหารกําลังยืนอยู่