ทรราชตัวน้อย ไม่อยากพบจุดจบแบบ BAD END - บทที่ 515: อย่าทิ้งฉัน (1)
บนที่ราบ พายุโหมกระหน�าพร้อมกับสายฟ้าฟาดที่ผ่าลงมาจาก ท้องฟ้า ความผันผวนของพลังเวทมหาศาลระหว่างผู้มีพลังเหนือ ธรรมชาติ ทําให้เกิดผลเสียหายร้ายแรงต่อสภาพภูมิศาสตร์
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับกําปั้ นของกรันด้า กําแพงน�าก็ได้เปล่งแสงสี ฟ้าออกมา หมุนวนอย่างไม่มีที่สิ้นสุดเหมือนมหาสมุทร ทว่าวิธีการ เปลี่ยนแปลงระหว่างความนุ่มนวลและความแข็งแกร่งนี้ไม่มีผลต่อหน้า พละกําลังของราชายักษ์
แสงสีแดงเข้มหลอมรวมเข้ากับสายฟ้าและเปลวเพลิง ส่งผลให้ กําแพงน�าระเหยด้วยความร้อนระอุ ก้อนน�าด้านในระเบิดออกมาทีละ ก้อน วังวนน�าอันเชี่ยวกรากก็ระเหยกลายเป็นไอฝน ก่อนจะสลาย หายไปด้วยคลื่นกระแทก
ทหารที่ยืนอยู่ต่างปักดาบลงกับพื้น ยึดร่างของพวกเขาไว้เพื่อต้าน พายุ ม้ากระเด็นไปพร้อมต้นไม้ในป่าที่หลุดลอยไปด้วยผลของแรง กระแทก สนามรบอันวุ่นวายดูเหมือนจะกลายเป็นเพียงการต่อสู้ ระหว่างคนสองคน อย่างไรก็ตามการปะทะอันรุนแรงก็เกิดขึ้นได้ไม่นาน กําแพงน�าค่อยๆ พังทลายลงด้วยการโจมตีของกรันด้า ซึ่งเบิร์กลีย์ก็ได้ ถอยร่นออกไปในจังหวะนั้น
เนื่องจากต่อสู้มาเป็นเวลานานโดยไม่ได้พัก ดยุคแห่งตระกูลไซส์จึง ได้ใช้พลังเวทไปมหาศาล เขายืนยันตัวตนของโรเอลได้ในทันทีที่เห็น กรันด้า จึงเลือกที่จะเข้าปะทะกับเด็กหนุ่มผู้ใช้พลังของทวยเทพ
เรื่องที่โรเอลใช้พลังของเทพเจ้าได้ เป็นข้อมูลสําคัญที่แม้แต่เบิร์ กลีย์ก็ยังให้ความสนใจเป็นพิเศษ อย่างไรก็ตามมันเป็นสิ่งที่โรเอลตั้งใจ อยู่แล้ว เพราะเขาสังเกตเห็นว่าก่อนหน้านี้เบิร์กลีย์เล็งอลิเซียไว้เป็น เป้าหมาย เด็กหนุ่มจึงต้องการจะชนะสงครามครั้งนี้ด้วยการโค่นอีกฝ่าย ลงเสียก่อน
ไม่ต้องสงสัยเลยว่านี่คือตัวเลือกที่ถูกต้อง มันเป็นวิธีเดียวที่โรเอ ลจะพลิกสถานการณ์นี้ได้ด้วยตัวคนเดียว หากเป็นสถานการณ์ปกติ แล้ว เบิร์กลีย์อาจจะยอมรับการท้าทายปะทะกันไปตรงๆ ต่อ แต่ตอนนี้ ดยุคผู้มีชื่อเสียงนั้นกลับเลือกที่จะถอยร่นกลับไป อย่างไรก็ตามมันไม่ใช่ เพียงเพราะสภาพร่างกายที่เหนื่อยล้าของเขาเท่านั้น อันที่จริงตั้งแต่ การปรากฏตัวของโรเอล ระดับแก่นแท้ที่แตกต่างจากในข้อมูลที่ได้รับ จากหน่วยข่าวกรอง ได้กระตุ้นความกลัวในใจของเขา
ผู้มีพลังเหนือธรรมชาติระดับแก่นแท้ 3 และระดับแก่นแท้ 4 เป็น ตัวตนที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง หากเด็กหนุ่มผู้ชนะเลิศในศึกชิงถ้วยด้วย อายุที่น้อยที่สุดในประวัติศาสตร์คนนี้ไม่ได้รับการเลื่อนระดับแก่นแท้ เบิร์กลีย์ก็คงเต็มใจที่จะต่อสู้กับเขาด้วยร่างกายอันอ่อนล้า ทว่าทันทีที่ด
ยุคทราบว่าโรเอล แอสคาร์ดได้กลายเป็นผู้มีพลังเหนือธรรมชาติ ระดับสูงแล้ว สัญชาตญาณของเขาก็เตือนในทันทีว่าไม่ควรที่จะเสี่ยงสู้ ต่อไป
ความแตกต่างทางระดับแก่นแท้เพียงระดับเดียว สําหรับอัจฉริยะ ผู้โดดเด่นในหมู่คนนับไม่ถ้วน และได้รับรางวัลอันยิ่งใหญ่ ย่อมส่งผล มหาศาลในสนามรบ ข้อเท็จจริงนี้ทําให้เบิร์กลีย์ออกคําสั่งให้กองทัพ ตระกูลไซส์ถอยทัพในทันที
เหล่าทหารชั้นยอดที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างดีต่างประหลาดใจกับ เสียงแตรต�าที่ดังขึ้นมาจากแนวหน้า ถึงกระนั้นพวกเขาก็ทําตามคําสั่ง และเริ่มถอยทัพอย่างเป็นระเบียบ ท่ามกลางเสียงคํารามอันอึกทึกของ ราชายักษ์ กองทัพที่นําโดยตระกูลไซส์ก็ได้ถอยร่นกลับยังค่ายที่สร้าง ขึ้นด้วยกําแพงน�าอย่างรวดเร็ว จากนั้นน�าก็ไหลกระจัดกระจายออกมา ภายใต้การควบคุมของเบิร์กลีย์ เปลี่ยนพื้นดินที่เคลื่อนที่ได้ยากอยู่แล้ว ให้กลายเป็นโคลนมากขึ้น
“ตูม!” หลังจากทนแรงปะทะได้อยู่ราวๆ สองสามนาที กําแพงน�าเงินก็ พังทลายลงอย่างสมบูรณ์ สลายไปกลายเป็นไอภายใต้การโจมตีอย่าง ต่อเนื่องของกรันด้า ท่ามกลางสายฝนที่โปรยปรายลงมา โรเอลมองไป
ทางเบิร์กลีย์ที่ถอยร่นออกมาก่อนหน้านี้ และหลังจากที่ครุ่นคิดอยู่นาน เด็กหนุ่มก็เลือกที่จะไม่ไล่ตามกองทัพอีกฝ่าย
หลังจากผ่านการสู้รบอันดุเดือด ทําให้สภาพโดยรวมของกองทัพ ตระกูลแอสคาร์ดนั้นไม่พร้อมที่จะไล่ตามกองทัพศัตรู แม้ว่าการไล่ตาม อย่างเด็ดขาดในจังหวะนี้อาจจะสร้างความเสียหายให้กับกองทัพของ อีกฝ่ายได้ แต่มันก็เป็นการเสี่ยงโดยไม่จําเป็น ด้วยสภาพภูมิประเทศ ในตอนนี้ มันเป็นการยากที่พวกจะตามกองทัพของศัตรูได้ทัน อีกทั้ง กองทัพของตระกูลไซส์ยังเป็นทหารชั้นยอดที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างดี ทําให้การไล่ตามพวกเขาเหล่านั้นไปในจังหวะนี้เป็นสิ่งที่แม้แต่ผู้มีพลัง เหนือธรรมชาติระดับสูงก็ไม่อยากที่จะเสี่ยง
เด็กหนุ่มผมดํามองดูดยุคแห่งตระกูลไซส์ที่ยังคงเฝ้าระวังอยู่ไม่ไกล โรเอลก็อดไม่ได้ที่จะส่ายหัวและถอนหายใจให้กับไหวพริบอันแยบยล ของศัตรู ซึ่งก็สมกับเป็นกองทัพตระกูลไซส์ที่ได้รับการฝึกฝนมาเป็น อย่างดีจริงๆ
การถอยทัพนั้นไม่ใช่เรื่องยาก แต่ที่ยากก็คือการถอยทัพอย่างเป็น ระบบระเบียบภายใต้แรงกดดันมหาศาลของกรันด้า หากเป็นกองทัพ ทั่วๆ ไปแล้วล่ะก็ พวกเขาคงจะหนีตายกันอย่างกระจัดกระจายด้วย ความกลัวไปแล้ว เห็นได้ชัดว่าทหารเหล่านี้ล้วนเป็นบุคลากรชั้นยอด
โดยแท้จริง เทียบได้กับทหารของตระกูลแอสคาร์ด และเหนือกว่าทหาร ในกองทัพอื่นๆ นับร้อย
ด้วยภูมิประเทศที่กลายเป็นโคลน ทําให้ฝีเท้าของม้าศึกช้าลงไป มาก โรเอลจึงหันกลับไปทางกองทัพตระกูลแอสคาร์ด มองไปยังอลิเซีย ที่ยืนอยู่ไม่ไกล และแล้วในที่สุดความกังวลที่สั่งสมมาตลอดหลายวันมา นี้ของเด็กหนุ่มก็บรรเทาลง
—————————
ภายในป่าอันมืดครึ้ม โรเอลนั่งฟังเหล่าผู้บัญชาการของตระกูล แอสคาร์ดรายงานความสูญเสียของกองทัพ โดยมีอลิเซียยืนเช็ดแขนที่ เปื้ อนเลือดของเธอด้วยน�าตาอยู่ด้านหลัง
หลังจากที่กองทัพตระกูลไซส์ถอยทัพไป กองทัพตระกูลแอสคาร์ด ก็ออกจากสนามรบที่ค่อยๆ กลายเป็นหนองน�าเช่นกัน โรเอลเดินตาม กองทัพของเขาเข้าไปในป่า ตามถนนของเหล่าสัตว์อสูรอันคดเคี้ยวเข้า ไปในป่า จากนั้นทุกคนก็เริ่มตั้งค่ายชั่วคราวขึ้น
เด็กหนุ่มไม่คาดคิดเลยว่ากองทัพของเขาจะเลือกตั้งค่ายชั่วคราว ในป่าแห่งนี้ เพราะแม้แต่ผู้มีพลังเหนือธรรมชาติที่มีความสามารถ พิเศษเกี่ยวข้องกับการควบคุมสัตว์ก็ยังรู้สึกเกรงกลัวต่อป่าแห่งนี้ เห็นได้ ชัดว่าที่แห่งนี้ไม่ได้ถูกปกครองโดยมนุษย์ และแม้ว่าโรเอลจะกล้าเดิน
เข้ามาในป่านี้ แต่เขาก็ไม่เคยคิดที่จะพักผ่อนที่นี่ เพราะทั้งระดับแก่น แท้และพลังทางสายเลือดนั้นไม่มีผลในขณะที่เขาหลับ
ยิ่งไปกว่านั้น จากข้อมูลและสถานการณ์ที่เห็นผ่าน [อินทรีปีกเงิน] เมื่อคืนที่ผ่านมา ป่าแห่งนี้ดูเหมือนว่าจะมีสัตว์อสูรเจ้าถิ่นปกครองอยู่
สัตว์อสูรที่มีพลังมากพอที่จะต่อสู้กับผู้มีพลังเหนือธรรมชาติ ระดับสูงได้ มักจะกลายเป็นเจ้าถิ่น และสร้างความสัมพันธ์ที่คล้ายกับ การเป็นผู้ปกครองสูงสุดร่วมกับสัตว์อสูรต่างๆ ซึ่งสําหรับป่าแห่งนี้แล้ว มันคือกวางยักษ์แปดขา แน่นอนว่ามนุษย์นั้นไม่สามารถควบคุมสัตว์ อสูรได้ มากที่สุดก็คงมีแค่การร่วมมือเพื่อช่วยเหลือซึ่งกันและกันในบาง โอกาสเท่านั้น
การหวงแหนอาณาเขตเป็นสัญชาตญาณทางชีวภาพของสัตว์ป่า อย่าว่าแต่การตั้งค่ายในป่าเลย แค่ก้าวเข้ามาที่นี่ก็น่าจะเพียงพอแล้วที่ จะทําให้สัตว์อสูรเจ้าถิ่นไม่พอใจ หากไม่ได้โค่นให้พวกมันยอมจํานน โดยสมบูรณ์ มันก็แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่สัตว์อสูรจะยอมจํานนต่อ ใคร นี่ทําให้เด็กหนุ่มได้แต่สงสัยว่าอลิเซียพูดคุยกับพวกมันยังไงกันแน่ ผลลัพธ์ถึงได้ออกมาแบบนี้?
สําหรับคําตอบของคําถามนี้ โรเอลนึกไม่ออกเลยจริงๆ ว่าอลิเซีย ทําแบบนั้นได้อย่างไร ด้วยพัฒนาการของพลังทางสายเลือดและความ
แข็งแกร่งของเธอในตอนนี้ มันยิ่งดูเป็นไปไม่ได้เข้าไปใหญ่ มีคําถามที่ ตอบไม่ได้เพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆ แต่โรเอลก็ไม่ได้ใส่ใจกับมันมากเท่าไหร่นัก
หลังจากฟังรายงานของเหล่าผู้บัญชาการด้วยความอดทน โรเอลก็ แจ้งให้พวกเขารู้ว่ากําลังเสริมนั้นกําลังจะมาถึงในไม่ช้า ข่าวดีนี้ทําให้ ขวัญกําลังใจที่ตกต�าของเหล่าทหารที่ต้องเผชิญกับสภาพอัน ยากลําบากในวันนี้กลับมาสู่จุดสูงสุดอีกครั้ง ผู้บัญชาการค่อยๆ เดินก็ ออกจากค่ายประชุมไปทีละคน เมื่อคนอื่นๆ ทุกคนออกไปแล้ว โรเอลก็ หันกลับไปหาอลิเซียที่ยังอยู่ในค่าย